จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

รอคิวฉีดวัคซีนอย่างเป็นกุศล


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



311 destination



ในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่รัฐบาล
โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.)
และหน่วยงานต่าง ๆ ภาครัฐได้เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19
โดยถือเป็นวาระแห่งชาติทั่วประเทศ
https://mgronline.com/qol/detail/9640000055028


แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมีการแจ้งเลื่อนคิวการฉีดวัคซีน
ซึ่งคุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ที่เป็นโฆษก ศบค. ได้ชี้แจงว่า
ปัญหาการเลื่อนคิวการฉีดวัคซีนเกิดขึ้นจากความต้องการวัคซีนมีมาก
โดยมีประชาชนจองเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ผ่านระบบหมอพร้อม และระบบลงทะเบียนอื่น ๆ
ในขณะที่ประเทศไทยยังได้รับวัคซีนมาไม่มากพอกับความต้องการ
แต่ยืนยันว่าบุคคลากรเจ้าหน้าที่ได้ทำงานหนักทุกคน
โดยในภาวะวิกฤตินี้ ขอให้คนไทยรักกัน ให้ความร่วมมือกันและห่วงใยกัน
แม้จะมีปัญหาเยอะแยะมากมาย ขอให้ทุกฝ่ายทุกส่วนพูดคุยกัน


ทั้งนี้ โดยธรรมชาติของการผลิตวัคซีนที่เป็นชีววัตถุ
ย่อมจะมีความไม่แน่นอนในการผลิตค่อนข้างสูง
ไม่เหมือนกับยาที่ใช้สารเคมีตั้งต้น ซึ่งจะสามารถควบคุมการผลิตได้ดีกว่า
นอกจากนี้ การผลิตและการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีน
ก็มีมาตรฐานสากลที่ต้องคำนึงถึงและปฏิบัติตาม
มีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ (Quality Assurance)


ในภาพรวมแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนแล้ว ๔.๒ ล้านโดส
และมาถึงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนแล้ว ๖.๑๘ ล้านโดส
กล่าวคือฉีดเพิ่ม ๒ ล้านโดสภายในเวลา ๑ สัปดาห์
(บทความ – “วัคซีนที่ต้องเข้าใจ” - ผักกาดหอม)


นอกจากวัคซีนที่ส่งมาประเทศไทยจะไม่เพียงพอแล้ว
อีกส่วนหนึ่งคือหน่วยงานรัฐมีความจำเป็นต้องแบ่งวัคซีนบางส่วน
ไปฉีดให้แก่ประชาชนในคลัสเตอร์พื้นที่เสี่ยงด้วย
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ในคลัสเตอร์พื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ
และนำไปฉีดให้แก่บุคคลากรด่านหน้า เช่น กลุ่มบุคคลากรสาธารณสุข
กลุ่มขนส่งสาธารณะ กลุ่มทหาร ตำรวจที่ต้องดำเนินการในการกักกันผู้ติดเชื้อ เป็นต้น


ในเรื่องนี้ หลายท่านที่ต้องการฉีดวัคซีนโดยเร็ว แต่ต้องถูกเลื่อนคิวฉีดวัคซีน
หรือว่ายังไม่ได้รับการแจ้งว่าจะได้คิวฉีดวัคซีนเมื่อไร
ย่อมอาจจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจหรือวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว
บางท่านก็อาจจะตำหนิหรือด่าว่าหน่วยงานรัฐที่ทำงานในเรื่องวัคซีนอีกด้วย
ซึ่งเท่ากับว่าเกิดอกุศลแก่ตนเองจากโทสะหรือความวิตกกังวลนั้น


ในเรื่องนี้ เราพึงเข้าใจว่าในสถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้
มีหลายประเทศจำนวนมากที่ขาดแคลนวัคซีน และยังได้รับวัคซีนไม่เพียงพอ
ในส่วนของประเทศไทยนั้นได้กำหนดแผนงานฉีดวัคซีนให้ได้ ๕๐ ล้านคน
หรือเท่ากับ ๑๐๐ ล้านโดสภายในสิ้นปี ๒๕๖๔ นี้
กรณีจึงเป็นไปไม่ได้ว่า ทุกคนที่จองฉีดวัคซีนจะสามารถได้ฉีดวัคซีน
ภายในเวลาหนึ่งถึงสองเดือนนี้ เพราะว่าวัคซีนจะต้องทยอยส่งมอบเข้ามา
โดยกว่าจะฉีดได้ครบ ๕๐ ล้านคนตามแผนก็คือสิ้นปี ๒๕๖๔
ดังนี้แล้ว ท่านไหนที่อาจจะยังไม่ได้รับการแจ้งคิวฉีดวัคซีน
ก็ย่อมถือว่ายังอยู่ภายในระยะเวลาแผนการฉีดวัคซีนครับ


ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว การที่เราจะมีโทสะหรือวิตกกังวล
ที่เราไม่ได้ฉีดวัคซีนตามกำหนดคิวเดิม หรือไม่เร็วทันใจที่ต้องการนั้น
ย่อมจะไม่เกิดประโยชน์อะไร และก็เป็นผลเสียแก่เราเอง
โดยทำให้เสียสุขภาพจิต และอาจส่งผลถึงสุขภาพกายด้วย
ในการนี้ สิ่งที่เราควรทำคือ พยายามติดตามข่าวและข้อมูลว่า
เรื่องของการจองคิวและนัดหมายการฉีดวัคซีน
และต้องระมัดระวังตนเองโดยใส่หน้ากากป้องกัน และรักษาระยะห่างต่อไป
โดยพึงเข้าใจว่า ในปัจจุบัน คนอื่น ๆ จำนวนมากทั่วโลกก็อยู่ในสภาพเดียวกันนี้
และการฉีดวัคซีนของประเทศไทยไม่ใช่ว่า
จะสามารถทำเสร็จภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งหรือสองเดือน
แต่ว่าจะต้องทยอยฉีดวัคซีนไปเรื่อย ๆ จนถึงสิ้นปี ๒๕๖๔
ซึ่งหากเราเข้าใจได้ตามนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีโทสะหรือวิตกกังวล
ในการที่เราจะถูกเลื่อนคิวฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้รับการแจ้งคิวฉีดวัคซีนครับ


อีกทางหนึ่ง เราอาจจะคิดในแง่ที่ช่วยให้เกิดกุศลก็ได้ว่า
เรามีเมตตาต่อคนอื่น ๆ และเสียสละให้คนอื่น ๆ ได้ฉีดวัคซีนก่อน
เรามีเมตตาต่อบุคคลากรที่ทำงาน เห็นใจและขอบคุณที่เขาทำงานหนัก
ซึ่งในการระลึกด้วยเมตตาและเสียสละเช่นนี้ ก็ย่อมจะเกิดกุศลแก่เราเอง


ในกรณีที่เรายังมีโทสะหรือวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว
เราก็พึงที่จะมีสติรู้ทันใจตนเอง
ไม่ปล่อยให้โทสะหรือความวิตกกังวลนั้นมาครอบงำจิตใจเราครับ
ใน “สาริปุตตสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต)
ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวสอนภิกษุทั้งหลายว่า
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุพึงพิจารณาว่า
เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้อันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้ฟุ้งซ่านอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้มีความสงสัยอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้มีความโกรธอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดยมากหรือหนอ
เราเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมากหรือหนอ
ดังนี้ ย่อมเป็นอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย


ถ้าหากภิกษุเมื่อพิจารณาอยู่ และรู้อย่างนี้ว่า
เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้อันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีความสงสัยอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีความโกรธอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก ดังนี้ไซร้
ภิกษุนั้นควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ
ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง
เพื่อละธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปอกุศลเหล่านั้น
เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีผ้าอันไฟไหม้ หรือมีศีรษะอันไฟไหม้
พึงทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น
ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง
เพื่อดับไฟไหม้ผ้าหรือไฟไหม้ศีรษะนั้น
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=2273&Z=2313&pagebreak=0



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP