วรรณกรรมนำใจ Lite Literature
อมฤต ๓๒
ชลนิล
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
สัญญาณพิเศษกระทบความรู้สึกรอยเธียรจนชะงัก มองรอบห้องผู้ป่วยเหมือนมีใครเรียกหา เห็นบิดามารดายังนอนพักผ่อนไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง จึงออกจากห้องขึ้นไปยังดาดฟ้าโรงพยาบาล
บนดาดฟ้าปูหญ้าเขียวขจีสะอาดตา แต่งเป็นสวนหย่อมปลูกดอกไม้ให้ผู้ป่วยขึ้นมาพักผ่อนรับอากาศภายนอก
ขณะนี้ไม่มีบุคคลอื่น ชายหนุ่มยืนกลางสนามหญ้ากวาดสายตาทั่วจนพบงูจงอางเผือกสามตัว แต่ละตัวขนาดเท่าแขนนักกล้าม งูเห่าดำเมื่อมลำตัวไม่เล็กกว่ากันอีกสี่ตัว กำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยแสดงอาการทักทาย
รอยเธียรเดินเข้าไปหาพร้อมเอ่ยถาม
“มีเรื่องด่วนอะไร”
อสรพิษสีขาวอมเหลืองตัวแรกส่งสัญญาณตอบด้วยภาษาเฉพาะตน จากนั้นแต่ละตัวเริ่มรายงาน บอกเล่าเหตุการณ์ส่วนตนออกมาจนครบ
อดีตนาคานั่งขัดสมาธิท่ามกลางวงล้อมฝูงงู รับทราบเรื่องราวต่าง ๆ อย่างใจเย็น นัยน์ตาหรี่เรียวครุ่นคิด ถอนใจเล็กน้อยขณะมองอสรพิษเพื่อนเก่าที่รายล้อม
เหล่านี้เป็นนาคบริวารของสิงหานาคราชส่วนหนึ่ง ตั้งใจแก้แค้นเอาคืนแทนผู้เป็นนาย ขณะที่นาคบริวารอีกส่วนยอมรับความจริงไม่ผูกพยาบาท หลบเร้นบำเพ็ญเพียรรักษาศีลเฉพาะตัวเพื่อเลื่อนภูมิจิตภูมิธรรมให้สูงขึ้น
‘เพื่อนเก่า’ รอยเธียรได้กระจายกำลังกันออกสืบหาที่ซ่อนตัวเนวะหลายแห่ง ตั้งแต่ถ้ำนาคอำพราง ไปจนถึงแหล่งหลบเร้นต่าง ๆ ซึ่งจอมอิทธิฤทธิ์ทิ้งร่องรอยไว้ แต่พอไปถึงกลับเป็นกลลวงหลอกให้สับสน
จนเมื่อเช้า หนึ่งในนาคบริวารพบร่องรอยซุกซ่อนตัวแห่งใหม่อยู่แถบชานเมืองกรุงเทพ ใกล้กับโรงพยาบาลร้างที่ซ่อนตัวเดิม มั่นใจว่าไม่ผิดพลาดแน่จึงส่งข่าวให้นาคาตนอื่นทราบ แล้วตัวเองเฝ้าระวังไว้ รอให้พวกที่เหลือรวมกำลังพวกพ้องไปกลุ้มรุมจัดการให้สิ้นซาก
รอยเธียรฟังจบครุ่นคิดชั่วขณะ เนวะบาดเจ็บใช่ว่าจะหมดฤทธิ์เดช การเผชิญหน้าต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ฝ่ายนั้นจงใจทิ้งร่องรอยแบบนี้จะมีแผนการใดแอบแฝงหรือไม่
“ไปกันหรือยัง” สหายเก่าเร่งเร้า
อดีตนาคากำลังจะเอ่ยปากแสดงความเห็นบอกให้ระวังตัว พอดีมีอสรพิษเผือกอีกตนปรากฏขึ้นพร้อมข่าวใหม่ล่าสุด
เมื่อทราบข่าวนี้รอยเธียรเบิกตากว้าง ลุกพรวดโดยไม่คิดวางแผนล่วงหน้าใด ๆ ทั้งนั้น
“ไปกันเลย” เพียงวาจาเดียว นาคาแปลงทั้งหลายล้วนเลือนหายวับ
ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ จากสวนหย่อมดาดฟ้ามาถึงหัวบันไดแล้วชะงัก มองหญิงสาวที่ยืนรออยู่ก่อนถอนใจเบา ๆ
“มาแอบทำอะไรอยู่นี่” ถามกึ่งตำหนิ
“ก็ดูว่าพี่ลุยขึ้นมาทำไม”
“อือ...มาถึงนี่แล้วทำไมไม่ออกไปดูข้างนอกให้ชัด ๆ เลยล่ะ” วาจาประชด ใจร้อนอยากรีบลงไปโดยเร็ว
“คราวก่อนบอกว่าขอหวยเพื่อนเก่าพี่ลุยไม่ได้นี่...คราวนี้มาเป็นฝูงน่ากลัวจะตาย ไม่รู้จะออกไปทำไม”
พูดอย่างนี้แสดงว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“พี่มีธุระด่วนต้องรีบไป” ชายหนุ่มตัดบท
“ไปไหน”
“อย่ารู้เลย วันนี้ดูพ่อแม่คนเดียวก่อน เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมา” จบวาจาพยายามฝืนยิ้มให้น้องสาว
รอยธาราพยักหน้าไม่เซ้าซี้ถาม ปล่อยให้พี่ชายเดินจนแทบวิ่งลงบันไดไปยังลิฟต์ที่อยู่ใกล้ เห็นท่าทางแบบนี้พอเดาได้ว่าการสนทนากับเพื่อนเก่า คงไม่ได้รับข่าวที่ดีนัก
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
ริมระเบียงคอนโดมิเนียม
พยุหะยืนนิ่งสายตามองฝูงเหยี่ยวที่บินมาส่งข่าวด้วยใจสงบราบเรียบ
เขาสั่งให้เครือข่ายบริวารตนกระจายออกสืบหาข่าวเนวะทั่วทุกทิศทาง ต่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายมากอิทธิฤทธิ์ ซ่อนตัวไร้ร่องรอยแค่ไหน ตอนนี้บาดเจ็บหนัก พิษคมเขี้ยวนาคราชไม่อาจดูแคลนง่าย ๆ การซ่อนตัวคงไม่ลึกลับเท่าใด
ผู้ส่งข่าวแต่ละตัวไม่ให้ความกระจ่างใด เนวะทิ้งร่องรอบประปรายเป็นกลลวงมากกว่าจริง
ทว่า...ข่าวที่ได้รับจากปักษาตัวสุดท้ายทำให้เขาเย็นวาบ ขบฟันแน่นด้วยโทสะ ดวงตาวาวโรจน์ มือโบกให้เหล่าผู้ส่งสารกระจายตัวออกไป
ใจร้อนรุ่มแทบระเบิด รีบออกจากห้องส่วนตัวมุ่งไปสถานที่แห่งหนึ่งโดยเร็วสุด
‘ข่าว’ ใดทำให้อดีตนาคา ครุฑพลุ่งพล่านได้ขนาดนี้
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
อพาตเม้นท์มีระดับ ภายในเฟอร์นิเจอร์ครบ ตกแต่งสวยงาม เครื่องใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
...นี่คือที่ซ่อนอาจารย์มิ่ง...
หลังพ่ายแพ้แก่หญิงสาวหน้าใสไร้พิษสง เจ้าอาคมหลบมาพักรักษาตัวยังสถานที่ซึ่งบรรพตจัดหาเตรียมไว้ให้แต่แรก
อสรพิษร้าย นกแสกเป็นเงาลวงตา เกิดเพราะอำนาจผลึกครุฑนาค พวกมันทำร้ายแค่บาดเจ็บ ไข้ขึ้นเป็นวันแต่ไม่ถึงตาย พักฟื้นสองสามวันอาการก็ดีขึ้น
ระหว่างนั้น ‘นายท่าน’ ส่งข่าวบอกว่าตัวเองเอาชนะศัตรูร้ายรายหนึ่งสำเร็จ แต่พลาดท่าเล็กน้อยต้องเร้นกายสักระยะ ให้ตนรักษาตัวพร้อมรอรับคำสั่งต่อไป
อาจารย์มิ่งไม่ติดใจสงสัย ตนเห็นนิมิตการต่อสู้ระหว่างผู้เป็นนายกับพญานาคราชทรงฤทธิ์ชัดเจน ต่อให้พลาดท่าบาดเจ็บ สุดท้ายยังได้ชัยชนะ ยิ่งทำให้นับถือฝีมือเจ้านายมากกว่าเดิม
เช้านี้มีคนมากดกริ่งเรียกหน้าห้อง อาจารย์มิ่งขมวดคิ้วสงสัยคิดว่าเป็นบรรพตมาส่งข่าวใด พอลุกขึ้นมาดูตรงช่องตาแมวแล้วชะงัก ลังเลใจชั่วขณะ
บุคคลกดกริ่งเป็นหญิงสาวที่ทำให้อาจารย์มิ่งพ่ายแพ้ยับเยิน!
เธอรู้ที่ซ่อนนี้ได้อย่างไร มีแผนการใดจึงบุกมาแต่เช้า
อาจารย์มิ่งยืนครุ่นคิดจนเสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง
...เปิดก็เปิด...คนระดับอาจารย์มิ่งไม่ยอมให้ใครดูถูกว่าขี้ขลาดหน้าตัวเมียเด็ดขาด
ประตูเปิดออก หญิงสาวหน้าประตูยกมือไหว้แสดงความเคารพ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อมัชฌิมา” แนะนำตัวตามมารยาทไม่มีท่าทีคุกคาม
“รู้แล้ว มีธุระอะไร” อาจารย์มิ่งถามห้วน ๆ
มัชฌิมายิ้มอ่อนหวาน ลักยิ้มปรากฏบนแก้ม นัยน์ตาอ่อนโยนชวนให้ผู้ใหญ่เมตตา
“ดิฉัน...เอ่อ...มีเรื่องมาขอรบกวนอาจารย์มิ่งหน่อยค่ะ”
“เธอรู้จักฉันได้ยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าอยู่ที่นี่” เจ้าอาคมถามระวังตัว ไม่แน่ใจหญิงสาวมาไม้ไหน
“ก็...พอทราบบ้าง” มัชฌิมายิ้มสู้โดยไม่บอกรายละเอียด
“เออ มีอะไรรีบพูดมา” ผู้สูงวัยตัดบทอยากรู้จุดประสงค์แท้จริง
หญิงสาวยืนสงบเรียบร้อยหน้าประตู ไม่คิดก้าวล่วงเข้าไป ก่อนยิงเข้าประเด็นสำคัญ
“ดิฉันทราบว่า...ท่านอาจารย์เนวะบาดเจ็บหนัก”
ดวงตาชายชราทอประกายวาววับเตรียมพร้อมจู่โจมหากอีกฝ่ายพูดอะไรผิดหู
“แล้ว...ยังไง” วาจาเนิบช้าบอกถึงความระวังตัว
มัชฌิมาสังเกตปฏิกิริยาอีกฝ่ายจึงรีบเข้าประเด็นทันที
“ดิฉันสามารถช่วยท่านอาจารย์ได้ค่ะ”
คำพูดนี้ก่อให้เกิดอาการผ่อนคลายทั้งสองฝ่าย
“หึ...” ผู้สูงวัยแสดงท่าทีไม่เห็นความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเธอ
มัชฌิมาพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โน้มน้าวใจ ไม่มีร่องรอยถือดี
“พิษจากคมเขี้ยวท่านสิงหานาคราชร้ายกาจมาก ต่อให้ท่านอาจารย์สะกดพิษไว้ได้ แต่ถ้าจะขับพิษออกจนหมดก็อาจต้องใช้เวลาเป็นแรมปี”
อาจารย์มิ่งจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง วาจาแสดงความไม่เชื่อถืออย่างตรงไปตรงมา
“โกหกล่ะสิ หน้ายังแกจะมาช่วยนายท่านจริงเรอะ”
“ดิฉันตั้งใจมาช่วยจริง ไม่โกหก และมีตัวยาที่ใช้ถอนพิษนาคราชได้ภายในหนึ่งวัน”
“หือ...” เสียงพร้อมรอยยิ้มหมิ่นเย้ย
หญิงสาวทราบว่าต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จึงอธิบายตัวยาที่มี
“ว่านพญาครุฑถูกปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์รุ่นก่อน สามารถใช้ถอนพิษงูทุกชนิด กับผงสลายพิษครอบจักรวาล ผสมจากตัวยาสมุนไพรสิบชนิด ผลึกธาตุหายากอีกสามอย่าง บดรวมกันด้วยสัดส่วนตามตำรายาโบราณที่สาบสูญของ ‘อาจารย์แนบ’ เกจิผู้เรืองเวทเมื่อร้อยกว่าปีก่อน”
พอชื่อ ‘อาจารย์แนบ’ หลุดจากปากหญิงสาว ทำให้อาจารย์มิ่งชะงักงันคาดไม่ถึง
อาจารย์แนบ คือสุดยอดปรมาจารย์อาคมผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือตลอดสองฟากแม่น้ำโขงเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เป็นบุคคลแรกที่สามารถเปิดถ้ำนาคอำพรางนำความลับสำคัญมาบอกแก่ลูกศิษย์ อีกทั้งยังเขียนลายแทง พร้อมทิ้งมนตร์เปิดถ้ำไว้ให้กลายเป็นสมบัติตกทอดประจำสำนัก จนกระทั่งอาจารย์มิ่งใช้มันเปิดถ้ำนาคอำพรางได้ในที่สุด
เมื่อนามปรมาจารย์ตนถูกกล่าวอ้างขึ้นมาเช่นนั้น อาจารย์มิ่งเริ่มเชื่อถือคล้อยตามทันที
มัชฌิมาเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลงจึงพูดปิดท้าย
“สุดท้าย สิ่งที่ใช้เป็นกระสายยาคือน้ำมนตร์ปลุกเสก ที่ถูกแช่ด้วยผลึกครุฑนาค...วัตถุทรงฤทธิ์ที่มีชิ้นเดียวในโลก”
ผลึกครุฑนาคคือสิ่งที่เอาชนะอาจารย์มิ่งจนราบคาบ มีหรือแกจะจำไม่ได้
เจ้าอาคมประหลาดใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะรวบรวมของหายากได้ถึงขนาดนี้ หากไม่เคยเผชิญหน้าพ่ายแพ้กันมาก่อน รับรองไม่มีทางเชื่อถือเด็ดขาด
“แล้วแกต้องการอะไร” ผู้สูงวัยรู้ว่าต้องมีการต่อรอง
“พาดิฉันไปหาท่านอาจารย์เนวะ”
“หึ...นี่คงเป็นแผนการสืบหาที่อยู่นายท่านล่ะสิ” อาจารย์มิ่งเปิดโปงเจตนา
แววตาหญิงสาวราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด
“ตัวยาเหล่านี้ต้องนำมาผสมกันในสัดส่วนพอเหมาะพอดี แล้วใช้งานทันทีถึงจะได้ผล...ที่ให้อาจารย์มิ่งพาไปหาท่านอาจารย์ก็เพราะเหตุผลนี้”
เหตุผลที่บอกไม่พอให้คนระวังตัวเกิดความคลายใจ ตั้งใจตอบง่าย ๆ ว่าตนไม่ทราบ ‘นายท่าน’ อยู่ไหน
พอนึกได้...หญิงสาวรู้ที่ซ่อนตน รู้รายละเอียดการบาดเจ็บ รวมถึงวิธีรักษา มีหรือคำโกหกนั้นจะได้ผล
หากโป้ปดไปแล้วอีกฝ่ายเปิดโปงจับได้ ย่อมเสียหน้าเจ้าอาคมผู้มีลูกศิษย์นับหน้าถือตามากมายอย่างแก
“หึ...ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าแกพูดความจริง ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง” คำตอบแบบรักษาหน้าตน
มัชฌิมาคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องใช้ไม้นี้
“อาจารย์มิ่งลองติดต่อท่านอาจารย์เนวะก่อนก็ได้ ถ้าท่านอนุญาตค่อยพาดิฉันไปหา”
อาจารย์มิ่งกำลังหลุดปากบอกว่าการติดต่อ ‘นายท่าน’ ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย อยากทำก็ทำได้ทันทีเมื่อไหร่
หญิงสาวสวนวาจาอย่างรู้ทัน
“ดิฉันทราบค่ะว่าจะติดต่อท่านอาจารย์เนวะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อาจารย์มิ่งทำได้แน่...ดิฉันจะลงไปรอคำตอบที่ชั้นล่างอพาตเม้นท์นะคะ”
พูดจบยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า ปล่อยให้ผู้สูงวัยยืนนิ่งหน้าประตู
คำสนทนาเมื่อครู่คล้ายเป็นการมัดมือมัดเท้าเจ้าอาคมโดยไม่อาจขัดขืนบิดพลิ้วได้เลย
มัชฌิมานั่งรอชั้นล่างอพาตเม้นท์อย่างสงบ ของทุกอย่างที่พูดถึงอยู่ในกระเป๋าครบครันไม่ได้หลอกลวงใคร
ห้องพระบ้านพันเกลียวเหมือนขุมทรัพย์ทางอาคม เก็บงำ ‘ของดี’ หลากหลายมากมาย จัดวางเป็นระเบียบโดยไม่สูญหาย เพียงแต่ไม่มีคนรู้คุณค่าของมัน
อีกทั้งเจ้าของไม่หวง เมื่อหลานสาวขออนุญาตนำไปใช้งานก็รับปากโดยไม่มีเงื่อนไข
นั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นอาจารย์มิ่งแต่งกายเรียบร้อย สะพายย่ามส่วนตัวลงมา
มัชฌิมาลุกขึ้นยิ้มรับ พร้อมติดตามเจ้าอาคม...หล่อนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว...อดีตอาจารย์ตนจะมีคำตอบอย่างไร
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
สถานที่นั้นอยู่ไม่ห่างโรงพยาบาลร้างที่ซ่อนเก่าเนวะ เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ซึ่งหยุดเรียนเนื่องจากเป็นวันเสาร์อาทิตย์
พยุหะ รอยเธียรจอดรถหน้าโรงเรียนในเวลาไล่เลี่ยกัน มองตาอย่างเข้าใจโดยไม่ต้องไถ่ถาม รีบเข้าโรงเรียนทางประตูเล็กที่เปิดให้ครูเวร เจ้าหน้าที่มาทำงานในวันหยุด
ทั้งสองหยุดยืนหน้าสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐาน หญ้าเขียวสดบางช่วง แหว่งวิ่นแห้งตายบางส่วน รอบด้านไม่มีผู้คน อัฒจันทร์โล่งว่างวังเวง
พยุหะเงยหน้ามองท้องฟ้า พบเหยี่ยวบินวนรอบ ๆ จึงโบกมือเรียกให้มันถลาลงมาเกาะกิ่งต้นไม้ใหญ่ข้างสนาม
รอยเธียรเดินเข้าไปหา ‘เพื่อนเก่า’ ที่ขดตัวเหนื่อยอ่อนนิ่งอยู่กลางสนาม รอคอยให้เข้าไปถามไถ่เรื่องราว
สมุนเหยี่ยว และอสรพิษเพื่อนเก่าหายวับหลังจากบอกเล่ารายละเอียดจบ สองหนุ่มขบริมฝีปากแน่น แววตากระวนกระวาย มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะระบายกับใคร
“เรามาช้าไป” รอยเธียรบอก
“มัชฌิมาทำแบบนี้ทำไม” พยุหะไม่เข้าใจ...ในเมื่อหญิงสาวเคยรับปากเขาแล้วกลับผิดวาจากันเฉย ๆ
ข่าวล่าสุดที่ทั้งสองได้รับคือมัชฌิมา กับอาจารย์มิ่งมายังทางเข้า ‘ที่ซ่อนตัว’ เนวะ
นั่นทำให้พวกเขารีบรุดตามมาด้วยใจร้อนรุ่ม สุดท้ายยังไม่ทัน
จากการเฝ้าสังเกตของสมุนเจ้าปักษา และเพื่อนพ้องนาคาล้วนบอกตรงกันว่า หญิงสาวไม่ได้ถูกจับกุม หรือสะกดให้ร่วมทาง เธอตั้งใจมากับสมุนเนวะอย่างเต็มใจ หนำซ้ำดูท่าทางเหมือนจะถือไพ่เหนือกว่าด้วยซ้ำ เพราะอาจารย์มิ่งยอมลงให้ทุกอย่างจนเห็นได้ชัด
คำบอกเล่าจากผู้เฝ้าติดตามรอยเนวะทั้งฝ่ายครุฑและนาคบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าที่ซ่อนตัวเนวะอยู่ที่ไหน มีแค่ร่องรอยเล็กน้อยแสดงถึงประตูทางเข้าซึ่งเปลี่ยนสถานที่ไปมาไม่แน่นอน
เมื่อทางเข้าแห่งหนึ่งปิดลง ก็จะหาทางเข้าช่องต่อไปยากเย็น เสียเวลากำลังพลมากมาย ที่ร้ายกว่านั้นต่อให้พบปากทางเข้าพวกสมุนครุฑ นาคบริวารไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้
ที่ผ่านมา ผู้เป็นบริวารสิงหานาคราชพยายามบุกเข้าไปหลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ
เมื่อครู่นาคาที่เฝ้าทางเข้าออกพยายามตามมัชฌิมา อาจารย์มิ่งเข้าไป แต่โดนพลังลึกลับกระแทกออกมาจนบอบช้ำ ต้องนอนสงบอยู่กลางสนามรอบอกข่าวรอยเธียรเช่นนี้
ปากทางเข้าเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน หนำซ้ำไม่อาจก้าวล่วงเข้าไปง่ายดาย เนวะซ่อนตัวสถานที่ใดกันแน่
สองหนุ่มนั่งพักบนเก้าอี้ใต้ร่มไม้อย่างอ่อนใจ ปัญหามากมายถาโถมเข้ามาจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ความกลัดกลุ้มกังวลลดลงบ้างเมื่อรู้ว่าหญิงสาวมาด้วยความเต็มใจ แต่ยังหงุดหงิดด้วยความไม่เข้าใจเจตนาของเธอ
“เอายังไงดี” รอยเธียรถามความเห็น
“ประตูช่องนี้ปิดแล้ว เราต้องรีบหาประตูช่องใหม่”
“เรื่องนี้พวกเพื่อนผมกระจายกำลังออกตามหาเต็มที่อยู่แล้ว”
ฝ่ายนาคบริวารแค้นเคืองแทนผู้เป็นนาย ไม่มีทางยอมปล่อยเนวะง่ายดาย
“ทางผมก็ช่วยตามหาอีกแรงเหมือนกัน”
พยุหะเงยหน้าส่งสัญญาณบอกสมุนบนฟากฟ้า
รอยเธียรครุ่นคิดชั่วขณะก่อนพูดกับคู่หูจำเป็น
“ไปหาป้าพันเกลียวกันเถอะ อย่างน้อยเราจะได้รู้ว่า น้องมาทำอย่างนี้ทำไม”
พยุหะพยักหน้าเห็นด้วย มัชฌิมาไม่มีทางผลีผลามทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแน่นอน หรือต่อให้ทำอย่างนั้น พันเกลียวย่อมทัดทานขัดขวาง ไม่ปล่อยหลานสาวทำอะไรโง่ ๆ
การที่สตรีผู้ทรงคุณธรรมยอมวางเฉย ปล่อยมัชฌิมากระทำเรื่องเสี่ยงเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลสมควรซึ่งพวกเขาต้องตามไปหาคำตอบให้ได้
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
บ้านพันเกลียวปิดเงียบปราศจากผู้คน สองหนุ่มยืนจ้องเข้าไปภายใน สัมผัสเร้นลับบอกว่าต่อให้ไม่มีผู้คน บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้ว่างเปล่าเสียทีเดียว
ในเงามืดใต้ชายคาพวกเขาพบเงาร่างสูงใหญ่สีเทายืนมองออกมา
“สวัสดีครับ” รอยเธียรทักทาย “ผมขอเข้าไปถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
พยุหะมองผู้อยู่ในบ้านนิ่ง ๆ คุ้นตาเคยเห็นบ้างตอนมาส่งมัชฌิมา ไม่เคยสื่อสารสนทนาสักครั้ง
มือซีดชี้ทางประตูบานเล็กด้านข้าง รอยเธียร พยุหะพบว่ามันไม่ได้ติดล็อคเปิดเข้าไปสะดวก และยิ่งแปลกใจเมื่อพบว่าประตูบ้านข้างในก็ไม่ล็อค คล้ายเปิดรออย่างกับรู้ว่าจะมีแขกมาเยือน
ภายในบ้านมีพลังพิเศษบางอย่างครอบคลุม ทำให้มองเห็นรายละเอียดใบหน้าดุ รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายแบบโบราณของนายทวารผู้ดูแลบ้านชัดเจนกว่าข้างนอก
ดาราหนุ่มยกมือไหว้แสดงความเคารพผู้ดูแลบ้านซึ่งกำลังนั่งรอบนเก้าอี้รับแขก
เขาเคยมาบ้านหลังนี้บ้าง ไม่เคยเห็นนายทวารคนละภพแต่สัมผัสถึงตัวตน ความมีอยู่เพื่อปกปักคุ้มครองผู้อาศัย ครั้งนี้เพิ่งพบหน้ากันจริงจัง
พยุหะพยักหน้าแสดงอาการทักทาย ต่อให้รู้ว่าเป็นวิญญาณมีฤทธิ์ดวงหนึ่ง แต่พลังอ่อนชั้นกว่าตนหลายขั้นจึงไม่รู้สึกเคารพนับถือเท่าใด
“นั่งสิ” เสียงกระหึ่มดังในหัวสองหนุ่ม
พอทั้งคู่นั่งบนเก้าอี้ ค่อยสังเกตเห็นบางสิ่งวางอยู่บนโต๊ะ หันมาสบตากันอย่างไม่แน่ใจก่อนมองบุคคลตรงหน้าพร้อมตั้งคำถาม
“ทำไมมัชฌิมาไม่เอาผลึกครุฑนาคติดตัวไปด้วย” พยุหะถามเสียงเครียด
ผลึกครุฑนาควางสงบบนโต๊ะ ไม่มีร่องรอยถูกแตะต้อง
หญิงสาวเผชิญหน้ากับเนวะโดยไม่มีผลึกคุ้มครอง ความเป็นห่วงกระวนกระวายยิ่งทวีคูณกว่าเดิม
“เธอฝากคืนให้พวกคุณ” คำอธิบายมีแค่นั้น
“คืนให้พวกเราทำไม” รอยเธียรขมวดคิ้วสงสัย ใจร้อนรุ่มไม่ต่างชายหนุ่มอีกคน “อย่างนี้ก็ไม่มีอะไรป้องกันตัวเลยสิ”
ฝ่ายเจ้าของบ้านไม่ตอบ ไม่อธิบาย นิ่งเฉยคล้ายรอให้ผู้มาเยือนรับผลึกแล้วกลับออกไป
พยุหะอดรนทนไม่ไหวต้องถามหาเจ้าของบ้านตัวจริง
“ป้าพันเกลียวไปไหน ทำไมเธอยอมให้มัชฌิมาเสี่ยงกับเรื่องอันตรายแบบนี้”
ผู้ดูแลบ้านมองอดีตครุฑด้วยอาการเฉยชา ไม่เห็นประโยชน์ใดที่จะตอบ จุดโทสะชายหนุ่มจนอยากอาละวาด
“เอ่อ...คุณลุงครับ...ป้าพันเกลียวไปไหน”
รอยเธียรเห็นท่าไม่ดี รีบใช้วาจานุ่มนวลกล่าวนับญาติไถ่ถามอีกครั้งด้วยประโยคเดียวกับชายอีกคน
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” กับคนที่ใช้ไม้อ่อน สุภาพ ฝ่ายเจ้าของบ้านยังตอบคลุมเครือเช่นนี้
“แสดงว่า...คุณป้ารู้ใช่มั้ยครับ ว่าน้องมาไปไหน ทำอะไร”
“รู้”
“รู้...แต่อนุญาตให้ไป” รอยเธียรถามย้ำ
“ใช่”
เพียงเท่านี้ชายหนุ่มค่อยระบายลมหายใจโล่งอกเปลาะหนึ่ง พยุหะมองอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าป้าพันเกลียวยอมให้เจ้ามาไปแบบนี้ แสดงว่าท่านเห็นแล้วว่ามันเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ”
ความที่รู้จักผู้สูงวัยมานานจึงเข้าใจกันมากกว่า
อดีตครุฑได้ยินเช่นนั้นค่อยเห็นจริง คลายใจยอมรับเหตุผลมากขึ้น
“คุณลุงมีอะไรแนะนำพวกผมอีกมั้ยครับ” อดีตนาคารับหน้าที่ทูตเจรจา ขอความช่วยเหลือ
“ดูของบนโต๊ะให้ดีอีกที ไม่ได้มีแค่ผลึกครุฑนาค”
คำแนะนำนั้นทำให้สองหนุ่มมองบนโต๊ะอีกครั้ง คราวนี้สังเกตเห็นว่าผลึกวางทับซองสีขาวซองหนึ่ง จึงหยิบผลึกออกแล้วนำซองขึ้นมาดู
ซองปิดผนึก ภายในมีจดหมาย จ่าหน้าซองถึง...
“ฝากให้คุณตาอ่ำ...วัดป่า...ก่อนวันที่ ๗ เวลา ๒๔.๐๐น.”
“ตาอ่ำคือใคร...วัดป่าที่เขียนถึงอยู่ที่ไหน” พยุหะมึนงง
“ผมรู้” รอยเธียรตอบพลางหันไปถามผู้ดูแลบ้าน
“เอ่อ...คุณลุงครับ วันที่กับเวลาที่จ่าหน้านี้หมายถึงอะไร...ให้พวกผมเอาจดหมายฉบับนี้ไปส่งตาอ่ำก่อนวัน-เวลานี้จริง ๆ ใช่มั้ยครับ”
วันที่ ๗ เวลา ๒๔.๐๐น.
“คิดว่ายังไงล่ะ” ฝ่ายเจ้าบ้านยอกย้อน
พยุหะถอนใจเฮือกใหญ่อยากระบายอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าวิญญาณดวงนี้จะตอบอะไรง่าย ๆ ตรงไปตรงมาบ้างไม่ได้หรือไร
รอยเธียรยิ้มน้อย ๆ เอ่ยถามต่อ
“นอกจากผลึกครุฑนาค กับจดหมายถึงตาอ่ำ...มัชฌิมาฝากอะไรให้พวกผมอีกมั้ยครับ”
“ไม่มีแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นพยุหะเกือบลุกพรวดออกจากบ้าน รอยเธียรจับมือรั้งไว้แล้วหันไปถามผู้ดูแลอีกครั้ง
“แล้ว...ป้าพันเกลียวล่ะครับ...ฝากอะไรให้พวกผมบ้างหรือเปล่า”
ดวงหน้าดุของผู้ดูแลบ้านผ่อนคลายลง ฉายรอยเมตตาเล็กน้อยก่อนตอบ
“คุณท่านบอกว่า...ถ้าไม่ปล่อยให้โทสะ ความรุ่มร้อนกระวนกระวายใจครอบงำ ก็จะมี ‘สติ’‘ปัญญา’ คลี่คลาย และรู้ได้เองว่าควรทำอย่างไรต่อไป”
วาจานั้นเหมือนลูกศรปักอกพยุหะดังฉึก ชะงักได้สติรู้สึกตัว มองฝ่ายเจ้าของบ้านด้วยความละอายใจลึก ๆ ก่อนยกมือไหว้เป็นการขอขมา
“ขอโทษครับ”
ถ้าไม่รู้สึกจริง คนอัตตาใหญ่เช่นนี้ไม่มีทางกล่าววาจาขออภัยใคร
รอยเธียรอมยิ้ม ยกมือไหว้อำลา หยิบผลึกครุฑนาค พร้อมเก็บจดหมายถึงตาอ่ำไว้กับตัวเอง หันไปบอกชายหนุ่มเพื่อนร่วมทางด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ไปกันเถอะ ผมรู้แล้วว่าจะหาเบาะแสเนวะได้จากไหน”
(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)
< Prev | Next > |
---|