จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

รัตนสูตรกับโรคระบาด


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



316 destination



ในช่วงไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดนี้ นอกจากเราจะต้องดูแลรักษาร่างกาย
โดยรักษาระยะห่าง เพื่อป้องกันไม่ให้ติดหรือแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว
เราควรจะต้องรักษาจิตใจเราให้ปกติและปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ซึ่งหากเรารู้สึกว่าเราเสพหรือรับข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ระบาดแล้ว
ทำให้เราจิตตก กลุ้มใจ หวาดกลัว หรือวิตกกังวลใด ๆ จนเกินเหตุแล้ว
เราก็ควรจะลดปริมาณข่าวสารที่รับให้น้อยลงเหลือเท่าที่จำเป็นเกี่ยวข้องเท่านั้น


อีกวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยให้จิตใจสงบร่มเย็นได้ก็คือการสวดมนต์ครับ
โดยบทสวดมนต์ที่น่าสนใจในเวลานี้ก็คือบท “รัตนสูตร”
ซึ่งเป็นพระสูตรที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคระบาดในสมัยพุทธกาล
ในอรรถกถาของ “รัตนสูตร” (อรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ) ได้เล่าว่า
ในสมัยหนึ่ง กรุงเวสาลีนั้นเกิดทุพภิกขภัยฝนแล้ง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
พวกอมนุษย์ได้กลิ่นซากศพก็พากันเข้าพระนคร ผู้คนก็ตายเพิ่มมากขึ้น
เพราะความปฏิกูลนั้น อหิวาตกโรคก็เกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย
ชาวกรุงเวสาลีถูกภัย ๓ อย่าง คือทุพภิกขภัย อมนุสสภัย และโรคภัยเบียดเบียน
กษัตริย์กรุงเวสาลีจึงได้ส่งทูตไปอัญเชิญผู้พระมีพระภาคเจ้าให้เสด็จมายังกรุงเวสาลี


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาว่า เมื่อตรัส “รัตนสูตร” ในกรุงเวสาลีแล้ว
จักแผ่ไปแสนโกฏิจักรวาล จบสูตร สัตว์ ๘๔,๐๐๐ จักตรัสรู้ธรรม จึงทรงรับนิมนต์
ในวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงเวสาลี
เมื่อพระองค์ยกพระบาทแรกวางลงริมฝั่งแม่น้ำคงคา
ฝนก็โปรยเม็ดลงมาอย่างหนัก ในที่ทุกแห่ง น้ำย่อมไหลไปเพียงแค่เข่า แค่ขา
แค่สะเอว แค่คอ ซากศพทั้งปวงถูกน้ำพัดส่งลงสู่แม่น้ำคงคา พื้นดินก็สะอาดสะอ้าน
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงประตูพระนคร พระองค์ทรงเรียกท่านพระอานนท์มา
ทรงสั่งว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงเรียน “รัตนสูตร” นี้ ถือเครื่องประกอบพลีกรรม
เที่ยวเดินไประหว่างปราการ ๓ ชั้นแห่งกรุงเวสาลีกับพวกเจ้าลิจฉวีราชกุมาร
ทำพระปริตร แล้วได้ตรัสรัตนสูตร


ในวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงเวสาลีนั่นเอง
ท่านพระอานนท์ก็เรียนรัตนสูตรนี้ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสใกล้ประตูกรุงเวสาลี
เพื่อกำจัดอุปัทวะเหล่านั้น จึงเอาบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าตักน้ำมา
เดินประพรมไปทั่วพระนคร พอพระเถระกล่าวว่า “ยงฺกิญฺจิ” เท่านั้น
พวกอมนุษย์ที่อาศัยกองขยะและที่ฝาเรือนเป็นต้น
ซึ่งยังไม่หนีไปในตอนแรก ก็พากันหนีไปทางประตูทั้ง ๔
พอพวกอมนุษย์พากันไปแล้ว ที่เนื้อตัวของพวกมนุษย์ทั้งหลาย โรคก็สงบไป
พวกมนุษย์ทั้งหลายก็พากันออกมาบูชาพระเถระด้วยดอกไม้ของหอมเป็นต้นทุกอย่าง
มหาชนเอาของหอมทุกอย่างฉาบทาสัณฐาคารที่ประชุม
ท่ามกลางพระนคร ทำเพดานขจิตด้วยรัตนะ ประดับด้วยเครื่องประดับทั้งปวง
ปูพุทธอาสน์ลง ณ ที่นั้นแล้วนำเสด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามา
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าสู่สัณฐาคาร ประทับนั่งเหนืออาสนะที่เขาปูไว้
ทั้งภิกษุสงฆ์ คณะเจ้าและมนุษย์ทั้งหลายก็นั่ง ณ อาสนะที่เหมาะที่ควร
ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสรัตนสูตรนั้นแหละแก่ทุกคน
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=7


ใน “รัตนสูตร” (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ) ได้กล่าวว่า
“ภูตเหล่าใด ประชุมกันแล้วในประเทศนี้ก็ดี หรือภุมมเทวดาเหล่าใด
ประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี ขอหมู่ภูตทั้งปวงจงเป็นผู้มีใจดี และจงฟังภาษิตโดยเคารพ
ดูกรภูตทั้งปวง เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟัง ขอจงแผ่เมตตาจิตในหมู่มนุษย์
มนุษย์เหล่าใด นำพลีกรรมไปทั้งกลางวันทั้งกลางคืน
เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทรักษามนุษย์เหล่านั้น


ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้ หรือในโลกอื่น
หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้น เสมอด้วยพระตถาคตไม่มีเลย
พุทธรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระศากยมุนีมีพระหฤทัยดำรงมั่น ได้บรรลุธรรมอันใดเป็นที่สิ้นกิเลส เป็นที่สำรอกกิเลส
เป็นอมฤตธรรมอันประณีต ธรรมชาติอะไร ๆ เสมอด้วยพระธรรมนั้นย่อมไม่มี
ธรรมรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญแล้วซึ่งสมาธิใดว่าเป็นธรรมอันสะอาด
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวซึ่งสมาธิใด ว่าให้ผลในลำดับ สมาธิอื่นเสมอด้วยสมาธินั้นย่อมไม่มี
ธรรมรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


บุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว บุคคลเหล่านั้นควรแก่ทักษิณาทาน
เป็นสาวกของพระตถาคต ทานที่บุคคลถวายแล้วในท่านเหล่านั้น ย่อมมีผลมาก
สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระอริยบุคคลเหล่าใด ในศาสนาของพระโคดม ประกอบดีแล้ว
(ด้วยกายประโยคและวจีประโยคอันบริสุทธิ์) มีใจมั่นคง เป็นผู้ไม่มีความห่วงใย (ในกายและชีวิต)
พระอริยบุคคลเหล่านั้น บรรลุอรหัตผลที่ควรบรรลุหยั่งลงสู่อมตนิพพาน
ได้ซึ่งความดับกิเลสโดยเปล่า เสวยผลอยู่ สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


เสาเขื่อนที่ฝังลงดินไม่หวั่นไหวเพราะลมทั้งสี่ทิศ ฉันใด ผู้ใดพิจารณาเห็นอริยสัจทั้งหลาย
เราเรียกผู้นั้นว่าเป็นสัตบุรุษ ผู้ไม่หวั่นไหวเพราะโลกธรรมมีอุปมาฉันนั้น
สังฆรัตนะนี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระอริยบุคคลเหล่าใด ทำให้แจ้งซึ่งอริยสัจทั้งหลาย อันพระศาสดาทรงแสดงดีแล้ว
ด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง พระอริยบุคคลเหล่านั้น ยังเป็นผู้ประมาทอย่างแรงกล้าอยู่ก็จริง
ถึงกระนั้น ท่านย่อมไม่ยึดถือเอาภพที่ ๘ สังฆรัตนะแม้นี้ เป็นรัตนะอันประณีต
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


สักกายทิฏฐิและวิจิกิจฉา หรือแม้สีลัพพตปรามาส อันใดอันหนึ่งยังมีอยู่
ธรรมเหล่านั้น อันพระอริยบุคคลนั้นละได้แล้ว
พร้อมด้วยความถึงพร้อมแห่งการเห็นนิพพานทีเดียว
อนึ่ง พระอริยบุคคลเป็นผู้พ้นแล้วจากอบายทั้ง ๔ ทั้งไม่ควรเพื่อจะทำอภิฐานทั้ง ๖
(คืออนันตริยกรรม ๕ และการเข้ารีต) สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระอริยบุคคลนั้นยังทำบาปกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ ก็จริง
ถึงกระนั้น ท่านไม่ควร เพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันนั้น
ความที่บุคคลผู้มีธรรมเครื่องถึงนิพพานอันตนเห็นแล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อปกปิดบาปกรรมนั้น
พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พุ่มไม้ในป่ามียอดอันบานแล้วในเดือนต้นในคิมหันตฤดู ฉันใด
พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐยิ่ง เป็นเครื่องให้ถึงนิพพาน
เพื่อประโยชน์เกื้อกูลมีอุปมา ฉันนั้น พุทธรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต
ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงทราบธรรมอันประเสริฐ ทรงประทานธรรมอันประเสริฐ
ทรงนำมาซึ่งธรรมอันประเสริฐ ไม่มีผู้ยิ่งไปกว่า ได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ
พุทธรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


พระอริยบุคคลเหล่าใดผู้มีจิตอันหน่ายแล้วในภพต่อไป มีกรรมเก่าสิ้นแล้ว
ไม่มีกรรมใหม่เครื่องสมภพพระอริยบุคคลเหล่านั้น มีพืชอันสิ้นแล้ว มีความพอใจ
ไม่งอกงามแล้ว เป็นนักปราชญ์ ย่อมนิพพาน เหมือนประทีปอันดับไป ฉะนั้น
สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


ภูตเหล่าใดประชุมกันแล้วในประเทศนี้ก็ดี หรือภุมมเทวดาเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดี
เราทั้งหลาย จงนมัสการพระพุทธเจ้าผู้ไปแล้วอย่างนั้น ผู้อันเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายบูชาแล้ว
ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


ภูตเหล่าใดประชุมกันแล้วในประเทศก็ดี หรือภุมมเทวดาเหล่าใดประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี
เราทั้งหลายจงนมัสการพระธรรม อันไปแล้วอย่างนั้น อันเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว
ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้


ภูตเหล่าใดประชุมกันแล้วในประเทศนี้ก็ดี หรือภุมมเทวดาเหล่าใดประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี
เราทั้งหลาย จงนมัสการพระสงฆ์ผู้ไปแล้วอย่างนั้น ผู้อันเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว
ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้”
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=73&Z=154&pagebreak=0


ในเรื่องของการสวดมนต์นี้จะหาบทสวดมนต์แบบภาษาบาลีมาสวดก็ได้
หรือว่าจะสวดคำแปลภาษาไทยตามพระสูตรที่ยกมานี้ก็ได้เช่นกันครับ
เพราะก็ย่อมจะมีผลให้ใจสงบ และมีสมาธิ (สมถะ) ได้เช่นกัน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP