ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

คนที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเพราะเคยทำบาปมาใช่ไหม



ถาม – ผมเกิดมาได้ไม่ถึงเดือนแม่ก็เสียชีวิต ที่เป็นแบบนี้เพราะผมเป็นคนบาปใช่ไหมครับ


เวลาเราพูดเรื่องว่าใครเป็นคนบาป หรือว่าใครมีบาปมีกรรมอะไรติดตัวมา
เรามักจะมองกันเรื่องเด่นๆ มองกันเรื่องรูปแบบชีวิตที่มันชัดเจน
อย่างเช่น บางทีขาดพ่อขาดแม่ หรือว่ามีช่วงต้นวัยของชีวิตที่ยากลำบากอย่างชัดเจน
ไม่มีเหมือนคนอื่นเขาอะไรต่างๆ
จริงๆ มันก็เหมือนกับว่าเราโดดเดี่ยวอยู่กับชะตากรรมแบบหนึ่งๆ
แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนในโลกไม่มีเว้นเลย เจ็ดพันแปดพันล้านคน
จะต้องมีข้อด้อยอะไรอย่างหนึ่งที่คนอื่นอาจจะมองไม่เห็น
หรือว่าบางทีมองเห็นน่ะ แต่ไม่นึกว่าเขาจะเกิดความรู้สึกอะไรมากมายขนาดนั้น



แต่อย่างกรณีของบุพการีนะครับ คนเป็นพ่อเป็นแม่
ถ้าขาดไปมันรู้สึกเหมือนกับเกิดมาพร้อมกับถูกติดตั้งความเศร้าอะไรบางอย่างไว้
ความขาดหายอะไรบางอย่างไปจริงๆ ที่มันชัดเจนสำหรับเจ้าตัวนะ
แต่อย่างบางคนเขามีความรู้สึก อันนี้พูดแบบเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นอีกด้านหนึ่งนะครับ
ว่าบางคนมีพ่อมีแม่ครบจริง เห็นว่าพ่อแม่เป็นใคร
แต่ความรู้สึกที่ว่าพวกท่านเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่เคยมีเลยนะ
อย่างนี้บางทีมันอาจจะหนัก แล้วก็เจ็บหัวใจ
มากกว่าคนที่ขาดไปรู้แล้วรู้รอดตั้งแต่เริ่มต้นเลยก็ได้



การที่เราจะมาบอกมาตัดสินว่าตัวเองเป็นคนบาป
หรือว่ามีบาปมีกรรมอะไรติดตัวมาแบบที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขา
เป็นการเอาความรู้สึกที่เราเกิดมาได้ชีวิตเดียวมาเป็นเครื่องตัดสิน
ถ้าหากว่าเราเกิดได้ชาติหนึ่งหลายๆ ชีวิตนะ
แปลงร่างเป็นใคร แล้วก็เอาความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกที่มันเป็นปม
ที่มันเป็นความรู้สึกที่ขาด ความรู้สึกที่พร่องของชีวิตมาเปรียบเทียบกันดู
จะเห็นนะว่าจริงๆ แล้วไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบไปกว่ากันสักเท่าไหร่
โอเคว่าถ้าพูดเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ถ้าพูดเรื่องการต้องได้รับผลจากตัวตนก่อน
ที่เราลืมไปแล้วว่าเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร ชื่อแซ่อะไร
ไม่สามารถจดจำได้ว่าตัวเองไปทำอะไรไว้ ได้แต่มารับผล สิ่งที่ตัวตนก่อนมันทำไว้
โดยที่ตัวตนนั้นมันก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องมาได้รับผลอย่างไร



ความโหดร้ายของสังสารวัฏอยู่ตรงนี้นะ
ไม่มีใครได้เปรียบ ไม่มีใครเสียเปรียบใครหรอก
ตรงเรื่องของความไม่รู้ว่าเคยไปทำอะไรไว้

แต่มาได้เปรียบเสียเปรียบเอาตรงที่วัดว่าคนอื่นเขามีพ่อมีแม่ ทำไมเราไม่มี
แต่จริงๆ คนที่เขามีพ่อมีแม่หลายคนเลยนะ บอกว่ารู้อย่างนี้ไม่มีพ่อไม่มีแม่เสียยังดีกว่า
อันนี้ก็แล้วใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบล่ะ ถ้าหากว่าเรามาวัดกันตรงนี้



เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คือจริงๆ แล้วถ้าเรามองว่า
เราจะไปเคยทำบาปทำกรรมอะไรมาก็แล้วแต่ แล้วมีผลให้ต้องมีความขาดในชีวิต
เราลองมาคิดดูดีไหมว่าพระพุทธเจ้าท่านสอน
เกี่ยวกับเรื่องของการทำทาน รักษาศีล ไว้อย่างไร

แล้วก็ไม่ใช่มองกันเล่นๆ ว่าศีลห้ามีการห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักขโมย ห้ามโน่นห้ามนี่อะไร
แต่เรามองว่าเราจะมีจิตที่ไม่เป็นภัยไม่เป็นโทษกับคนอื่นทั่วโลกไปตลอดชีวิต
แบบนี้ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจขึ้นมาเองนะ
ด้วยจิตของเราเองว่ายิ่งเรารักษาศีล หรือว่ายิ่งเราได้ทำทาน ทำลายความตระหนี่
แล้วก็เป็นการให้แบบไม่เลือกหน้า ทั้งในส่วนของการให้สิ่งที่ให้ได้
ไม่ว่าจะเป็นเศษเงินหรือว่าแรงงาน สมองหรือว่าจะเป็นเวลาอะไรก็แล้วแต่
ยิ่งเราให้ได้มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีความรู้สึกเต็ม ยิ่งมีความรู้สึกว่าชุ่มชื่น
ยิ่งมีความรู้สึกว่าความตระหนี่ถูกมันทำลายไปทีละเปลาะๆ



ยิ่งเรารักษาศีลได้มากข้อขึ้นเท่าไหร่
เวลามีเรื่องยั่วยุให้ต้องฆ่าฟัน ให้ต้องทำร้ายกัน ทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจอะไรกัน
แล้วเราไม่เบียดเบียน เราไม่ทำสิ่งเหล่านั้น
ยิ่งศีลเต็มขึ้นเท่าไหร่ ใจของเรานะยิ่งรู้สึกถึงความสะอาดสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น
จากสภาพจิตมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมความบกพร่องอันเกิดจากกิเลส
มันกลายเป็นเต็มขึ้น เต็มขึ้นๆ
จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งเรารู้สึกว่านี่แหละที่เรียกว่าความปลอดภัย
ความปลอดภัย ความสุข ความเบา ความสบายใจ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ทั้งในปัจจุบัน
แล้วก็มั่นใจว่าในอนาคต มันก็จะปลอดภัยอย่างนี้แหละ
อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสนะ คนที่มีศีลสะอาดบริสุทธิ์
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่ทำความเดือดเนื้อร้อนใจ
มันจะเห็นเลยว่าเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
คือกรรมให้ผลในชาติปัจจุบัน เป็นความไม่เดือดเนื้อร้อนใจนะ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP