สารส่องใจ Enlightenment

ฆราวาสจะฝึกหัดกัมมัฏฐานได้อย่างไร



วิสัชนาธรรม โดย พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย



นักศึกษาหญิง คนแก่ทั้งหญิงและชาย และข้าราชการหลายคนซึ่งไม่เคยหัดกัมมัฏฐาน
ถามในทำนองเดียวกันนี้ว่า


ปุจฉา - การฝึกหัดกัมมัฏฐานคือทำอย่างไร และฝึกหัดตรงไหน
อย่างพวกผมนี้เป็นฆราวาส พวกผมจะทำกัมมัฏฐานได้ไหม



วิสัชนา – พวกเราชาวพุทธนับถือพุทธศาสนา
ทำบุญทำทาน รักษาศีลตามบรรพบุรุษสืบเนื่องมาโดยลำดับ
แต่ไม่มีการทำภาวนา จึงน่าเห็นใจมากที่ถามเช่นนั้น
แท้จริงพุทธศาสนาสอนให้ทำกัมมัฏฐาน คือภาวนาสมาธินั่นเอง
จาคานุสติ ระลึกถึงการจาคะก็ดี
ศีลานุสติ ระลึกถึงศีลของตนอยู่ก็ดี เรียกว่า ภาวนาแล้ว
แต่ผู้สอนไม่สอนให้เขาเข้าใจว่าเป็นกัมมัฏฐานต่างหาก
แต่ถึงกระนั้นคนแต่ก่อนก็ยังนำพระศาสนามาให้เราได้ปฏิบัติอยู่จนทุกวันนี้
ดีกว่าผู้ที่เอาแต่ภาวนาอย่างเดียว หรือเอาแต่ปัญญาอย่างเดียว แต่ไม่เคยเข้าวัดทำบุญเลย
ถ้าเป็นอย่างพวกหลังนี้แล้ว พุทธศาสนาเห็นจะไม่มีเหลือให้พวกเราได้รู้ได้เรียนอีกแล้ว


ที่ถามว่าการฝึกหัดกัมมัฏฐาน คือทำอย่างไร
ตอบว่าการฝึกกัมมัฏฐาน คือ ฝึกหัดจิตของตนให้อยู่ในความสงบ
จิตของคนเราไม่สงบชอบส่งส่ายปรุงแต่งไปในที่ต่างๆ ดีบ้าง ชั่วบ้าง
ถ้าชั่วมันก็เศร้าหมอง ถ้าดีมันก็ผ่องใสเบิกบาน
พระพุทธเจ้าทรงมีเมตตากรุณาแก่เหล่ามนุษย์
จึงได้ทรงสอนให้ทำจิตสงบอยู่ในความดี คือ จาคะ
และรักษาศีลอย่าได้ส่งส่ายออกไปภายนอกหาความไม่ดี จิตจะเศร้าหมอง


ถามว่าแล้วจะฝึกหัดตรงไหน
ตอบว่าฝึกหัดตรงใจของทุกๆ คนนั้นแหละ เพราะทุกๆ คนก็มีใจด้วยกันทั้งนั้น
และใจของทุกคนก็ต้องมีการปรุงแต่งและกระสับกระส่ายวุ่นวายเหมือนกันทั้งนั้น


ถามว่าอย่างพวกผมนี้เป็นฆราวาสจะทำกัมมัฏฐานได้ไหม
ตอบว่าถ้าต้องการให้จิตสงบก็ทำได้
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแต่เฉพาะพระ สอนทั่วไปหมดตลอดถึงฆราวาสด้วย
ไม่ว่าพระไม่ว่าฆราวาสมีกิเลสเท่ากัน คือมีโลภ โกรธ หลงเหมือนกัน
ที่ไปบวชเป็นพระนั้นคือต้องการละกังวลทางโลก
แล้วจะมีเวลาบำเพ็ญความเพียรให้มากๆ จึงต้องบวช
ถ้าบวชแล้วยังไม่ละความชั่ว บวชมาก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย


บางคนพูดว่า กิเลสมีอยู่ที่หัวใจของตนทุกๆ คนแล้ว
บวชหรือไม่บวช ไปวัดหรืออยู่ที่บ้าน หรือเข้าป่าก็เหมือนกัน ไม่เห็นผิดแปลกอะไร
เราละกิเลสได้อย่างเดียวก็ใช้ได้
จริงอยู่ผู้ที่พูดเช่นนั้นไม่ค่อยเห็นทำอะไร นอกจากจะติดสุขในทุกข์
คนทำไม่ได้แล้วก็พูดเอาเปรียบคนอื่นเท่านั้น เข้าตำราว่าตนไม่พายเอามือราน้ำ
ลองคิดดู ถ้าหากทำตนอย่างคนที่พูดนั้นทุกๆ คนแล้ว พุทธศาสนาจะเป็นมาได้ถึงขนาดนี้หรือ
พุทธศาสนาสอนให้ละสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง เพราะเป็นอุปสรรคแก่การฝึกจิตให้สงบ
ผู้ที่ฝึกจิตให้สงบได้แล้ว อย่าว่าแต่เข้าวัดหรือออกบวชเลย
แม้แต่ในป่าที่มีทหารคอมมิวนิสต์อยู่ตั้งกองพันก็สามารถบุกเข้าไปหาวิเวกได้


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก ปุจฉาวิสัชนาในประเทศ โดย พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรํสี)


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP