วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๒๓



cover Amarit


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



บทที่ ๑๗



            มารยาทนำหน้า ทหารตามหลัง’ นับเป็นกลยุทธการศึกข้อหนึ่ง

            สำหรับรอยเธียร พยุหะมองเห็นว่าการตั้งรับดีสุดคือบุกจู่โจม และการจู่โจมอย่างฉลาดปลอดภัย ต้องรู้จักหยั่งเชิง ดูกำลังข้าศึกเสียก่อน

            วิธีหยั่งเชิงอย่างแนบเนียนจำเป็นต้องใช้มารยาทการเจรจาเป็นเครื่องมือ

            การเจรจาครั้งนี้ไม่มีจุดประสงค์หวังสงบศึกเลิกราต่อกัน แต่เพื่อดูทีท่าอ่านแผนการฝ่ายตรงข้าม ล้วงความลับสำคัญแล้วนำมาใช้วางแผนอีกที

            เนวะทรุดนั่งขัดสมาธิบนพรมหน้าโลงศพตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง ร่างใหญ่ทะมึนแทบข่มฝ่ายตรงข้ามจนกลายเป็นเด็กเล็ก ๆ

            พยุหะ รอยเธียรเปลี่ยนจากท่านั่งคุกเข่าเป็นขัดสมาธิตาม สามร่างประจันกันเป็นสามเส้า สีหน้าแววตาไม่แสดงปฏิกิริยาความรู้สึกใด ๆ

            “มีวาจาใดก็กล่าวมา” เนวะเริ่มก่อน

            “ท่านต้องการอะไรจากพวกเรา” รอยเธียรเริ่มต้นคำถาม

            “คำถามเช่นนี้ยังหลุดจากปากได้” ดวงตาเนวะวาววับ “ถ้าเอ็งโดนทำร้ายสาหัสปางตาย เฝ้าฝึกฝนรักษาตัวมาตลอดสองพันกว่าปี เมืองที่ใช้ทั้งชีวิตก่อสร้างจนสมบูรณ์แบบถูกทำลายสิ้น คิดว่าเราต้องการสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน”

            “เมืองอมฤตไม่ได้ถูกทำลาย” พยุหะพูดเรียบ ๆ “ศรัทธาชาวเมืองที่มีต่อคุณต่างหากถูกทำลาย”

            “และคนทำลายมันกับมือคือตัวคุณเอง” รอยเธียรตอกย้ำ

            เปลวเพลิงในดวงตาเนวะเริ่มส่งประกายโทสะร้อนแรง ไม่กล่าวถกเถียงแก้ต่าง ด้วยเห็นว่าไม่จำเป็น ความคิดตนถูกต้องแน่นอน วาจาศัตรูไม่อาจสั่นคลอนความเชื่อนั้นได้

            คนอัตตาใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางยอมรับว่าตนคือผู้ทำลายล้างศรัทธาผู้คน จนไม่กล้ากลับไปหาพวกเขาเอง

            เนวะมองแค่ฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูผู้สร้างความพ่ายแพ้ หยามเกียรติด้วยการทำลายวิชาตนเสียสิ้น พลังอำนาจที่สร้างมิติพิเศษปกป้องเมืองอมฤตเสื่อมสิ้น ทำให้มันต้องเดินหน้าสู่ความเสื่อมถอย และสูญไปไม่ต่างจากนครอื่นในโลก

            ไม่ใช่เมืองอมฤต เมืองอมตะไม่เสื่อมสูญ คงอยู่ตลอดกาลอย่างวาดหวังไว้

            ...ความผิดชั่วร้ายทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของครุฑ นาค และนางศิษย์ทรยศ...

            เนวะเปล่งวาจาเนิบช้า เปี่ยมความอาฆาตแค้น

            “ต่อให้พวกเอ็งและครอบครัวถูกบดขยี้ทำลาย ตายจนสิ้นซากก็ยังไม่สาแก่ใจเรา”

            ผู้ทรงฤทธิ์เคยหยั่งเชิงฝีมือครุฑนาคผู้กลับชาติมาเกิดแล้ว รู้ว่าหากจะสังหารผลาญชีวิตพวกมันและครอบครัวนับเป็นเรื่องง่ายดาย แต่ไม่สาสมกับความคับแค้นใจนับพัน ๆ ปี

            ต่อให้พวกมันตายไปเกิดใหม่ แล้วถูกตามล่าสังหารทุก ๆ ชาติก็ยังไม่เพียงพอ

            เนวะต้องการให้ศัตรูทั้งสองและศิษย์ทรยศจะเป็นไม่ได้เป็น ตายไม่ได้ตาย ถูกกักขังอยู่ในกรงแห่งโทษทัณฑ์เต็มไปด้วยมหันตทุกข์ตลอดกาล

            เริ่มจากวางกับดักให้วนเวียนในวงกตความทรงจำโดยไม่รู้ตื่น ให้มันทุกข์แล้วทุกข์เล่ากับการวนเวียนหาทางออกไม่มีวันเจอ

            น่าเสียดายประเมินพวกมันต่ำเกินไป กรงขังความทรงจำถูกทำลายจึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่

            แผนการนั้นเป็นแผนสำรองวางไว้ก่อนพวกมันจะทลายกรงเสียอีก

            “มีวิธีไหนทำให้พวกเราเลิกรากันด้วยดีมั้ย” รอยเธียรหยั่งเชิงทั้งที่รู้ว่าไม่มีทาง

            “ถ้าเอ็งทั้งสองกับนังศิษย์ทรยศย่อมเอ่ยสัจจะ ถูกร้อยด้วยอาคมเป็นทาสใต้บาทเราชั่วกัปกัลป์ ยอมกระทำตามทุกคำสั่งเฉกเช่นสุนัขเชื่องตัวหนึ่ง ก็อาจบรรเทาแค้นในใจเราได้สักกระผีก”

            วาจานั้นบอกความอหังการเต็มที่

            เป้าหมายสูงสุดของเนวะคือความเป็นอมตะ รองมาคือสร้างเมืองอมฤตที่คงทนถาวรสมบูรณ์แบบอยู่เหนือกาลเวลา
            
            การได้สาวกทรงฤทธิ์เช่นอดีตครุฑ-นาคา และศิษย์ทรยศมาคอยรับใช้รองมือรองเท้าชั่วกาลนาน ย่อมเป็นเรื่องบันเทิงเหมือนมีของเล่นสนุกสนานแก้เบื่อยามเหงาได้เหมือนกัน

            ดวงตาชายหนุ่มทั้งสองปราศจากรอยโทสะแค้นเคือง ในใจบังเกิดความสมเพชเวทนาบอกไม่ถูก

            อัตตาใหญ่คับฟ้าเช่นนี้ กลับทำให้ผู้ทรงฤทธิ์ฉลาดปราดเปรื่องกลายเป็นคนโง่เขลา มองไม่เห็นว่าทุกสรรพสิ่งไม่มีคำว่าอมตะถาวร มีแต่เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน

            จิตใจเช่นนี้ไม่ต่างจากบัวอยู่ใต้โคลน ฤทธาที่มีช่วยอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ

            “การเจรจาครั้งนี้คงเปล่าประโยชน์” พยุหะเอ่ยเบา ๆ

            “ใช่...แผนกับดักที่พวกเอ็งใช้ตามรอยที่อยู่เรา...ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน”

            เนวะสบตาสองหนุ่มอย่างเย้ยหยัน พริบตาเดียวบริเวณรอบพรมที่ทั้งสามนั่งเกิดเสียงดังฉี่ฉี่ ควันขาวลอยขึ้นมาเป็นวง

            แววตาพยุหะแปรเปลี่ยนวูบหนึ่ง พื้นที่รอบพรมหน้าโลงศพนั้นเขาได้ขีด ‘รอยครุฑ’ ไว้เป็นเส้นอาคมบาง ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายสังเกต เพื่อใช้ดักจับตามรอยเงาจำแลงนี้ไปจนถึงที่ซ่อนเนวะตัวจริง

            ใครจะคาด ขนาดมาแค่ ‘เงา’ เนวะยังอ่านเล่ห์กลออก หนำซ้ำทำลายรอยครุฑง่ายดาย

            เนวะมองพยุหะแล้วกล่าวเยาะหยัน

            “กลลวงมีแค่นี้ยังกล้านำมาใช้กับเรา...คงอยากรู้มากกระมังว่าเราอาศัยอยู่ที่ใด”

            พูดจบหัวเราะหึหึดวงตาเข้มข้นขึ้น

            สะสางปัญหาพวกเอ็งในปัจจุบันให้เรียบร้อย แล้วลองตามรอยต้นตอปัญหานั้นดู...เราจะรออยู่ปลายทาง

            จบวาจา เงาจำแลงเนวะกำลังเลือนหายต่อหน้าต่อตา รอยเธียรสงบใจนิ่ง ถ่ายทอดพลังสู่กับดักที่สองซึ่งตนลอบวางไว้ภายนอก

            รอบศาลาปรากฏม่านบาง ๆ แผ่พุ่งเป็นเหมือนโดมครอบศาลาไว้ถึงสามชั้น ร่างที่กำลังเลือนหายของเนวะแสดงอาการบิดเบี้ยวคล้ายถูกคุมขังพยายามดิ้นรนหลบหนี

            รอยเธียรเข้าสู่ความนิ่งสงบกว่าเคย พยายามรักษา ‘กำแพงนาคา’ ที่ตนสร้างไว้เต็มที่

            นี่เป็นแผนการสองหนุ่มแอบวางไว้ เป้าหมายคือต้องหาที่ซ่อนเนวะให้เจอ...ที่ซ่อนนั้นขนาดพันเกลียวยังไม่ทราบ แสดงว่ามีเจตนาเร้นกายไม่ให้ใครรู้ เป็นบุคคลในเงามืดขณะที่พวกเขาอยู่ในที่สว่าง

            พยุหะวางกับดักรอยครุฑไว้ภายในศาลาแล้วแสร้งส่งสาส์นเรียกเนวะมาเจรจา ส่วนรอยเธียรแกล้งตามพ่อแม่ออกจากวัดแล้ววกกลับมาวางกำแพงนาคาไว้รอบศาลาถึงสามชั้น จากนั้นซุ่มคอยหาจังหวะลงมือ พอถูกเนวะเปิดโปงจึงค่อยออกจากที่ซ่อน

            พวกเขาไม่คิดว่าเนวะตัวจริงจะมา เพียงแค่เงาจำแลงก็สามารถใช้ตามรอยหาที่ซ่อนฝ่ายตรงข้ามได้อยู่แล้ว

            น่าเสียดายเนวะอ่านเกมออกทำลายรอยครุฑเสียสิ้น เหลือเพียงกำแพงสามชั้นซึ่งเป็นแผนสำรอง ต้องรีบดักจับไม่ให้เงาจำแลงหลุดรอด จะได้ใช้มันเป็นสื่อเชื่อมโยงหาที่ซ่อนเนวะตัวจริงให้ได้

            เงาจำแลงพยายามดิ้นรนจนบิดเบี้ยว หาทางออกจากกำแพงนาคา หรือไม่ก็สลายตัวไร้ร่องรอยสืบสาว

            ...น่าเสียดาย มันไม่อาจกระทำทั้งสองเรื่อง...

            กำแพงนาคาสกัดกั้นปิดทางหนี พลังนาคาจากรอยเธียรเข้าไปประกบควบคุมไม่ยอมให้มันสลายร่าง หนำซ้ำพยายามแทรกซึมเข้าไปยังกึ่งกลางเงาร่างเพื่อเชื่อมโยงหาเส้นทางไปยังที่ซ่อนเนวะตัวจริง

            พลังสองฝ่ายปะทะกันเป็นระยะ ดูเหมือนเงาจำแลงเนวะจะมีพลังสูงกว่า รอยเธียรได้แต่กัดฟันสู้ ใบหน้าแดงซ่าน เหงื่อผุดพราวหายใจถี่หอบ ยิ่งเข้าใกล้แกนกลางเงาจำแลงเท่าไรร่างกายตนยิ่งเย็นเฉียบราวตกในหล่มน้ำแข็ง

            พยุหะขยับกายตั้งใจส่งพลังตนเข้าช่วย พบสบนัยน์ตาอดีตนาคาก็ต้องชะงัก เม้มริมฝีปากนิ่ง ไม่กล้าบุ่มบ่ามช่วยเหลือสุ่มสี่สุ่มห้า

            พลังครุฑกับนาคาเป็นปรปักษ์กันตามธรรมชาติอยู่แล้ว การส่งพลังเข้าไปช่วยอย่างไม่ถูกจังหวะ เกิดการผิดพลาดแทนที่จะช่วยเหลือกลับทำร้ายกันเอง

            เวลาผ่านไปกำแพงนาคาอ่อนกำลังลงเลือนหายทีละชั้นจนเหลือชั้นสุดท้าย ใบหน้ารอยเธียรแดงจัดจนกลายเป็นซีดขาว เผือดไม่มีสีเลือด พลังที่ซอกซอนเข้าไปในเงาจำแลงกำลังคืบคลานใกล้ถึงแกนกลางทีละน้อย อีกนิดเดียวจะสัมผัสถึงขุมพลังเนวะเพื่อเชื่อมโยงหาที่ซ่อนได้

            ทันใดนั้น...ตูม!

            บังเกิดพลังจิตมหาศาลจากภายนอกเข้าทุบทำลายกำแพงนาคาชั้นสุดท้ายแตกในพริบตา พยุหะทำได้เพียงแผ่พลังครุฑเข้าปกป้องตนเองและรอยเธียรตามสัญชาตญาณ เงาจำแลงสลายสิ้นโดยที่พลังนาคาไม่ทันแตะเชื่อมโยงหาที่ซ่อนศัตรูร้ายเจอ

            รอยเธียรคว้ากระโถนใกล้ตัวแล้วกระอักเลือดปนน้ำขม ๆ ออกมากองใหญ่ ภายในบอบช้ำ เจ็บไม่น้อย พลังจิตนั้นกระแทกมาในจังหวะที่ไม่สามารถป้องกันตัว ถ้าพยุหะไม่ใช้อำนาจครุฑปกป้องไว้ คงเจ็บหนักกว่านี้หลายเท่า

            ดาราหนุ่มหยิบกระดาษทิชชูซับเลือด เช็ดน้ำขม ๆ ติดริมฝีปาก ถอนใจเหน็ดเหนื่อย ทรวงอกปวดแปลบแต่ยังยิ้มขัน

            “เพิ่งรู้ว่าคนเรากระอักเลือดได้จริง คิดว่าจะมีแต่ในหนังจีนเสียอีก!”

            พยุหะส่งสายตาเป็นห่วงแกมอ่อนใจ

            “ให้ช่วยอะไรมั้ย” เขาอาจถ่ายพลังครุฑไปกระตุ้นพลังนาคาในตัวอีกฝ่ายได้

            “อย่า...เดี๋ยวจะเจ็บหนักกว่าเดิม” ปฏิเสธแล้วอดบ่นไม่ได้ “เสียดายตามรอยมันไม่ทัน”

            อดีตครุฑถอนใจผิดหวัง

            “เนวะมันร้ายกว่าที่คิด เลือกทำลายกำแพงพอดิบพอดี ทั้งที่จริงจะใช้วิธีนี้แต่แรกก็ได้ นี่เหมือนมันตั้งใจล่อให้คุณไปจนถึงจุดที่ป้องกันตัวไม่ได้ แล้วถล่มทีเดียวให้ยับ”

            ชายหนุ่มไม่ใช่คนพูดจายืดยาว ที่พูดมาทั้งหมดเพื่อวิเคราะห์ศัตรูให้คู่หูจำเป็นฟัง

            “ก็...รู้มาสักพักแล้ว...ว่ามันเก่งกว่าเราหลายขุมจริง ๆ” รอยเธียรยอมรับเสียงอ่อย ลมหายใจอ่อนล้า ใบหน้าซีดกว่าเดิม

            “ไปหาหมอกันเถอะ” สภาพอดีตนาคาเจ็บหนักเช่นนี้ จำเป็นต้องรีบรักษาตัวด่วน

            “บ้านคุณ...มีห้องว่างมั้ย” รอยเธียรถาม

            “ผมอยู่คอนโด...แต่มีห้องว่าง” ตอบพลางมองอย่างสงสัยว่าถามทำไม

            ดาราหนุ่มยิ้มเซียว ๆ

            “ผมรักษาตัวเองได้ ขอเวลาสักคืนน่าจะดีขึ้น...” พูดแค่นี้ อีกฝ่ายเดาใจออก

            “แสดงว่าไม่อยากกลับบ้าน กลัวคนที่นั่นเป็นห่วง”

            “อือ” ตอบรับอย่างไม่ปิดบัง

            “นอนคอนโดผมสักคืนก็ได้ ถ้าไม่กลัวเป็นข่าว”

            ประโยคท้ายไม่ใช่การหยอกล้อ เวลานี้สองหนุ่มเป็นที่จับตาของนักข่าว พยุหะโดนกล่าวหาว่าลอกเพลง พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งแฟนตัวจริงนางเอกโฆษณา รอยเธียรเป็นผู้ต้องสงสัย หนึ่งในผู้ชายของน้องนิว

            ถ้านักข่าวเห็นสามีแห่งชาติ ขึ้นคอนโดกับโปรดิวเซอร์หนุ่มติสต์แตก รับรองได้ข่าวใหม่ดังกว่าเดิมแน่

            “ไม่เป็นไร” รอยเธียรหัวเราะเสียงแห้ง ๆ แววตายังรื่นรมย์ “เป็นข่าวกับผู้หญิงมาเยอะแล้ว ลองเป็นข่าวกับผู้ชายดูบ้างคงสนุกดี”




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            คอนโดพยุหะตอนสาย

            รอยเธียรออกจากห้องนอนแขกด้วยใบหน้าซีด ริมฝีปากแห้ง ดวงตาฉายแววสดใสกว่าเมื่อคืน ร่างกายอิดโรยด้วยพิษไข้ที่ยังเหลือ เดินอ้อมเปียโนหลังใหญ่ไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามเจ้าของห้องด้วยท่าทางผ่อนคลาย

            “ยังไม่หายไข้ ออกมาทำไม” พยุหะมองปราดเดียวอ่านอาการออก

            “ดีขึ้นเยอะแล้ว ต้องรีบกลับบ้าน ไม่งั้นคุณนายรอยจันทร์บุกถึงนี่แน่” ดาราหนุ่มพูดขัน ๆ

            เจ้าของห้องเลิกคิ้วสงสัย ได้รับคำอธิบายเพิ่ม

            “เมื่อคืนไลน์บอกแม่ว่าจะนอนค้างที่นี่ มีธุระต้องคุยกันต่อ...แกก็ซักเยอะแยะ สงสัยมีเซ้นส์รู้ว่าลูกชายป่วย นี่ถ้าไม่รีบกลับบ้านก่อนเที่ยง รับรองต้องบุกมาดูแน่ว่าอาการหนักแค่ไหน”

            คำบอกเล่าง่าย ๆ สบาย ๆ แฝงความอบอุ่นห่วงใยในครอบครัว สายตาพยุหะมองกลับมาจึงอ่อนลงกว่าเดิม

            “กินอะไรก่อนมั้ย” พูดพลางชี้ทางห้องครัว มีหม้อต้มกาแฟ ขนม อาหารสำเร็จรูปพร้อมสรรพ

            “จัดการเอาเองนะ” พยุหะบอกหน้าตาเฉย

            “คุยกันก่อนดีกว่า” รอยเธียรปฏิเสธแกมขำขัน โปรดิวเซอร์หน้าดุแบบนี้คงไม่ค่อยชอบบริการใคร



            เมื่อคืนสองหนุ่มล้วนจำวาจาเงาจำแลงเนวะได้

            ...สะสางปัญหาปัจจุบันให้ได้...ตามรอยต้นตอให้เจอ...เราจะรออยู่ปลายทาง...

            “ถ้าตามรอยเนวะจากคำพูดมัน...อาจเป็นกับดักอีกตัวก็ได้” พยุหะเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อม

            “ก็จริงนะ” รอยเธียรยอมรับความคิดนั้น “แต่ถ้าคิดให้ดี ปัญหาพวกเราตอนนี้ อาจมีเนวะอยู่เบื้องหลังก็ได้”

            “คิดอย่างนั้นเหมือนกัน...อย่างของคุณ...มันดูออกง่ายเลยว่าจงใจจัดฉาก”

            “นั่นสิ” ดาราหนุ่มเห็นด้วย “คนอะไรไลฟ์สดฆ่าตัวตายแบบเรียลไทม์ กะเวลาหมดสติแล้วให้คนมาช่วยทันพอดีเหมือนในหนังเป๊ะ แถมยังมีภาพคลิปตอนเข้าโรงพยาบาล หมอล้างท้องอย่างละเอียดอย่างกับเตรียมไว้...อีกอย่างโรงพยาบาลที่ไหนยอมให้ถ่ายคลิปเหตุการณ์จริงแบบนี้ได้...มันจงใจเรียกกระแส คะแนนสงสารมากไปหน่อย”

            “แล้วเขาก็ทำสำเร็จ” พยุหะสรุป

            หลังจากเหตุการณ์นั้น น้องนิวไม่เคยเอ่ยชื่อรอยเธียรตรง ๆ สักคำ ใช้วาจาอ้อมค้อมตอบคำถามเลี่ยง ๆ คล้ายพวกนักข่าวใช้อักษรย่อ เพราะไม่มีหลักฐานพยานมายืนยัน

            คำพูดเลี่ยง ๆ แบบนี้ ทำให้คนเสพสื่อถูกชี้นำให้คิดถึง ‘สามีแห่งชาติ’ คนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมหาชนคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันก็จะเกิดความเชื่อมั่นแบบอุปทานหมู่ว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง

            ต่อให้รอยเธียรปฏิเสธออกสื่อแค่ไหน บริบทแวดล้อมทำให้เกิดการสะกดจิตหมู่ครั้งใหญ่ไปแล้ว เรื่องจริงไม่จริงไม่สำคัญ มีหลักฐานหรือไม่มีไม่สนใจ ทุกคนเต็มใจพร้อมเชื่อมั่นอย่างนั้นอยู่ดี

            “ของคุณเองก็โดนคล้ายกันนะ” รอยเธียรพูดบ้าง

            เพลงโฆษณาเพิ่งออกสื่อแค่วันเดียวโดนโจมตีว่าลอกทำนองเพลงต่างชาติ อีกทั้งเนื้อเพลงถูกกล่าวหาว่าคล้ายเพลงดังสมัยก่อนเพลงหนึ่ง

            หากนำมาเทียบกันจริง ๆ ท่วงทำนองเพลงโฆษณาของพยุหะมีส่วนคล้ายท่อนฮุกเพลงสากลนั้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะโน้ตดนตรีมีไม่กี่ตัว ไม่แปลกที่นักฟังเพลง นักแต่งเพลงจะซึมซับได้แรงบันดาลใจกันมา

            ส่วนเนื้อเพลงที่ถูกกล่าวถึงว่าคล้ายเพลงดัง ก็มีแค่คำบางคำตรงกันเท่านั้นเอง

            พยุหะให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา

            “ผมไม่ได้ลอกทำนองใครมา ส่วนเนื้อเพลงที่ผมเขียนมันเกี่ยวกับฟ้าฝน ก็ต้องมีคำพวกนี้อยู่ในนั้น เพลงไทยที่พูดเปรียบเทียบเรื่องเดียวกันก็ใช้คำเหมือนกัน จะหาว่าทุกคนลอกเนื้อกันหมดเลยเหรอ”

            กรณีมัชฌิมา ก็ให้สัมภาษณ์ชัดเจนแบบหวังช่วยเหลือเต็มที่

            ผมรู้จักเขาจริงยังไม่ถึงขั้นคบหาดูใจ...แต่รับรองว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิงคนใหม่ของลุย...รอยเธียรแน่นอน

            จบคำให้สัมภาษณ์ ชาวเน็ตยังแซะไม่เลิก เหมือนถูกทำให้หลงเชื่อตามกันไปแล้ว ยากยอมเปลี่ยนใจ

            “น่าแปลกนะ” พยุหะเปรยขึ้น “การกล่าวหาที่ขาดหลักฐานแน่นหนาแบบนี้ ทำไมคนถึงหลงเชื่อกันไม่เลิก”

            วาจานั้นหมายรวมถึงเรื่องของรอยเธียรด้วย

            “เพราะคนที่อยู่หลังคีย์บอร์ดยังสุมไฟใส่ฟืนไม่หยุด เหมือนต้องการเลี้ยงกระแสไว้นาน ๆ หรือไม่ก็เจตนาสะกดจิตหมู่กันจริง ๆ”

            รอยเธียรพูดถึงตอนนี้แล้วชะงักคิดได้ พยุหะขยับตัวสบตากันอย่างมีความหมายซ่อนเร้น

            “อย่าบอกนะว่า...” ดาราหนุ่มเอ่ยทิ้งไว้ครึ่ง ๆ

            “เนวะจะใช้สื่อโซเซียล สะกดจิตหมู่ผู้คนได้จริง ๆ” พยุหะคาดไม่ถึง

            ปาฏิหาริย์สร้างเมืองต่างมิติก็ทำมาแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ในฌานสมาธิโดยรักษาร่างกายไว้เหมือนเดิมมาสองพันกว่าปีก็เป็นสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ แค่สร้างปรากฏการณ์ข่าว สะกดจิตหมู่ให้ผู้คนหลงเชื่อตามกันโดยผ่านโลกไซเบอร์ คงไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลัง

            สองหนุ่มนิ่งอั้นชั่วขณะ คิดทบทวนหลายเรื่องก่อนหลุดปากออกมาเชิงถ่ายทอดความคิดแก่กัน

            “หลังออกมาจากถ้ำนั่น เนวะต้องเก็บตัวศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกปัจจุบันจนช่ำชอง” รอยเธียรเริ่มต้น

            “เขาได้รับการช่วยเหลือจากใคร...” พยุหะเอ่ยลอย ๆ ไม่เชิงเป็นคำถาม

            “บรรพต ประธาน บี.บี. พรอม. น่าจะจัดหาทุกอย่างที่เขาต้องการมาให้” รอยเธียรบอก

            โปรดิวเซอร์หนุ่มมองอย่างสงสัย อดีตนาคาจึงอธิบาย

            “ตอนเนวะออกจากฌาน เป็นเวลาเดียวกับที่บรรพต กับคณะเข้าไปค้นหาธาตุศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำนั้นพอดี พอเห็นอภินิหารขับไล่พญานาคได้ก็เลยยอมเป็นบริวาร ช่วยเหลือทุกอย่าง...จำได้ว่าผมเคยบอกแล้วนะ”

            พยุหะเพิ่งนึกได้

            “จริงด้วย...คราวก่อนไม่ได้บอกละเอียดอย่างนี้” ดาราหนุ่มเคยบอกเรื่องสมุนเนวะให้ฟังตั้งแต่แรกที่เจอกันแล้ว

            “อือ นอกจากนี้เนวะยังมีบริวารอีกคนนะ เก่งเรื่องคาถาอาคมพอตัว คนนี้สามารถใช้มนตร์ดำเล่นงานเราแทนเนวะได้สบาย” รอยเธียรเสริมขึ้น

            อดีตครุฑถอนใจเฮือกใหญ่ระบายความอัดอั้นในใจออกมา

            “ฟังแล้วเหมือนพวกเราโดนมัดมือมัดเท้ายังไงไม่รู้นะ”

            อดีตนาคาหัวเราะผ่อนคลาย

            “อย่าลืมสิว่าฝ่ายเราก็มีป้าพันเกลียวที่เก่งมาก ถ้าจำเป็นจริง ๆ ผมอาจขอให้ ‘ตาอ่ำ’ ลูกศิษย์วัดป่าที่นับถือหลวงน้าผมมากให้ออกมาช่วยอีกแรงก็ได้”

            “ถ้าไม่จำเป็นผมไม่อยากรบกวนใคร” พยุหะพูดชัดแสดงถึงความหยิ่งผยองในตนเอง

            รอยเธียรไม่ขัด วกกลับมาเรื่องสำคัญ

            “ถ้าอย่างนั้นเราลองมาสืบหาดูมั้ยว่า เบื้องหลังต้นตอการกระพือข่าวไม่หยุดนั้น มันมาจากไหน”

            พยุหะรู้ว่านั่นเป็นการเดินตามเกมเนวะแล้ว

            ...แต่...ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสืออย่างไร...

            “งั้นก็ลองดู แต่ผมไม่เก่งเรื่องคอมพ์ ไม่คล่องเกี่ยวกับโซเซียลเลย” โปรดิวเซอร์เพลงออกตัวแบบไม่อาย

            ดาราดังหัวเราะเบา ๆ

            “เฟซบุ๊ค แฟนเพจ ไอจีผม เป็นฝีมือแม่กับน้องสาวจัดการให้ทั้งนั้น”

            สองหนุ่มสบตากันอย่างไม่รู้จะหาทางค้นหาตามรอยเนวะในโลกไซเบอร์อย่างไร

            “อ้อ...” รอยเธียรหลุดปากอย่างนึกได้ “นึกออกแล้วว่าจะเรียกใช้ใครดี”

            “ใคร?” พยุหะขมวดคิ้วสงสัย เรื่องพวกนี้ไม่ควรให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายรับรู้

            “แอดมินเพจ ‘โคตรรักรอยเธียร’”

            ดาราหนุ่มจงใจเรียกชื่อเพจตนให้ผิดเพี้ยนอย่างประชดประชันแกมขำขัน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ร้านกาแฟ เวลาบ่ายลูกค้าซาลงเหลือแค่ไม่กี่โต๊ะ

            โต๊ะกาแฟมุมลับตาเป็นส่วนตัว ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งราวเจ็ดแปดคนนั่งดื่มเครื่องดื่ม พูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นวัยสาว ที่สูงวัยประมาณสามสิบ สี่สิบปีมีอยู่สองคน

            “เรื่องมันมาไกลขนาดนี้ น้องน้ำจะว่ายังไงคะ”

            พี่จี๊ดหรือป้าจี๊ดสตรีอาวุโสสุดเอ่ยต่อหญิงสาวผู้เป็นแอดมินเพจ ประธานแฟนคลับคนรักรอยเธียร

            “น้ำบอกแล้วไงคะว่าเพจเราโดนแฮก รูป-คลิปพวกนั้นไม่ใช่ฝีมือน้ำเลย จะให้ทำยังไงล่ะคะ”

            “แล้วทำไมวันนี้พี่มัชฌิมา นางเอกโฆษณาเพื่อนพี่น้ำไม่มาด้วยคะ” คราวนี้คนถามเป็นสาวน้อยวัยรุ่น

            “เจ้ามามันกลัวออกมาแล้วเจอสื่อสัมภาษณ์ เห็นใจมันหน่อยเถอะ ชีวิตมันไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย”

            “จริงหรือคะ ไม่ใช่อาศัยชื่อเป็นแฟนคลับแล้วเข้าไปแคสโฆษณา ทำตัวสนิทสนมกับพี่ลุยจนเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยความตั้งใจ”

            รอยธารานับหนึ่งถึงสิบในใจ อยากปรี๊ดใส่อารมณ์บอกกับทุกคนว่าทั้งเธอกับมัชฌิมาไม่จำเป็นต้องหาเรื่องเพื่อจะสนิทสนมกับดาราดังคนนี้เลย

            “น้องเมย์คะ ในข่าวก็บอกว่านางเอกโฆษณาที่เขาเลือกแต่แรกคือน้องไอรดา เน็ตไอดอล แต่เจ้าตัวเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลถ่ายทำไม่ได้ เจ้ามามันกำลังฝึกงาน อยู่ในที่ประชุมพอดี ผู้บริหาร และทุกคนในที่ประชุมเลือกเองแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ไม่มีการแคสค่ะ...ส่วนบอกว่าทำตัวสนิทสนมกับพี่ลุยน่ะ ภาพที่ลงมันเป็นตอนซ้อมบทนะคะ นอกฉากไม่มีอะไรเลย พี่ก็อยู่ด้วย ผู้กำกับทีมงานอยู่กันเต็มเป็นพยานได้”

            “เอาเถอะค่ะ เรื่องน้องมาพวกพี่ไม่ติดใจอะไรหรอก แต่ภาพคลิปมันออกไปจากเพจเราจนเรื่องลุกลามใหญ่โต ยายดาราตัวประกอบนั่นมาไลฟ์สดฆ่าตัวตาย รำพี้รำพันว่าถูกพระเอกดังทิ้งไปมีคนใหม่ น้องลุยติดหางเลขเสียชื่อไปหมดขนาดนี้ เราจะหาทางช่วยแก้ไขยังไงดี”

            หญิงสาวอยากตอบว่า...มันไม่ใช่เรื่องของแฟนคลับ เจ้าตัวเขารู้จักจัดการชีวิตตัวเองได้หรอก...

            คำพูดจากปากมีแค่...

            “พี่ลุยให้สัมภาษณ์สื่อแล้วนี่คะว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับน้องนิวคนนั้นเลย เป็นแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดา พระเอกดัง ‘สามีแห่งชาติ’ ที่อ้างถึงน่ะ สมัยนี้มีตั้งหลายคนทั้งดารา นักร้อง พิธีกร กระทั่งนักกีฬาก็มี เราเชื่อใจพี่ลุยดีกว่านะคะ”

            “โหย...พี่เชื่อใจน้องลุยร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ติดตามกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีข่าวคาวเสียหาย ผู้ชายดี ๆ ครบเครื่องอย่างนี้หายาก พี่ไม่อยากให้มีข่าวทำให้น้องเสียหาย นังคนนั้นกับเพื่อนมันก็ไม่ยอมหยุดซะที เราน่าจะมีมาตรการอะไรจัดการแรง ๆ บ้าง อย่างไปแจ้งความหมิ่นประมาทอะไรแบบนี้”

            “โอ้ยอย่าเลยค่ะพี่จี๊ด ตัวน้องนิวเขาไม่เคยอ้างชื่อพี่ลุยตรง ๆ เลยสักครั้งนะคะ”

            “ถึงไม่พูดแต่คนตามข่าวก็เชื่อกันหมดแล้ว เราต้องช่วยแก้ข่าวนะคะ น้องน้ำเป็นประธานแฟนคลับ ดูแลเพจด้วยแบบนี้ ถือเป็นหน้าที่ต้องทำเลยค่ะ”

            รอยธาราไม่ใช่คนอารมณ์เย็น โดนกลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่หางานให้ทำขนาดนี้ก็อยากระเบิดอารมณ์ใส่เหมือนกัน

            ...พวกเขาจะรู้ไหมว่า รอยเธียรดาราดังในดวงใจน่ะ ไม่ได้เก็บขยะพวกนี้มาเป็นอารมณ์เท่าไหร่เลย...

            “น้ำว่า...พวกเราควรอยู่เฉย ๆ ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวพยายามยิ้มหวานสุดชีวิต “ในส่วนของประธานแฟนคลับ และแอดมินเพจที่มีโอกาสเข้าไปดูการถ่ายโฆษณาทั้งสองวัน น้ำอธิบายละเอียดแล้วว่าภาพ-คลิปในตอนหลังไม่ใช่ของทางเรา เพจเราโดนแฮกและภาพความสนิทสนมนั่นเป็นแค่การซ้อมถ่ายโฆษณาเท่านั้น มัชฌิมาเป็นแค่นางเอกโฆษณา ไม่ได้เป็นแฟนหรือกำลังคบหาดูใจกับพี่ลุยเลย...นั่นมันก็หมดหน้าที่ของเราแล้วนะคะ ส่วนข่าวอื่นพี่ลุยให้สัมภาษณ์จนเคลียร์ไปแล้ว เราบังคับให้คนอื่นเชื่อหรือไม่เชื่อตามเราไม่ได้หรอกค่ะ”

            ขนาดใจเย็นอธิบายอย่างละเอียดชัดเจนอย่างนั้น กลุ่มแฟนคลับยังไม่พอใจ พูดจาสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เจ้ากี้เจ้าการราวกับเป็นเจ้านาย

            รอยธาราอดทนจนถึงขีดสุด กำลังจะระเบิดเสียงดังลั่นร้านไปว่า

            “...รอยเธียรเป็นพี่ชายกูเอง กูเป็นห่วงเขายิ่งกว่าป้า ๆ น้อง ๆ อีก ทุกสิ่งที่ทำให้น่ะ กูเลือกว่ามันเหมาะสมพอดีกับพี่กูแล้ว...ถ้ามันยังไม่ดีอย่างใจก็ทำเองแล้วกัน...กูขอบาย...เลิกแล้ว ไม่เป็นทั้งประธานแฟนคลับ ไม่เป็นแล้วแอดมินเพจบ้าบออะไรนี่...โว๊ย...จะเอาอะไรกับกูนักหนา...

            มันคือประโยคระบายอารมณ์ในใจอย่างเต็มกลั้น ไม่ทันหลุดเป็นวาจาก็มีเสียงอื่นดังแทรกขึ้นก่อน

            “เจ้าน้ำ...มาอยู่นี่เอง แม่ตามหาแน่ะ ทำไมไม่รับสาย”

            เสียงทุ้มนุ่มไพเราะดังจากเบื้องหลังกลุ่มแฟนคลับ ฟังก็รู้ว่าเจ้าของเสียงหน้าตาไม่ธรรมดา

            รอยธาราเงยหน้าแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ แทบอยากมุดลงใต้โต๊ะเสียเดี๋ยวนี้เลย

            สาวน้อยสาวใหญ่หันไปทางต้นเสียงแล้วนิ่งอั้น พูดอะไรไม่ออกนอกจากกะพริบตาถี่ ๆ ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้ตาฝาดฝ้าฟางไป

            ลำคอตีบตันพูดไม่ออก ทั้งที่เมื่อก่อนเคยหวีดเสียงกรี๊ดดารานักร้องดังลั่นฮอลล์มาแล้ว

            ใครคาดคิดบ้าง จู่ ๆ จะพบซูเปอร์สตาร์รอยเธียร สวมเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนใส่รองเท้าแตะแบบอยู่บ้านมายืนยิ้มกว้างอยู่ด้านหลัง ทำหน้าตาเหรอหราไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างแนบเนียน

            ดาราหนุ่มคนดังเลื่อนเก้าอี้มานั่งร่วมวงอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง ไม่สนใจรังสีอำมหิตจากสายตาน้องสาว

            “สวัสดีครับพี่จี๊ด พี่อ้อม น้องโบว์ น้องเมย์ น้องเฟื่อง น้องกิ๊บ น้องแจ๋ว มากันพร้อมหน้าเชียว...ผมมาตามเจ้าน้ำกลับบ้าน...แม่บอกว่าไม่รู้หายไปไหน โทรมาก็ไม่รับสาย...เอ่อ...ถ้าผมมาขัดจังหวะต้องขอโทษจริง ๆ พอดีมีเรื่องด่วนจะใช้งานน้องสาวตัวเองหน่อยน่ะครับ”

            เพียงแค่คำพูดเปิดตัวก็ทำเอาคนทั้งโต๊ะหันขวับมองรอยธาราเป็นตาเดียวกัน

            รอยเธียรเห็นสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนจึงหยอดวาจาต่อไปอีก

            “สงสัยเจ้าน้ำยังไม่ได้บอกทุกคนว่าเป็นน้องสาวผม...ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ แกขี้อายแล้วก็ไม่อยากได้รับการปฏิบัติตัวเป็นพิเศษกว่าคนอื่น แต่แกชอบมาเล่าเรื่องพวกพี่ ๆ น้อง ๆ แฟนคลับให้ผมฟังบ่อย ๆ ว่าทุกคนน่ารักใจดี เป็นสังคมเล็ก ๆ ที่อบอุ่นมาก”

            ซูเปอร์สตาร์คนดังโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ทั่วถึง การจดจำชื่อแฟนคลับได้ทุกคนเท่ากับยืนยันคำพูดตนเอง และเพิ่มคะแนนให้รอยธาราจนไม่มีใครติดใจที่ปกปิดเรื่องส่วนตัวสำคัญเช่นนี้

            หลังจากแฟนคลับทั้งกลุ่มตั้งตัวติด ก็ระดมคำถามพูดคุยเต็มที่ด้วยเห็นว่าโอกาสใกล้ชิดขนาดนี้มีไม่บ่อยนัก

            รอยเธียรตอบทุกคำถาม พูดคุยอย่างเป็นกันเอง

            “เจ้าน้ำคล้ายพ่อผมน่ะครับ ไม่ค่อยชอบออกสื่อคนทั่วไปเลยไม่รู้จัก มีแต่รูปครอบครัวตอนเด็กมาก ๆ ใคร ๆ คงจำไม่ได้แล้ว...อ๋อ...เรื่องน้องมา เพื่อนสนิทเจ้าน้ำ ผมเห็นตั้งแต่เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกมาเล่นที่บ้าน บางทีก็มาทำงานกลุ่มจนสนิทกัน...ให้มาถ่ายโฆษณาคู่กันยังเขิน ๆ เลยครับ เพราะเห็นเขาเป็นน้องสาวมาตลอด นี่เล่นให้มาเป็นแฟนกันแบบนี้ต้องมีการซักซ้อมก่อนเข้าฉากเยอะหน่อย...พอมีคนแอบถ่ายรูปถ่ายคลิปไปเลยกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต...โห...ขอบคุณพี่จี๊ดมากครับที่เข้าใจ ผมไม่เป็นไรหรอก แก้ข่าวไปแล้ว ส่วนคนเขาจะเชื่อไม่เชื่อเรากำหนดไม่ได้...ดีใจที่พวกพี่น้องแฟนคลับเข้าใจ ยังสนับสนุนอยากช่วยเหลือผมอยู่...แหม...น้ำตาจิไหล...”

            “ขอโทษจริง ๆ นะครับที่ไม่เคยจัดแฟนมีทเลย เจอกันแค่ตามงานอีเว้นท์เท่านั้นเอง ส่วนงานทำบุญที่แฟนคลับจัดกันกี่ครั้ง ผมเห็นในเพจตลอด ไม่เคยมีเวลาไปร่วมงานเลย...แต่จะบอกความลับให้...ของส่วนตัวที่เอาไปประมูลทั้งหมดน่ะ เป็นฝีมือเจ้าน้ำเข้าไปค้นในห้องผมเองเลย เขารู้ว่าแฟนคลับอยากได้อะไร ชอบของแบบไหน ถ้าอันไหนเป็นของรักของหวงสำหรับของผม แล้วแฟนคลับอยากได้ คุณเธอก็จะมาเซ้าซี้ขอเช้าขอเย็น ตะล่อมยกแม่น้ำทั้งห้า เอาเรื่องงานบุญงานกุศลมาอ้างจนผมใจอ่อนยอมยกให้...เสร็จแล้วยังมีหน้ามาบังคับให้ผมถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน ว่าเต็มใจมอบให้แฟนคลับไปประมูลทำบุญกันอีก...มันน่าหมั่นไส้มั้ยล่ะครับ เห็นเพื่อนแฟนคลับดีกว่าพี่ชายตัวเองแบบนี้”

            บรรยากาศพูดคุยบนโต๊ะกาแฟเปลี่ยนแปลงจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง

            รอยเธียรเปลี่ยนความเคร่งเครียด รุ่มร้อนกลายเป็นอบอุ่น กันเอง ตอบคำถามส่วนตัวอย่างฉลาด แทรกอารมณ์ขัน หยอดมุขเป็นระยะ เรียกเสียงหัวเราะสร้างความผ่อนคลายขึ้นมา

            นอกจากนี้ยังแสดงบทบาทพี่ชายปากร้ายผู้แสนดี จิกกัดเหน็บแนมน้องสาวตลอดแต่ทุกวาจาแฝงด้วยความรักผูกพัน สายตามองมาด้วยรอยยิ้มสนิทสนม เล่าเรื่องส่วนตัวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้เหล่าแฟนคลับได้รู้จักตัวตน เห็นความผูกพันระหว่างพี่น้องอย่างน่ารักน่าสนใจ

            เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง ทุกคนล้วนอิ่มเอมเบิกบาน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ได้ถ่ายรูปคู่ รูปหมู่กับดาราในดวงใจอย่างเต็มอิ่ม ก่อนแยกย้ายกลับบ้านด้วยความรู้สึกดี ๆ ทั่วหน้ากัน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP