วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๓๘



cover Amarit

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ป้ายสำนักอมฤตเด่นชัด

            สภาพด้านในไม่แตกต่างจาก ‘สำนักลวง’ ที่เห็นเมื่อครู่ แตกต่างเพียงสัมผัสรู้สองหนุ่มบอกว่ามัชฌิมา และเนวะอยู่ในสำนักแน่นอน            

            สีหน้าอาจารย์มิ่งเรียบสนิทไม่แสดงอารมณ์ใด คล้ายมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง เมื่อกระทำเสร็จก็รอวาจาผู้เป็นนายจะสั่งการอย่างไรต่อไป

            “พาพวกมันไปที่ห้องคุมขัง” เสียงเนวะดังจากในสำนัก

            “ครับ”

            สมุนเนวะเดินนำหน้าโดยไม่เหลียวดูว่าจะมีใครตามหลังหรือไม่

            พยุหะ รอยเธียรเร่งฝีเท้าติดตามอย่างรวดเร็วไม่สนใจจะมีกับดักใดรออยู่

            ผ่านตึกรับรอง ห้องโถงใหญ่ ลัดเลี้ยวตามห้องต่าง ๆ มาจนถึงห้องที่อยู่ด้านใน บรรยากาศร่มรื่น ควรเป็นห้องพักเจ้าของสถานที่มากกว่าคุกคุมขัง

            ประตูเปิดออกเผยให้เห็นด้านใน มัชฌิมานั่งอย่างสงบ งานที่ทำเสร็จเรียบร้อยพอดี พอเห็นผู้มีเยือนนอกประตูก็ส่งรอยยิ้มสดใสให้พวกเขารู้สึกคลายใจ

            “มากันแล้วหรือคะ” น้ำเสียงไม่ได้บอกเลยว่าอึดอัดทรมานกับการถูกคุมขังแบบนี้

            “ขอโทษ...ที่มาช้าไปหน่อย”

            พยุหะสบตาหญิงสาว ประกายในนั้นสื่อความหมายมากกว่าคำพูดไม่กี่คำที่เพิ่งเอ่ยออกมา

            กระแสความรู้สึกที่ส่งผ่านแววตา สัมผัสได้ว่านี่คือมัชฌิมาตัวจริง ไม่ใช่มายาหลอกลวง

            “อยากออกมาหรือยัง”

            รอยเธียรถามทักทายพร้อมส่งรอยยิ้มสดใส ขายังไม่ก้าวข้ามธรณีประตู ดวงตากวาดมองรอบ ๆ สังเกตเห็นอาจารย์มิ่งไม่ยอมนำเข้าไปข้างใน หนำซ้ำพยายามเลี่ยงออกห่าง เหมือนต้องการไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว

            ผ่านกับดักมากมายจนถึงตรงนี้ สองหนุ่มย่อมไม่ประมาทผลีผลามก้าวเข้าไปยังห้องคุมขังที่เปิดกว้าง ต่อให้เห็นหญิงสาวอยู่เบื้องหน้าก็ตาม

            มัชฌิมาลุกจากเก้าอี้ เดินมาหยุดยืนหน้าธรณีประตู ยิ้มให้พวกเขาพร้อมกล่าวเตือน

            “พี่ลุย คุณพายุอย่าเข้ามาในห้องนะคะ” แววตาเธอส่งรหัสบางอย่างออกมา

            “พี่รู้” รอยเธียรพยักหน้ารับ สังเกตรหัสนั้นอย่างใคร่ครวญ

            พยุหะไม่พูดสัมผัสพิเศษแผ่ออกตรวจสอบรอบห้องอย่างละเอียด

            ห้องใหญ่โตบานประตูเปิดกว้าง มองเหมือนไม่มีกับดักซ่อนเร้น สัมผัสพิเศษชายหนุ่มทั้งสองบอกให้ทราบถึงกำแพงมิติอันแข็งแกร่ง เข้าไปได้ออกมาไม่ได้ มันโอบล้อมแน่นหนายิ่งกว่ากำแพงคุมขังใด ๆ

            สองตาอาจแลเห็นกัน รับ-ส่งข้าวของระหว่างภายนอกภายในไม่ติดขัด หากมีผู้ใดหลุดเข้าไปในห้องนั้น จะก้าวออกมาไม่ได้เด็ดขาด กำแพงที่มองไม่เห็นจะปิดล็อคทันที

            ด้วยพลังทั้งหมดของอดีตสองครุฑนาค อาจทำลายกำแพงมิติรื้อที่คุมขังสำเร็จ แต่จะสูญเสียพละกำลังมากมาย โดนเนวะจู่โจมเพียงกระดิกนิ้วอาจพ่ายแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้แล้ว

            ความเข้าใจบังเกิด พยุหะมองหญิงสาวด้วยแววตากังวล

            “ไม่ให้คนอื่นเข้า...แล้วเธอเข้าไปทำไม” น้ำเสียงดุขัดใจทำอะไรไม่ถูก

            หัวใจเขาร้อนรนกระวนกระวายไปหมด อยากระบายความอึดอัดเป็นห่วงทั้งหมดที่มี พอเห็นอาการสงบเยือกเย็นของหญิงสาวก็พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง

            “ขอโทษค่ะ...ที่มายอมเข้ามาอยู่ในนี้ เพื่อจะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องติดค้างท่านอาจารย์อีกต่อไป”

            คำตอบที่ได้ยินทำให้ผู้ฟังทั้งสองนิ่งอั้น หนักใจ เป็นห่วง แต่สังเกตรู้ถึงน้ำเสียงผิดแปลกจากเดิมคล้ายต้องการบอกอะไรมากกว่านั้น

            มัชฌิมามีวาจาอื่นที่ไม่อาจพูดออกมาได้...หรือ...อยากจะบอกว่า ที่ยอมเข้าคุกก็เพื่อให้เนวะใจอ่อน ยอมละความพยาบาท

            คุกแห่งนี้มั่นคงอย่างยิ่ง จิตใจหญิงสาวที่หวังคลี่คลายความพยาบาทอาฆาตแค้น แข็งแกร่งมั่นคงยิ่งกว่า

            การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เอาชนะเนวะให้ได้อย่างเดียว ต้องทำให้อีกฝ่ายยอมคลี่คลายความบาดหมาง เลิกพยาบาทจองเวรต่อกันด้วย

            เป้าหมายแรกว่ายากเย็นแล้ว เป้าหมายต่อมาแทบเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย

            ต่อให้ฆ่าจนตาย เนวะก็ไม่มีทางละความพยาบาทแค้นใจ

            พยุหะ รอยเธียรเข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้า...ในเมื่อเป้าหมายแรกก็ยาก เป้าหมายสองยากเย็นกว่า พวกเขามองหาเป้าหมายที่สาม

            พอคิดถึงเป้าหมายที่สามก็อดระลึกถึงรหัสในแววตา น้ำเสียงหล่อนที่แปลกจากเดิมไม่ได้

            สิ่งที่มัชฌิมาต้องการบอก อาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคิด

            เธออาจต้องการชี้วิธีแหกคุก แต่บอกตรง ๆ ไม่ได้เพราะถูกเนวะจับตามองทุกฝีก้าว

            สายตา จิตสัมผัสตรวจสอบคุกคุมขังอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่ปล่อยให้แม้ฝุ่นทรายเล็กน้อยพลาดสายตา สะดุดเข้ากับจุดเล็ก ๆ บางจุดบนกำแพงมิติอันแข็งแกร่ง

            ...หน้าธรณีประตู...

            ที่ตรงนั้นมีรอยน้ำหมาด ๆ ทิ้งเป็นคราบเอาไว้ ด้วยสัมผัสแห่งครุฑ-นาครับรู้ถึงส่วนผสมหลายอย่างที่ปรุงเป็นยาถอนพิษ และสิ่งที่ใช้เป็นกระสายตัวทำละลาย เชื่อมส่วนผสมต่าง ๆ เข้าด้วยกันคือน้ำมนตร์ที่ผ่านการแช่ผลึกครุฑนาคมาแล้ว!

            รอยคราบน้ำบอกให้ทราบว่าถูกเทจากบุคคลนอกห้องขัง เพราะหากเทจากมิติด้านในจะไม่สามารถสร้างจุดอ่อนรอยร้าวตรงนี้ได้เลย

            อำนาจแห่งน้ำมนตร์ผลึกครุฑนาคสร้างรอยร้าวเล็กบาง กระทั่งเนวะผู้หยิ่งยโสเทยาถอนพิษทิ้งตรงนี้ยังไม่ทันสังเกตระวังตัว

            เขื่อนแข็งแกร่งใหญ่โตพังทลายด้วยรอยแตกเล็กน้อยฉันใด กำแพงมิติที่ล้ำเลิศก็ถูกทำลายด้วยความพลาดพลั้ง ลืมตัวได้ฉันนั้น

            ปลายนิ้วพยุหะ รอยเธียรชี้ออกไปเบื้องหน้าพร้อมกัน ลำแสงเรียวสีเงินเจิดจ้าพุ่งออกไปพร้อมกับเพลิงนาคาแดงเข้มจัดตา จ่อตรงจุดที่มีรอยคราบน้ำทิ้งไว้

            ณ จุดนั้นบังเกิดแรงต่อต้านสะท้อนกลับรุนแรง เล่นเอาสองหนุ่มผงะเกือบล้ม ต้องถอยหลังใช้ขายันตัวไว้ก่อนร่วมกันทุ่มเทพลังระลอกใหม่ หวังฉีกรอยร้าวให้ขยายกลายเป็นประตูสู่อิสรภาพ

            อาจารย์มิ่งซุ่มดูเหตุการณ์ไม่ไกล คิดเข้าไปขัดขวาง พอขยับตัวนิดเดียวแข้งขาก็เกร็งค้างเหมือนเป็นอัมพาต ด้วยอดีตครุฑนาคทั้งสองต่างแผ่เกราะป้องกันเอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาลอบทำร้าย

            แว่บ...จากจุดคราบน้ำรอยร้าวเล็ก ๆ เริ่มปริแตกเป็นเส้นหงิก ๆ งอ ๆ ขึ้นไปจนจดขอบวงกบประตูด้านบน เส้นแสงสีเงินส่องเรืองออกมาบาง ๆ

            พยุหะ รอยเธียรยกมือข้างที่เหลือทำท่าพยายามฉีกรอยแยกให้กว้างขึ้น พอให้คนตัวเล็กบางลอดออกมาได้

            มัชฌิมาคว้ากระเป๋าตนขึ้นสะพายแล้วรีบออกจากที่คุมขังโดยไม่รอคำเรียกขาน

            ทั้งหมดใช้เวลาสั้น ๆ ไม่ถึงครึ่งนาที

            ปึง...รอยแยกประตูคุกดีดปิดสนิท ส่งแรงสะเทือนปะทะสองหนุ่มจนเซแซ่ดถอยหลังสามสี่ก้าว

            แรงปะทะนั้นคุ้มค่ายิ่งเมื่อนำหญิงสาวออกมาได้

            “รีบไปกันเถอะ” รอยเธียรคว้ามือมัชฌิมาเตรียมออกจากเมืองอมฤต

            พยุหะยืนนิ่งลังเล พลังครุฑาเวลานี้สูงสุดเกินกว่าจะได้รับซ้ำเป็นครั้งที่สอง หากกลับออกไปแล้วต้องคืนฤทธีทั้งหมดกลับไป พอศัตรูร้ายหายบาดเจ็บ ออกมาตามล่าล้างพวกตนอีกจะมีอะไรไว้ต่อกร

            ...คนอย่างเขาไม่คิดรามือยอมให้จัดการตามใจชอบแน่...

            รอยเธียรเป็นห่วงสวัสดิภาพมัชฌิมาอันดับแรก ต่อให้เธอเคยเป็นรุกขเทพธิดาก็ใช่ว่าจะมีฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ใด อยู่ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือดอาจพลาดพลั้งเป็นอันตราย

            ความคิดสองหนุ่มแยกเป็นสองทาง ไม่มีเวลาปรึกษาหาหนทางอันเหมาะสม

            ผู้ที่ตัดสินใจแทนคือเจ้าของสถานที่!

            พรึบ...พรึบ...พรึบ...ห้องคุมขังมัชฌิมาหายวับ ตามด้วยห้องหับต่าง ๆ ในสำนักอมฤต จากนั้นเป็นบ้านเรือน ถนนหนทาง สิ่งปลูกสร้างทุกอย่างทยอยหายราวกับเล่นกล

            ฮ่า ฮ่า ฮ่า กระแสเสียงหัวเราะลั่นดังกึกก้องไปทั่ว พื้นที่ยืนสั่นสะเทือนไม่ต่างจากแผ่นดินไหวขนาดย่อม

            บัดนี้สิ่งต่าง ๆ ในเมืองอมฤตล้วนสลายวับไม่เว้นกระทั่งขุนเขา แมกไม้ สายน้ำ

            รอบด้านกลับกลายเป็นทะเลทรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สายลมวู้หวิวดังเป็นระลอกบอกความแห้งแล้งกันดาร

            เสียงหัวเราะหยุดกึก ร่างเนวะผุดขึ้นกลางทะเลทรายทีละคน ทีละคนอย่างรวดเร็ว จนรอบกายหนุ่มสาวทั้งสามถูกห้อมล้อมด้วยกองทัพคนที่มีใบหน้ารูปร่างไม่ผิดจากเนวะเต็มไปหมด หนำซ้ำยังมีอาวุธครบมือเตรียมเข้ามาประหัตประหาร
            
            “นังศิษย์ทรยศ” เสียงก่นด่าสะเทือนเลื่อนลั่น เนวะตั้งใจไม่โกรธแต่อดไม่ได้ “คิดไม่ถึงเอ็งจะวางแผนออกจากที่คุมขังเช่นนี้”
            
            น้ำเสียงกราดเกรี้ยวด้วยโทสะ ไม่ใช่เพราะหญิงสาวแหกกำแพงมิติ ออกจากคุกแน่นหนามาได้ แต่โกรธที่พลาดหลงกลเป็นคนเทยาถอนพิษบนธรณีประตู สร้างรอยร้าวเปิดทางหนีแก่เชลยด้วยตัวเอง

            ศิษย์ทรยศแหกคุกยังไม่มีโทสะเท่าตนเองพลาดท่า เปิดทางหนีอย่างโง่งมด้วยความหยิ่งผยองไม่รู้ตัว

            รอยเธียรสบตาพยุหะ มือยังจับมือมัชฌิมาแน่น

            “ไปกันเถอะ”

            เขาพูดกับคู่หูพร้อมส่งสายตาบอกให้จับมือหญิงสาวอีกข้างเพื่อพาทะลุมิติเนวะออกจากดินแดนศัตรู

            “คิดว่าเมืองอมฤตเป็นสถานที่อยากมาก็มา...อยากไปก็ไปได้อย่างใจงั้นรึ”

            เนวะอ่านใจฝ่ายตรงข้ามออก กระแสพลังงานมหาศาลแผ่เป็นวงคลื่นแรงกล้าเข้ามาสกัดกั้นทางหนีสามหนุ่มสาวทันที

            ปึง ปึง ปึง เสมือนถูกโอบล้อมด้วยกำแพงไร้รูป ลำพังพวกเขาหนีออกไปไม่ยากนัก ลำบากต้องพามัชฌิมาออกไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น

            แผนการถูกเปลี่ยนทันที

            รอยเธียรปล่อยมือหญิงสาวพร้อมกับลากนิ้วขีดวงพญานาคไว้ป้องกันร่างเธอ พยุหะเห็นอย่างนั้นจึงเขียนเส้นเป็นลายแห่งครุฑซ้อนขึ้นอีกชั้น นับเป็นปราการอันปลอดภัยที่สุดแก่หญิงสาว

            “ห้ามออกจากวงนี้นะ” ชายหนุ่มสำทับด้วยแววตาดุ

            “ค่ะ...มาทราบว่าควรทำยังไง”

            มัชฌิมาตอบรับพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่แสดงความหวั่นไหวหวาดกลัว เปิดโอกาสให้พวกเขาทำหน้าที่อย่างสบายใจเต็มกำลัง

            พยุหะ รอยเธียรเกิดพลังใจขึ้นมาเปี่ยมล้น คล้ายเห็นรอยยิ้มนั้นเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะ



            เมื่อหญิงสาวอยู่ในกำแพงพลังครุฑนาคอันแข็งแรงแน่นหนา สองหนุ่มวางใจหันไปเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายเป็นกองทัพโดยปราศจากความพรั่นพรึง

            คึ่ก คึ่ก คึ่ก แผ่นดินสะเทือนไหวเมื่อกองทัพเนวะพร้อมอาวุธร้ายกาจบุกตะลุยเข้ามา หวังบดขยี้ให้สิ้นซาก

            พยุหะ รอยเธียรสำรวมจิตมั่น เปล่งพลังแห่งครุฑและนาคาออกมาเต็มที่

            ฝุ่นทรายรอบกายหมุนคว้างเป็นวงทีละวง ทีละวง แต่ละวงใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นกองกำลังต่อต้านทัพใหญ่ มันบิดเกลียวเช่นเดียวกับพายุงวงช้างจำนวนนับสิบนับร้อยดาหน้าเข้าใส่กองทัพเนวะด้วยความรุนแรงกราดเกรี้ยว

            กองทัพเนวะถูกพายุหมุน ดูดขึ้นไปเป็นจำนวนมาก พวกมันไม่เสียรูปขบวนไม่เปล่งเสียงร้องโอดโอย จนกระทั่งทั้งกองทัพถูกพัดขึ้นไปหมด สิ่งประหลาดค่อยบังเกิดตามมา

            ร่างเนวะจำนวนนับหมื่นนับแสนหลอมรวมเข้ากับพายุทรายแต่ละลูกกลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วแปรสภาพเป็นเนวะร่างใหญ่ยักษ์เท่าภูเขาขนาดย่อมยืนแทนที่

            กองทัพร่างปกตินับหมื่นนับแสน แปรเปลี่ยนเป็นกองร้อยยักษ์ใหญ่ยืนแสยะยิ้มย่ำเข้าหาเหยื่ออย่างย่ามใจ ขนาดตัวพวกมันเทียบกับสองหนุ่มประจันหน้าแล้วไม่ต่างจากพญาช้างสารกับมดตัวน้อยเลย

            ทว่า...มดน้อยทั้งสองไม่ใช่ธรรมดา เพียงพริบตาเดียวก็เลือนหายไปกับฝุ่นทราย ปรากฏกายแทนด้วยร่างพญาครุฑเต็มรูป กับพญานาคาขนาดมหึมา เข้าโรมรันต่อสู้กับฝูงยักษ์เนวะอย่างดุเดือดไม่ยอมแพ้

            หนึ่งครุฑ หนึ่งนาคาเข้าแยกฝูงยักษ์แปลงเนวะเป็นสองฝั่ง ใช้ความรวดเร็วว่องไวโจมตีไม่ทันให้ตั้งตัว

            พญาครุฑกางปีกบินร่อนอหังการ กรงเล็บแหลมคมตะปบทางใดฝูงยักษ์แตกกระเจิง จงอยปากจิกตีรุนแรง ปีกแข็งแกร่งโบกสะบัดแต่ละครั้งทำเอาศัตรูล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า

            พญานาคามิได้อ่อนด้อยกว่ากัน ลำตัวยาวมหึมาเลื้อยปราดคล่องแคล่ว หางเหวี่ยงฟาดกวาดฝูงยักษ์เป็นแถบ ปากพ่นเพลิงพิษ ลำตัวแกร่งดุจเหล็กตวัดรัดเหยื่อตนใดล้วนไม่เคยพลาด อำนาจทำลายล้างไม่น้อยกว่ากัน

            ทะเลทรายกว้างเป็นสมรภูมิอันไพศาล รองรับคู่ต่อสู้มากฤทธิ์ ทรงอานุภาพสะเทือนฟ้าดินให้มาโรมรัน ต่อสู้อย่างอิสระไม่มีขอบเขตจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ



            มัชฌิมาอยู่ในวงล้อมแน่นหนาเสมือนเกราะพญานาค กำแพงพญาครุฑ ป้องกันอันตรายลูกหลงแผ่มากระทบ ยามมองดูการต่อสู้ดุเดือดเบื้องหน้าก็อดหวั่นใจ กระวนกระวายไม่ได้

            เธอรู้ว่าผลการต่อสู้จะเป็นเช่นไร ใจยังกังวลเป็นห่วง หากนิมิตคลาดเคลื่อน ภาพอนาคตไม่ตรงกับสิ่งที่จะเกิดจริง ผู้รู้สึกผิดที่สุดย่อมเป็นตัวเอง

            หญิงสาวเห็นภาพอนาคตกระจ่างชัด ทราบว่าต่อให้ไม่เสนอตัวนำยาถอนพิษมายังเมืองอมฤต เนวะก็จะยังไม่วุ่นวาย ไม่รบกวนพวกตนอีกร่วมปี

            ทว่า...ช่วงเวลานั้นจะมีบุคคลพิเศษ อัจฉริยะด้านต่าง ๆ ถูกชักชวน เกลี้ยกล่อม กระทั่งล่อลวงให้เข้ามาเป็นศิษย์ อาศัยอยู่ในเมืองอมฤตเป็นสมุนเนวะจำนวนมาก

            เวลาไม่ถึงหนึ่งปี เมืองอมฤตจะแข็งแกร่ง มั่นคง สมบูรณ์ เต็มไปด้วยบุคคลพิเศษ เนวะรักษาบาดเจ็บหายขาด พละกำลังฤทธิ์เดชเพิ่มพูนอีกสามสี่เท่าตัว

            ถึงตอนนั้น ไม่มีทางใดทำลายอัตตาเนวะ สั่นสะเทือนเมืองอมฤตได้อีกต่อไป พวกเธอไม่ต่างจากลูกหนูในกรงเล็บเสือ ดิ้นรนอย่างไรไม่มีทางรอด

            ดังนั้นต้องบุกเมืองอมฤตเวลานี้...

            ทุกอย่างเป็นไปตามแผนมัชฌิมาวางไว้โดยไม่ผิดพลาด องค์มหาครุฑช่วยทำลายผลึกฯ พลังกลับคืนสู่พยุหะ รอยเธียรเป็นทวีคูณ

            พอฝ่ากับดักมาถึงตรงนี้ พละกำลังฤทธีพญาครุฑ พญานาครวมกันพอจะสูสี ก้ำกึ่งกับเนวะแบบตัดสินลำบาก

            เพียงแต่...หลังปรากฏผลการต่อสู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...มัชฌิมาไม่แน่ใจ

            ภาพอนาคตหลังจากนั้นไม่นิ่ง ดูเลือนราง ตอบไม่ถูกสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

            ...เนวะจะละความพยาบาท หรือฝังความแค้นรอเวลาเอาคืนอย่างเคย...

            ที่กล้าดำเนินแผนมาจนถึงตอนนี้เพราะรู้ว่า...ปล่อยให้เนวะสร้างเมืองอมฤตสำเร็จสมบูรณ์ไม่ได้เด็ดขาด

            ผู้นำทรงฤทธิ์เหนือโลก สมุนอัจฉริยะความสามารถครบทุกด้าน เมืองเร้นลับสมบูรณ์พร้อมอยู่อีกมิติ ไม่สามารถเสาะหาพบด้วยวิทยาการปัจจุบัน

            ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดสามารถบัญชาการโลกภายนอกให้ขับเคลื่อนตามความต้องการได้อย่างใจ

            ...แล้วปุถุชนผู้เปี่ยมด้วยกิเลส อัตตาใหญ่ยิ่งเช่นเนวะ จะนำพามนุษย์ผู้ด้อยกว่าตนทุกด้านไปในทิศทางไหน...ถ้าไม่ใช่หนทางวิบัติล่มจม!

            สำหรับมัชฌิมา...การนำตัวเองเข้าเสี่ยงเช่นนี้มันคุ้มค่าแล้ว



            ผลการต่อสู้ยังไม่ปรากฏเร็วนัก

            ฝูงยักษ์แปลงเนวะล้มเกลื่อนกลาดระเนระนาดทั่ว...ทว่า...ทุกครั้งที่พวกมันล้มทับก่ายเกยกัน แต่ละร่างสามารถรวมตัวเป็นหนึ่งขึ้นมาใหม่ ร่างใหญ่ ทรงฤทธิ์กว่าเดิม

            การต่อสู้ดุเดือดเผ็ดร้อนผ่านไปครู่ใหญ่ ฝูงยักษ์นับร้อยก็รวมร่างเหลือเพียงแค่สอง เป็นสองยักษ์แปลงร้ายกาจเรืองฤทธิ์ มากด้วยพละกำลังกว่าเดิมหลายเท่าตัว ฟาดฟันต่อต้านหนึ่งครุฑ หนึ่งนาคจนถอยร่น เสียกระบวนหลายครั้ง

            บรรยากาศร้อนระอุในทะเลทรายเป็นเสมือนพลังขับเคลื่อนชั้นดีแก่ยักษ์แปลง แต่กลับดึงดูดพลัง สร้างความอ่อนแอ ทำให้สองครุฑ-นาคเรี่ยวแรงถดถอย

            เนื่องด้วยมันเป็นสภานที่กอปรสร้างด้วยพลังแห่งเนวะ จึงเหมาะสม ส่งเสริมเกื้อกูลตนเอง ลิดรอนทำลายความเข้มแข็งสดชื่นฝ่ายตรงข้าม

            สองครุฑนาคสบตากับแวบเดียว ขืนฝืนสู้ในสถานที่เช่นนี้พวกตนย่อมตกเป็นรอง อาจเพลี่ยงพล้ำพลาดท่าได้ จำเป็นต้องแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน

            พญาครุฑรวบรวมกำลังบุกโจมตียักษ์แปลงทั้งสองพร้อมกัน ปล่อยให้พญานาคามีโอกาสใช้พลังตนเปลี่ยนแปลงสถานที่แห่งนี้เสียใหม่

            ร่างยาวเหยียด ลำตัวมหึมาพุ่งขึ้นยังท้องฟ้า เลื้อยปราด ๆ ผ่านหมู่เมฆอย่างรวดเร็วพร้อมเปล่งคาถาแห่งนาคอันยิ่งใหญ่ สร้างความเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโดยรอบฉับพลัน

            ครืน ครืน ท้องฟ้าสดใสเหนือสมรภูมิทะเลทรายปรากฏหมู่เมฆดำทะมึน หนาทึบลอยเคลื่อนเข้ามาจำนวนมาก ปิดบังท้องฟ้าแจ่มใสกลายเป็นหม่นมัว

            เมฆดำลอยต่ำอุณหภูมิลดลงรวดเร็ว ความสลัวมัวกลายเป็นตาข่ายครอบคลุมทะเลทรายทั้งผืนจนน่าหวาดกลัว

            ซู่...ซู่ สายฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา นาคาเลื้อยฉวัดเฉวียนเริงร่าเล่นน้ำฝนพละกำลังเพิ่มพูน ก่อนพุ่งตัวเข้าหายักษ์แปลงทั้งสองตน รับมือแทนพญาครุฑชั่วคราว

            ร่างแห่งเจ้าปักษาทะยานฟ้าอาบหยาดพิรุณจนชุ่มโชก สะบัดปีกขับไล่กระไอร้อนจนสิ้น บังเกิดความสดชื่นเรี่ยวแรงกลับคืนแล้วโผเข้าใส่ยักษ์แปลงเนวะ แบ่งภาระจากพญานาคคู่หูอีกครา

            ยักษ์แปลงเนวะทั้งสองรับรู้ความเปลี่ยนแปลงบรรยากาศรอบตัว ทราบว่าสถานที่เช่นนี้ตนไม่อาจมีเปรียบอีกฝ่าย หนำซ้ำผืนทรายเปียกน้ำ พายุฝนกระหน่ำหนักยิ่งทำให้ตนขยับกายเชื่องช้า รับมือลำบากตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเอง

            พญาครุฑ พญานาคฟื้นฟูกำลังรวดเร็ว ต่างพุ่งจู่โจมยักษ์แปลงเนวะเต็มที่ สายฟ้าฟาดมาจากพลังครุฑ ตามด้วยเพลิงนาคาอันร้อนแรง สรรพเสียงดังอื้ออึง ประกายสีสันพร่างพรายเต็มไปหมด

            ในมือยักษ์แปลงเนวะมีอาวุธพิสดารยากอธิบาย สามารถรับสายฟ้าและเพลิงนาคาโดยเฉพาะ จากนั้นใช้อาวุธอื่นผุดขึ้นมารุกไล่ต่อสู้ตอบโต้อย่างไม่สิ้นสุด

            เวลาแห่งการสัประยุทธ์ยืดเยื้อไปย่อมไม่เกิดผลดี สองนาคครุฑสื่อใจถึงกันกำหนดเวลาเผด็จศึก

            หนึ่งครุฑ หนึ่งนาครุกไล่สองยักษ์แปลงจนพวกมันถอยร่นหันหลังชนกัน จากนั้นรวบรวมฤทธีทั้งมวลเปล่งเป็นหนึ่งอสุนีบาตสีเงินยวงทรงอานุภาพ และอีกหนึ่งเพลิงนาคาสุดร้อนแรงแปรเปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นน้ำเงินจัดจ้า

            เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ... พรึบ ... ฟู่ ... พลังแตกต่างสองฟากเข้าปะทะสองยักษ์แปลงในเวลาเดียวกัน บังเกิดพระเพลิงสุดประหลาดแผดเผาคู่ต่อสู้ชนิดไม่เหลือหนทางให้หลบรอด

            ยักษ์แปลงเนวะถูกอสุนีบาตฟาดจนมอดไหม้ แล้วเพลิงนาคาลุกท่วมแผดเผาต่อไม่ยอมให้เหลือซาก

            วินตกะครุฑลอยตัวเหนือเวหา ชัยยะนาคาเลื้อยล่องท่ามกลางหมู่เมฆาเหนือม่านพิรุณ

            พวกเขารู้...การต่อสู้ยังไม่จบ

            พายุฝนหยุดแล้ว ซากดำไหม้เกรียมของสองยักษ์แปลงเนวะป่นละเอียดกลายเป็นฝุ่นผงสีดำคละเคล้าอยู่ในผืนทราย

            ทว่าไม่นานนักผงคลีขี้เถ้าสีดำทั้งหลายต่างขยับตัวราวกับมีชีวิต ค่อยเกาะตัวเป็นก้อนจำนวนมากกลิ้งมารวมกันอย่างช้า ๆ กอปรรูปร่างเป็นเนวะผู้ทรงฤทธิ์อีกครั้ง

            ครานี้ยักษ์แปลงเนวะยิ่งใหญ่กว่าเดิม...



            วินตกะครุฑมีจิตใจพยุหะแทรกอยู่ ชัยยะนาคาก็มีจิตใจรอยเธียรผสานเป็นหนึ่งเดียว ยามเห็นร่างแปลงเนวะล่าสุดยังอดนึกสยดสยองเหน็บหนาวใจไม่ได้

            การแปลงร่างเป็นพญาครุฑ พญานาคคราวนี้กระทำได้ครั้งเดียว หากโชคดีได้ชัย รอดตายก็ต้องคืนฤทธาอดีตชาติกลับไป...ไม่ต้องพูดถึงว่า ถ้าพ่ายแพ้จะเกิดผลอย่างไร

            โรมรันต่อสู้จนถึงตอนนี้ สองหนุ่มใช้พลังตนจนถึงขีดสุดไม่รู้จะเอาพลังไหนมาต่อสู้อีก

            เมื่อทุ่มเทพลังออกไปขนาดนั้นแล้วมาเห็นการแปลงร่างเนวะรอบนี้จึงรู้ชัดว่าศัตรูร้ายสามารถดึงพลังซ่อนเร้น ก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองออกมาก่อนแล้ว

            ถ้าพวกตนจะเอาชัยขั้นเด็ดขาดต้องข้ามขีดจำกัดความสามารถออกมาให้ได้เช่นกัน

            การต่อสู้ยกนี้จึงเป็นการตัดสินชะตากรรมบุคคลทั้งสาม

            อดีตครุฑ-นาคจะได้ชัย หรือเนวะจะครองความเป็นใหญ่ไร้ผู้ต่อต้าน?



            เมื่อครู่ขณะรับอสุนีบาตครุฑ เพลิงนาคาขั้นสูงสุด เนวะคิดว่าตนคงไม่รอดชีวิต จึงรวบรวมพลานุภาพทั้งมวลต้านรับอย่างไม่กลัวตาย

            อาคม ธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สะกดพิษนาคราชถูกทำลายสิ้น พิษร้ายเพิ่มกำลังรุนแรงทวีคูณ ทั้งร่างเจ็บปวดทรมานรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน

            ความเจ็บปวดรุนแรงที่บังเกิด การฝืนดึงพลังทั้งมวลออกมาต่อต้าน จิตใจมุ่งมั่นเอาชนะไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมถอยอย่างแรงกล้า กระตุ้นพลังเร้นลับข้างในที่ตนไม่เคยรู้จักออกมามหาศาลไม่หมดสิ้น

            ร่างแปลงเนวะครั้งนี้จึงใหญ่โตมหึมากว่าเดิมสามสี่เท่าตัว มือผุดออกมาด้านละสองรวมทั้งหมดสี่ข้าง เล็บงอกยาวแหลมคมกริบ แกร่งยิ่งกว่ากรงเล็บพญาครุฑ ใบหน้าผุดเพิ่มขึ้นมาทางด้านหลัง ประกายตาสองคู่เจิดจ้าทรงมหิทธานุภาพชวนตระหนก

            มหายักษ์แปลงครั้งนี้จึงเป็นมหาฤทธีก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ดึงพลังเร้นลับภายในออกมาอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน เมื่อเทียบขนาดรูปร่างกันแล้วครุฑ-นาคทั้งสองดูคล้ายเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงของผู้ทรงฤทธิ์เท่านั้นเอง

            ครืดดดด...ครืนนนน...เพิ่งแค่ลมปากเป่า บังเกิดวายุรุนแรงพัดพาเมฆาหนาทึบให้คลี่คลาย กระจายตัวออก เผยท้องฟ้าสีหม่น สว่างรำไร แสงไม่เจิดจ้าเท่าเวหาเหนือทะเลทรายในคราแรก

            มหายักษ์เนวะยืนเด่นตระหง่าน ลำแสงผ่านชั้นเมฆทอดจับร่างดูมลังเมือง แววตากร้าวแกร่งเบิกกว้างเพ่งมองศัตรูทั้งสองอย่างไม่ต้องการให้อยู่ร่วมแผ่นดิน เล็บอันแหลมคมยืดหดได้อย่างใจ อีกทั้งแปรเปลี่ยนเป็นสารพัดอาวุธสังหารตามแต่ใจเจ้าของปรารถนา

            วินตกะครุฑ ชัยยะนาคาเชื่อมโยงทางจิต สื่อสารหาหนทางเอาชนะ วางแผนเคลื่อนไหวจู่โจมประสานสอดคล้องกัน เสมือนรบด้วยแม่ทัพคนเดียว

            วิ้ดดดด...เสียงแหลมสูงลากยาวดังขึ้นขณะพญาครุฑโผบินลงมาจู่โจมมหายักษ์แปลง เวลาเดียวกับพญานาคาบิดกายเลื้อยปราดจากหมู่เมฆาพ่นเพลิงพิษนำหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างไม่เกรง

            มหายักษ์แบ่งแยกสองมือด้านหนึ่งรับการจู่โจมจากครุฑ สองมืออีกด้านรับเพลิงพญานาค นัยน์ตาสองคู่จับมองศัตรูชนิดไม่คลาดคลา มันสมองฉับไวแปลงปลายเล็บเป็นอาวุธประหลาดสร้างบาดแผล รอยเจ็บปวดแก่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วไม่ทันกะพริบตา

            เพลิงพิษถูกลมหมุนจากปลายนิ้วเนวะซัดตีกลับย้อนคืนเจ้าของ ปลายปีกพญาครุฑเจอกรงเล็บคู่ต่อสู้จนบาดเจ็บ ใช้อสุนีบาตซัดไปกี่ครั้ง อีกฝ่ายก็ต้านรับง่ายดาย

            การต่อสู้ดุเดือด ทุ่มเทจนสุดกำลังสองครุฑ-นาค ยิ่งนานก็มองเห็นลางแพ้รำไร พละกำลังมหายักษ์ทวีคูณขึ้นทุกขณะ ส่วนพวกตนถดถอยอ่อนล้าลงทุกที

            จากรุกไล่กลายเป็นถอยร่น มหายักษ์เนวะใช้สรรพฤทธิ์จากปลายเล็บแบ่งแยกกำลังโจมตีครุฑ-นาคจนถอยไม่เป็นท่า ขนาดร่างใหญ่โตกว่ามหาขุนเขาก็ยังเคลื่อนไหวรวดเร็ว ว่องไว เดี๋ยวปรากฏทางพญาครุฑ เดี๋ยวหายไปทางพญานาค รุกไล่สองชาติพันธ์ที่แตกต่างจนแทบไม่มีทางเหลือให้ต่อสู้

            วินาทีทดท้ออ่อนใจ เกือบยอมพ่ายแพ้แก่ศัตรูร้าย สองสายตาเหลือบเห็นมัชฌิมาที่อยู่ในเกราะพญานาค กำแพงพญาครุฑ เกิดความรู้สึกร่วมกันว่า หากพวกตนพ่ายแพ้ ชะตากรรมหญิงสาวจะเลวร้ายขนาดไหน

            ...พวกเขาจะแพ้ไม่ได้...เป็นตายอย่างไรจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเผชิญการเหยียบย่ำจากเนวะเด็ดขาด...

            ครุฑ-นาคสบตากัน พบแววแห่งความรักที่มีต่อหญิงสาวปรากฏฉายชัด ต่างฝ่ายไม่รู้สึกริษยาหรือต้องการแข่งขันกัน ด้วยความรักที่มีนั้นเกิดจากรากฐานความเมตตา สงสาร ไม่มีความรู้สึกอยากถือครองแต่แรก มีแค่ใจปรารถนาดีเป็นห่วงต้องการช่วยเหลือ เกื้อกูล

            หัวใจรักเช่นนี้คล้ายสายฝนอันชุ่มเย็นในวสันตฤดู สามารถกลมกลืนหลอมรวมเป็นหนึ่ง สร้างสรรค์พลังงานด้านบวกทรงคุณค่าเกินกว่าคนทั่วไปจินตนาการถึง

            ...เฉกเช่นผลึกครุฑนาค...

            ...ผลึกนั้นใสสะอาด บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทรงพลานุภาพกระทั่งองค์มหาครุฑยังชื่นชม...

            ผลึกถูกสร้างด้วยหัวใจรักเมตตา ปรารถนาดีอย่างจริงใจ ทำให้สองชาติพันธ์ที่เคยเป็นอริศัตรู เกิดใจอ่อนโยน ร่วมมือรวมใจเป็นหนึ่ง สรรค์สร้างสุดยอดผลึกธาตุทรงอานุภาพขึ้นมาได้

            ยามนี้ก็เช่นกัน ความรักเมตตาอันบริสุทธิ์กำลังสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้ง

            เมื่อหนึ่งครุฑ หนึ่งนาคาหลอมรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง คล้ายกับช่วงเวลาสร้างผลึกครุฑนาค ทำให้เกิดพลังงานประหลาดทั้งกร้าวแกร่งและอ่อนโยนอย่างลงตัว มันทะลุขีดจำกัดของทุกอิทธิฤทธิ์ เหนือกว่าสุดยอดศัสตราวุธใด ๆ กลายเป็นพลังงานไร้รูป ไร้สีสัน ทรงพลังเกินหยั่งคาด

            การโจมตีครั้งสำคัญเดิมพันด้วยชีวิตมาถึงแล้ว

            พญาครุฑ พญานาคลอยตัวสูงขนาบหน้าหลังมหายักษ์แปลงเนวะ พลานุภาพร้ายกาจไม่อาจมองเห็นด้วยตาถูกปล่อยออกมาในแง่มุมที่ศัตรูร้ายคาดไม่ถึง

            เวลาเดียวกันนั้นมือทั้งสี่ของเนวะต่างยกขึ้นยันต้านรับรอบด้าน เปล่งสุรเสียงดังกึกก้องพร้อมปล่อยพลังงานขั้นสูงสุดจากฝ่ามือทั้งสี่ออกปะทะ พุ่งเข้าใส่ครุฑ-นาคอย่างไม่เกรง

            นี่คือหมากตาสุดท้าย การปะทะที่ใช้ชีวิตตนเองเป็นเดิมพัน

            ...บรึ้ม...



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP