ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ความเชื่อส่งผลต่อพฤติกรรมของเราอย่างไร



ถาม – อยากขอให้ช่วยอธิบายข้อความที่ว่า "คิดอย่างไร เชื่ออย่างนั้น"
แล้วถ้าคิดว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นความจริงไหมคะ



คือจิตนี่โดยธรรมชาติของกิเลส มันจะมีความยึดมั่นถือมั่น
แล้วสิ่งที่มันยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเป็นตนสูงสุด ก็คือความคิด
แล้ววิธีคิด มันไม่ใช่แค่กลุ่มความคิดเป็นคำๆ หรือว่าเป็นความคิดเป็นห้วงๆ
แต่เป็นเส้นทางกรรม เป็นเส้นทางที่มโนกรรมมันจะแล่นไป
วิธีคิดแบบไหนที่มันได้ฐานที่ตั้ง
คือใจของเราปักหลักมั่นคงแล้ว โอกาสถอนมันจะยาก
อย่างพอปักใจเชื่อไปแล้ว ว่าฉันไม่สามารถที่จะมีชีวิตเป็นสุขแบบคนอื่นได้
ฉันจะต้องมีชะตากรรมร้ายๆ เกิดขึ้นเสมอ
พอมันห่อหุ้มจิตก็กักไว้กั้นไว้ ไม่ให้จิตไปไหน
มันกลายเป็นความปักใจเชื่อ
แล้วก็ใช้ชีวิตไปแบบก้มหน้าก้มตา ไม่มีความสุขเลย
พอจะมีความสุขโผล่เข้ามาบ้างในชีวิต
หรือว่ามันจะมีอะไรที่เป็นวี่แววของความสุข ที่มันจะจุดประกายขึ้นมา
ก็ไปปฏิเสธ บอกว่าเดี๋ยวมันมาแล้วก็หลุดมือเราไป
เราไม่สามารถรักษามันไว้ได้หรอก



อันนี้คือฤทธิ์เดชของวิธีคิดนะครับ
ที่มันมาปักหลักอยู่ในใจของเรา แล้วก็ไม่สามารถที่จะหนีพ้น
เช่นกันพอเราคิดอะไรมากๆ มันก็กลายเป็นความเชื่อ
แล้วถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้ใช่ไหม

บางทีมันไม่เสมอไป บางสิ่งบางอย่างเราเชื่อว่าเราทำไม่ได้
แต่มันก็เกิดได้ขึ้นมาแบบจับพลัดจับผลู
หรือว่าเป็นวันเฮง วันฤกษ์ดีอะไรขึ้นมา โดยที่เราไม่ได้ใช้ความพยายาม
แต่ประเด็นก็คือถ้าเราเชื่อว่าเราเป็นอย่างไรอยู่
แนวโน้มคือพฤติกรรม วิธีคิด วิธีพูด วิธีทำของเรา
จะคล้อยตามความเชื่อนั้นๆ



ยกตัวอย่างในทางกุศลบ้างก็ได้ บอกว่าชาตินี้อย่างมากที่สุดก็ได้แค่ทำบุญ
แล้วก็ไปพบพระพุทธเจ้าเพื่อบรรลุธรรมเอาชาติหน้า
อันนี้ถามว่าเป็นความเชื่อที่ดีไหม อย่างน้อยมันดีกว่าที่จะไม่เชื่ออะไรเลย
มันยังเป็นความเชื่อในแบบที่ทำให้เราเกิดความคิดดีๆ เกิดคำพูดดีๆ เกิดพฤติกรรมดีๆ
แต่ถ้าเราเชื่อแบบที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้จริงๆ
ว่าตราบใดพระพุทธศาสนายังอยู่ มีความรู้ในการเจริญสติครบถ้วน
ใครก็ตามที่เจริญสติปัฏฐานแบบที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นแนวทางนะ
อย่างช้า ๗ ปี อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างเร็ว ๗ วัน ต้องได้บรรลุมรรคผล

อันนี้ถ้าเชื่อใหม่ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
ก็หมายความว่าเราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้บรรลุมรรคผลแล้ว



เรื่องที่ว่าจะทำได้หรือทำไม่ได้ บางทีมันอยู่ที่กำลังใจด้วย
ถ้าเราปักใจเชื่อจริงๆ ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อย่างนี้ ไม่มีการยกเว้น
ไม่มีการเกี่ยงเรื่องยุคสมัย ไม่มีการเกี่ยงว่าใครปัญญาทราม ใครปัญญาดี
ใครบุญเก่ามาก ใครบุญเก่าน้อย อะไรต่างๆ
ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องนั้นนะ เอาโฟกัสตรงที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส
ว่าอย่างช้า ๗ ปี ได้น้อยที่สุดเป็นพระอนาคามี
ถ้าทำตามสติปัฏฐานที่พระพุทธเจ้าปูทางไว้

อันนี้ก็พูดง่ายๆ ว่าเรื่องของความเชื่อ
มันกำหนดวิธีที่เราจะมีพฤติกรรมอย่างไรต่อนะครับ


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP