วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๔๑ (จบ)



cover Amarit

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)




            “เก็บไว้ให้คนอื่นดีมั้ย!”

            เสียงดังจากเบื้องหลังช่วยคลี่คลายสถานการณ์

            พยุหะนั่งบนเก้าอี้ข้างดาราหนุ่ม ส่งแววตาดุ ๆ พร้อมคำพูดประชด

            “มาเร็วนะคุณซูเปอร์สตาร์”

            “แหม...โปรดิวเซอร์ชื่อดังนัดทั้งที่...ดาราต๊อกต๋อยอย่างผมก็ต้องรีบมาสิครับ” แกล้งตอบอย่างถ่อมตัว

            “พี่ลุยกับคุณพายุนัดกันไว้หรือคะ” มัชฌิมาได้โอกาสเปลี่ยนเรื่องคุย

            “ไม่ได้นัดหรอก...เขาสั่งให้พี่มาหาต่างหาก”

            รอยเธียรอมยิ้ม สบตาพยุหะอย่างขัน ๆ ผู้ชายสองขั้วสามารถสนิทสนมราวกับคบกันมาตั้งแต่เล็ก นับเป็นเรื่องแปลกในวงการบันเทิงเรื่องหนึ่ง

            “มีธุระอะไร ทำไมคุยทางไลน์ไม่ได้”

            จะมีสักกี่คนกล้าถามห้วน ๆ กับโปรดิวเซอร์ใหญ่ที่นักร้องรุ่นใหม่ต่างกลัวจนตัวเกร็ง

            “จะชวนไปขึ้นคอนเสิร์ต” พยุหะตอบ

            “ไม่เอา...เคยบอกแล้วไง”

            รอยเธียรเคยบอกเหตุผลในการเลิกเป็นนักร้องมาแล้ว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายยังชักชวนอีก

            “ฟังก่อนสิ” คนพูดพยายามใจเย็น “มันเป็นคอนเสิร์ตการกุศล หาทุนซื้อเครื่องมือแพทย์”

            คนฟังทำหน้ามุ่ยแต่ตั้งใจฟังโดยไม่ขัดอีก

            “ลุงพงศกรขายโรงพยาบาลคุณตาคุณยายเรียบร้อยแล้ว แกตั้งใจแบ่งเงินส่วนหนึ่งซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลขาดแคลนตามต่างจังหวัด พอคุณบรรพตได้ยินเรื่องนี้...เลยบอกว่าจัดคอนเสิร์ตการกุศลดีกว่า เขาจะเป็นสปอนเซอร์ให้ ถือว่าทำบุญให้ยายทวดพิกุลผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลด้วย”

            ดาราหนุ่มย่นหัวคิ้วสงสัย

            “คุณบรรพต เจ้าของ บี.บี. พรอม. เป็นคนซื้อโรงพยาบาลเหรอ”

            “เปล่า” พยุหะตอบ “เขาบอกว่าไม่ถนัดทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล ขืนซื้อไปจะทำขาดทุนเข้าเนื้อเปล่า ๆ แต่เพราะคุณยายทวดพิกุลมีบุญคุณกับเขาล้นเหลือ ไม่ได้ช่วยซื้อโรงพยาบาลดำเนินกิจการต่อก็เลยขอเป็นสปอนเซอร์งานคอนเสิร์ตครั้งนี้แทน”

 

 

            การเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตการกุศลของ บี.บี. พรอม. นับเป็นงานกุศลเล็กน้อย สำหรับนักธุรกิจใหญ่อย่างบรรพต บัณฑูรณ์

            หลังเนวะตาย เมืองอมฤตหายสาบสูญ อาจารย์มิ่งแยกตัวเป็นอิสระไม่ยุ่งเกี่ยวกัน บรรพต และ บี.บี. พรอม. ทำโครงการคืนกำไรแก่สังคมหลายรูปแบบ

            ตั้งแต่ให้ทุนสำหรับเด็กนักเรียนหลายประเภท ทั้งที่เรียนดี ขาดแคลนทุนทรัพย์ เรียนปานกลางแต่มีความตั้งใจที่จะศึกษาหาความรู้เพื่อดำรงชีพ สนับสนุนโครงการจิตอาสาต่าง ๆ สร้างโรงพยาบาล โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ฯลฯ

            มัชฌิมาเป็นพนักงานที่มีส่วนดูแลเอกสาร ติดตามผลงานโครงการเหล่านี้ ได้ยินพนักงานเก่า ๆ บอกว่าท่านประธานเปลี่ยนไป เมื่อก่อนไม่เคยมีความคิดคืนกำไรให้สังคมขนาดนี้ อย่างมากแค่ทำบุญสมทบทุนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีเท่านั้น

            กระทั่งครั้งหนึ่งประธาน บี.บี. พรอม. พูดให้เธอฟังว่า...

            “ฉันไม่ได้ทำบุญสร้างภาพ ประชาสัมพันธ์ หรือแค่เอาไปหักลดหย่อนภาษี...แต่ฉันกำลังเดินตามรอยผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง...ซึ่งเคยถามฉันว่า...รวยพอหรือยัง

            บรรพตใช้การกระทำตัวเองแทนคำตอบ



            รายละเอียดที่ได้ยินจากโปรดิวเซอร์คนดังทำให้ดวงตาชายหนุ่มทอประกายอ่อนโยนกว่าเดิม

            เวลานั้นเจ้าของร้าน ‘ลืมหวาน’ ยกถาดเครื่องดื่ม ของหวานมาเสิร์ฟในห้องพอดี

            รอยเธียรสบตาน้องสาวแล้วแกล้งพูดกับพยุหะ

            “เฮ้อ...ยายทวดพิกุลของคุณ ป่านนี้ไปเกิดใหม่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ จะมารับบุญกุศลครั้งนี้ได้เหรอ”

            พยุหะ มัชฌิมาไม่รู้ความลับอดีตชาติรอยธารา ฟังแล้วคิดว่าคนพูดลามปามล้อเล่นผู้ใหญ่

            รอยธาราได้ยินอย่างนี้จึงตอบพี่ชาย

            “บุญกุศลเป็นของดี...ยายทวดพิกุลจะรู้หรือไม่รู้ ได้รับหรือไม่ได้รับ ไม่สำคัญเลย...ประโยชน์อยู่ที่เราได้ทำบุญ ช่วยเหลือคนอื่นแล้วต่างหาก”

            วาจานั้นสร้างความรู้สึกที่ดีแก่ผู้ฟัง เปลี่ยนบรรยากาศในห้องให้สดใสขึ้น

            “จริงอย่างเจ้าน้ำพูด...พี่ลุยขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้เถอะค่ะ แฟน ๆ เขาอยากดูวง Three-Rex ทั้งนั้น...มาร่วมทำบุญกันนะ” มัชฌิมาสนับสนุน

            “เลิกวงมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ใครเขารู้จักเพลงพี่บ้างล่ะ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ

            รอยธาราหันมายิ้มหวานนวดไหล่พี่ชายอย่างประจบ พยายามชักชวนอีกแรง

            “ใครว่า...จำตอนพี่ลุยไปให้กำลังใจน้องผู้หญิงที่ป่วยแล้วร้องเพลงให้ฟังได้มั้ย นอกจากเพลง ‘อย่ายอมแพ้’ แล้ว ทุกเพลงของ Three-Rex ยังมีคนเสิร์ชหา ตามฟังในยูทูปถึงตอนนี้อยู่เลยนะ”



            รอยเธียรนึกถึงภารกิจแทรกก่อนบุกรังเนวะที่โรงพยาบาลร้าง ตอนนั้นแฮกเกอร์กลุ่ม ‘คนหลังจอ’ ขอร้องเขาถ่ายคลิปให้กำลังใจ เกลี้ยกล่อมเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้ยอมผ่าตัด

            เขาช่วยมากกว่านั้นด้วยการไปพูดคุยให้กำลังใจถึงโรงพยาบาล ร้องเพลงจนเกือบเป็นมินิคอนเสิร์ตเล็ก ๆ ในห้องคนป่วย พอเธอยอมผ่าตัดอาการก็ดีเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ข่าวว่าหายป่วยแล้ว

            ผลพวงตามมาคราวนั้นคือชื่อเสียงดีขึ้น เพลงเก่า ๆ สมัยเป็นบอยแบนด์ถูกขอให้ร้องตามอีเวนท์ต่าง ๆ

            แต่...การร้องเพลงตามงานเล็ก ๆ เพลงสองเพลง ไม่เหมือนการขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่คนดูเป็นพันเป็นหมื่น



            “ไปชวนพวกพี่ ๆ อีกสองคนที่อยู่ต่างประเทศมาก่อนสิ วงบอยแบนด์จะร้องคนเดียวได้ไง” คนพูดหาทางเลี่ยง

            นักร้องร่วมวง Three-Rex อีกสองคนไปเรียนต่างประเทศ สานธุรกิจครอบครัว ขยายกิจการมูลค่ามหาศาลจนปัจจุบันตั้งรกรากที่นั่นแล้วทั้งคู่

            “ติดต่อแล้ว พวกเขาบอกว่า...ถ้าลุย Three-Rex โอเค ก็จะมาทันที เพราะอยากรวมวง สร้างความทรงจำดี ๆ อีกครั้ง ก่อนจะแก่กว่านี้...แล้วเต้นไม่ไหว”

            “ไชโย”

            “ไชโย”

            สองสาวอดีตแฟนคลับตัวแม่ร้องยินดีเสียงดัง

            พยุหะมองหญิงสาวด้วยนัยน์ตาดุ นึกหมั่นไส้ขึ้นมานิด ๆ

            “ดีจังเลยค่ะ มาอยากย้อนความทรงจำเก่า ๆ สมัยไปตามเฝ้าเกาะขอบเวทีกับเจ้าน้ำเหมือนกัน” มัชฌิมาออกปากอย่างไม่เกรงใจผู้ชายมาดนิ่งที่นั่งใกล้ ๆ

            “น่านะ...พี่ลุยขึ้นคอนเสิร์ตเถอะ” รอยธาราเขย่าแขนคะยั้นคะยอ “ถ้าคอนฯนี้มีวง Three-Rex ร่วมด้วยนะ รับรองดังแน่ บัตรขายหมดตั้งแต่นาทีแรก ต้องเพิ่มรอบอีกสองสามรอบยิ่งกว่าคอนฯ เกาหลีอีก”

            “นี่...ไอ้เตี้ย...กลายเป็นแม่หมอพยากรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่”

            “โธ่...ไม่รู้เหรอแฟนคลับ Three-Rax เหนียวแน่นแค่ไหน...รับรองด้วยเกียรติของอดีตประธานแฟนคลับเลยว่าคอนนี้ปังแน่”

            หลังโดนเปิดเผยว่าเป็นน้องสาวลุย รอยเธียร เจ้าตัวก็พยายามลดบทบาทประธานแฟนคลับของตนลง จนตอนหลังวุ่นวายเรื่องเปิดร้านแทบไม่มีเวลาส่วนตัว เลยบอกกับสมาชิกตรง ๆ ว่าขอช่วยเหลือห่าง ๆ ดีกว่า

            รอยเธียรหัวเราะทำท่าไม่สนใจ ไม่ยอมตอบรับอยู่ดี

            “เอางี้...ถ้าพี่ลุยขึ้นคอนฯ ครั้งนี้นะ อยากให้ทำอะไรเค้ายอมหมดเลย” น้องสาวใช้ไม้ตายเทหมดหน้าตัก

            “นี่ไอ้เตี้ย เขาจ้างมากี่บาทเนี่ย ทุ่มทุนจัง...เรามีอะไรให้พี่วะ...ร้านนี้เงินใครออกทุน ไหนตอนแรกคุยว่าถ้าได้กำไรจะคืนเงินให้ครบทุกบาททุกสตางค์ไง”

            โดนพี่ชายแฉหญิงสาวก็หน้าม่อย

            ร้าน ‘ลืมหวาน’ มีนายทุนใหญ่เป็นซูเปอร์สตาร์เงินหนา ตั้งใจออกทุนให้น้องสาวสร้างกิจการ แต่เจ้าของร้านกลัวเสียฟอร์มบอกไว้ก่อนว่าจะคืนเงินให้ทีหลัง พอเจอไม้นี้เข้าก็พูดไม่ออก

            นานครั้งรอยเธียรจะทำให้เจ้าตัวแสบจ๋อยได้ พอเห็นทำหน้าแบบนั้นก็ใจอ่อนนึกสงสารหน่อย ๆ แกล้งเอ่ยลอย ๆ

            “จะจัดที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไงไม่เห็นรู้เรื่องเลย...ไม่รู้ว่าจะมีคิวว่างหรือเปล่า”

            พยุหะกำลังจะอธิบายรายละเอียดในงาน รอยธารารีบพูดก่อน

            “ว่าง...เค้าถามคิวงานพี่ลุยกับแม่แล้ว...”

            “อือหือ...ไอ้น้องทรยศ นี่แสดงว่ารู้งานนี้ล่วงหน้า แล้วแอบสมคบคิดกับคนนอกไม่บอกพี่นี่หว่า”

            “ไม่ใช่สักหน่อย” หญิงสาวเถียงอุบอิบ

            “ปกติพี่ลุยก็ว่าง ไม่ค่อยรับงานอยู่แล้ว...ละครก็ไม่เอา หนังก็ไม่เล่น มีแค่ถ่ายโฆษณา เดินแบบ ถ่ายปกหนังสือกับอีเวนท์เดือนนึงไม่กี่ครั้ง เพราะค่าตัวแพงโคตรไม่มีใครกล้าจ้าง”

            ก่อนสองพี่น้องจะเถียงกันยาวกว่านี้ พยุหะขัดขึ้นด้วยเสียงเรียบ ๆ

            “ฟังรายละเอียดของงานก่อนมั้ย” พูดอย่างนี้เพราะแน่ใจว่า ซุป’ตาร์ใจอ่อนแล้ว

            รอยเธียรพยักหน้ารับ ที่จริงเขาอยากช่วยตั้งแต่ได้ยินชื่อ ยายทวดพิกุลแล้ว ที่แกล้งโยกโย้เพราะอยากหยอกล้อน้องสาวเล่นเท่านั้น

            พยุหะพูดถึงรายละเอียดการจัดงาน สถานที่ วันเวลา ศิลปินอื่นที่จะขึ้นเวทีร่วมกัน ทั้งหมดเป็นนักร้องโด่งดังจากเพลงที่พยุหะแต่ง พวกเขายินดีช่วยโดยไม่รับค่าตัว

            จากนั้นแจกแจงถึงรายชื่อโรงพยาบาลที่ต้องการเครื่องมือแพทย์ ขาดแคลนสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ รวมถึงซ่อมแซมบ้านพักแพทย์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คุณหมอผู้เสียสละทำงานในที่ไกล ๆ

            ฟังแล้วจิตใจรอยเธียรเกิดกุศล เห็นว่าทุกคนที่ร่วมงานกำลังสร้างประโยชน์แก่คนจำนวนมหาศาลจริง ๆ

            กุศลที่สร้างร่วมกันเช่นนี้ จะเป็นบันไดขั้นหนึ่งเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายสูงสุดอย่างเคยตั้งใจไว้ในอดีต



            ก่อนเกิดเป็นมนุษย์ ชัยยะนาคาคิดไม่ต่างจากเพื่อนพ้อง ‘ทีมพญานาค’ ว่าอยากมีโอกาสบวชตามรอยพระศาสดา พอเป็นคนจริง ๆ พบพานสิ่งเร้าในโลกมากมาย มีหลายครั้งที่จิตใจไขว้เขว คิดอยากใช้ชีวิต มีความรัก สร้างครอบครัวอย่างคนทั่วไป

            มัชฌิมาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารัก และคิดว่าสามารถสร้างครอบครัวเป็นสุขได้อย่างพ่อแม่

            ทว่า...ส่วนลึกในใจกลับมีคำถาม...เขาต้องการชีวิตแบบนั้นจริงหรือ?

            ที่รอยเธียรรักษาระยะห่างกับหญิงสาว ไม่ใช่แค่คำท้วงติงน้องสาว แต่เพราะยังไม่มั่นใจตัวเอง

            จนกระทั่งพยุหะแทรกเข้ามา จิตใจส่วนลึกเกิดความหึงหวงแต่ไม่แสดงออก

            พอเนวะปรากฏตัวก็รู้ใจตนเองว่ารัก เป็นห่วงมัชฌิมามากแค่ไหน

            ทว่า...มันยังน้อยกว่าผู้ชายอีกคน

            พยุหะ มัชฌิมาเชื่อมโยงจิตใจกันตั้งแต่ตอนวินตกะครุฑบินพากัลยาไปยังกุสินารา ทั้งคู่มีโอกาสเข้าเฝ้า กราบพระพุทธเจ้าร่วมกัน

            พอเข้าใจอย่างนี้ รอยเธียรก็ถอยออกมาโดยจิตใจไม่บอบช้ำ เคยมีโอกาสคุยกับหลวงน้าอย่างจริงจัง ถามท่านว่าควรทำอย่างไรกับเส้นทางชีวิตข้างหน้า

            “ถ้าบวชด้วยใจแบบนี้...อย่าทำ” หลวงน้าดักคออย่างรู้ใจ

            “พระพุทธเจ้าไม่ได้จำกัดว่ามีแค่นักบวชจึงจะพ้นทุกข์ได้เท่านั้น ถ้าฆราวาสปฏิบัติธรรมถูกต้องเพียงพอก็พ้นทุกข์ได้เหมือนกัน”

            เรื่องการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาสำหรับฆราวาส หลวงน้าสอนมาตั้งแต่เด็กจึงไม่อธิบายซ้ำ

            “โลกมีสิ่งเร้าให้ออกนอกลู่นอกทางเยอะ ถ้ามาบวชด้วยใจไม่พร้อมก็เป็นโทษได้เหมือนกัน...กิเลสมันน่ากลัว แต่อย่ากลัวกิเลส...ภาวนาเรียนรู้ดูจิต เห็นกิเลสเกิด-ดับไปเรื่อย ๆ จนได้ประโยชน์จากมันก่อนสิ”

            “นักภาวนาอยู่ที่ไหนก็ต้องอยู่ได้ แค่อย่าเป็นปรปักษ์กับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น”

            หลวงน้าเทศนาเช่นนี้ ใจจึงผ่อนคลายเข้าใจเส้นทางการอยู่กับโลกมากขึ้น

            เขาทำงานพอยังชีพ ไม่โลภกอบโกยเกินกว่าควรได้ หาเวลาปลีกวิเวกภาวนาอยู่กับตัวเองตามสมควร

            สำหรับเรื่องความรักและชีวิตคู่...หากวันไหนพบคนที่มีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญาเสมอกัน เขาก็ไม่ปฏิเสธ เชื่ออย่างยิ่งว่า...คนที่ใช่ จะมาในเวลาที่ถูก...ไม่จำเป็นต้องแสวงหา กรรมดีจะจัดสรรคนดีที่เหมาะสมมาให้เอง




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            พยุหะจบคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับคอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้ ก่อนตั้งคำถามสั้น ๆ

            “ว่าไง”



            ก่อนรอยเธียรให้คำตอบ ด้านในร้านมีเสียงเด็กร้องดังขึ้น ทุกคนบนโต๊ะลุกขึ้นมาดูอย่างสงสัย

            ใจดาราหนุ่มกระตุกวาบรู้สึกว่าเสียงนั้นกำลังเรียกขานตน จึงเดินจากห้องออกไปหา ท่ามกลางสายตาแปลกใจของพยุหะ มัชฌิมา รอยธารา

            ที่หน้าตู้เค้ก เบเกอรี่หลากหลายชนิด หญิงสาวคนหนึ่งกำลังปลอบบุตรชายตัวน้อยที่กำลังร้องไห้งอแง

            พอพ่อหนูเห็นรอยเธียรเดินมาใกล้ก็หยุดร้องฉับพลัน หนำซ้ำยังหัวเราะเอิ๊ก ๆ ทักทายมีความสุข

            “อุ๊ย...น้องลุย” มารดาเด็กอุทานอย่างตกใจที่เห็นซูเปอร์สตาร์ยืนอยู่ข้าง ๆ

            “น้องน่ารักจังนะครับ...กี่ขวบแล้ว” ชายหนุ่มถามโดยสายตาไม่คลาดจากเจ้าตัวเล็ก

            “ขวบกว่าแล้วค่ะ...ชื่อน้องดรากอน” คนเป็นแม่ดีใจที่ดาราดังเอ็นดูลูกชาย

            “ดรา...กอน” รอยเธียรพึมพำ ยื่นปลายนิ้วให้เด็กชายจับ

            “ค่ะ...คือตอนที่กำลังท้อง...อาม่า...เอ่อ...คุณย่าท่านน่ะค่ะฝันเห็นมังกร หรือพญานาคนี่แหละแกอธิบายไม่ถูก ดูท่านยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจเหลือเกินเลยอยากตั้งชื่อแบบนี้”

            ชายหนุ่มยิ้มสว่าง จิตใจเต็มตื้นด้วยความยินดี เด็กน้อยกำปลายนิ้วเขาแน่นอย่างสนิทสนมคุ้นเคย

            “ยินดีต้อนรับนะ...ดรากอน...” เสียงชายหนุ่มขาดหายแค่นั้น ภาพในใจคือบุคคลที่เขาเคารพอย่างยิ่ง

            ...สิงหานาคราช...ผู้นำ ‘ทีมพญานาค’ ตามมาเกิดแล้ว



            ลูกค้าคนนั้นกลับไปอย่างปลาบปลื้ม เพราะนอกจากจะได้เค้ก พายแบบพิเศษแล้ว ยังได้ถ่ายรูปกับซูเปอร์สตาร์คนดัง พอบอกว่าจะพาลูกชายมาที่ร้านบ่อย ๆ ก็ยังได้บัตรลดสิบเปอร์เซ็นต์ตามมาอีก

            ชายหนุ่มกลับมานั่งในห้องอีกครั้ง ทุกสายตามองเขาอย่างแปลกใจ

            “ใครน่ะ...รู้จักเขาเหรอ” รอยธาราถาม

            คนเป็นพี่ชายไม่ตอบ ความปลาบปลื้มยินดีฉายชัดทางใบหน้าแววตา

            พยุหะไม่สนใจเรื่องอื่น วกกลับมาตั้งคำถามเดิมซ้ำ

            “ว่าไง จะยอมขึ้นเวทีมั้ย”

            รอยเธียรกำลังจะตอบรับ พอสบกับดวงตาดุ ๆ น้ำเสียงแบบชอบออกคำสั่งเป็นนิตย์ก็นึกอยากหาเรื่อง

            “ขึ้นก็ได้...ถ้างานนี้โปรดิวเซอร์ดังอย่างคุณพยุหะยอมขึ้นเวทีร้องเพลงด้วย”

            น้ำเสียงฟังคล้ายล้อเล่น แววตาท้าทายชัด

            โปรดิวเซอร์ดังสบนัยน์ตาคู่นั้นโดยไม่หลบ สองสาวนั่งข้างกลั้นลมหายใจรอฟังคำตอบ

            เวลาเพียงอึดใจแต่ดูเหมือนเนิ่นนานกว่าพยุหะจะยื่นมือมาข้างหน้า

            “โอเค ผมขึ้นร้องเพลงก็ได้...ถือว่าเราตกลงกันแล้วนะ” คำตอบรับง่ายดาย

            รอยเธียรยิ้มกว้างบีบกระชับมืออีกฝ่ายแทนการตกปากรับคำสัญญา สองสาวแทบตะโกนร้องลั่นดีใจ ถ้าไม่โดนนัยน์ตาสองคู่หันมามองอย่างกำราบไว้ก่อน



            มัชฌิมาเห็นใบหน้าสว่างสดใส อารมณ์ดีของสองหนุ่มแล้วรู้สึกอากาศรอบกายปลอดโปร่ง เบาสบาย

            ภาพอนาคตปรากฏขึ้นมาราง ๆ

            เธอตอบไม่ได้ว่ารอยเธียรจะดำเนินชีวิตลักษณะไหน ระหว่างฆราวาสหรือบวชในร่มกาสาวพัสตร์อย่างน้าชาย

            รู้แค่เขาจะใช้ชีวิตเหมาะสม ไม่ด่างพร้อยเป็น ‘ไอดอล’ แบบอย่างให้เด็กผู้ชายหลายคนอยากดำเนินรอยตาม

            ผู้ชายคนนี้เหมือนดวงดาวสุกสว่างบนท้องฟ้า สักวันข้างหน้าอาจมีดาวที่สว่างเสมอกันมาอยู่เคียงคู่

            ส่วนพยุหะจะเป็นคู่ชีวิตเสมือนหลักอันมั่นคง เพื่อนร่วมทางผู้มอบความอบอุ่นปลอดภัยแก่เธอไปตราบนาน เส้นทางนั้นอาจมีความขัดแย้ง เกิดปัญหาระหว่างกันบ้างแต่สุดท้ายก็จะจบลงด้วยความเข้าใจ

            เพราะเขายึดมั่นรักษาสัญญาที่ให้เธอไว้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง

            นิมิตภาพอนาคตต่อมา หญิงสาวมองเห็นตนเอง พยุหะ รอยเธียร รอยธารา ดำเนินร่วมกันบนเส้นทางสว่างไสวสายบุญกุศล โดยมีปลายทางคือการพ้นทุกข์ ตามรอยแห่งพุทธองค์

            กว่าจะถึงปลายทางนั้น ต้องใช้เวลาสะสมพากเพียร...ทำเหตุให้ถูกตรง ถึงพร้อม โดยไม่ใส่ใจจะได้รับผลเมื่อใด

            พวกเธอทั้งสี่กลายเป็นสหธรรมมิก...สหายทางธรรมที่เกื้อกูล สนับสนุนกันและกันไปตลอดเส้นทาง

            ด้วยต่างเชื่อว่า...การร่วมทางใด ๆ ไม่มีปลายทางอันงดงาม ทรงคุณค่า เท่ากับร่วมไปบนเส้นทางสู่ความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร...เป็นอมฤตแท้ ไม่ต้องมาเกิดอีก...นั่นคือพระนิพพาน



- - - - - - - - - - - - จบ - - - - - - - - - - - -



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP