ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

มูลสูตร ว่าด้วยธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูล มีนิพพานเป็นที่สุด


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๕๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข มีอะไรเป็นใหญ่
มีอะไรเป็นยอดยิ่ง มีอะไรเป็นแก่น มีอะไรเป็นที่หยั่งลง มีอะไรเป็นที่สุด ดังนี้
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว จะพึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นว่าอย่างไร.


ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูล
มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่ง พระพุทธเจ้าข้า
ขอประทานพระวโรกาส เนื้อความแห่งภาษิตนี้แจ่มแจ้งเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเทียวเถิด
ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจักทรงจำไว้.


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าเช่นนั้น เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว.


ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข มีอะไรเป็นใหญ่
มีอะไรเป็นยอดยิ่ง มีอะไรเป็นแก่น มีอะไรเป็นที่หยั่งลง มีอะไรเป็นที่สุด ดังนี้
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว จะพึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นมูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด มีผัสสะเป็นเหตุเกิด
มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง มีสมาธิเป็นประมุข มีสติเป็นใหญ่ มีปัญญาเป็นยอดยิ่ง
มีวิมุตติเป็นแก่น มีอมตะเป็นที่หยั่งลง มีนิพพานเป็นที่สุด ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว
พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้แล.


มูลสูตร จบ



(มูลสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๘)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP