จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว Lite Talk

ฉบับที่ ๓๔๒ กลไกของสังสารวัฏ



342 talk



ธรรมชาติการเวียนว่ายตายเกิด
หรือที่เรียก ‘สังสารวัฏ’ นี้ ไม่มีใครสร้าง
ชาติแรกไม่มี มีแต่อวิชชาเป็นมูลตั้งต้น
อันเป็นที่มาของการทำๆไปแบบไม่รู้
พูดๆไปแบบไม่รู้
คิดๆส่งเดชแบบไม่รู้ว่า
จะต้องได้รับอย่างไรในชาติต่อมา


ยิ่งคิด ยิ่งพูด ยิ่งทำกรรมขาว
เท่ากับยิ่งสะสมกองบุญ
แต่ยิ่งคิด ยิ่งพูด ยิ่งทำกรรมดำ
เท่ากับยิ่งสะสมกองบาป
และกล่าวได้ว่าโลกและจักรวาล
ถือกำเนิดจากกองบุญกองบาป
ของเหล่าสัตว์รวมกัน
เพราะกองบุญกองบาปต้องการหาที่ลง
ต้องการเวทีรับผลกรรม
และเวทีสร้างกรรมต่อ


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


#เหตุผลที่พวกเราถูกบังคับให้ลืมชาติก่อน

กลไกสำคัญที่สุด
ที่จะให้สังสารวัฏหมุนไป
ด้วยความไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
คือ การเกิดใหม่แล้วลืมหมด
ถ้าสังสารสัตว์ไม่ลืม ถ้าขืนปล่อยให้จำกันได้ว่า
ตนเคยทำอะไรมา จึงได้ที่เกิดดีๆแบบนี้
หรือได้หน้าตาสวยหล่อขนาดนี้
เหล่าสัตว์คงตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดี
และมีแต่ความสุขกันหมด
เกิดปัญญาเห็นความไม่เที่ยง
ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นกันหมด
ตอนจะตายรู้ชัดว่ากายใจไม่ใช่ตัวตนกันหมด
เลยได้ไปนิพพานกันหมด
หมดการเกิดการตาย
ที่จะมาหมุนวงเวียนสังสารวัฏกันพอดี


สังสารวัฏเขาใจร้าย
ไม่ปล่อยบรรดา ‘ลูกหาบทุกข์’ ไปง่ายนัก
ก็เมื่อการเกิดเป็นมนุษย์
คือการมีศักยภาพที่จะหลุดพ้นไป
เขาก็ต้องมุ่งกีดกัน
ไม่ให้มนุษย์ได้ใช้ศักยภาพของตัวเอง
ด้วยการลบความทรงจำเก่าทิ้งให้เกลี้ยง
แล้วยั่วยวนชวนให้ติดหลง
ด้วยเหยื่อล่อตาเหยื่อล่อใจใหม่ๆ
คิดแต่ว่าทำอย่างไรจะได้มา
ไม่อยากคำนึงหรอกว่าวิธีได้มา
เป็นบาปหรือเป็นบุญ


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


กลไกที่สังสารวัฏใช้ในการลบความจำ
ได้แก่ จุติจิต อันเป็นภวังค์ใหญ่
เป็นจิตสุดท้ายในภพเก่า อาจมืดหรือสว่าง
กับปฏิสนธิจิต อันเป็นภวังค์สืบเนื่อง
ถ้าของเก่ามืด ของใหม่ก็มืด
ถ้าของเก่าสว่าง ของใหม่ก็สว่างตาม
แต่จะสว่างหรือมืด
ก็เป็นภาวะลืมเนื้อลืมตัวเหมือนๆกันหมด


นอกจากนั้น ยังมี ๙ เดือนในท้อง
ที่หลับๆตื่นๆสะลึมสะลือ
ที่เรารู้ว่าทารกในท้องมีความฝัน
ก็เพราะวันแรกๆหลังคลอดออกมา
เด็กหลับแบบมีการกลอกตาเร็ว (Rapid Eye Movement)
ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังฝัน
และนั่นก็เป็นมูลชี้ว่าขณะอยู่ในท้องก่อนหน้านั้น
ทารกก็ต้องมีความฝันด้วย


เปรียบเทียบง่ายๆ
ขอให้คุณนึกดู แต่ละเช้าที่ตื่นจากหลับฝันมัวซัว
คุณต้องทบทวนความจำอยู่อึดใจหนึ่ง
เมื่อวานเกิดอะไรบ้าง วันนี้ตั้งใจทำอะไรบ้าง
บางเช้าอาจหนักถึงขั้น
เอ๊ะ! ฉันเป็นใคร ชื่ออะไร
แต่นี่ตอนอยู่ในท้อง ถูกดองอยู่กับ
การหลับๆตื่นๆแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวเป็นเวลา ๙ เดือน
ก็คงต้องสรุปว่าวิธีเกิดใหม่แบบมนุษย์
คือยางลบความจำขนาดมหึมา


หลังออกจากท้อง
เซลล์ประสาทเกี่ยวกับความจำของมนุษย์
ถูกกระตุ้นด้วยประสาทสัมผัสแรกในชาตินี้
และหลังจาก ๓-๕ ปีผ่านไป
จะเกิดเซลล์ใหม่จำนวนมหาศาล
ทับเซลล์เก่าๆไปจนหมด
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม
เด็กน้อยจึงเหมือนเป็นอัลไซเมอร์
จำตัวเองในปีแรกๆกันไม่ได้
อย่าว่าแต่จะให้ไปจำภาวะก่อนเข้าท้องแม่


นอกจากนั้น
ธรรมชาติยังบีบให้ร้องไห้จ้าง่ายๆ บ่อยๆ
อยากได้แบบดิบๆ เรียกร้องแบบดื้อๆ
ความรู้สึกเกี่ยวกับตัวเองจึงยิ่งพร่าเลือน
สมองสับสน ปนโน่นปนนี่เละเทะ
จะมีก็เพียงประสบการณ์เด่นๆไม่กี่ครั้ง
ที่สมองยอมให้บันทึกแบบหยั่งรากลึก
ไม่ลืมไปจนตาย


ส่วนเด็กหลายๆคนที่ระลึกชาติได้
ก็เพราะเกิดใหม่ใกล้พื้นที่เดิม
อย่างเช่นหลายคนในหมู่บ้านตะคร้อ
ที่มีผู้คนและสิ่งแวดล้อมเก่าๆ กระตุ้นให้จำได้
เนื่องจากช่วง ๓ ปีแรก
เป็นช่วงที่ความจำเก่า (อดีตสัญญา)
ถูกกระตุ้นให้กลับเข้าสู่ห้วงระลึกได้ง่าย
ต่างจากคนส่วนใหญ่
เมื่อถูกบุญบาปซัดไปอยู่พื้นที่อื่น
หรือภพภูมิอื่น ก็ไม่มีเครื่องกระตุ้นให้ระลึกได้กัน


แม้เจริญสติแบบพุทธเป็น
ก็ไม่มีอะไรประกันว่าจะระลึกชาติได้
เพราะถ้าอยากระลึกชาติ
ก็จำเป็นต้องฝึกให้จิตเกิดสมาธิถึงขั้น ‘แจ่มชัดยิ่งยวด’
กล่าวคือ จิตใสใจเบา ปลอดโปร่ง เป็นหนึ่ง
ไม่มีความฟุ้งซ่านรบกวนเท่ายองใย
แล้วระลึกแบบย้อนทางว่า
ภาวะทางกายใจเป็นอย่างไรในนาทีนี้
ในชั่วโมงก่อน ในวันก่อน ในสิบปีก่อน
ในช่วงแรกเกิด แล้วจึงทะลุไปถึงตอนอยู่ในท้อง
และก่อนมาเข้าท้องในที่สุด
ซึ่งจะมีสมาธิแจ่มชัดยิ่งยวดเช่นนั้น
ทำกันได้ไม่ถึงหนึ่งในพัน หนึ่งในหมื่น ของผู้ฝึก


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


สรุปแล้ว เป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส
สังสารวัฏนี้ โอกาสไปดีนั้นมีน้อย
โอกาสถึงนิพพานยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
สังสารสัตว์วิบัติอยู่ด้วยอวิชชา
ไม่รู้ว่าวิบากของกรรมมีจริง
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า
ถ้าไม่อยากเกิดใหม่จะต้องทำอย่างไรบ้าง
จนกว่าจะมีมหาบุรุษเช่นพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้
และมีพระญาณยิ่งใหญ่พอจะเผยแพร่ทางออก
ให้กับเหล่าเวไนยสัตว์ผู้สมควรรู้ตามกันได้!


ดังตฤณ
กันยายน ๖๕







review

 

 ทำอย่างไรจิตจึงจะสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ
และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
ติดตามได้จากพระธรรมเทศนา โดย พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
เรื่อง "สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่เรามองข้าม (ตอนที่ ๔)"
ในคอลัมน์"สารส่องใจ"(-/\-)


หากในชีวิตประจำวันเสพความบันเทิงต่างๆ จนรู้สึกว่าจิตมัวเมา
ทำอย่างไรจิตจึงจะมีความสงบได้มากขึ้น
และถูกความฟุ้งซ่านเล่นงานน้อยลง
หาคำตอบได้ในคอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา"
ตอน "ชอบดูซีรีส์และติดตามศิลปินมากจนจิตใจฟุ้งซ่าน ควรทำอย่างไร"


หากคนรักเป็นผู้ชายมีลูกติด และดูเหมือนว่าลูกของเขาจะไม่ชอบเรานัก
จะทำอย่างไรให้ปรับตัวเข้าหากันได้
ติดตามจากกรณีศึกษา ในคอลัมน์ "โหรา (ไม่) คาใจ"
ตอน "ลูกของคุณกับรักของเรา"



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP