วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เร้น ๑๘



Ren



ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

 



            ภาพในหัวมีนาปรากฏภาพเป็นช็อตเหตุการณ์สั้น ๆ หญิงสาวต้องนำมาปะติดปะต่อเอง เพื่อเข้าใจเรื่องราวภาพรวมทั้งหมด

            ภาพแรกมีนาเห็นผ่านความทรงจำปกป้อง...ภาพบ้านดาวัน

            ‘บ้านดาวัน’ เป็นบ้านเด็กกำพร้าที่ความเป็นอยู่สุขสบายตามอัตภาพ แบ่งเขตชายหญิงชัดเจน มีพี่เลี้ยงผู้ดูแลควบคุมระเบียบวินัย อบรมสั่งสอน เพื่อออกไปสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ

            เด็กชายปกป้องเป็นเด็กโตในฝั่งผู้ชาย ซึ่งอีกไม่นานก็จะได้ย้ายไปอยู่หอพักวัยรุ่น เพื่อเข้าเรียนระดับอาชีวะแทนมัธยมปลาย จะได้มีวิชาชีพเลี้ยงดูตัวเองต่อไป

            ความที่เป็นเด็กโต อยู่ในระเบียบวินัยมาตลอด ไม่มีพิษมีภัยกับใคร อีกทั้งพวกพี่เลี้ยง ผู้ใหญ่ใช้งานง่าย จึงมีหน้าที่ช่วยงานหนักในบ้านดาวันฝั่งเด็กหญิงด้วย

            เด็กชายสนิทสนม รักเอ็นดูส้มน้อยเป็นพิเศษ เพราะแม่หนูตัวเล็ก มักโดนเพื่อนรังแกเอาเปรียบประจำ เขาจึงคอยปกป้อง คุ้มครองเธอเสมอ

            สามวันก่อนปกป้องไปช่วยงานบ้านเด็กหญิง ไม่พบส้มน้อย จึงถามพี่เลี้ยง และได้คำตอบว่าส้มน้อยไม่สบาย ไปโรงพยาบาล เขาจึงตั้งใจไปเยี่ยม เพราะโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลบ้านดาวันนัก พี่เลี้ยงบอกไม่จำเป็นส้มน้อยป่วยไม่มาก พรุ่งนี้ก็กลับมาแล้ว

            ทว่า...วันต่อมาเด็กชายได้รับข่าวน่าตกใจ...ส้มน้อยเสียชีวิต ศพถูกบริจาคให้โรงพยาบาล เด็กในบ้านไม่มีโอกาสพบหน้าร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย

            ปกป้องไม่ใช่เด็กฉลาด หน้าตาอาจดูซื่อ ๆ โง่ ๆ แต่เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อน มีสมองรู้จักคิด เขาจึงรู้สึกว่ามันผิดปกติ

            เด็กกำพร้าบ้านดาวันไม่ค่อยมีใครเสียชีวิต แต่ถ้ามีก็จะได้รับการฌาปนกิจ บำเพ็ญกุศลตามประเพณีอย่างเรียบง่าย ให้เด็กคนอื่นร่วมไว้อาลัย สั่งลาหนึ่งคืนก่อนเผา

            เด็กชายซักถามพวกพี่เลี้ยงถึงความผิดปกตินี้ ได้รับคำตอบว่า ทางโรงพยาบาลทำเรื่องขอศพส้มน้อยไว้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งทางผู้อำนวยการบ้านดาวันไม่ขัดข้อง จึงยอมให้ไป

            คำตอบที่ได้รับไม่ทำให้ความสงสัยหายไป ปกป้องแอบหนีออกจากบ้านดาวัน ตรงไปยังโรงพยาบาลที่เขารู้จักดี เพราะมันอยู่ไม่ไกลนัก เด็กกำพร้าทุกคนต้องมาตรวจร่างกาย รักษาพยาบาลที่นี่ประจำอยู่แล้ว



            ภาพต่อมา มีนาเห็นมันจากความรู้สึก ความทรงจำส้มน้อย

            เพดานขาว หลอดไฟสว่าง กลิ่นยาฉุนชวนเวียนหัว ถุงน้ำเกลือต่อสายห้อยกับเสาเหล็ก บุรุษพยาบาลชุดขาวมาฉีดยาอะไรบางอย่าง ส้มน้อยรู้สึกร่างกายหลับแต่หูได้ยินเสียงชัด

            “คุณหมอมาหรือยัง”

            “ยังเลย...ตอนนี้หมอติดคนไข้อยู่ที่คลินิกงามพิศ”

            “เอายังไงดี อีกไม่นานยาจะหมดฤทธิ์แล้วนะ”

            “เสียดาย...น่าจะให้หมอคนอื่นมาจัดการได้...แค่ทำให้เด็กมันโคม่าเป็นเจ้าหญิงนิทราเท่านั้นเอง”

            “คิดว่าหมอคนอื่นเขาจะยอมทำเรื่องแบบนี้หรือไง”

            “แหม...เงินทั้งนั้นเลยนะ ทำไมจะไม่เอา”

            “เงินที่เสี่ยงกับคุกตารางน่ะ ไม่มีหมอคนไหนเขายอมหรอก”

            “แต่หมอ...” ยังไม่ทันเอ่ยชื่อแพทย์ผู้จะทำให้ส้มน้อยโคม่า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

            เสียงรับสาย ตามด้วยวาจารับคำ...ครับ...ครับ...สองสามครั้งก่อนวางสาย

            “หมอบอกให้พาเด็กไปคลินิกงามพิศเลย เพราะเดี๋ยวที่นี่จะส่ง ‘สินค้า’ ด่วนไปให้แกชำแหละอยู่แล้ว หมอขี้เกียจไป ๆ มา ๆ”

            ส้มน้อยถูกยกใส่รถเข็น ปลดสายน้ำเกลือออก ผ้าขาวคลุมยาวปิดทั้งตัว รถเข็นเลื่อน เสียงล้อดังกึกกึกกึก รถมีอาการสั่นโคลง ครู่หนึ่งจึงหยุด รถเข็นถูกพับยกขึ้นรถตู้โรงพยาบาล

            เด็กหญิงรู้สึกตัวตลอดเวลา เพียงแต่ไม่สามารถขยับร่างกาย แม้ไม่เข้าใจความหมายในเสียงสนทนา แต่รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี ร่างกายถูกโยกย้ายไปมาทำให้หัวใจดวงน้อยหวาดกลัว ไม่รู้ชะตากรรมตนเอง

            ความกลัวเร้นลึกผุดขึ้นมา บุรุษพยาบาลจะพาเธอไปไหน หมอจะทำอะไรกับเธอ ส้มน้อยจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ เด็กหญิงอยากร้องไห้ แต่น้ำตาไม่ไหล อยากกรีดร้องดิ้นรน ร่างกายก็ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง นอนนิ่งเป็นท่อนไม้ไม่ต่างจากศพ ๆ หนึ่ง มีเพียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วภายในบอกว่า...เธอยังมีชีวิตอยู่



            ภาพที่สาม ผ่านความทรงจำปกป้อง เขาแอบได้ยินเสียงสนทนาของบุรุษพยาบาล ยังไม่ทันหาวิธีช่วยส้มน้อย ร่างของเธอก็ถูกพาขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว

            คลินิกงามพิศอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลนัก นั่งรถไม่เกินสิบนาทีก็ถึง โชคดีที่มี ‘ใคร’ บางคนซึ่งมีนาเห็นหน้าไม่ชัด ผ่านมาให้ปกป้องอาศัยนั่งรถไปด้วย เด็กชายจึงตามไปที่คลินิกแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

            เมื่อมาถึงคลินิกงามพิศ สถานที่ใหญ่โต กว้างขวาง เคยเห็นเฉพาะด้านนอก ถึงจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้คร่าว ๆ จากคนที่ขับรถมาส่งแล้ว เด็กชายก็ยังงุนงง ไม่รู้จะตามหาอย่างไร

            เกือบโดน รปภ.จับโยนออกมาข้างนอกแล้ว โชคดีหลบมาห้องเก็บของด้านหลังทัน

            ที่นั่นปกป้องมองเห็นเงาหลังผู้ชายร่างท้วม ผิวเป็นสีเทา ลักษณะกิริยาคล้ายต้องการนำทางไปหาส้มน้อย

            ปกป้องรู้ว่านั่นไม่ใช่มนุษย์!

            เด็กชายไม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะตนก็เคยพบ ‘ผู้อยู่ต่างภพ’ ที่บ้านดาวันเป็นประจำ ‘ผี’ ที่นั่นน่าสงสาร ไม่เคยหลอกหลอนให้ปกป้องกลัวเลยสักครั้ง หนำซ้ำยังเคยแนะนำ ช่วยเหลือเด็กชายด้วยซ้ำ

            พอเห็นว่ามี ‘ผี’ นำทางอย่างนี้ ปกป้องก็คลายใจ มั่นใจว่าตนเองน่าจะช่วยส้มน้อยได้

            มีนามองผ่านความทรงจำเด็กชายก็จดจำได้แม่นว่าเงาหลังสีเทานั้นคือวิญญาณเสี่ยหมง!



            ภาพที่สี่ มีนาเห็นผ่านความทรงจำส้มน้อย

            ห้องที่ส้มน้อยนอนอยู่ตอนนี้เย็นเฉียบ หนาวยะเยือกเสียดกระดูก เสียงกึกกึกกักกักดังอยู่ใกล้หู ใกล้จนดูคล้ายห่างกันแค่คืบเดียว

            ส้มน้อยไม่สามารถลืมตา ในหัวเธอกลับมองเห็นภาพชายกลางคน ผมสองสี ใบหน้าหมอง เศร้าแบบแปลก ๆ กำลังยืนอยู่ข้างเตียง มองเธอด้วยแววตาหม่นปนสมเพช

            “ตื่นสิ...อีหนู...ตื่นเร็ว ๆ” เสียงแหบพร่าของแกร้องเรียกส้มน้อย

            “รีบตื่นมา...ไม่งั้นเอ็งจะเป็นเหมือนลุงนี่!” คราวนี้แกก้มหน้ามาใกล้ ตะโกนก้อง ส้มน้อยมองเห็นดวงหน้าสีเทา เหี่ยวย่น ดวงตากลวงลึกน่ากลัว จ้องมาเหมือนข่มขู่ เร่งเร้า

            เด็กหญิงลุกพรวด ลืมตาโพลงอย่างลืมตัว

            “เฮ้ย...อะไรวะ” เสียงดังจากบุรุษพยาบาลชุดขาว

            ส้มน้อยหันไปมองข้างกาย ดวงตาเบิกโพลงแทบหลุดจากเบ้า เมื่อมองเห็นที่มาของเสียงกึกกึกกักกักน่าประหลาดนั้น

            คุณลุงที่เธอเห็นในหัวเมื่อครู่นอนอยู่เตียงข้าง ๆ นี่เอง ดวงหน้าเหี่ยวย่น ผิวซีดเผือดปราศจากสีเลือด นัยน์ตาปิดสนิท ไม่ได้กลวงลึก จ้องเธออย่างน่ากลัวอีกแล้ว

            ร่างของลุงนอนเปลือย หน้าอกถูกผ่าออกมองเห็นกระดูกทรวงอกแบะแยก ตับ ปอด หัวใจถูกตัดออกมาใส่ถังเก็บด้านข้าง เหลือเป็นโพลงกลวงแดงฉาน กระดูกซี่โครงขาว น่ากลัว น่าสยดสยองที่สุดเท่าที่เด็กวัยแปดขวบเคยเห็น

            “กรี๊ด...กรี๊ด...กรี๊ด” ส้มน้อยหลับตากรีดเสียงร้องดังลั่นด้วยความหวาดกลัวที่สุดในชีวิต

            ความวุ่นวายเกิดขึ้นในห้องนั้นทันที

            “ฉิบหายแล้ว เด็กตื่นมาได้ยังไง” เสียงดุ ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น

            “ไม่ทราบครับคุณหมอ ยาสลบอาจหมดฤทธิ์” คำตอบฟังดูเกรง ๆ

            ส้มน้อยพยายามดิ้นรน ขยับลงจากเตียง แต่ร่างกายอ่อนล้า เรี่ยวแรงไม่มีเหลือเลย

            “จับเด็กไว้สิเว้ย มันจะหนีแล้ว” เสียงดุสั่งมาอีก

            เด็กหญิงรู้สึกถึงข้อมือแข็งแรงจับร่างเธอกดให้นอนลงบนเตียงอย่างเดิม

            “อย่าทำหนู อย่าทำหนูเลย...หนูกลัวแล้ว” เด็กหญิงดิ้นรนร่ำร้องโหยหวนน่าสงสาร

            “เฮ้ย...ทำให้เด็กมันเงียบเสียงหน่อย” เสียงดุสั่งมาอีก ไม่มีความเมตตาในวาจานั้น

            ผ้ามาอุดปาก ส้มน้อยสะบัดสุดแรง รวบรวมกำลังเพื่อเอาตัวรอด

            “หนูกลัวแล้ว หนูอยากกลับบ้าน อย่าทำหนูเลย...ฮือ...ฮือ...หนูอยากกลับบ้าน” เสียงร่ำร้องปนสะอื้นไห้ ดังเป็นคำวิงวอนครั้งสุดท้าย

            เธออยากกลับบ้าน เธอยังไม่อยากตาย ไม่อยากถูกผ่าเป็นศพน่ากลัวอย่างคุณลุงเตียงข้าง ๆ

            ปากเธอถูกปิดสนิทไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา ชั่วเวลานั้นเด็กหญิงภาวนาขอให้แม่ในความฝัน พ่อในจินตนาการของเธอออกมาช่วยเหลือ พาเธอหลบหนีจากคนใจร้ายพวกนี้ เธอสัญญาจะเป็นเด็กดี ไม่งอแง ไม่ร้องไห้ เป็นลูกที่น่ารัก...น่ารักที่สุดจนพ่อแม่คนอื่น ๆ ต้องอิจฉา

            ผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้สึกสะท้านสะเทือนต่อวาจาอ้อนวอนนั้น คนที่ร่วมรับรู้ความทรงจำส้มน้อยอย่างมีนาแทบใจสลาย ทุกวาจา ทุกความรู้สึกในใจเด็กหญิงเหมือนคมมีดบาดลึกถึงกลางหัวใจเธอ

            ถ้ามีนาอยู่ตรงนั้น เธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กหญิงปลอดภัย

            ส้มน้อยปวดแปลบที่แขน มีเข็มมาแทง แล้วอาการดิ้นรนของเธอค่อยลดลง ความรู้สึกตัวดับวูบ



            ภาพที่ห้า มีนาเห็นจากความทรงจำปกป้อง

            เด็กชายยืนตัวแข็งทื่อตรงที่ซ่อนใกล้ห้องลับ เขาได้ยินเสียงส้มน้อยกรีดร้อง กำลังจะกระโจนออกจากที่ซ่อน ผลักประตูเข้าไปช่วยพาน้องน้อยออกมา แต่ทั้งร่างชาดิก ทื่อแข็ง เป็นลักษณะอย่างเดียวกับโดน ‘ผีอำ’

            ‘ผี’ ที่พาปกป้องมาถึงที่ซ่อนนี้ ยังไม่ต้องการให้เขาผลีผลามเข้าไป เพราะนอกจากจะช่วยส้มน้อยไม่ได้ ตัวเองก็จะไม่รอดเหมือนกัน

            เด็กชายไม่รู้ ไม่เข้าใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น เขาคิดแค่อยากช่วยส้มน้อย แต่ร่างท้วมสีเทาคล้ายเข้ามาบดบัง มีแรงกดดันประหลาด ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้

            ส้มน้อยเงียบเสียงไปแล้ว ปกป้องยิ่งกระวนกระวายใจ หวาดกลัวว่าเด็กหญิงจะประสบเรื่องร้ายแรงที่สุดเข้าแล้ว

            ในเวลานั้น เด็กชายค่อยขยับคอได้ หันไปเห็นผนังด้านหนึ่ง มีปุ่มสัญญาณไฟไหม้ และแผงสวิตช์ไฟติดอยู่

            ผีตนนั้นคลายอำนาจกดดัน เด็กชายขยับตัว ยังมึน ๆ คิดอะไรไม่ออก ร่างท้วมสีเทาจึงชี้มือไปทางปุ่มสัญญาณไฟไหม้ และแผงสวิตช์ไฟนั้น

            เสียงในหัวเด็กชายดังขึ้น...

            “กดปุ่มไฟไหม้ สับคัทเอาท์ลง แล้วค่อยไปช่วยน้องเธอ”

            พอคำสั่งดังเช่นนี้ ปกป้องค่อยเข้าใจ ด้วยคุ้นชินกับโดนสั่งงาน จึงทำไปโดยไม่ต้องคิดซับซ้อน

            สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น พร้อมไฟในห้องลับดับพรึ่บ เสียงดังโวยวายอย่างขัดใจดังตามมา ก่อนไฟสำรองฉุกเฉินเปิดสว่างขึ้นทดแทน

            “อะไรวะ เม่น...ออกไปดูสิ”

            “สัญญาณไฟไหม้ครับ หมอออกไปก่อนดีกว่า ไฟสำรองห้องนี้มันใช้ได้ไม่นานเท่าไหร่”

            เสียงถอนใจดังฮึดฮึด คนเป็นหมอรู้ว่าถึงอยู่ต่อคงทำงานไม่สะดวก จึงรีบเก็บงานตัวเองคร่าว ๆ ก่อนตามผู้ช่วยออกไป

            ปกป้องอาศัยแสงไฟสำรอง เข้าไปช่วยส้มน้อยออกมาอย่างรวดเร็ว เหลือบเห็นร่างสยดสยองบนเตียงข้าง ๆ ใจหล่นวูบ ขาอ่อนแทบก้าวไม่ออก หากตนช่วยเด็กหญิงช้ากว่านี้นิดเดียว ส้มน้อยคงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว

            ผีตนนั้นยืนรอหน้าประตู ปกป้องก้าวตามอย่างไม่ลังเล มั่นใจว่าวิญญาณดวงนี้ต้องพาตนไปที่ปลอดภัย

            วิ่งหนี หลบซ่อน ซอกซอนตามห้องต่าง ๆ ส้มน้อยยังสลบไสลไม่ได้สติ ร่างกายอุ่นขึ้นกว่าเดิม หัวใจเต้นถี่เร็ว คล้ายเด็กหญิงรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ไม่สามารถขยับตัวพูดจาได้

            ผู้คนในคลินิกวุ่นวายทั้งหมอ พยาบาล คนไข้ ผู้มาใช้บริการ ทำให้การอุ้มเด็กหญิงหลบหนีโดยไม่เป็นจุดสนใจทำได้ยาก

            ปกป้องอาศัยจังหวะคอยหลบหลีก ลัดเลาะ โดยมีวิญญาณร่างท้วมนำทางเป็นช่วง ๆ จึงสามารถเอาตัวรอดมาได้จนเกือบถึงประตูทางออกด้านหลัง

            สัญญาณไฟไหม้เงียบลง เจ้าหน้าที่พยาบาลต่างเริ่มกระจายตรวจตราความเรียบร้อย ปกป้องรีบตามวิญญาณดวงนั้นไปหลบยังห้องว่างห้องหนึ่ง ก่อนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพบเห็นเพียงเสี้ยววินาที

            รอจนเสียงวุ่นวายเงียบลง เด็กชายเตรียมออกจากห้องที่ซ่อนตัวแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงดุ คุ้นหูจากคุณหมอในห้องลับนั้น...เสียงคุณหมอไม่ดังเลย ปกป้องกลับได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ

            “มันหายไปไหน หาเจอมั้ย”

            “ดูจากกล้องวงจรปิดเด็กผู้ชายนั่นอุ้ม ‘สินค้า’ มาทางนี้ แต่กล้องตรงประตูทางออกไม่มีภาพตอนเด็กหนีออกไป”

            “แสดงว่ามันยังอยู่ในคลินิกนี่แหละ อาจจะซ่อนอยู่ในห้องแถวนี้ก็ได้รีบหาเข้า...”

            “ครับ”

            เสียงเปิดประตูตามห้องต่าง ๆ ดังไล่มาเรื่อย ๆ เด็กชายตัวเกร็ง หวาดกลัวคนร้ายเหล่านั้นจะหาตนเองกับส้มน้อยพบ นึกภาวนาให้สิ่งศักดิ์ช่วยเหลือ แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขัดจังหวะการตามหาทันที

            “สวัสดีครับ...” คุณหมอเสียงดุปรับเสียงให้กลายเป็นอ่อนน้อม นุ่มนวลอย่างรวดเร็ว

            “ครับ...เด็กหายไปจริง...คุณ...เอ่อ...ทราบเรื่องแล้วหรือ...อ้อ...เด็กที่อยู่ที่นี่แจ้งให้ทราบ...” น้ำเสียงสุภาพ หากแฝงรอยโทสะ หงุดหงิดจนปิดเกือบไม่มิด

            ทางปลายสายสั่งข้อความบางอย่าง พร้อมกำชับหนักแน่น ‘คุณหมอ’ รีบลนลานตอบรับ

            “ครับ ผมจะหาตัวเด็กให้เร็วที่สุด โดยไม่บุบสลาย รู้ว่าหัวใจของเด็กคนนี้มีความสำคัญต่อ ‘มิสเตอร์ X’ มากแค่ไหน ชีวิตของลูกสาวมิสเตอร์ X ขึ้นอยู่กับเด็กคนนี้”

            วางสายลงพร้อมถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนสบถเข่นเขี้ยวไม่ดังนัก

            “แม่ง...อย่าให้รู้นะมึงว่า คนในคลินิกกูใครแอบเป็น ‘สาย’ บ้าง”

            “มิสเตอร์ X คนนี้สำคัญมากหรือครับ” ผู้ช่วยแพทย์ถามกึ่งกลัวกึ่งกล้า

            “แกรู้จักประเทศ...มั้ยละ” คุณหมอคงอึดอัดใจเต็มทน อดไม่ได้ต้องเผยความลับกับคนใกล้ชิด

            “โหย...ประเทศนี้มันรวยโคตรเลยนี่คุณหมอ” ประเทศที่พูดถึงอาจไม่ใช่มหาอำนาจในโลก แต่มีทรัพยากรมหาศาล นับเป็นประเทศร่ำรวยติดอันดับโลก

            “มิสเตอร์ X อยู่เบื้องหลัง มีอำนาจมากกว่าผู้นำประเทศนั้น” พูดจบก็รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากมากเกินไปจึงเปลี่ยนวาจา “รีบไปหาเด็กต่อเถอะ น่าจะรู้นะว่า ถ้าหาเด็กไม่เจอ พวกเราต้องโดนอะไรบ้าง”

            เสียงค้นหาค่อยห่างออกไป ปกป้องขยับตัวออกจากที่ซ่อน โดยลืมสังเกตว่าตนทำ ‘โทรศัพท์’ หล่นไว้

            ความทรงจำหลังจากนั้นของปกป้องคือการพาส้มน้อยไปซ่อนที่ตึกร้าง เด็กหญิงฟื้นได้สติปลอดภัยแล้ว แต่มีคนร้ายอีกกลุ่มติดตามหา เด็กชายจำเป็นต้องทิ้งเด็กหญิงไว้ที่ซ่อนตัวก่อน ตั้งใจออกไปหาตำรวจและติดต่อ ‘ผู้ใหญ่’ บางคนมาช่วยเหลือ

            สิ่งที่ทำให้ปกป้องวางใจ ปล่อยส้มน้อยซ่อนตัวคนเดียวก็คือ เขาเห็นวิญญาณผู้ชายร่างท้วมคนนั้น ช่วยคอยกำบังเด็กหญิงไม่ให้คนร้ายมองเห็น พบเจอง่าย ๆ

            ภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่มีนาเห็นคือ...

            เมื่อไม่มี ‘ผี’ ตามมาด้วย ปกป้องจึงหลงกลหาคนมาช่วยผิดพลาด โดนซ้อมเพื่อให้บอกที่ซ่อนส้มน้อย แต่เขาไม่ยอม หลบหนีทั้งที่ร่างกายบอบช้ำ กระโดดน้ำจนเสียชีวิตในที่สุด



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            เรื่องเล่าผ่านความทรงจำเด็กชายปกป้อง และส้มน้อยจบลงแค่นั้น...

            ขณะบอกเล่า น้ำเสียงมีนาแฝงอารมณ์เจ็บแค้น สั่นเครือเป็นระยะ พอจบเรื่องราวก็นิ่งเงียบเนิ่นนาน แววตายังกรุ่นด้วยอารมณ์เศร้าโศกทั้งเรื่องราวที่เด็กหญิงประสบ และเรื่องที่เด็กชายยอมถูกซ้อม จนถึงขั้นสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยน้องน้อย

            มีนาไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้ใหญ่ใจร้าย ทารุณเด็กผู้ชายคนหนึ่งจนเขายอมเสี่ยงกระโดดน้ำเอาตัวรอด และยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะมีนายแพทย์คนไหนลืมเลือนจรรยาบรรณ คิดจะเอาหัวใจเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไปให้เด็กผู้หญิงอีกคน

            มีนาไม่ใช่ผู้หญิงโลกสวย เธอคลุกคลีเรื่องราวข่าวเลวร้ายมาไม่น้อย แต่สิ่งที่เพิ่งรับรู้เมื่อครู่ มันสร้างความสะเทือนใจที่สุดในชีวิต

            เมื่อไม่มีโอกาสช่วยชีวิตเด็กชายปกป้องแล้ว มีนาจึงปฏิญาณในใจ เธอจะคุ้มครอง ดูแลส้มน้อยอย่างดีที่สุด ไม่ให้คนร้ายพวกนั้นแตะต้องหนูน้อยได้เด็ดขาด



            หลังฟังเรื่องราวจากปากมีนาจนจบ ธันวาสะเทือนใจไม่น้อยกว่าหญิงสาว ความโศกเศร้า เจ็บปวด หดหู่ใจจากเธอระบาดมาถึงเขาด้วย

            ระหว่างหญิงสาวนิ่งเงียบสงบสติอารมณ์ คุณหมอหนุ่มก็ใช้เวลาช่วงนั้นปรับจิตใจตนให้เป็นปกติเช่นกัน

            เวลาผ่านไปพอสมควร คนเป็นจิตแพทย์จึงเอ่ยปากถาม

            “เธอจำคนที่ช่วยพาปกป้องไปส่งที่คลินิกได้มั้ย”

            “ไม่ได้ หน้าตาเขาดูเลือน ๆ ในความทรงจำ แล้วปกป้องก็ไม่กล้าพูดกับเขามาก ตอนเขาบอกเส้นทางในคลินิกเสียงก็ฟังอู้ ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ปกป้องเหมือนจะฟังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ...จำได้แค่เขาบอกว่า พอช่วยส้มน้อยได้แล้ว ให้โทรศัพท์หา เขาจะพาไปซ่อนตัวเอง”

            ธันวาถอนใจ

            “เธอจำรูปร่างหน้าตาของหมอคนที่ตั้งใจทำให้ส้มน้อยโคม่าได้มั้ย”

            “ไม่ได้...ทั้งส้มน้อยและปกป้องเห็นหน้าเขาไม่ชัด จำได้แค่เสียงดุ ๆ เวลาสั่งงานผู้ช่วย”

            ธันวาทบทวนสิ่งที่มีนาเล่าให้ฟังอีกครั้ง แล้วนึกสะดุดใจกับวาจาหนึ่ง

            “เดี๋ยวนะ...หมอคนนั้นเขาหลุดปากพูดว่า ‘คลินิกกู’ หลังจากรับโทรศัพท์ เป็นไปได้มั้ยว่าเขาเป็นเจ้าของคลินิกงามพิศ”

            พอธันวายกประเด็นนี้มา มีนาสะกิดใจรีบค้นกระเป๋าหยิบใบโบรชัวร์คลินิกงามพิศออกมาดู...อ่านประวัติที่มาของคลินิกอย่างตั้งใจ ก่อนเงยหน้าบอกด้วยประกายตาวาววับ

            “เจ้าของคลินิกไม่ใช่ผู้หญิง...ไม่ได้ชื่องามพิศเหมือนชื่อคลินิก” น้ำเสียงหล่อนเข้มขึ้น “เจ้าของคลินิกคือนายแพทย์โกเมน ศัลยแพทย์ชื่อดัง ที่ขนาดพวกดารา เซเลปคนดัง ยังต้องต่อคิวลงชื่อ เพื่อมาใช้บริการ”

            “มีประวัติละเอียดกว่านี้มั้ย” ธันวาถาม

            “ในโบรชัวร์ไม่มีหรอก ต้องหาในกูเกิลเอา หรือไม่ก็ให้พี่ธงรบตรวจเช็คละเอียดอีกที อาจเจอหลักฐานประวัติเรื่องแย่ ๆ”

            ธันวาคิดถึงภูริช แฮกเกอร์เพื่อนสนิท เชื่อว่าน่าจะขุดประวัติหมอคนนี้ได้ละเอียดกว่าตำรวจ

            “น่าแปลกนะ ที่เด็กผู้ชายคนนั้นเห็นผีเสี่ยหมงเหมือนกัน” พอผ่านปัญหาข้อแรก ก็มาถึงข้อสงสัยต่อไป

            “คนเห็นผี ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวนะยะ” มีนาแว้ดใส่

            “ถ้าอย่างนั้น เสี่ยหมงไปคลินิกนั่นทำไม เพราะอะไรถึงช่วยเหลือปกป้องกับส้มน้อย” ชายหนุ่มตั้งคำถามต่อ

            “เสี่ยหมงน่าจะตาม ‘เมวดี’ มือสังหารไปจนถึงที่นั่น แล้วเจอเด็กกำลังลำบาก เลยยื่นมือช่วยเหลือก็ได้” หญิงสาวคิดแทนผีเสี่ยหมง

            “เธอเคยเห็นผีธรรมดาทั่วไปที่ไหนมีคุณธรรม สามารถช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเหรอ...ฉันว่าผีอย่างเสี่ยหมง ไม่ยุ่งกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองหรอก”

            ธันวาไม่เคยเห็นผี แต่รู้จักพื้นฐาน ความสามารถของวิญญาณที่มีห่วง ผูกพัน ติดยึดในภาระก่อนตายไม่น้อยกว่ามีนา

            “เพิ่งรู้ว่าหลักสูตรจิตแพทย์ มีสาขาจิตวิทยา ‘ผี’ ด้วย” มีนาอดเหน็บไม่ได้

            ชายหนุ่มไม่สนใจคำเหน็บแนม สมองเฉียบคม พยายามอ่านเรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์นี้

            “ถ้า ‘ท่าน’ ของเสี่ยหมงคือนายมาโนช แล้วเธอคิดว่าใครคือ ‘นายใหญ่’ ที่เสี่ยหมงต้องการพูดคุย เพื่อขอคำรับรองว่าตัวเองจะได้ทำโครงการเมืองใหม่จริง ๆ”

            เจอคำถามนี้ มีนาฉุกคิดได้

            “การที่เสี่ยหมงมาคลินิกงามพิศ ไม่ได้มีจุดหมายแค่หาตัวมือสังหาร แต่เขาต้องการตามรอยหาตัว ‘นายใหญ่’ ด้วยใช่มั้ย”

            “ใช่...อย่าลืมว่าก่อนตาย เสี่ยหมงต้องการพบ ‘นายใหญ่’ มากที่สุด จิตเขาผูกพัน ต้องการเจอคนคนนี้อย่างยิ่ง” ธันวาพูด

            “ถ้าเขายื่นมือช่วยปกป้อง กับส้มน้อย แสดงว่านายใหญ่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องการค้าอวัยวะครั้งนี้...”

            “เธอสงสัยมั้ยว่า การค้าอวัยวะข้ามประเทศครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับนายมาโนชยังไง” ธันวาตั้งคำถามสะกิดสมองหญิงสาวให้ครุ่นคิดอีกครั้ง



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP