สารส่องใจ Enlightenment

แก้วอัศจรรย์สามดวง (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๖




คำว่า มยํ ภนฺเต ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม หรือยาจามิ
นี้หมายถึง คนเดียวและหลายคน
ว่าข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถือซึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ
พร้อมกับรักษาคุณสมบัติห้าประการ คือศีลห้า
คำว่า ติสรเณน สห หมายถึงสรณะสามพระองค์
ได้แก่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ท่านเหล่านี้ เราเกิดแล้วตาย ตายแล้วก็เกิดก็ไม่ได้พบท่านง่ายๆ
ให้พากันเข้าใจและระลึกให้ถึงใจทุกท่าน
พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ จะอุบัติขึ้นมาในโลกนี้แต่ละพระองค์แทบเป็นแทบตาย
ทั้งสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีใครสามารถอุบัติขึ้นมาหรือเกิดขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้าได้
นั่นเป็นของหายากหรือง่าย ให้ท่านทั้งหลายพิจารณาเอา



คนและสัตว์ทั้งหลายเกิดตลอดเวลา ไม่ว่าในน้ำบนบก
เกิดได้ทุกแห่งทุกหน ตำบลหมู่บ้าน ทุกเวล่ำเวลา นาที วินาที ซ้ำกันแล้วซ้ำกันเล่า
วินาทีหนึ่งเกิดไม่รู้กี่ล้านกี่แสนคนกี่แสนสัตว์ เกิดได้ง่ายๆ
พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์กว่าจะได้ตรัสรู้ขึ้นมา
ต้องตะเกียกตะกายแทบล้มแทบตาย สลบไสล เพราะความทุกทรมานมาก
อุบัติขึ้นมาแต่ละพระองค์เท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้นเลย
ผิดกับสัตว์ทั้งหลายซึ่งเกิดง่ายและเกิดทีละมากๆ จนเทียบกันไม่ได้
ทั้งนี้ก็เพื่อโปรดพรมสัตว์ทั้งหลายที่จมอยู่ในแหล่งแห่งกองทุกข์
ให้หลุดพ้นขึ้นมาตามความตะเกียกตะกายหมายยึดธรรมเป็นที่เกาะและฝากเป็นฝากตาย
ด้วยความหิวกระหายสุดหัวใจ
เมื่อได้ยินได้ฟังกระแสธรรมจากพระโอษฐ์ประทานโสรจสรง
จิตใจย่อมชื่นฉ่ำเพราะน้ำธรรมเข้าครองใจ
พร้อมทั้งความยิ้มแย้มแจ่มใสในการประพฤติปฏิบัติธรรม
ประหนึ่งชุบชีวิตเป็นคนใหม่ขึ้นมา ด้วยน้ำทิพย์จากกระแสธรรมประพรมโสรจสรง
ทั้งนี้เพราะสัตว์โลกที่มีอุปนิสัยควรแก่มรรคแก่ผล
ในช่วงระยะที่พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ยังมีอยู่มาก ราวกับปลารอน้ำฉะนั้น



จึงไม่มีอันใดที่หายากมากในสามโลกธาตุนี้
เหมือนพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแต่ละพระองค์
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ ถ้าพระพุทธเจ้าไม่อุบัติ ธรรมก็ไม่ปรากฏ พระสงฆ์ก็ไม่ปรากฏ
เราจะไปหาท่านทั้งสามพระองค์อันเลิศนี้ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดก็ไม่พบ
ชีวิตของบุคคลและสัตว์รายหนึ่งๆ เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติกี่ร้อยกี่พันภพชาติ
ก็ไม่อาจเจอพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ได้ง่ายๆ เลย
เกิดแล้วตายเล่า ก็เกิดแล้งตายแล้งแห้งผาก
จากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อยู่นั่นแล



แต่นี้ทำไมเราเกิดมาในแดนพระพุทธศาสนา
เราไม่มีวาสนาเกิดมาได้อย่างไร เราควรจะภาคภูมิในวาสนาของเรา
ชีวิตของเรานี้รอดพ้นขึ้นมาได้เห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
นับว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐ
กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การอุบัติขึ้นมาเป็นมนุษย์
พร้อมกับได้พบพระพุทธศาสนานี้เป็นลาภอันประเสริฐ
ที่เราทั้งเลยได้เปล่งวาจาเมื่อสักครู่นี้ เปล่งถึงท่านผู้วิเศษ ท่านผู้หาได้อยากนี้เอง
เว้นพระพุทธเจ้าเสียอย่างเดียว ไปที่ไหนเกลื่อนไปด้วยมนุษย์และสัตว์เต็มแผ่นดิน
จนจะหาที่อยู่อาศัยกันไม่ได้ เวลาก้าวเดินต้องได้ระวังไม่งั้นขาหัก
เพราะโดนมนุษย์และสัตว์ด้วยกันซึ่งมีมากต่อมากเกลื่อนอยู่ในโลกอันนี้ไม่อดไม่อยาก
แต่จะไปหาพระพุทธเจ้าแม้องค์เดียวไม่เจอ ฟังดูซิ หายากไหมหาพระพุทธเจ้าน่ะ
ยังจะสนุกบ่นกันว่า สิ่งนั้นหายาก สิ่งนี้หายาก
ไม่กระดากอายสิ่งมีค่ามหาศาลที่หายากมากกว่านั้นบ้างหรือ
คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ องค์รัตนะสามดวงอันประเสริฐ
นี่ที่แสนหายาก พบยาก เจอยากในโลก



จึงควรจะภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์ของเรา
นี่แหละท่านว่าผู้หาได้ยากสามพระองค์
คือพุทธ ธรรม สงฆ์องค์ประเสริฐเกี่ยวเนื่องกัน


พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ จาติ           นานาโหนฺตมฺปิ วตฺถุโต
อญฺญมญฺญาวิโยคา ว
              เอกีภูตมฺปนตฺถโต

พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ทั้งสามนี้เป็นธรรมชาติที่เกี่ยวเนื่องกัน
พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระธรรม พระธรรมอันพระสงฆ์ทรงไว้ พระสงฆ์เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
แยกเป็นอาการสามเกี่ยวเนื่องกัน อญฺญมญฺญาวิโยคา ว เอกีภูตมฺปนตฺถโต
พูดตามหลักธรรมชาติมีเพียงอันเดียว รวมเป็นอันเดียวกัน



เราทั้งหลายก็ได้เปล่งวาจาถึงท่านเมื่อสักครู่นี้
พึงทราบและภาคภูมิใจว่าชีวิตของเราไม่เป็นหมัน ได้เกิดในท่ามกลางแห่งพุทธศาสนา
ท่านผู้ใดจะสนใจในชีวิตของตนเกี่ยวกับพุทธศาสนาก็ให้สนใจ
เวลานี้ยังมีลมหายใจอยู่ ตายแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร ไม่เกิดประโยชน์
กุสลา ธมฺมา ตายเปล่าๆ สวดเปล่าๆ ถ้าเจ้าตัวไม่สนใจเสียแต่บัดนี้
กุสลา ธมฺมาๆ ไม่ทราบว่าได้เรื่องอะไร ถือขลังอะไรกับเวลาตาย
ซึ่งไร้ผลไร้ประโยชน์ไปหมดแล้ว
ที่ถูกตามหลักศาสนธรรม ก็ควรสนใจกับ กุสลา ธมฺมา
ธรรมที่ยังคนให้ฉลาดตั้งแต่ยังมีชีวิตลมหายใจอยู่ จะเกิดผลเกิดประโยชน์ประจักษ์ใจตัวเอง



กุสลา ธมฺมา แปลว่าธรรมยังคนให้ฉลาด
เมื่อยังเป็นคนยังมีชีวิตอยู่ไม่ฉลาด ตายแล้วจะเอาความฉลาดมาจากไหน
จงคิดดูให้ดีเสียแต่บัดนี้ อย่าให้สายเกินแก้จะแก้ไม่ได้ จะแก้ไม่ตก
จะขาดทุนสูญดอก จะหาทางออกไม่ได้ ควรหาความฉลาดเสียแต่บัดนี้
เราเป็นลูกชาวพุทธให้คำนึงถึงพุทธ พุทธไม่ใช่คนโง่คนเขลาเบาปัญญา
คนที่ฉลาดแหลมคมที่สุดในสามแดนโลกธาตุนี้คือพุทธะ
ได้แก่พระพุทธเจ้า ธรรมะอันประเสริฐ ก็ไม่มีใครสามารถค้นขึ้นมาได้
มีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นสามารถขุดค้นขึ้นมาได้
นี่แหละของประเสริฐในโลก
มีแก้วอัศจรรย์สามดวงกลมกลืนเป็นธรรมแท่งเดียวกันอยู่คู่กับโลกชาวพุทธเรา



ฉะนั้นชีวิตของเราเกิดมาแล้วอย่าให้ตายทิ้งไปเปล่าๆ เหมือนต้นไม้ใบหญ้า
เพราะเราเป็นมนุษย์ทั้งคน มิใช่ต้นไม้ใบหญ้า จะทำตนแบบนั้นไม่ถูกไม่ควร
เวลาตายแล้วนิมนต์พระวัดนั้นวัดนี้ไป กุสลา ธมฺมาๆ ได้ประโยชน์อะไร
นั่นเป็นเพียงตามรอยบุญกุศลไปเท่านั้น
มิใช่การจับตัวบุญตัวกุศลด้วยการบำเพ็ญของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งไม่แน่นอนนัก
สิ่งที่แน่ใจจริงก็คือ ต้องบำเพ็ญด้วยตัวเองให้เต็มสติกำลังตอนยังมีชีวิตลมหายใจอยู่
นี่คือวิธีจับตัวบุญตัวกุศลที่ถูกต้องไม่ข้องใจไม่สงสัย ตายแบบสุคโต



นี่เวลายังมีชีวิตอยู่ไม่สนใจกับอรรถกับธรรมกับบุญกุศลอะไรเลย
มั่วสุมอยู่กับอบายมุขตลอดวัย เวลาตายแล้วให้พระไปหาบุญหากุศลที่ไหนมาให้
ถ้าหากเป็นไปได้อย่างนั้นจริงๆ แล้วมันจะยากอะไร
หลวงตาบัวนี่ก็ไม่ต้องบวช จะอยู่ให้สะดวกสบาย
อยากกินเหล้าเมาสุรา เกี้ยวพาราสีสีกาอย่างสนุกสนาน
สะดวกสบายไปตามแบบคนที่มีผู้รับรอง กุสลา มาติกา อย่างอุ่นหนาฝาคั่งอยู่แล้ว
ตายแล้วจึงให้พระมา กุสลา ธมฺมาๆ ไปสวรรค์กันเลย
ไม่ต้องยุ่งยากลำบากใจขวนขวายบุญกุศลศีลทานใดๆ ในเวลามีชีวิตอยู่
แต่นี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนี่
ต้องฝึกฝนอบรมเจ้าของให้เป็นคนดีทุกวิธี ทุกวิถีทางแทบล้มแทบตาย



การจะทำอะไรให้ดี สู้การทำคนให้ดีไม่ได้ ยากที่สุดก็คือการทำคนให้ดี
เพราะเหตุนั้นจึงต้องมีแบบมีฉบับสำหรับการสร้างการฝึกอบรมคนให้ดี
พระพุทธเจ้ามาสอนก็สอนคน เพื่อทำคนให้ดีนั่นเอง มาตรัสรู้ก็เพื่อจะมาหล่อหลอมคนให้ดี
ไม่ได้มาหล่อหลอมวัตถุ ต้นไม้ ภูเขาให้ดีอะไรแหละ
มาหล่อหลอมมนุษย์ สอนมนุษย์ ให้มนุษย์เป็นคนดีมีความฉลาดรักษาปฏิบัติตน
ผลคือความสงบสุขจะพึงมีในแดนมนุษย์



ถ้ามนุษย์ไม่ดีแล้ว มนุษย์ก็เลวที่สุดในโลกนี้ เป็นโลกวินาศ
เพราะมนุษย์นี่ฉลาดสามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีใครเกินมนุษย์
ถ้าฉลาดไปในทางชั่วก็โลกพินาศได้จริงๆ มนุษย์เรา
แต่ถ้าฉลาดในทางที่ดี เช่น ผู้มีความรักชอบในศีลในธรรม
ดังท่านทั้งหลายที่ได้อุตส่าห์พยายามบำเพ็ญเรื่อยมานี้
โลกไม่มีใครจะให้ความร่มเย็นแก่กันได้ยิ่งกว่ามนุษย์เรา
เพราะมนุษย์เราฉลาด มนุษย์สามารถทำความร่มเย็นเป็นสุขแก่กันได้ชนิดไม่คาดไม่ฝัน



เดี๋ยวจะว่าหลวงตาบัวดุๆ ท่านทั้งหลายแบกกิเลสมาไม่สนใจคิดบ้างสมกับมาแสวงธรรม
มาว่าหลวงตาบัวดุ หลวงตาบัวไม่ได้ดุให้ใครนี่ เราพูดตามอรรถตามธรรมตามเหตุตามผล
เพื่อผู้ฟังที่มุ่งอรรถมุ่งธรรมได้เข้าใจตามความจริง
กรุณาทำความเข้าใจว่าพลังของกิเลสมี พลังของธรรมไม่มีปราบกันได้ยังไง
กรุณานำไปพิจารณาซี พลังของกิเลสเวลาแสดงออกมามันเป็นความโมโหโทโสใช่ไหม
พลังของธรรมแสดงออกมาปราบความโมโหโทโสให้แหลกไปเลย
นั่นถ้ากำลังของธรรมไม่มีปราบกิเลสไม่อยู่ ปราบกิเลสไม่ได้



เพราะฉะนั้น พลังของกิเลสมี พลังของธรรมต้องมี
ไม่มีปราบกันไม่อยู่ ปราบกันไม่ได้แต่ไหนแต่ไรมา
ไม่ใช่หลวงตาบัวมาอุตริพูดโดยหามูลความจริงไม่ได้
ต้องมีความจริง คือกิเลสมีอยู่ที่หัวใจเราบีบคั้นเรา
ธรรมมีสติปัญญาเป็นต้นก็ผลิตขึ้นที่หัวใจเรา และปราบกิเลสให้หมอบราบไปจากใจเรา
ตามกำลังของกิเลสและกำลังของธรรมที่ควรแก่การปราบปรามกันได้
กรุณานำไปพิจารณาเพื่อถือเอาประโยชน์เท่าที่ควร



รู้สึกร่ำลือเหลือเกินในเมืองไทยเรา ใครก็ว่าอาจารย์มหาบัวดุๆ
ถ้าเป็นความจริงตามที่เขาว่า อาจารย์มหาบัวตัวดุเก่งๆ
ทำไมไม่ล่มจมฉิบหายไปเสียก่อนที่จะมาดุด่าว่ากล่าวประชาชนพระเณรทั่วแผ่นดินไทยเราเล่า
นี่ได้อบรมสั่งสอนเจ้าของมาแทบล้มแทบตายด้วยด้วยการฝึกฝนทรมาน
ควรหนักต้องหนัก ควรเบาต้องเบา ควรเป็นก็เป็น ควรตายก็ยอมตายไปตามเหตุการณ์
เวลาเข้าที่คับขันในการต่อสู้กับกิเลส
เอ๊า เป็นก็เป็น ตายก็ยอมตายไม่เสียดายชีวิตยิ่งกว่าธรรม
ฆ่ากิเลสต้องฆ่าอย่างนั้น ไม่ฆ่าอย่างนั้นไม่ได้ เดี๋ยวกิเลสเหยียบหัวแหลกหมด



กิเลสมีอำนาจมากขนาดไหน ธรรมะต้องมีอำนาจมากขนาดนั้น ไม่งั้นปราบกันไม่อยู่
เห็นไหมพระพุทธเจ้าท่านต่อสู้กับกิเลส
ท่านฝึกฝนทรมานท่านจนสลบสามหน ในตำรับตำราบอกไว้
เรียนไปทำไมเรียนไม่สังเกต เรียนไม่พิจารณา
เรียนไม่นำมาเป็นคติเครื่องพร่ำสอนตนจะเกิดประโยชน์อะไร
เพราะการเรียนการจดจำเปล่าๆ นั้น ถ้าไม่นำมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ตนน่ะ



(โปรดติดตามเนื้อหาต่อในฉบับหน้า)


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


จาก พระธรรมเทศนา “แก้วอัศจรรย์สามดวง” ใน ศาสนธรรมปลุกคนให้ตื่น
โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP