ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

จุนทสูตร ว่าด้วยความสะอาดในพระวินัยของพระอริยะ


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๑๖๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ สวนมะม่วงของนายจุนทกัมมารบุตร ใกล้เมืองปาวา.
ครั้งนั้นแล นายจุนทกัมมารบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ

ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะนายจุนทกัมมารบุตรว่า
“จุนทะ ท่านชอบใจความสะอาดของใครหนอ.”
นายจุนทกัมมารบุตรกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ
ผู้ถือเต้าน้ำ สวมพวงมาลัยสาหร่าย บำเรอไฟ ลงน้ำเป็นวัตร ย่อมบัญญัติความสะอาดไว้
ข้าพระองค์ชอบใจสะอาดของพราหมณ์พวกนั้น.”


ภ. จุนทะ ก็พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ ผู้ถือเต้าน้ำ สวมพวงมาลัยสาหร่าย
บำเรอไฟ ลงน้ำเป็นวัตร ย่อมบัญญัติความสะอาดไว้อย่างไรเล่า.


จ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ
ผู้ถือเต้าน้ำ สวมพวงมาลัยสาหร่าย บำเรอไฟ ลงน้ำเป็นวัตร
ย่อมชักชวนสาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า มาเถิด บุรุษผู้เจริญ ท่านลุกขึ้นจากที่นอนแต่เช้าตรู่
พึงจับต้องแผ่นดิน ถ้าไม่จับต้องแผ่นดิน พึงจับต้องโคมัยสด
ถ้าไม่จับต้องโคมัยสด พึงจับต้องหญ้าเขียวสด
ถ้าไม่จับต้องหญ้าเขียวสด พึงบำเรอไฟ
ถ้าไม่บำเรอไฟ พึงประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์
ถ้าไม่ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ พึงลงน้ำ ๓ ครั้ง ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ดังนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ ผู้ถือเต้าน้ำ สวมพวงมาลัยสาหร่าย
บำเรอไฟ ลงน้ำเป็นวัตร ย่อมบัญญัติความสะอาดอย่างนี้แล
ข้าพระองค์ชอบใจความสะอาดของพราหมณ์พวกนั้น.


ภ. จุนทะ พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ ผู้ถือเต้าน้ำ สวมพวงมาลัยสาหร่าย บำเรอไฟ
ลงน้ำเป็นวัตร ย่อมบัญญัติความสะอาดโดยประการอื่น
ส่วนความสะอาดในวินัยของพระอริยะ ย่อมมีโดยประการอื่น.


จ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ความสะอาดในวินัยของพระอริยะย่อมมีอย่างไรเล่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
ความสะอาดในวินัยของพระอริยะมีอยู่ด้วยประการใด
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ด้วยประการนั้นเถิด.


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “จุนทะ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว”
นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า “จุนทะ ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง
ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง.


จุนทะ ก็ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า
จุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ปกติฆ่าสัตว์ หยาบช้า มีมือชุ่มด้วยโลหิต
ตั้งอยู่ในการฆ่าและการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์ มีชีวิต ๑
เป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ คือ
ถือเอาวัตถุอันเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์ เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่น
ซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตเป็นขโมย ๑
เป็นผู้ประพฤติผิดในกาม คือ เป็นผู้ถึงความประพฤติล่วงในสตรีที่มารดารักษา
บิดารักษา พี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา
มีสามี มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุดแม้สตรีผู้ที่บุรุษคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑
จุนทะ ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล.


จุนทะ ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อยู่ อย่างไรเล่า
จุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปกติพูดเท็จ คือเขาอยู่ในสภา ในบริษัท
ในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล
ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิดบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใด จงพูดสิ่งนั้น ดังนี้
บุคคลนั้นเมื่อไม่รู้ กล่าวว่า รู้ หรือเมื่อรู้ กล่าวว่า ไม่รู้
เมื่อไม่เห็น กล่าวว่า เห็น หรือเมื่อเห็น กล่าวว่า ไม่เห็น ดังนี้
เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งผู้อื่น
หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสเล็กน้อย ด้วยประการดังนี้ ๑
เป็นผู้พูดส่อเสียด คือฟังข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายคนหมู่นี้
หรือฟังข้างโน้นแล้วมาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายคนหมู่โน้น
ยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกันให้แตกกัน หรือส่งเสริมชนทั้งหลายผู้แตกกันแล้ว
ชอบความแตกแยกกัน ยินดีความแตกแยกกัน
เพลิดเพลินในความแตกแยกกัน กล่าวแต่คำทำให้แยกกัน ๑
เป็นผู้พูดคำหยาบ คือ กล่าววาจาที่หยาบคาย กล้าแข็ง ทำให้ผู้อื่นข้องใจ
เดือนร้อนแก่ผู้อื่น ใกล้ต่อความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑
เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ คือ กล่าวไม่ถูกกาล กล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ
ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย กล่าววาจาไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้าง ไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลไม่ควร ๑
จุนทะ ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างนี้แล.


จุนทะ ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่าไรเล่า
จุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปกติอยากได้ คือ
อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่นว่า
ไฉนหนอ วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่น พึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑
เป็นผู้มีจิตปองร้าย คือ มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า
สัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกทำลาย จงขาดสูญ จงพินาศ หรืออย่างไรเป็นแล้ว ดังนี้ ๑
เป็นผู้มีความเห็นผิด คือมีความเห็นวิปริตว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล
การเซ่นสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี
โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ผู้เป็นโอปปาติกะไม่มี
สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ
ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง
แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ย่อมไม่มีในโลก ดังนี้ ๑
จุนทะ ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล.


จุนทะ อกุศลกรรมบถมี ๑๐ ประการนี้แล
จุนทะ บุคคลผู้ประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้
เมื่อลุกขึ้นจากที่นอนแต่เช้าตรู่ ถึงแม้จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จับต้องหญ้าอันเขียวสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่จับต้องหญ้าอันเขียวสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะบำเรอไฟ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะไม่บำเรอไฟ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะเป็นผู้ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะเป็นผู้ไม่ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะไม่ลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้
เป็นความไม่สะอาดด้วย เป็นตัวกระทำให้ไม่สะอาดด้วย
จุนทะ ก็เพราะเหตุแห่งการประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้
นรกจึงปรากฏ กำเนิดดิรัจฉานจึงปรากฏ เปรตวิสัยจึงปรากฏ
หรือว่าทุคติอย่างใดอย่างหนึ่งแม้อื่นจึงมี.


จุนทะ ความสะอาดทางกายมี ๓ อย่าง ความสะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง
ความสะอาดทางใจมี ๓ อย่าง.


จุนทะ ความสะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า
จุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์
วางทัณฑะ วางศัสตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู
มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ๑
ละการถือเอาสิ่งเของที่เขาไม่ได้ให้ เว้นขาดจากการถือเอาสิ่งเของที่เขาไม่ได้ให้
ไม่ถือเอาวัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่น
ซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตคิดเป็นขโมย ๑
ละการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม
ไม่ถึงความประพฤติล่วงในสตรีที่มารดารักษา บิดารักษา
พี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา
มีสามี มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุดแม้สตรีที่บุรุษคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑
จุนทะความสะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล.


จุนทะ ความสะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างไรเล่า
จุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ
อยู่ในสภา ในบริษัท ในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล
ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิด บุรุษผู้เจริญ
ท่านรู้สิ่งใด จงพูดสิ่งนั้น ดังนี้
บุรุษนั้นเมื่อไม่รู้ก็บอกว่า ไม่รู้ หรือเมื่อรู้ก็บอกว่า รู้
เมื่อไม่เห็นก็บอกว่า ไม่เห็น หรือเมื่อเห็นก็บอกว่า เห็น
ไม่เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตน
หรือเพราะเหตุแห่งผู้อื่น หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสเล็กน้อย ๑
ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายคนหมู่นี้
หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายคนหมู่โน้น
สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง
ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน
กล่าววาจาที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน ๑
ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เพราะหู
ชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ ๑
ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง
พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนด
ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร ๑
จุนทะ ความสะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างนี้แล.


จุนทะ ความสะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า
จุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่อยากได้ของผู้อื่น คือ
ไม่อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่นว่า
ไฉนหนอ วัตถุที่เป็นเครื่องอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่น
พึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑
ไม่มีจิตปองร้าย คือไม่มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า สัตว์เหล่านี้จงเป็นผู้ไม่มีเวร
ไม่มีความมุ่งร้ายกัน ไม่มีทุกข์ มีสุข รักษาตนเถิด ดังนี้ ๑
มีความเห็นชอบ คือมีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล
การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมีอยู่
โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ผู้เป็นโอปปาติกะมี
สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ
ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง
แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม มีอยู่ ดังนี้ ๑
จุนทะ ความสะอาดทางใจมี ๓ อย่างอย่างนี้แล.


จุนทะ กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้แล
จุนทะ บุคคลผู้ประกอบด้วยกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้
ลุกขึ้นจากที่นอนแต่เช้าตรู่ ถึงแม้จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จะไม่จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้จับต้องหญ้าอันเขียวสด ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่จับต้องหญ้าอันเขียวสด ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้บำเรอไฟ ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่บำเรอไฟ ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ไม่ลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง
ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะว่ากุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้
เป็นความสะอาดด้วย เป็นตัวกระทำให้สะอาดด้วย
จุนทะ ก็เพราะเหตุแห่งการประกอบด้วยกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้
เทวดาทั้งหลายย่อมปรากฏ มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏ
หรือว่าสุคติอย่างใดอย่างหนึ่งแม้อื่นจึงมี.


เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนั้นแล้ว
นายจุนทกัมมารบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ข้าแต่ท่านพระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก
ท่านพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย
เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด
บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด
ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉะนั้น
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ
กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.”


จุนทสูตร จบ



(จุนทสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๘)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP