สารส่องใจ Enlightenment

วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร (ตอนที่ ๕)



พระธรรมเทศนา โดย พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา



วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร (ตอนที่ ๑)
วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร (ตอนที่ ๒)
วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร (ตอนที่ ๓)
วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร (ตอนที่ ๔)



และอีกอย่างหนึ่งก่อนจะจบบรรยาย ขอแนะนำวิธีสร้างพลังจิต
การนอนเป็นเวลา การตื่นเป็นเวลา การรับประทานเป็นเวลา
การขับถ่ายเป็นเวลา การอาบน้ำชำระกายเป็นเวลา ทำอะไรให้ตรงต่อเวลา
แล้วก็ให้มีสัจจะไว้ในใจว่า เราจะทำอะไรให้มันจริงใจสักอย่างหนึ่ง
ให้เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ของใจ นี่คือแผนการสร้างพลังจิตพลังใจ

การทำอะไรเป็นเวลาตรงไปตรงมา มันเป็นการสร้างสัจจบารมี
ถ้าใครมีสัจจะความจริงใจ มีสัจจบารมี ใกล้ต่อการตรัสรู้
ถ้าขาดสัจจะความจริงใจแล้ว ยังห่างพระพุทธเจ้า


เมื่อพระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี ไปบวชเป็นฤๅษีอยู่ในป่าหิมพานต์
พระอานนท์เป็นพระเจ้าแผ่นดินครองพระนครหนึ่ง
เมื่อถึงหน้าแล้งพระฤๅษีก็เหาะมาทางอากาศ
มาพักอยู่ในสวนอุทยานของพระเจ้าแผ่นดินอานนท์
ทีนี้พระเจ้าแผ่นดินอานนท์ทรงทราบเสด็จไปเฝ้านมัสการ ถวายการอุปถัมภ์อุปัฏฐาก
เพราะบารมีที่ท่านสร้างร่วมกันมาเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนใจให้เอาใจใส่กัน
พระฤๅษีก็อนุเคราะห์ด้วยธรรมะด้วยอิทธิฤทธิ์
อธิษฐานจิตให้พระราชาพระราชินีมีความสุขความสบาย
ถวายการอุปัฏฐากด้วยการนิมนต์มาฉันจังหันในพระราชวังทุกวัน



ทีนี้อยู่มาในกาลครั้งหนึ่ง
ข้าศึกมันมาประชิดชายแดน เรียกว่าโจรผู้ร้ายมันก่อจลาจลขึ้นมา
พระเจ้าแผ่นดินยกทัพไปปราบโจร มอบการอุปัฏฐากพระฤๅษีไว้กับพระราชินี
พระราชินีก็ทรงทำธุระหน้าที่แทนพระองค์เป็นอย่างดี
แต่อยู่มาวันหนึ่ง เจ้ากรรมพระราชินีจัดสำรับมาวางไว้
คอยแล้วคอยเล่าพระฤๅษีก็ไม่เสด็จมาสักที
ถ้าพระฤๅษีมาก็เหาะมาเข้าทางหน้าต่าง ไม่ได้เดินต๊อกๆ ต๊อกมา เหมือนอย่างเรา
บังเอิญวันนั้นพระราชินีคอยแล้วคอยเล่าจนทรงเหน็ดเหนื่อย
ก็เอนพระวรกายลงไป ม่อยหลับไป หลับอย่างสนิท
ฝ่ายพระฤๅษีก็เข้าฌานสมาบัติเพลิน
พอออกจากฌานสมาบัติ เอ้า! ได้เวลาฉันจังหันแล้ว
อธิษฐานจิตเข้าสู่สมาบัติเหาะมาทางอากาศ พอเหาะมาทางอากาศ
ผ้าเครื่องนุ่งห่มของพระฤๅษีบางทีก็ใช้เปลือกไม้บ้าง บางทีก็ใช้หนังเสือบ้าง
พอเหาะมาทางอากาศ กระโดดลงมาภายในห้องท้องพระโรง
พระราชินีกำลังบรรทมหลับสะดุ้งองค์ตื่นขึ้น มิได้ระวังองค์ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง
กลายเป็นการยั่วยวนให้พระฤๅษีเกิดกิเลส พอเสร็จแล้วฌานพระฤๅษีเสื่อม
ขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดศีล ทนไม่ไหวก็กระโดดปล้ำพระราชินี เลยฉันจังหันเสร็จ
หลังจากนั้นก็เหาะมาทางอากาศไม่ได้ ต้องเดิน เดินมาฉันจังหัน
ฉันทั้งจังหันเช้า ฉันทั้งจังหันเพล แล้วก็กลับไปสู่สวนอุทยาน



จนกระทั่งพระราชาปราบข้าศึกสงบราบคาบลง เสด็จกลับพระราชวัง
นางสนมกำนัลก็คอยทูลว่า พระราชินีทำมิดีมิร้ายกับพระฤๅษีแล้ว
พอพระองค์ทรงทราบ พระองค์ก็พิจารณาด้วยวิจารณญาณของนักปราชญ์
โดยตั้งพระทัยว่า ถ้าเราจะไปถามพระฤๅษี
ถ้าพระฤๅษีรับอย่างไร เราก็รับอย่างนั้น ปฏิญาณอย่างไร เราก็จะรับอย่างนั้น
ทีนี้พอเสด็จไปเฝ้าถามพระฤๅษีว่า พระคุณเจ้าประพฤติอย่างนั้นจริงไหม
พระฤๅษีก็พิจารณาว่าพระราชาเคารพนับถือเรา
ถ้าเราจะโกหกพระองค์ก็ต้องทรงเชื่อ
แต่ว่าเรื่องอะไร เราสร้างบารมีเพื่อตรัสรู้แล้วจะมาเสียสัจจะ
เราจะทูลไปตามความจริงดีกว่า พอพระราชาถามว่าจริงไหมเล่า
จริงพระเจ้าข้า แหม! พระคุณเจ้าช่างเคร่งในสัจจบารมีเสียจริงๆ
การประพฤติเช่นนี้มีโทษถึงคอขาด
ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
ย่อมลงโทษผู้กระทำผิดได้โดยอาญา ด้วยอำนาจของเรา
แต่ท่านก็ไม่กลัวความตาย น่าอัศจรรย์
เอาล่ะ พระคุณเจ้าที่พระคุณเจ้าประพฤติล่วงเกินไปนั้นขอถวายไม่เอาเรื่อง
แต่ต่อไปพระคุณเจ้าอย่าประพฤติเช่นนั้นอีก เราอภัยโทษ


พอเสร็จแล้วพระเจ้าแผ่นดินก็เสด็จกลับพระราชวัง
แล้วก็ไม่ทรงกริ้ว ไม่เอาโทษพระมเหสีใดๆ ทั้งนั้น
ส่วนพระฤๅษีพอได้รับอภัยแล้วก็มาพิจารณาว่า
ความฉิบหายวายวอดเป็นเพราะเรามาสู่แดนมนุษย์
มาสู่แดนมนุษย์นี่มันมีแต่ภัยอันตราย พระอาจารย์ของเราก็สอนไว้
ว่ามาสู่แดนมนุษย์ให้ระวังสัตว์มีเขาที่อก มันจะขวิดเอาตาย
เราก็มาเจอเอาเสียจริงๆ อย่างนี้ซิ อย่าเลย ต่อไปนี้เราไม่มาใกล้มันอีกแล้ว
เสร็จแล้วก็อธิษฐานจิตเข้าฌานสมาบัติ เหาะหนีไปอยู่ป่าหิมพานต์ตั้งแต่บัดนั้น
จนกระทั่งได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า นี่คืออำนาจของสัจจบารมี



ความจริง ผิดรู้ว่าตัวผิด ถูกรู้ว่าตัวถูก ไม่โกหกใคร
ผิดรับไปตามผิด ถูกรับไปตามถูก นั่นเป็นการสร้างสัจจบารมี

เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายก็ควรจะได้ฝึกหัดตัวเองให้มีสัจจบารมีบ้าง
เราจะสวดมนต์ทำวัตรร่วมกันทุกวัน จะนั่งสมาธิทุกวัน เดินจงกรมทุกวัน
จะนั่งสมาธิชั่วโมงหนึ่งก็นั่งให้มันได้ ๓๐ นาทีก็นั่งให้มันได้
อย่าไปเหลาะแหละ นี่คือการสร้างบารมี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงปู่เสาร์ที่ท่านสอนให้นอน ๔ ทุ่ม ตื่นตี ๓
นอน ๔ ทุ่ม ตื่นตี ๓ อันนี้เป็นหลักคำสอนเบื้องต้น ท่านเคี่ยวเข็ญนักหนา
ถ้าใครปฏิบัติได้แล้วท่านบอกว่ามันจะมีสัจจะความจริงใจ



เอาละนะพอสมควรแล้ว
คนพูดก็เพลินไป คนฟังก็ทนเมื่อยจนแย่ ก็เห็นว่าสมควรแก่กาลเวลา
จึงขอยุติการบรรยายธรรมะพอเป็นคติเตือนใจของท่านทั้งหลาย
ด้วยเวลาเพียงเท่านี้



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก พระธรรมเทศนา “วิธีสร้างพลังจิตปราบขันธมาร” ใน หลวงพ่อสอนธรรม
ธรรมเทศนา โดย พระภาวนาพิศาลเถร (พุธ ฐานิโย)
. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์
; 2533.


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP