วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๑๗


Literature

โดย ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

ผู้คนที่ทยอยเข้าห้องรับแขกมีค่อนข้างมาก เพราะนอกจากจะเป็นคนในครอบครัวแล้ว ก็ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อนเจ้าของบ้าน ซึ่งสนใจอยากทราบเบื้องหลังเหตุการณ์นี้อยู่ไม่น้อย

มรรคาเข้ามาในห้องรับแขกคนแรก เขาพบแพรวานั่งอ่านหนังสืออยู่ก่อนจึงชะงักเท้า รอให้ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายเดินนำ

อ้าวแพร มาทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะ คุณธมเอ่ยทัก

หมดหน้าที่ของแพรแล้วนี่คะ ตอนนี้ปล่อยให้วงดนตรีเล่นจนจบ แพรก็หลบมานั่งพัก หญิงสาวตอบด้วยคำพูดธรรมดาที่สุด แต่มรรคากลับสะดุดใจ หญิงสาวไม่ได้ใส่ชุดเดิมที่อยู่บนเวที เส้นผมของหล่อนก็หมาดชื้น คล้ายเพิ่งเสร็จจากการสระและเช็ดผม

มีอะไรกันหรือคะคุณพ่อ พากันมาตั้งเยอะแยะ หญิงสาวชะโงกมองพร้อมกับยกมือไหว้เพื่อนบิดาที่หล่อนรู้จัก

อะไรบางอย่างสะกิดใจมรรคาให้เขาเพ่งลึกในดวงตาของแพรวา แล้วเขาก็ได้เห็นความว่างเปล่า เลื่อนลอยที่แฝงเร้นในแววตาหล่อน

เอาละ ทีนี้มีอะไรก็พูดกันได้แล้ว คุณธมเริ่มต้นพูด ตั้งใจเป็นคนไกล่เกลี่ยปัญหา

พลอยไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ ชิดก็ไม่ได้สึกหรออะไร พิสูจน์กันแค่นี้ก็รู้แล้วว่าหลานสาวของคุณพ่อคนนี้เป็นคนยังไง

...ทำไมเราต้องให้เขามายืนด่าอยู่ได้...ปีกแก้วถามตนเอง ขณะมองดูแต่ละใบหน้า หล่อนรู้ทันทีว่า นอกจากมรรคาแล้ว ไม่มีใครเชื่อคำพูดของหล่อนเลย

สำส่อน คุณฉัตรฉวีเชือดเฉือนด้วยคำพูด

คุณป้า!” เสียงของมรรคาเข้มและกร้าว คุณฉัตรฉวีกลับไม่รู้สึก มีแต่คุณสุณีที่แอบเบ้หน้า อึดอัดใจแทน

หรือว่าไม่จริง ผู้อาวุโสกว่าไม่ลดละ อย่าให้ฉันพูดเลยว่าเด็กคนนี้มันสำส่อนแค่ไหน ตาชิดนี่มันเรื่องเล็ก กับเธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ภายนอกบอกใครๆ ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ลับหลังเป็นยังไงฉันไม่อยากพูด

ฉัตรฉวี คุณธมตวาด หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที

ถ้าเป็นธรรมดาได้ยินคำพูดและน้ำเสียงเช่นนี้ คุณฉัตรฉวีเงียบไปนานแล้ว...แต่ยามนี้ คุณฉัตรฉวีกลับจ้องตอบสามีอย่างไม่ลดละ

คุณนั่นแหละหยุด คำพูดของคุณฉัตรฉวี ยังไม่มีประกาศิตเท่ากับแววตา...ในดวงตานั้น มีประกายฉายโชนทำให้คุณธมชะงักค้าง ร่างกายราวกับเป็นอัมพาต ไม่สามารถขยับเขยื้อนพูดจาได้

ฉันต้องพูด เรื่องนี้มันเป็นหนามยอกใจฉันมานานแล้ว มรรคาก็ได้ชื่อว่าเป็นหลานคุณ กับนังเด็กนั่น ก็ดูเหมือนพี่น้องกัน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก เป็นแค่เด็กที่ยายนวลแม่ของมรรคาเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น พ่อแม่ของเด็กผู้หญิงนี่ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร สมบัติพัสถานก็ไม่มีทิ้งให้ลูก สมแล้วล่ะที่ลูกมันระริกนัก เห็นว่าสมบัติของทัตน้องคุณธมเขาเยอะนี่ ก็เลยคิดจับมรรคา แล้วก็สำเร็จเสียด้วย งามหน้าไหมล่ะ คุยว่าเป็นพี่น้องกันแต่กลับเล่นเป็นผัวเมีย เท่านั้นไม่พอ มันดันเกิดพลาดมีเด็กขึ้นมา ก็เลยต้องไปเอาพยานบัดซบของมันออกล่ะสิ...นี่ถ้าไม่ใช่คนรู้จักสนิทสนมกับฉันมาบอก จ้างให้ฉันก็ไม่เชื่อ

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มรรคาโกรธอย่างที่สุด โกรธจนทั้งร่างสั่นระริก ลำคอตีบตัน ไม่อาจกล่าวคำพูดโต้เถียง และโกรธจนคิดว่า ถ้าฆ่าคุณฉัตรฉวีเสียเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่อาจลดทอนความโกรธของเขาลงได้

ที่จริงฉันก็ไม่อยากพูด แต่มรรคามันดันใช้นามสกุลเดียวกับฉัน นี่ยังดีนะที่นังเด็กนั่นใช้นามสกุลของพ่อแม่มัน ไม่งั้นฉันคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มรรคาเองก็ใช่ว่าเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ จะหาผู้หญิงสักกี่คนก็ได้ แต่ทำไมถึงมาเลือกเอาเด็กในบ้านก็ไม่รู้...ไม่แน่นะ พ่อแม่มันตายไปตั้งหลายปี ไม่มีผู้ใหญ่ดูแล มันอาจมีอะไรกันตั้งแต่นังเด็กนั่นนมยังไม่ตั้งเต้าก็ได้็น็น

...โกหก...โกหกที่สุด ปีกแก้วร่ำร้องอยู่ในใจ แต่ความปวดร้าวเสียใจ ทำให้หล่อนเหมือนหุ่นตายซาก พูดอะไรไม่ออก...ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยคิดว่าจะต้องได้เจอกับความน่ากลัวจากปากคนถึงขนาดนี้ เรื่องไม่จริงทั้งนั้น แต่เขากลับพูดเป็นจริงเป็นจังได้ และดูท่าทางคนฟัง จะเชื่อคำโกหกชนิดไม่มีมูลความจริงจากคุณฉัตรฉวีเสียด้วย


ความโกรธของมรรคาเกินขีดสูงสุด ร่างเขาหายสั่นสะท้าน ลำคอโปร่งโล่ง แต่แววตาดุร้ายยิ่งกว่าเสือบาดเจ็บ เพลิงโกรธลุกโพลง สามารถเผาโลกทั้งโลกให้กลายเป็นจุณในพริบตา

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงเครียด ลุกขึ้นยืนเต็มร่าง สายตาคมกราดมองใบหน้าทุกคน ไม่เว้นกระทั่งผู้ใหญ่ที่เขาเคยนับถือ เขาพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่กระทั่งตนเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน

ผมไม่ถามล่ะครับ ว่าทุกคนเชื่อคำโกหกของป้าผมไหม และไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะต้องมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ความจริง เรื่องที่เราเริ่มพูดกันมันไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ในเมื่อคุณป้าผมเขาอยากเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นละก็...ได้ครับ...ผมเล่นด้วย

นัยน์ตาเขาพุ่งแน่วยังคุณฉัตรฉวีและชิดชนะ

ถ้าผมกับปีกแก้วจะมีอะไรกัน จนเลยเถิดถึงขั้นมีลูกละก็...รับรองว่าผมไม่มีทางเอามันออกแน่นอน เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริง มันก็มีเพียงเหตุผลเดียวคือ ความรัก ถ้าแก้วรักผมและผมก็รักเธอ มันก็แค่เรื่องของเราสองคน ไม่เกี่ยวกับใคร ต่อให้เรามีลูก ผมก็มีปัญญาเลี้ยงลูกของผม และเลี้ยงได้อย่างดีที่สุดด้วย

มรรคาฉุดปีกแก้วให้ลุกขึ้น โอบหล่อนไว้ในวงแขน เด็กสาวกะปลกกะเปลี้ยแทบยืนไม่อยู่ นัยน์ตาเขายิ่งทอประกายดุดัน

ที่จริงผมกับแก้วไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลย แต่ก็ต้องขอขอบคุณป้ามากที่ช่วยชี้ทางให้ สมัยนี้ผู้หญิงดีๆ หายากเสียด้วย ถ้าผมจับพลัดจับผลู ได้เมียอย่างคุณป้าขึ้นมาละก็ คงซวยไปทั้งชาติ

ทั้งคู่เดินจากไปท่ามกลางความงุนงงของผู้อาวุโสทั้งหลาย ความลังเลสงสัยเกิดขึ้นในใจทุกคน ต่างคนต่างมองหน้ากัน...ไม่มีคำตอบ

ลับร่างมรรคาและปีกแก้วห้องยิ่งเงียบกว่าเงียบ ทันใดนั้น คุณฉัตรฉวีก็ชักกระตุกล้มพับ ตามด้วยชิดชนะและแพรวา


ปีกแก้วไม่รู้ว่าตนเองเข้ามานั่งในรถได้อย่างไร หล่อนรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจยาวของมรรคา ชายหนุ่มหันมามองหล่อนด้วยแววตาอาทรดังเดิม และลึกลงไปมีความเจ็บปวดที่ยากจะผสานแฝงอยู่

พี่หิวข้าวจังเลย น้ำเสียงเขาอ่อนโยนดังเคย ไปหาอะไรกินกันดีจ๊ะ

เด็กสาวมีเพียงแววตาว่างเปล่าให้แก่เขา

มรรคาพยายามสะกดกลั้นความรวดร้าวใจ ยิ้มให้หล่อน ด้วยรอยยิ้มเอาใจที่สุด เท่าที่ พี่มัค เคยมีให้ปีกแก้ว

เรานัดกันแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ...เอาน่าไปหาอะไรกินกันหน่อย แก้วอยากกินอะไร บอกพี่สิ

ปีกแก้วมองรอยยิ้มและซึมซับความอาทรของเขาไว้เต็มหัวใจ อยากกอดและร้องไห้กับอกของมรรคาให้สมกับความเสียใจ แต่คำพูดของคุณฉัตรฉวี เป็นเหมือนการฉีกภาพความสัมพันธ์อันดีงามของหล่อนกับเขาเสียสิ้น จากนี้ต่อไป มรรคาไม่ใช่ พี่มัค สำหรับหล่อนอีกแล้ว

อะไรก็ได้ค่ะ เด็กสาวฝืนใจตอบ เสียงห่างเหิน ไม่เกินกระซิบ

มือที่จับพวงมาลัยเกร็งแน่น และคลายลงด้วยความอ่อนใจ นัยน์ตาเขาแลเลยจากเด็กสาวไปสู่ความมืดเบื้องหน้า สตาร์ทรถ และขับออกไปอย่างช้าๆ

หากเขาสามารถหันกลับมามองถนน หลังรถแล่นผ่าน เขาจะได้เห็น...เงาดำสูงตระหง่าน ยืนค้ำด้วยท่าทางยินดี ริมฝีปากซีดแห้งกำลังแสยะยิ้มอย่างลำพอง...เสียงหัวเราะกระหึ่มแทรกซึมทั่วบรรยากาศ

เหอ...เหอ...ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า


คนที่บอกว่าหิวข้าวกลับนั่งมองอาหารอย่างเฉยเมย ส่วนคนที่ กินอะไรก็ได้ ก็เพียงนั่งละเลียดอาหารด้วยท่าทางคล้ายหุ่นยนต์

ขอเบียร์ที่นึง มรรคาสั่งต่อบริกรก่อนหยิบบุหรี่ออกมา พี่ขอสูบบุหรี่นะจ๊ะ รำคาญมั้ย

เด็กสาวได้แต่ส่ายหน้า

มรรคาสูบบุหรี่เหมือนเป็นการหาอะไรทำ แทนการนั่งเฉยๆ หรือรับประทานอาหารซึ่งยากจะฝืนกิน ท่าทางของปีกแก้วเปลี่ยนไป เขาเข้าใจ...แต่ในเวลานี้ ควรจะพูดคุยเพื่อปรับความรู้สึกแก่กันให้เป็นดังเดิมมากกว่า...ไม่ใช่หรือ

จะเหมือนเดิมหรือไม่...? ชายหนุ่มถามตนเอง วาจาของคุณฉัตรฉวี แม้จะเป็นเท็จทั้งสิ้น แต่มันทำให้ใจของปีกแก้วขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี อีกทั้งยังสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปีกแก้ว

เบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มยกขึ้นจิบ นัยน์ตาสบกับเด็กสาวที่กำลังมองเขาอย่างกึ่งกล้ากึ่งขลาดกลัว

แก้วมีเรื่องอยากขอร้องค่ะ เด็กสาวรวบช้อน ทำใจกล้าพูดกับเขา

มรรคาวางแก้วเบียร์และขยี้ก้นบุหรี่บนจานรอง

พี่มัคอย่าโกรธแก้วนะคะ คำขอร้องยังไม่ออกจากปาก แต่ความหวั่นเกรงในอารมณ์ของเขาก็พลุ่งขึ้น

จ้ะ เขารับคำ

เทอมหน้า แก้วอยากไปอยู่หอ

มรรคากำมือแน่น สะกดอารมณ์ แววตาเข้ม

แก้วแคร์...คำโกหกนั่น...ถึงขนาดนี้หรือ เขาพยายามพูดช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นการตะโกน

ถึงจะเป็นคำพูดโกหก แต่บางเรื่องมันก็ชวนให้ใครๆ เชื่อได้นะคะ

เรื่องอะไร...พี่ว่ามีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นถึงจะเชื่อคำพูดแก เขาพูดอย่างขัดใจ

เรื่องที่แก้วมีแต่ตัวเปล่าๆ แล้วหวังจะมาเกาะพี่มัคน่ะสิคะ เด็กสาวนิ่งอยู่นาน กว่าจะยอมพูดประโยคนี้

บ้าสิ เสียงเขาเน้นลอดไรฟัน ทำไมเราต้องแคร์ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แค่เราบริสุทธิ์ใจก็พอแล้ว

ปีกแก้วก้มหน้า ไม่พูดอะไรต่อ มรรคายกเบียร์ดื่มจนหมด นึกอยากสั่งเพิ่ม แต่ก็สงสารใบหน้าเซียวๆ ที่ก้มงุดอยู่เบื้องหน้า

พี่ไม่ให้แก้วไปไหนทั้งนั้น เขาพูดในที่สุด

ตลอดการเดินทางกลับบ้าน คนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงัน มีคำพูดมากมาย ต่างเก็บไว้เพียงในใจ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก กลัวอีกฝ่ายจะสะเทือนใจ


บ้านทั้งหลังเงียบยิ่งกว่าเงียบ มีเพียงดวงไฟหน้าบ้านเปิดสว่าง ป้าแฉล้มกับเจ้าชัยยังอยู่ที่บ้านคุณธม อาจกลับดึกกว่านี้ ไม่ก็เช้าไปเลย มรรคาไขประตูเข้าไปเปิดไฟในบ้าน มองเด็กสาวที่เดินตามอย่างคนไร้วิญญาณ

ดื่มอะไรหน่อยมั้ยจ๊ะ เขาถามอย่างเอาใจ ปีกแก้วหันมาฝืนยิ้มให้

แก้วง่วงแล้วค่ะ

มรรคาขบริมฝีปาก พยักหน้าอย่างจำยอม พร้อมกับเดินตามเด็กสาวไปส่งถึงหน้าห้องนอน

ปีกแก้วเปิดประตูค้างไว้แล้วหันมาบอกเขาสั้นๆ

ขอบคุณค่ะ

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุก ต่อแต่นี้เขาไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้าไปในห้องหล่อนอีกแล้วหรือไร

พี่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เขาซุกมือไว้ในกระเป๋า พูดโดยไม่กล้าสบตาเด็กสาว แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่า แก้วกำลังคิดอะไร...นอกจากคำพูดของป้าเลวๆ แล้ว แก้วยังโกรธที่พี่พูดโต้ตอบพวกเขาไปหรือเปล่า หรืออาจโกรธที่พี่ไม่รับปากคำขอร้องของแก้ว...พี่ก็ไม่รู้

ชายหนุ่มหยุดพูด ท่าทางอึดอัดไม่ผิดยาม พี่มัค ง้องอนน้องน้อย

แต่ถึงยังไง...พี่ก็ต้องขอโทษด้วย

ประตูปิดลงแล้ว มรรคายังยืนอยู่หน้าห้องอีกเนิ่นนาน นัยน์ตาเหม่อมองประตูที่ปิดกั้นระหว่างตนกับเด็กสาว บางที...ประตูใจที่ปีกแก้วผนึกไว้ยังจะดูหนาแน่นเสียกว่า

เมื่อประตูปิด ปีกแก้วก็ยังยืนมองบานประตูไม่ผิดจากมรรคา ทั้งยังเนิ่นนานกว่า...คนทั้งสองมองประตูบานเดียวกัน แต่กลับไม่มีฝ่ายใดยอมเปิดออกมา...เด็กสาวยืนนิ่งอยู่นาน จนได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไป ตามด้วยเสียงเปิดประตูหน้าบ้านและเสียงสตาร์ทรถ

หลังจากมรรคาออกไป บ้านยิ่งเงียบเหงา วังเวง ตาข่ายแห่งความหม่นหมองทอดคลุมบ้านเอาไว้จนไม่มีที่หลีกหนี...แล้วน้ำตาก็ไหลรินผ่านแก้มของปีกแก้วช้าๆ


พันเกลียวกำลังฝัน ในฝันหล่อนตกอยู่ ณ ดินแดนอันมืดมิด แต่หล่อนก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับหล่อน มีความทุกข์แสนสาหัส กำลังเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟัง มันเป็นเรื่องราวความรักที่น่าหดหู่ใจ

น่าอายไหม ที่ข้าเป็นฝ่ายทุ่มเทความรักแต่ผู้เดียว โดยหารู้ไม่ว่า บุคคลที่ข้าหลงรักนั้น สูงส่งเกินกว่าข้าจะเอื้อมถึง

พันเกลียวไม่เป็นใบหน้าผู้เล่า แต่จากน้ำเสียงหล่อนก็รู้ว่าใคร

เขาจากไป ข้าได้แต่รอคอย ความทุกข์กัดกร่อนใจจนผมหงอกขาวโพลน แต่น่าอนาถ ที่ความรักของข้านั้นไม่มีวันสมหวังได้

กะพ้อ เป็นเสียงของพันเกลียว ข้าอยากเห็นนักว่าทิชาเทพที่เจ้ารักมีคุณความดีเพียงใด มีความงดงามปานไหน เจ้าถึงงมงายรักเขาถึงขนาดนี้

หญิงสาวไม่รู้ว่าประโยคเหล่านี้หลุดออกไปได้อย่างไร

ถ้าเจ้ามีความรัก เจ้าจะไม่คิดหรอกว่า บุคคลนั้นจะดีหรือเลว งดงามหรืออัปลักษณ์ เจ้ารู้แต่เพียงว่า ทุกสิ่งที่เจ้ามีล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น ให้ได้ทั้งหมดแม้ชีวิต วิญญาณ เพียงหวังให้เขาไยดีเจ้าแม้สักเพียงเสี้ยวใจ

ความรักช่างน่ากลัวนัก พันเกลียวพูด

แต่ข้าก็ยินดีเผชิญกับความน่ากลัวนั้น กะพ้อยืนยันหนักแน่น

ตลอดคืน พันเกลียวจำได้ว่า มันเต็มไปด้วยการพูดคุย สนทนากันถึงเรื่องความรักและการรอคอย ความทุกข์ใจของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งหัวใจถูกบรรจุด้วยความรักที่รวดร้าว ความเจ็บปวดที่ตนเองยินยอมน้อมรับ

และน่าแปลก ที่น้ำตาของพันเกลียวหลากไหลลงมา น้ำตาที่ไม่เคยสัมผัสแก้มหล่อนมานานนับสิบปี หล่อนไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่า เพราะเหตุใด...หล่อนเห็นใจ หรือเวทนาวิญญาณดวงนั้นกันแน่


มรรคากลับถึงบ้านในเวลาค่อนรุ่ง เขาแปลกใจที่เห็นเจ้าชัยมาเปิดประตูให้ตามหน้าที่ พอรถเคลื่อนผ่านประตูเขาจึงไขกระจกลงถาม

กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะชัย

เมื่อคืนครับ ดึกโขเหมือนกัน เจ้าชัยตอบ

มายังไงกันล่ะ

ป้าแกให้ผมเรียกแท็กซี่ครับ

อ้าว...บ้านนั้น เขาไม่เอารถมาส่งหรือ เขาสงสัย ธรรมดาลุงธมไม่ใช่คนแล้งน้ำใจต่อลูกจ้าง

ก็คงจะเอามาส่งอยู่หรอกครับ ถ้าป้าแกไม่ไปทะเลาะกับแม่ครัวที่นั่นก่อน เจ้าชัยตอบ ท่าทางมีเรื่องอยากพูดมากกว่านี้

มรรคาขมวดคิ้ว คิดว่าพอจะเดาเรื่องได้บางส่วน

ชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน พอดีเห็นแม่บ้านใหญ่เตรียมยกกาแฟร้อนออกมาจากห้องครัว

ชงกาแฟให้ใครล่ะป้า เขาถาม

ให้คุณนั่นแหละ ดื่มเหล้ามาใช่ไหมคะ

ขอบใจนะป้า เขารับกาแฟ จงใจไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย ทำไมตื่นเช้านัก เมื่อคืนกลับดึกไม่ใช่หรือ

ค่า...ป้าแฉล้มจงใจลากเสียงยาว กลับดึกจริง แต่มาแล้วนอนไม่หลับ คนมันโมโห ก็พอดีต้องตื่นมาส่งคุณแก้วด้วย

มรรคาชะงัก วางถ้วยกาแฟในมือ

แก้วไปไหน คำถามสั้น แต่ไม่อาจปกปิดความร้อนใจ

คุณก็ทำเป็นจำไม่ได้ ป้าแฉล้มแกล้งบ่น เธอก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ น่ะสิคะ เธอว่าขออนุญาตคุณไว้ตั้งหลายวันแล้ว

ชายหนุ่มครุ่นคิด...จริงสิ...จำได้ว่าปีกแก้วเคยบอกเขาว่าจะขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หลังสอบเสร็จ แต่เขาไม่ทันนึกว่าเป็นวันนี้

ป้าว่าให้เธอไปเที่ยวพักผ่อนบ้างก็ดีค่ะ ทิ้งเรื่องน่าบัดสีเพราะปากคนไว้ข้างหลังนั่นแหละ

ป้าก็รู้เหมือนกันหรือ มรรคาจิบกาแฟ ใจเย็นลง

ค่ะ ก็อีนังแม่ครัวมันเอามาพูด...มันว่าคุณนายฉัตรฉวีแกประกาศออกปาวๆ ลั่นห้องรับแขก ใครๆ ก็ได้ยิน

ชายหนุ่มหน้าเคร่ง ไม่พูดอะไร

ทีแรกป้าก็อธิบายกับพวกในครัวนั่นแหละค่ะว่า มันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น คุณกับคุณแก้วจะไปมีอะไรกันได้ยังไง ป้าเป็นพยานได้ทั้งคน แต่นังแม่ครัวมันว่าป้าตอแหล เขาข้างเจ้านาย ป้าเลยฉุนขาด ด่ามันซะ เท่านั้นแหละคุณ ครัวแตกกระเจิงเลย

กาแฟหมดถ้วย มรรคาลุกขึ้น...

ฉันไปนอนก่อนนะป้า ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย พูดจบเขาก็หันหลังเดินขึ้นบันได

คุณมัคคะ เสียงอ่อนโยนของป้าแฉล้มทำให้เขาหันกลับมามอง

อย่าคิดมากนะคะ ความจริง มันต้องเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ

มรรคาพยักหน้า แม้จะไม่มีรอยยิ้ม หรือคำขอบคุณ แต่ดวงตาของเขาก็สื่อความหมายจากใจได้ชัดเจน

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP