วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๒๘



cover Amarit


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            หน้าห้องผ่าตัด

            บรรยากาศเงียบวังเวง คลื่นความมัวหม่นกระจายโดยรอบ รอยเธียรนั่งบนเก้าอี้ยาวเอนหลังพิงพนักเหนื่อยอ่อน บนตักมีร่างน้องสาวนอนหนุน เหยียดขาบนเก้าอี้หลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย

            สองพี่น้องเพิ่งคลายใจเมื่อนายแพทย์ออกมาบอกว่ามารดาปลอดภัยพ้นขีดอันตราย ขณะนี้ย้ายไปพักห้องพิเศษเพื่อเฝ้าดูอาการ พอไม่นานกลับได้ข่าวชวนกังวลใจเพราะอาการบิดาหนักหนากว่าต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน

            รอยเธียร รอยธาราอธิบายไม่ถูกว่าควรโล่งอกหรือหวั่นใจดี

            การผ่าตัดใช้เวลานานพอสมควร ระหว่างนั้นรอยธาราเล่าเรื่องอุบัติเหตุให้ฟังอย่างละเอียด

            พี่ชายสรุป ที่น้องสาวไม่มีริ้วรอยบาดเจ็บก็ด้วยอานุภาพเครื่องรางตาอ่ำคุ้มครองเฉพาะตัว พวกนาคบริวารมาช่วยปกป้อง พลังจากภายนอกทั้งสองช่วยไม่ให้มารดาบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

            ส่วนบิดาได้รับการช่วยเหลือจากเหล่านาคบริวารผ่อนหนักเป็นเบาอย่างเดียว ปราศจากอานุภาพเครื่องรางตาอ่ำจึงแค่ไม่เสียชีวิต แต่เจ็บหนักต้องผ่าตัดรักษาตัว

            สองพี่น้องนั่งรอฟังผลผ่าตัดอยู่นาน รอยธาราอ่อนเพลียเต็มที่ฝืนร่างกายไม่ไหวเผลอหนุนตักพี่ชายจนหลับสนิท

            พยาบาลอาวุโสผ่านมาเห็นสภาพอย่างนั้น เดินมาบอกด้วยใจอารี

            “กว่าจะผ่าตัดเสร็จก็เป็นชั่วโมง...คุณลุยอุ้มน้องสาวไปนอนที่ห้องพักพยาบาลใกล้ ๆ นี้ก็ได้นะคะ”

            รอยเธียรเงยหน้ายิ้มรับน้ำใจ

            “ไม่เป็นไรครับ ไม่รบกวนดีกว่า ขอบคุณพี่พยาบาลมากนะครับ” ตอบเสียงสุภาพถนอมน้ำใจอีกฝ่าย

            “ไม่รบกวนหรอกค่ะ น้องสาวคุณเพิ่งประสบอุบัติเหตุ ถึงภายนอกดูไม่เป็นไร แต่น่าจะได้นอนพักผ่อนแบบสบาย ๆ ดีกว่า”

            ชายหนุ่มก้มหน้ามองศีรษะที่หนุนตักแล้วยิ้มน้อย ๆ

            “ขืนผมอุ้มเจ้าน้ำไปนอนแล้วมันตื่นกลางทาง รับรองว่าต้องร้องขอกลับมาเฝ้าที่หน้าห้องเหมือนเดิมแน่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนอยู่ดี สู้ให้มันนอนอยู่ตรงนี้ดีกว่าครับ”

            พยาบาลพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่เซ้าซี้อีก



            เมื่อพยาบาลอาวุโสกลับไปห้องทำงานตน พบพยาบาลสาวสองคนกรูเข้ามาล้อมถามอย่างกระตือรือร้น

            “ป้าจ๋า ตะกี้คุยอะไรกับพี่ลุยน่ะ” คำถามจากพยาบาลสาวคนแรก

            “ชวนเขาพาน้องสาวมานอนพักที่ห้องพยาบาล” ผู้อาวุโสตอบแบบไม่ปิดบัง

            “เขาจะมามั้ย” อีกคนถามอย่างมีความหวังแววตาบอกชัดว่าเป็นติ่งตัวแม่

            “แล้วเห็นเขามามั้ยล่ะ” พยาบาลอาวุโสตอบกลับอย่างหมั่นไส้

            “ทำไมเขาไม่มาล่ะ นอนบนเตียงสบายกว่าตั้งเยอะ” น้ำเสียงผิดหวัง

            “เขากลัวน้องสาวตื่นแล้วจะดื้อเฝ้าหน้าห้องไม่ยอมนอนต่อ”

            “ต๊าย...น่ารักจังเลย พี่ชายที่แสนดี” พยาบาลสาวคนแรกอุทาน

            “แหมเสียดายจัง คิดว่าจะได้เห็นตัวจริงใกล้ชิดซะหน่อย” พยาบาลอีกคนพูดอย่างขัดใจ

            “นั่นสิ จะได้แอบถามซะหน่อยว่าน้องสาวพี่ลุยห้อยพระอะไร อุบัติเหตุแรงจนรถยับเยินขนาดนั้นไม่เป็นไรสักนิด ทั้งที่พ่อแม่เจ็บหนัก หมอทั้งโรงพยาบาลยังแปลกใจเลย”

            นั่นเป็นเรื่องที่หมอและพยาบาลสงสัย

            “พอเลยพวกเธอ” พยาบาลอาวุโสเอ็ดอย่างเหลืออด “สนใจทำงานตัวเองดีกว่า ไม่เห็นหรือว่าเขาไม่สบายใจเป็นทุกข์แค่ไหน อย่าเอาเรื่องไร้สาระไปรบกวนเลย”

            “หนูไม่ได้รบกวนเลยนะ” พยาบาลคนแรกออกตัวแล้วฟ้องใส่อีกคน “ยายนี่ต่างหากแอบถ่ายรูปพี่ลุยกับน้องสาวเขาตะกี้นี้”

            “ตายแล้วเธอ ถึงจะเป็นดาราแต่ก็ให้พื้นที่ส่วนตัวเขาบ้างไม่ได้หรือไง” ผู้อาวุโสดุจริงจัง

            “ขอโทษค่ะ” พยาบาลผู้เป็นติ่งดาราตอบเสียงอ่อย “มันอดไม่ได้นี่คะ รูปพี่ลุยกับน้องสาวเขาตอนนี้น่ารักมากเลย ไม่เคยเห็นโมเมนต์นี้มาก่อน...คิดแล้วอยากเป็นน้องสาวได้หนุนตักพี่ลุยแบบนั้นบ้างจัง”

            ผู้อาวุโสส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะหาคำไหนมาตำหนิ พูดไปคงไม่ฟังกัน...ขอให้พยาบาลติ่งตัวแม่พอใจแค่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เท่านั้น อย่าเอาไปทำอะไรอย่างอื่นให้ดาราหนุ่มเกิดปัญหาตามมาอีกเลย

            เพราะเท่าที่พูดจาไม่กี่คำ พยาบาลอาวุโสผู้ผ่านโลกมานานรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้จริงใจ สุภาพ มารยาทดีจากเนื้อใจแท้ ๆ ไม่ใช่เสแสร้ง ไม่อยากเชื่อจะเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง เรื่องทำผู้หญิงท้องแล้วไม่ยอมรับ ปล่อยให้เธอแท้งลูกอย่างน่าสงสาร มีข่าวอื้อฉาวร้ายแรงคนลือกันทั่วเมืองแบบนั้น




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            บริเวณหน้าห้องผ่าตัดเงียบสงัด แสงไฟตรงป้ายสว่างแสดงว่าทีมแพทย์ยังทำงานกันอยู่ บรรยากาศโดยรอบเหมือนถูกครอบคลุมด้วยม่านบาง ๆ ไม่มีผู้ใดเฉียดกรายใกล้ กระทั่งพยาบาลในห้องทำงานไม่ไกลนักยังไม่คิดหันมาสนใจ

            บนพื้นห่างจากหน้าประตูพอสมควร ปรากฏงูจงอางลำตัวเท่าแขนยาวสามสี่เมตรสีขาวหม่นเลื้อยเชื่องช้าตรงมาตามทางอย่างมีจุดหมาย สายตามันจ้องยังเก้าอี้ยาวที่อยู่ใกล้

            รอยเธียรนั่งกึ่งเอนหลังพักสายตาชั่วคราว สภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น น้องสาวนอนหนุนตักหลับสนิทไม่รู้เรื่องราว

            อสรพิษเผือกเลื้อยมาจนถึงเบื้องหน้าชายหนุ่ม ยกตัวขึ้นสูงจนศีรษะมันเสมอกับใบหน้าเขา ดวงตาแลตรงส่งกระแสเรียกขานจากจิตสู่จิต

            “ชัยยะ...นาคา”

            จิตลงภวังค์หลับไหลชั่วขณะถูกปลุกให้ตื่นโพลง นัยน์ตายังไม่ลืม จิตเกิดความตั้งมั่นเป็นสมาธิเองโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องลืมตาก็มองเห็นผู้เรียกขานเบื้องหน้าชัดเจน

            “เจ้าเองรึ มีเรื่องอันใด” จิตรอยเธียรเอ่ยถามภาษาเดียวกัน

            “มากับข้าเถิด” อสรพิษเผือกบอกความต้องการโดยไม่อธิบายเหตุผล

            “ไปไหน” ถามอย่างสงสัย ใจห่วงบิดาในห้องผ่าตัด

            “เมืองบาดาล!” คำตอบทำให้ใจหายวูบ เกิดสังหรณ์ร้ายน่ากลัว

            “ได้” เขาตอบรับสั้น

            ร่างกายนั่งบนเก้าอี้ยาวไม่ขยับเคลื่อนไหว จิตเป็นฝ่ายติดตามอสรพิษเผือกด้วยความรู้สึกตัวคมชัด เสมือนเป็นกายทิพย์หลุดออกไปด้วยกำลังแรงกล้า คล่องแคล่วว่องไว

            รอยเธียรติดตาม ‘เพื่อนเก่า’ รวดเร็ว เห็นภาพข้างทางเป็นแค่เงาเบลอ ๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่เหนือแม่น้ำสายใหญ่ ทอดตัวสงบเงียบไหลเอื่อย ๆ เป็นเงามลังเมลืองงดงามใต้แสงจันทร์

            ร่างผู้นำทางแปรสภาพจากงูจงอางเผือกกลายเป็นพญานาคาผู้สง่างาม หันมามองผู้ติดตามเป็นเชิงชักชวนก่อนมุดลงใต้แม่น้ำอย่างรวดเร็ว

            รอยเธียรติดตามโดยไม่รั้งรอ รู้สึกเหมือนกำลังหวนคืนถิ่นเก่า



            เมืองบาดาลของเหล่าพญานาคเพื่อนพ้องชัยยะนาคาไม่ได้อยู่ใต้ลำแม่น้ำใหญ่จริง ๆ แบบที่ใครดำน้ำลงไปก็เจอ พวกเขาอาศัยแม่น้ำสายนี้เป็นเสมือนประตูเชื่อมมิติ ข้ามภพไปสู่อีกดินแดนหนึ่ง

            เมืองแห่งนาคามีหลายชุมชน หลายแหล่ง ชุมชนที่เพื่อนเก่ารอยเธียรพักอาศัย เป็นเขตแดนของกลุ่มนาคาผู้บำเพ็ญเพียรรักษาศีล เจริญภาวนา จำนวนไม่มากนักหากเทียบกับนาคานาคีทั้งหลายทั่วไป

            พญานาคเพื่อนเก่าพารอยเธียรมายังสถานที่แห่งหนึ่ง มองเห็นพระพุทธรูปสีทองขนาดใหญ่ ประดิษฐานบนซากสังขารอันงดงามของพญานาคาผู้ขดตัวเป็นชั้นอย่างนอบน้อมต่อพระศาสดา

            บริเวณลานหน้าพระพุทธรูปนั้นตั้งแท่นพิธีสูงใหญ่สวยงาม คล้ายจิตกาธานบนโลกมนุษย์

            เพียงเห็นเท่านี้จิตใจชายหนุ่มหล่นวูบเดาสังหรณ์ร้ายของตนออก

            เมื่อลงมายืนเบื้องล่างเห็นเหล่านาคานาคีล้วนแปลงร่างเป็นมนุษย์ แสดงว่ากำลังรอคอยต้อนรับบุคคลสำคัญท่านหนึ่งซึ่งไม่ใช่เขา

            รอยเธียรเงยหน้ามองแต่ละชั้นบนจิตกาธาน ก่อนถึงชั้นบนสุดตั้งแท่นนอนเอาไว้ โดยมีร่างของพญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่ตนหนึ่ง กำลังนั่งกึ่งเอนนอนเหยียดยาวอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรง

            “ขึ้นมาสิ ชัยยะ” นาคราชตนนั้นลืมตาขึ้นเอ่ยเรียกด้วยเสียงอ่อนระโหย

            อดีตนาคาเดินขึ้นไปแท่นนอนก่อนถึงจิตกาธานด้านบนด้วยใจหดหู่ ทราบแก่ใจชัด...

            จิตกาธาน...เชิงตะกอนอันทรงเกียรตินี้ตระเตรียมไว้ส่งนาคราชตนใด!

            ชายหนุ่มคุกเข่าตรงหน้าแท่น ก้มกราบสิงหานาคราชด้วยใจเคารพ แม้ในชาติก่อนตนจะเคยทำตัวเป็นอริขัดแย้งกับท่านบ้าง แต่ในชาตินี้ นาคราชผู้ยิ่งใหญ่แปรเปลี่ยนมีใจเมตตาต่อเขาไม่น้อย

            “เกิดอะไรขึ้นครับ” รอยเธียรถามอย่างสงสัย

            สิงหานาคราชไม่เอ่ยปากตอบ

            ผู้ถามหันมองเหล่านาคบริวารที่รายล้อมรอบจิตกาธาน หวนคิดถึงเหตุการณ์วันนี้

            ...อุบัติเหตุร้ายแรง ที่ทุกคนรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์...

            เธียร รอยจันทร์ รอยธารา ได้รับการช่วยเหลือผ่อนหนักเป็นเบาโดยเหล่านาคบริวารหลายตน โดยที่นาคราชผู้เป็นใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัว

            ในเวลานั้นสิงหานาคราชไปไหน...กระทำภารกิจสำคัญใด?

            เบื้องหลังแผนการร้ายวันนี้คือเนวะ พลังอำนาจอาคมของมันครอบคลุมไปทั่ว ทรงฤทธิ์เกินหยั่งคาด

            หากฤทธาอำนาจนั้นยังปกคลุมอยู่ มีหรือเขากับพยุหะจะแหกกรงขังออกมาได้ เหล่านาคาบริวารจะช่วยปกป้องรักษาชีวิตเธียร รอยจันทร์ รอยธาราให้รอดพ้นความตายสำเร็จ

            ถ้าจะทลายกรงขังอันแข็งแรง ทำลายฤทธาแรงกล้าเกินหยั่งถึง ต้องหยุดต้นตอผู้ส่งพลังนั้นให้ได้

            ในช่วงเวลาสำคัญ สิงหานาคราชจึงต้องไปเผชิญหน้ากับเนวะตัวต่อตัว!

            อดีตนาคาสะดุ้งวาบ จ้องตานาคราชบาดเจ็บด้วยแววตระหนก

            ดวงตาสิงหานาคราชอ่อนโรยแทบไร้แวว เมื่อประสานสายตากับอดีตองค์รักษ์พี่ชายกลับเจิดจ้าอีกครา คล้ายเป็นเปลวเทียนสุดท้ายก่อนดับสนิท

            จิตรอยเธียรเข้าไปร่วมรับรู้การต่อสู้ระหว่างผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ กับจอมนาคราชผู้แกร่งกล้าไม่เป็นรองใคร




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            นอกจากบรรพตจะจ้างน้องนิวให้เล่นละครฉากใหญ่เรียกคะแนนสงสารคนทั้งเมือง เนวะยังใช้สื่อโซเซียลชักนำให้ผู้คนเห็นคล้อยตามกันว่ารอยเธียรเป็นผู้ร้าย พยุหะเป็นนักแต่งเพลงขี้ขโมย ลอกงานคนอื่น

            ชาวอินเตอร์เน็ตจะไม่ปักใจเชื่อ ยอมรับในทิศทางเดียวกันขนาดนี้ ถ้าเนวะไม่ใช้พลังจิตอันแรงกล้าส่งผ่านทุกข้อความบนโลกออนไลน์ สะกดทุกคนที่ได้อ่าน ผ่านตาหรือกระทั่งได้ยินให้เกิดอาการเห็นคล้อยตามแบบเดียวกันโดยไม่มีเหตุผล

            พอจุดไฟโทสะมวลชนจนติดก็วางแผนล่อรอยเธียร พยุหะให้มาติดกับดัก เป็นการหลอกซ้ายจู่โจมขวา เป้าหมายแท้จริงคือสังหารครอบครัวอดีตนาคาให้สิ้น เจ้าตัวจะได้เจ็บปวด คับแค้นเจียนบ้า

            กับดักชั้นใต้ดินโรงพยาบาลร้าง อำนาจสะกดรวมถึงพลังร้ายที่ใช้ก่ออุบัติเหตุ ถูกควบคุมด้วยพลังอันทรงฤทธิ์ของเนวะ ยากมีใครทำลายลงได้

            สิงหานาคราชเพิ่งรู้แผนการไม่อาจเพิกเฉย ปล่อยให้ทายาทกุมภนาคราชพี่ชายตนต้องประสบเหตุร้ายจากอำนาจเหนือธรรมชาติ

            นาคราชทรงฤทธิ์สั่งให้นาคบริวารเร่งออกไปคุ้มครองคนตระกูลนาคพิทักษ์ ส่วนตนเองมุ่งออกไปประจันหน้ากับเนวะ ด้วยรู้ว่าหากไม่กำจัดต้นตอ ภัยร้ายไม่มีวันจบสิ้น

            เนวะไม่สนใจการเจรจา สิงหานาคราชไม่คิดตกลงต่อรองใด...กับผู้ดื้อด้าน หวังแก้แค้นเช่นนี้ จำเป็นต้องกำราบให้สิ้นฤทธิ์เสียก่อนค่อยคุยกันได้

            การต่อสู้บังเกิดขึ้น ณ โลกแห่งมนตรา

            ตบะบารมี ฤทธาอำนาจสิงหานาคราชวันนี้กล้าแกร่งถึงขีดสุด เกือบเทียบเท่าพญานันโทปนันทะ พญานาคราชผู้หาญท้าทายต่อสู้กับพระโมคคลา อรหันตสาวกผู้มีฤทธิ์สูงสุดสมัยพุทธกาล

            เพียงสบตากันเนวะก็รู้ว่าพบคู่ต่อสู้ฝีมือสูงส่งจนประมาทไม่ได้ จำเป็นต้องดึงดูดพลังอำนาจที่ควบคุมโลกอินเตอร์เน็ต กรงขังชั้นใต้ดิน และพลังสะกดให้เกิดอุบัติเหตุคืนมาทันที

            สิงหานาคราชแปลงกายเป็นพญานาคราชขนาดมหึมา ลำตัวใหญ่เหยียดยาวแทบจะโอบโลกไว้ได้ทั้งใบ ทุกเกล็ดส่องประกายเจิดจ้า หงอนเชิดเด่นสง่างาม ประกายตาทรงอานุภาพสยบทั่วหล้า

            เนวะร่ายอาคมกอปรสร้างพญาครุฑนับพันนับหมื่น เกลื่อนกลาดทั่วนภา แลแผ่นฟ้าทั้งผืนมืดทะมึนน่าเกรงขาม พุ่งเข้าบีฑาจู่โจมนาคราชโดยไม่รั้งรอ

            เพลิงพิษพ่นเป็นประกายสีส้มแดงเฉิดฉาย ทั้งร้อนแรงอาบพิษร้าย กระทบครุฑแปลงตนใดล้วนชะงักงัน หายวับตามกัน

            แสงเพลิงเปล่งประกายเพียงครู่ พญาครุฑแปลงฝีมือเนวะล้วนมลายสิ้น

            ผู้ทรงฤทธิ์ร้ายไม่หยุดแค่นั้น มนตร์อาลัมพายน์ถูกร่ายออกมาผสานพลังจิตแรงกล้า เสริมด้วยตบะฤทธีถักสานเป็นตาข่ายมนตราทรงมหิทธิฤทธิ์ล้อมดักนาคราชผู้ยิ่งใหญ่ หวังสะกดให้สิ้นฤทธิ์กลายเป็นงูน้อยในความควบคุม

            สิงหานาคราชเคยพลาดพลั้งต่อมนตร์อาลัมพายน์หลายครั้ง ย่อมมีภูมิคุ้มกันต่อต้าน ยิ่งศึกษามหามนตราแห่งเจ้าปู่นาคราชผู้เลิศฤทธิ์ ตบะบารมีเพิ่มพูนสามารถหาวิธีเอาชนะมนตร์กำราบนาคบทนี้ได้แล้ว

            นาคราชท่องสวดคาถาจากคัมภีร์มหามนตรา เปล่งเป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์ด้วยภาษาแห่งนาคราช ใช้ต่อต้านมนตร์อาลัมพายน์โดยเฉพาะ

            มนตร์อันร้ายกาจหวังสยบนาคราช ปะทะกับคาถาวาจาศักดิ์สิทธิ์บทกล่าวแก้ เปล่งโดยพญานาคราชผู้ล้ำเลิศก่อเกิดคลื่นความปั่นป่วนขยายออกเป็นบริเวณกว้าง

            พลังแห่งมนตราสองฝ่ายปะทะกันระลอกแล้วระลอกเล่า บทต่อบท คำต่อคำ ฤทธีต่อฤทธี ฟาดฟันห้ำหั่นกันเป็นชุด ๆ รุกรบไม่ต่างจากกองทัพอันเกรียงไกรสองฝ่ายเข้าประจัญบาน คลื่นการปะทะต่อสู้แทบกวาดโลกแห่งมนตรากระจัดกระจาย เกิดกลียุคจนแทบหายสาบสูญ

            สิงหานาคราชวันนี้ ไม่ใช่ผู้จะพ่ายต่อมนตร์อาลัมพายน์ง่ายดายอีกแล้ว

            หากมิใช่องค์มหาครุฑผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ร่ายมนตร์บทนี้ด้วยตนเอง จอมเวท เจ้าอิทธิฤทธิ์ทั่วไปย่อมไม่อาจเปล่งอานุภาพแห่งมนตราสยบจอมนาคราชผู้นี้ได้เลย

            เนวะก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

            หลังการปะทะระหว่างสองกองทัพมนตราอยู่นาน กองทัพแห่งอาลัมพายน์ถูกทำลายล้างด้วยคาถาวาจาศักดิ์สิทธิ์จนราบคาบ ด้วยพลังอำนาจแห่งแม่ทัพฝ่ายนั้นยังไม่แข็งแรงพอจะควบคุมกองทัพเกรียงไกรมาสยบจอมนาคราชได้

            ผู้ที่คิดว่าตนเลิศฤทธิ์เป็นอมตะต้องสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ คาดไม่ถึงจะเจอคู่ต่อสู้ตึงมือขนาดนี้ กฤตยาคม วิชาก้นหีบ ไม้ตายทั้งปวงถูกเรียกออกมาใช้ทั้งหมด ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องมาสู้จนสุดกำลังกับใคร

            เนวะแปลงกายขยายใหญ่โตเทียบเท่าองค์นาคราช ต่อสู้โรมรันด้วยฝีมือทั้งหมดที่มี บางครั้งจงใจล่องหนหายตัวล่อหลอกแล้วลอบจู่โจม บางคราเปล่งอานุภาพจากธาตุทั้งห้าเข้าหักหาญ

            ถึงยามนี้นาคราชหยั่งทราบในใจแล้วว่าฝีมือตนอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายประมาณขั้นหนึ่ง เพราะกว่าจะเอาชนะกองทัพมนตร์อาลัมพายน์ได้ก็แทบไม่เหลือกำลังใดต่อกร ขณะอีกฝ่ายยังมีสารพัดวิชามารุกไล่

            สิงหานาคราชอาศัยประสบการณ์อันยาวนานกว่าเข้าคลี่คลาย รับมือ ตอบโต้กลับแบบออมกำลังยืดเยื้อพัวพันให้ยาวนานหาจังหวะฝ่ายตรงข้ามเผอเรอพลาดพลั้ง จะได้จู่โจมคราเดียวประสบผล

            เนวะเห็นว่าต่อสู้ยาวนานไปตนอาจได้ชัยในที่สุด แต่ต้องเปลืองเรี่ยวแรงตบะวิชามากโข ไม่แน่ว่านาคราชผู้ช่ำชองการรบจะมีเล่ห์กลใดมาพลิกสถานการณ์เอาชัยตน จำเป็นต้องใช้อุบายลงมือก่อน

            แผนทรมานสังขาร แกล้งทำเป็นพลาดได้รับบาดเจ็บแล้วเผลอเปิดช่องว่าง จุดอ่อนให้ฝ่ายนาคราชจู่โจม

            สิงหานาคราชเห็นโอกาสเผด็จศึกมาถึง อ้าปากกว้างเผยเขี้ยวคมกริบ เตรียมงับลำคอเด็ดหัวเนวะเพื่อสังหารให้สิ้นซาก แต่แล้วใจเกิดความเมตตาอยากให้โอกาสอีกฝ่ายกลับตัว จึงเลือกที่จะฝังคมเขี้ยวบนหัวไหล่ศัตรูเพื่อกำราบให้หมดฤทธิ์ร้ายชั่วคราว

            เนวะตั้งใจปล่อยให้สิงหานาคราชกัดกระชากศีรษะ...ซึ่งตนจำแลงสร้างไว้ล่อหลอก เพื่อใช้จังหวะสำคัญนั้นพลิกเกมกระแทกควักหัวใจองค์นาคราชออกมาเด็ดให้สิ้นชีพทันที

            พอนาคราชเกิดเมตตางับแค่หัวไหล่ หวังให้พิษนาคราชสยบอัตตาความถือดี ไม่คิดสังหารผลาญชีวิต เนวะจึงจู่โจมพลาด หนำซ้ำตนเองได้รับบาดเจ็บ ไม่มีกำลังพอจะทำร้ายอีกฝ่ายถึงตายทันที

            หัวไหล่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่ตนไม่ได้อำพรางไว้ ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะเกิดเมตตาเลือกลงมือตรงจุดไม่น่าเป็นอันตรายเช่นนี้ เขาจึงรับพิษร้ายสาหัส ต้องรีบหลีกลี้หนีไปรักษาตัว

            สิงหานาคราชโดนลอบทำร้ายรุนแรง ไม่ถึงขั้นสิ้นชีพทันที รู้ว่าเวลาตนเหลือไม่นานนัก พยายามลากสังขารอันบอบช้ำกลับเมืองบาดาล เพื่อเตรียมตัวตายอย่างสง่างาม











บทที่ ๒๑



รอยเธียรก้มลงกราบแทบเท้าสิงหานาคราชอีกครั้งด้วยใจเปี่ยมสำนึกบุญคุณ เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอำนาจควบคุมทั้งหมดของเนวะจึงหายสาบสูญกะทันหัน
            
            หากไม่ได้นาคราชตนนี้ช่วยเหลือ พวกเขาทั้งหมดจะมีชะตากรรมเช่นไร

            ใจหดหู่เศร้าโศกเกินระงับ รู้สึกเหมือนกลับมาเป็นชัยยะนาคาองครักษ์เบื้องซ้ายกุมภนาคราชพี่ชายพญานาคราชตรงหน้าอีกครั้ง

            “ข้าน้อยซาบซึ้งในพระกรุณาของพระองค์ยิ่งนัก” ไม่มีวาจาใดกล่าวแทนใจมากกว่านี้

            “ซาบซึ้งอันใด...เราเคยทำร้ายเจ้ากับทัตตะมาก่อน เคยอาละวาดใส่ท่านพี่กุมภะและนาคบริวารที่ติดตามตั้งหลายครั้ง กระทั่งเคยทำลายทรัพย์สินสมบัติตระกูลนาคพิทักษ์จนสิ้น ทำให้ทายาทตระกูลคนหนึ่งต้องเสียชีวิต”

            สิงหานาคราชเท้าความถึงเรื่องราวเลวร้ายที่ตนเคยกระทำสมัยก่อน แล้วสุดท้ายพูดอย่างปลงตก

            “สิ่งที่เราได้รับในปัจจุบันก็เป็นด้วยผลกรรมที่กระทำมาแต่เก่าก่อนนั่นแหละ”

            อดีตชัยยะนาคาเข้าใจ ด้วยตนเคยเห็นผู้นี้ในภาคเลวร้ายมาไม่น้อย ทว่าบัดนี้ไม่รู้ความคับแค้นโกรธเคืองมันเลือนหายไปตั้งแต่เมื่อใด

            “เมื่อข้าน้อยมาเกิดใหม่ก็แทบลืมเลือนเรื่องเหล่านั้นไปแล้ว” พูดจากใจจริง น้ำเสียงมีความเคารพโดยไม่เสแสร้ง

            “เพราะเมื่อพระองค์ประจักษ์แก่ใจแล้วว่าเหตุใดท่านกุมภนาคราชจึงเคารพศรัทธาพระตถาคตเจ้ามากขนาดนั้น ก็บังเกิดความเห็นถูก ละความพยาบาทถือดีจนสิ้นแล้ว”

            นัยน์ตาที่เงยสบบุคคลบนแท่นนอนเต็มไปด้วยความชื่นชม

            “นับจากนั้นพระองค์ก็สร้างคุณประโยชน์มากมาย เป็นหลักที่พึ่งและตัวอย่างแก่เหล่านาคบริวารทั้งหลายในฐานะผู้นำ เป็นอุบาสกผู้ศรัทธาธรรมโดยไม่มีข้อต้องติ...และด้วยใจสำนึกผิดในเรื่องเลวร้ายที่เคยกระทำ พระองค์ก็ชดเชยด้วยการเฝ้าดูแลช่วยเหลือทายาทตระกูลนาคพิทักษ์มาตลอด กระทั่งวันนี้พระองค์ก็ทรงเข้าช่วยปัดเป่าขจัดภัยพาลแก่พวกเขาโดยใช้ชีวิตตนเองเป็นเดิมพัน”

            คุณงามความดีทั้งหลายที่สาธยายมาไม่ผิดพลาดเกินเลยแม้สักข้อเดียว

            สิงหานาคราชหัวเราะเบา ๆ นัยน์ตาอ่อนโรยใกล้สิ้นแสง

            “หึหึ...วาจาเจ้ายังคมคาย สมกับเป็นทูตฝีปากเอกของพี่ชายเราเช่นเคย”

            “ข้าน้อยล้วนกล่าวคำสัตย์” วาจาตอบหนักแน่น

            นาคราชผู้ใกล้สิ้นชีพฝืนลุกขึ้นนั่ง อดีตนาคาขยับตัวจะเข้าไปช่วยแต่โดนโบกมือไล่แสดงให้เห็นว่ายังมีเรี่ยวแรงพอจะพูดเรื่องสำคัญ

            “ที่เราเรียกเจ้ามานี่เพราะมีเรื่องอยากขอให้ช่วยเหลือ” วาจาชัดเจนไม่แสดงความอ่อนแอ

            “องค์นาคราชสั่งข้าน้อยได้เลย”

            ดวงตาอ่อนโรยฉายรอยหม่นมัวดังมีเรื่องราวค้างคาใจ

            “ที่จริง...เราอยากชักนำดวงจิต ‘เธียร’ บิดาเจ้ามาที่นี่”

            สิงหานาคราชกล่าวเช่นนี้ ความรู้สึกชายหนุ่มกลับมาเป็นรอยเธียรอีกครั้ง ตั้งใจรอฟังคำพูดต่อมา

            “เรารู้ว่าเธียรบาดเจ็บ อยู่ในช่วงเวลาคับขัน ไม่อาจเสี่ยงทำเรื่องล่อแหลมด้วยการพาดวงจิตมายังเมืองบาดาลได้...จึงต้องอาศัยเจ้าเป็นสื่อแทน”

            ผู้ฟังคาดเดาไม่ออก นาคราชใกล้สิ้นชีพมีเรื่องราวใดกับบิดาตน

            “เราเคยทำลายทรัพย์สินสมบัติตระกูลนาคพิทักษ์จนสิ้น ทำให้ก้องฟ้า พ่อของเธียร ปู่ของเจ้าต้องตาย...ตอนนั้นพ่อเจ้าคั่งแค้นเราแทบบ้า ต่อให้ยี่สิบกว่าปีมานี้มันอาจจะลืมเลือน ไม่จดจำ ไม่เคยเก็บเรื่องในอดีตมาแค้นเคืองก็ตาม แต่เราอยากฝากเจ้า...ไปขออภัย ขอให้ยกโทษในสิ่งที่เราเคยกระทำครั้งเก่าก่อนนั้นด้วย...จากใจจริง”

            การให้นาคราชผู้สูงส่งยอมลดตัวลดอัตตามาขออภัยมนุษย์เดินดินคนหนึ่งเป็นเรื่องยากเย็นขนาดไหน

            สิงหานาคราชได้กระทำแล้ว!

            นั่นเกิดจากใจที่สำนึกผิดอย่างแท้จริง ใจที่อยากสะสางภาระค้างคาเก่าก่อนออกไป...ต่อให้ทุกฝ่ายไม่ถือสาหาความต่อกันแล้ว ความรู้สึกผิดในใจใช่ว่าจะเลือนหายง่ายดาย

            รอยเธียรเกิดความตื้นตันในอก สิงหานาคราชเปลี่ยนไปจากเดิมแทบสิ้นเชิงแล้ว

            นาคราชที่รู้จักสมัยเป็นชัยยะนาคาจะไม่มีวันเอ่ยปากขออภัยผู้ใดเด็ดขาด

            นั่นแสดงว่ายี่สิบกว่าปีที่มีธรรมะขัดเกลาจิตใจ ได้เปลี่ยนพญานาคราชผู้ถือดีมากฤทธิ์เดชมาได้จนขนาดนี้...

            จะเป็นเช่นไรหากท่านมีโอกาสศึกษา ปฏิบัติธรรมะพระพุทธองค์เต็มที่ เต็มกำลังและมีเวลามากกว่าเดิม

            ชายหนุ่มยกมือประณมไหว้แสดงความเคารพต่อจิตใจที่บังเกิดความสำนึกผิด ยอมลดอัตตาตนเอง

            “ผมรับปากจะนำคำขอโทษจากท่านไปบอกพ่อแน่นอนครับ” รอยเธียรพูดหนักแน่น

            สิงหานาคราชแสดงความผ่อนคลาย เบาใจลง

            อดีตนาคาหนุ่มเอ่ยวาจาต่อด้วยอยากขจัดเรื่องค้างคาให้สิ้นจากใจอีกฝ่าย

            “สมัยเด็ก...หลังจากพ่อทราบว่าผมได้พบท่านที่ลานหินริมแม่น้ำโขงคืนนั้น ก็ได้เล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง”

            เริ่มต้นเรื่องดึงความสนใจนาคราช

            “พ่อบอกว่าเคยโกรธแค้น เรื่องที่ท่านกระทำมากจนถึงขนาดยอมฝึกมนตร์อาลัมพายน์อย่างยากเย็นเพื่อมาต่อสู้เอาชนะ...แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นผ่านไปแล้ว พ่อก็ถามตัวเองว่า...แก้แค้นไปแล้วได้อะไรขึ้นมา จะเก็บความแค้น โอบกอดความอาฆาตไว้ทำไม ให้ใจมันเร่าร้อนไม่มีความสุข”

            รอยเธียรหยุดเล่าชั่วขณะ จ้องมองพญานาคราชเพื่อเน้นย้ำทุกวาจาหลังจากนี้

            “จนกระทั่งวันที่พ่อเห็น ‘ประทีปศรัทธา’ บั้งไฟพญานาคที่ท่านจุดถวายพระพุทธเจ้าเป็นดวงแรกในชีวิต ดวงไฟนั้นลอยเหนือแม่น้ำโขงกลมใหญ่กว่าใคร ตอนแรกพ่องุนงงไม่เข้าใจ พอรู้เหตุผลที่มาแล้วพ่อก็ปีติยินดี อนุโมทนาต่อท่านที่ยอมละความพยาบาท เกิดศรัทธาถูกตรง...มันทำให้ความแค้นใจ โกรธเคืองที่หลงเหลืออยู่ถูกแสงแห่งประทีปศรัทธาดวงนั้นขจัดไปจนหมดสิ้น”

            “งั้นรึ” สิงหานาคราชตอบรับสั้นทว่าน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่ง สีหน้าละมุนผิดเคย รอยค้างคาในแววตามลายหาย

            “พ่อยังบอกอีกว่า...ขอบคุณความทุกข์ยากที่ได้เจอ...ถ้าไม่รู้จักทุกข์ก็ไม่รู้จักธรรมะ ไม่รู้จักวิธีที่จะใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมด้วยความไม่ประมาท และรู้ว่า...สิ่งใดสำคัญสุดในการเกิดมาหนึ่งชั่วชีวิตมนุษย์!”

            “ดี...เช่นนั้น...เราก็หมดเรื่องคาใจ”

            สิ้นวาจาพญานาคราช บังเกิดอีกเสียงดังขึ้นจากเบื้องหลัง

            “อนุโมทนาต่อจิตที่หมดเรื่องคาใจนี้ด้วยนะองค์นาคราช”

            รอยเธียรหันขวับ

            “หลวงน้า!”
            
            นี่เองบุคคลที่สิงหานาคราช เหล่านาคานาคีทั้งหลายรอคอย



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP