จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว Lite Talk
ฉบับที่ ๑๗ ไดอารี่ระดับโลก
หลายคนรู้สึกว่าตนบ้าบันทึกเรื่องส่วนตัว
ใช้ไดอารี่เปลือง
และมักคิดเสมอว่าจะมีใครในโลก
ที่เขียนเรื่องของตัวเองไว้มากเท่านี้อีกไหม
ถ้านึกว่าคุณเป็นนักบันทึกไดอารี่ตัวฉกาจคนหนึ่งของโลก
ลองอ่านเรื่องของนายคนนี้ดูครับ
จะรู้สึกว่านักบันทึกระดับโลกจริงๆ
เขาเสพติดไดอารี่เข้าขั้นคลั่งไคล้ผิดมนุษย์ขนาดไหน
ผมเจอไดอารี่ของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
เห็นแวบแรกนึกว่าเป็นชุดเอ็นไซโคลปิเดีย
เพราะทั้งชั้นของตู้ใหญ่ๆเป็นไดอารี่ของเขาล้วนๆ
เปิดๆอ่านดูครั้งแรกคุณคงแทบอ้าปากค้างเหมือนผม
เขาคนนี้มีนามว่า
เอ็ดเวิร์ด รอบบ์ เอลลิส (Edward Robb Ellis)
มีอาชีพหลักเป็นนักข่าวในนิวยอร์กครับ
แต่งานหลักไม่ได้ทำให้เขาดังไปกว่างานรอง
นั่นคือเขาทำสถิติเริ่มบันทึกไดอารี่ตั้งแต่ปี ๑๙๒๗
เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง
แล้วก็เขียนมาเรื่อยแทบทุกวันจนถึงปี ๑๙๙๘
สิริรวมจำนวนเวลาที่บันทึกไดอารี่ได้ ๗๑ ปี
คิดเป็นปริมาณอักษรได้ทั้งสิ้น ๒๑ ล้านคำ!
คุณคงนึกว่าเขาโดดเดี่ยว
โลกนี้ไม่น่าจะมีมนุษย์คนไหนอีกแล้ว
ที่มีชีวิตเพื่อการบันทึกชีวิต
แต่ผิดครับ! กินเนสบุ๊กใช้วิธีตัดสินว่า
ใครบันทึกไดอารี่นานกว่ากัน เลยให้เจ้าของสถิติโลกเป็น
เออร์เนสต์ ลอฟตัส (Ernest Loftus) ชาวซิมบับเว่
ซึ่งเริ่มเขียนไดอารี่ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤษภาคม ๑๘๙๖
จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๑๙๘๗
สิริรวมจำนวนเวลาได้ ๙๑ ปี!
เขาได้ชื่อว่าบันทึกไดอารี่ตั้งแต่เด็กจนวันตายอย่างแท้จริง
ยังไม่หมดครับ
มีใครอีกคนในโลกนี้
นามว่า โรเบิร์ต ชีลด์ (Robert Shields)
บันทึกแม้กระทั่งการเข้าส้วม
สามารถพูดถึงการปัสสาวะ
ด้วยแนวบรรยายที่หลากหลายไม่ซ้ำแบบ
แล้วก็ทำไดอารี่ให้มีความหมายกว่าการบันทึก
เช่น เอาขนจมูกแปะไว้กับไดอารี่ด้วยแผ่นเทปใส
เผื่อว่านักวิทยาศาสตร์จะสนใจศึกษาดีเอ็นเอของเขา
โรเบิร์ตคนนี้บันทึกกระทั่งรายละเอียดความฝันของตน
จนทำให้นอนได้ครั้งละไม่เกินสองชั่วโมง
และผลของการบันทึก "ทุกสิ่ง" ของตนไว้
ทำให้เขาเขียนไดอารี่ถึง ๓ ล้านคำต่อปี!
เขาไม่ได้เริ่มบันทึกตั้งแต่เด็กเหมือนสองรายข้างต้น
คือมาบันทึกเอาจริงจังตอน ๕๔
และตายตอนอายุ ๘๙
แต่ก็ทิ้งไดอารี่จำนวน ๓๗.๕ ล้านคำเอาไว้
ยาวกว่าสถิติของเอลลิสที่เริ่มตั้งแต่เยาว์วัยเกือบสองเท่า!
จะดีไหมถ้าคุณไม่ลืมอะไรเลย?
ถ้าชีวิตของคุณถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด
เราจะได้อะไรจากมันบ้าง?
สำหรับโรเบิร์ต เขาแค่กล่าวสั้นๆ
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า
"ถ้าได้อ่านชีวิตของใครสักคนให้ลึก
เอาชนิดเห็นรายละเอียดทุกนาทีกันทุกวัน
คุณอาจได้พบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับผู้คนทั้งหมดก็ได้"
โรเบิร์ตมอบไดอารี่ทั้งหมดของเขา
ให้กับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
โดยมีข้อแม้ว่า "ห้ามอ่าน" จนกว่าจะถึงปี ๒๐๔๙
ซึ่งเหตุผลก็คงเพื่อให้บุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับไดอารี่
ล้มหายตายจากกันไปจนหมดเสียก่อน
จะได้ไม่ต้องสะเทือนกับความลับความนัยอะไร
ชีวิตแบบโรเบิร์ตและเพื่อนนักสร้างตำนานไดอารี่ของเขา
อาจเป็นอมตะอยู่บนหน้ากระดาษ
แน่นอนว่าชีวิตที่ถูกทรงจำไว้ได้
ย่อมน่าทึ่งกว่าชีวิตที่จะโดนลืมเลือนไป
การพยายามทำปรากฏการณ์ชั่วคราวอย่างชีวิตมนุษย์นี้
ให้มีความเป็นอมตะ ไม่ต้องล้มหายตายจากตามตัว
คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการบันทึกไดอารี่ที่ซื่อสัตย์เป็นแน่
แต่ความจริงก็คือคงไม่มีใครยอมเสียเวลาในชีวิตของตนเอง
เอาชีวิตของคนอื่นเข้ามาแทนที่
คิดดู คุณต้องใช้เวลาเท่าไรในการอ่านให้ได้ ๓๗ ล้านคำ?
สรุปคือแม้บันทึกชีวิตไว้ละเอียดลออปานใด
ก็ใช่ว่าจะมีใครให้เวลาเข้าไปรู้เห็น
หรือต่อให้รู้เห็น ก็ใช่ว่าจะจำได้ทั้งหมดไหว
ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับ ถ้าผมอ่านหนังสือได้เร็วเป็นฟ้าแลบ
เท่ากับ โฮเวิร์ด เบอร์ก (Howard Berg)
ซึ่งกินเนสบุ๊กบันทึกไว้ว่าอ่านได้ถึง ๒๕,๐๐๐ คำต่อนาที
ผมอาจจะลองอ่านไดอารี่ของเอลลิสและโรเบิร์ตดูก็ได้
เพราะลองคำนวณเล่นๆ
ถ้านั่งอ่านไดอารี่ของโรเบิร์ตวันละ ๕ ชั่วโมง
ผมก็ใช้เวลาแค่ ๕ วันเท่านั้น
ในการดูดซับเอาชีวิตของคนอื่นเข้ามาประจุในสมองตัวเอง
ราวกับไปใช้ชีวิตใหม่ซึ่งไม่ใช่ตนอย่างสิ้นเชิงได้ในชาติเดียว
ลองเดาไหมครับว่าประโยชน์สูงสุด
จากการเข้าไปรู้จักชีวิตคนอื่นแบบนาทีต่อนาที
โดยใช้เวลารวบรัดเพียง ๕ วันนั้น คืออะไร
ผมขอเดานะครับ ทันทีที่อ่านจบ
เราอาจรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ต่างไปอย่างสิ้นเชิง
รวมทั้งหันมารู้สึกแปลกหน้ากับตัวเองได้หลายวูบด้วย
เพราะผลของการเจาะลึกเข้าไปในชีวิตมนุษย์เป็นนาทีๆ
น่าจะเกิดมุมมองว่าไม่เห็น "มีใคร" อยู่จริงๆเลยสักคน
มีแต่ร่างกายเคลื่อนไหวไปรับกระทบต่างๆนานา
มีแต่ความรู้สึกนึกคิดโต้ตอบกับสถานการณ์หนึ่งๆ
เกิดความเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ผ่านมาแล้วผ่านไป
ไม่มีจุดยืนใด หรือแกนอ้างอิงใดบอกได้เลย
ว่าความเป็นตัวเป็นตนแท้ๆแน่ๆมันปักอยู่ที่ตรงไหน
จะคิดอ่าน จะพูดจา หรือจะตัดสินใจทำอะไรกันแน่
เมื่อต้องรับกับกระทบแบบเดิม แต่เป็นปีที่ต่างกัน
ประโยชน์สูงสุดของการเห็นชีวิตคนอื่นเป็นนาทีๆ
น่าจะกระตุ้นให้เห็นย้อนมา
สำรวจความจริงในชีวิตตนเป็นนาทีๆ นานสักสองสามวันกระมัง
เสร็จแล้วก็อาจลืมสนิท กลับไปเหม่อลอยกับชีวิตทั้งชีวิตต่อไป
ถ้าไม่ทำความเข้าใจกับวิธีมองชีวิตเป็นอนิจจัง ทุกข์ อนัตตา
เพื่อเอามรรคเอาผลตามพระพุทธเจ้ากันจริงๆ
---
ขอถือโอกาสประชาสัมพันธ์นิดนะครับ
วันนี้เป็นวันที่หนังสือเสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
ได้ฤกษ์ปฏิรูปตัวเอง วางแผงใน 7-11 ด้วยราคา ๕๙ บาท
สำหรับฉบับปฏิรูปนี้ ลดราคาแต่เพิ่มเนื้อหา
ได้ผลมาจากการรับฟังทั้งคำติและคำชมตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ข้อติเช่นส่วนที่ยากถูกตัดทิ้งไป
ข้อชมเช่นคำถามที่ตรงใจและคำตอบที่ช่วยให้เข้าใจ
ในแบบที่พุทธควรจะเข้าใจจริงๆ ก็เพิ่มเติมเสริมเข้ามา
นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างหลายส่วน
แจกแจงสิ่งที่ท่านทั้งหลายกังขากันว่าผมรู้ได้อย่างไร
เอาความแน่ใจมาจากไหนจึงเขียนอย่างนั้นอย่างนี้
ฉบับปฏิรูปได้แถลงไขอย่างชัดเจนที่สุดแล้วครับ
ดังตฤณ
มกราคม ๕๓
เมื่อทำดีจนได้ดี แต่กลับเอาสิ่งดีๆ ที่ได้รับ ไปเป็นต้นทุนในการทำสิ่งร้ายๆ (- -")
เช่นนี้แล้ว จะรอดพ้นจากภัยสังสารวัฏไปได้อย่างไร
คอลัมน์ "เล่าเรื่องเมืองพุทธ" ฉบับนี้
อ่านวิธีการทำดีอย่างฉลาดๆ จาก "หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช"
ในตอน "ทำดีอย่างไรให้ปลอดภัยในสังสารวัฏ" ค่ะ
เป็นที่ทราบกันว่า เวลาสำหรับการทำงาน คือเวลาถึงหนึ่งในสามของชีวิต
แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยเลยนะคะ ที่ไม่ได้ทำงานที่ตนรักอย่างแท้จริง
คอลัมน์ "โหรา (ไม่) คาใจ" ฉบับนี้
"คุณ Aims Astro" มีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่อยากมีความสุขในงาน (ที่ไม่ได้รัก (>_<") )
ในตอน "เบื่องานมากแต่ไม่อยากลาออก" ค่ะ
คนเรา เวลามีเรื่องมีราวกับใคร ก็โวยวายกรวดน้ำคว่ำขัน ไม่ขอพบปะเจอะเจอกันอีกต่อไป
แต่ทราบไหมคะ ยิ่งใจเราเจ็บแค้นชิงชังมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นเชื้อต่อบาปเวรระหว่างกันมากขึ้นเท่านั้น
คอลัมน์ "ห้องดับเพลิง" ฉบับนี้ "คุณชลนิล" มีวีรกรรมเด็ดๆ ของคนสนิท มาเป็นตัวอย่างสนับสนุนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ในนิทานโทสะตอน 'ไม่หมด (กรรม) เพราะใจไม่จบ" ค่ะ
ของที่ได้ชื่อว่า 'พิเศษ' ย่อมเป็นที่ต้องการมากกว่าของปรกติธรรมดา
ยิ่งถ้าได้เป็น 'คนพิเศษ' ด้วยแล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่อยากอยู่ในตำแหน่งนี้ใช่ไหมคะ
แต่ "อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา" ท่านกลับบอกเราว่า "อะไรที่พิเศษ มักพ่วงความทุกข์มาด้วย" (◡‿◡✿)
จะเป็นอย่างไรนั้น อ่านรายละเอียดที่คอลัมน์ "บทความรัก" ได้เลยค่ะ
ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ
บ้านอารีย์ ขอเชิญร่วมฟังธรรมบรรยาย ประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๓ ณ ศาลาปันมี ดังนี้ค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มกราคม
ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส
พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์
เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.
และวันพุธที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓
ธรรมบรรยายโดย หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ
วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ
เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น. ค่ะ (-/\-)
ถ้าคิดอย่างมีเหตุผล แม้แต่คนโง่ก็มีแนวโน้มจะฉลาดขึ้น
แต่ถ้าใช้อารมณ์นำหน้า แม้แต่คนฉลาดก็มีแนวโน้มจะโง่ลง
ปัญหาคือทำอย่างไรจะรู้ว่า...ขณะหนึ่งๆ เรากำลังใช้เหตุผลหรืออารมณ์นำหน้าอยู่?
เว็บไซต์ yahoo รู้รอบ! ชวนเพื่อนๆ มาตอบคำถามของคุณดังตฤณกันค่ะ
คำตอบที่ถูกใจผู้ถามมากที่สุด จะได้รับเลือกให้เป็นคำตอบที่บันทึกไว้ใน
yahoo รู้รอบ ประเทศไทย (^^,)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20100112230656AA7rD89
และข่าวฝากสุดท้ายจากทีมงาน dlitemag เอง ^o^
ถึงเวลานี้มีท่านผู้อ่านให้ความสนใจร่วมกิจกรรมรับขวัญปีเสือ "ปีใหม่ ชีวิตใหม่ กับ dlitemag" ร่วมกว่าร้อยท่านแล้ว
ท่านใดที่กำลังลังเลใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไร ก็ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกันได้นะคะ
ขอแอบกระซิบดังๆ ว่าหมดเขตการร่วมสนุกชิงรางวัล
หนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฉบับปฏิรูป" ของคุณดังตฤณ ภายในสิ้นเดือนนี้ค่ะ :))))
< Prev | Next > |
---|