วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๒๒



cover Amarit

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ด้านเนวะ...หลังจากกลายเป็นคนธรรมดา ร่างกายบาดเจ็บไม่แข็งแรงดังเดิมจึงเสาะหาสมุนไพรรักษาตัวอยู่ตามป่าเขา แล้วเกิดปาฏิหาริย์พบผลไม้สมุนไพรหายาก จากต้นซึ่งสองสามร้อยปีถึงจะผลิดอกออกผลสักครั้งหนึ่ง

            เมื่อรับประทานลงไปร่างกายฟื้นฟูแข็งแรงรวดเร็ว ใจคิดว่าถ้ากลับเมืองอมฤตให้ผู้คนศรัทธาดังเดิม ต้องคืนฤทธิ์เดชกลับมาก่อน

            ร่างกายแข็งแรงพยายามฟื้นฟูตบะวิชาของตน คร่ำเคร่งฝึกฝนนานนับปี ๆ โดยไม่เกิดผลใด ๆ สุดท้ายท้อถอยถอดใจ หมดหวังหมดความดิ้นรนทั้งปวง

            วันหนึ่งนอนเหยียดกายบนลานหินหน้าผาสูง ปล่อยให้สายลมพัดร่าง แสงแดดแผดเผา ตกค่ำให้น้ำค้างพร่างพรมจนร่างกายเปียกชุ่ม นัยน์ตามองดวงดาวระยิบพราว ใจไร้ซึ่งความคาดหวังใด ๆ จิตจดจ่อกับประกายดาว บังเกิดความสุขชุ่มชื่นขึ้นมา แล้วจิตก็รวมเป็นสมาธิลึกซึ้งโดยไม่ตั้งใจ

            หลังจากจิตถอนจากสมาธิดิ่งลึกขึ้นมา นึกทบทวนวิชาต่าง ๆ ที่เคยร่ำเรียนอย่างละเอียด สุดท้ายโยนความรู้ทั้งมวลทิ้งออกไปจนหมด วางใจเช่นภาชนะว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลือ จิตออกไปสัมผัสรับรู้ท้องฟ้า ภูเขา สายน้ำ ก้อนหิน ใบไม้ และประกายดาวโดยไร้ความคาดหมายใด ๆ

            จู่ ๆ ใจเกิดความหยั่งรู้วิชาใหม่ ค้นพบโดยไม่คาดคิด เข้าใจโดยไม่ตั้งใจ มันเป็นสุดยอดวิชาที่หากตนยังเป็น ‘อาจารย์เนวะ’ คนเก่า จะไม่มีวันรู้จักวิชาเช่นนี้ได้เลย

            เนวะรู้ว่าการจะฝึกฝนวิชาลี้ลับที่ค้นพบจากสมาธิอันลึกซึ้งแปลกใหม่นี้ ต้องใช้เวลานานมาก สมควรหาสถานที่อันเหมาะสม เขาจึงเดินทางไกลสลับกับล่องเรือไปเรื่อย ๆ แต่ละวันครุ่นคิด จมอยู่กับวิชาใหม่อันโลดโผนพิสดาร

            จนกระทั่งพบถ้ำพิเศษแห่งหนึ่ง เมื่อใช้มนตร์อำพรางแล้ว ต่อให้เวลาผ่านไปนับพัน ๆ ปี อำนาจแห่งมนตราจะยังไม่เสื่อมสลายง่ายดาย ผู้คนทั่วไปไม่อาจเสาะหามองเห็น มีแต่เหล่านาคนาคาบริเวณใกล้เคียงรับรู้ อีกทั้งได้รับคำสั่งจากชัยยะนาคาให้คอยดูแลสอดส่อง ส่งข่าวเป็นระยะ ซึ่งเนวะไม่สนใจ

            เนวะใช้ผลไม้สมุนไพรอันวิเศษที่พบ นำไปปรุงเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ รวมกับอำนาจฌานสมาธิลึกซึ้งแน่วแน่ยากมีผู้ใดฝึกฝนถึง ทำให้สามารถเร้นกาย ฝึกฝนวิชาอันลี้ลับเฉพาะตนได้ยาวนานมาตลอดสองพันกว่าปี โดยร่างกายรูปโฉมไม่แปรเปลี่ยน ไม่มีอมนุษย์ใดเข้ามาทำร้ายได้



            ทุกเรื่องกระจ่างแก่ใจพยุหะ รอยเธียร มัชฌิมาแล้ว ไม่มีประโยชน์ใดที่จะวนเวียนอยู่ในความทรงจำอดีต ทั้งสามจึงกระตุ้นจิตตนเองพร้อมกัน

            ...ตื่น!...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            พวกมันหลุดจากกับดักกรงขังแล้ว!

            เนวะรู้ทันทีเมื่อเหยื่อทั้งสามฟื้นตื่น หลุดจากโลกความทรงจำอดีต

            ความหงุดหงิดไม่พอใจเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนสงบลง รอยยิ้มลี้ลับผุดขึ้น

            ...ไม่เป็นไร...เรายังมีวิธีอื่นเล่นงานพวกเอ็งอีก...

            เขาอยู่ในฌาน สร้างสมเบาะบ่มวิชามาสองพันกว่าปี แค่เรื่องผิดพลาดเสียเวลาอีกเล็กน้อยนับเป็นอย่างไรได้

            แผนการบรรพต ผสานกับวิชาบางอย่างของเขา น่าจะทำให้พวกมันปั่นป่วนสักระยะก่อนเจอของจริง

            การลงมือของเนวะจริง ๆ ครั้งต่อไป มั่นใจประสบผลร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมันคือการเรียกคืนศักดิ์ศรี ล้างรอยแค้นที่ถูกหยาม

            ...ไม่นานหรอก...ครุฑ นาคา และศิษย์ทรยศจะต้องชดใช้อย่างสาสม...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คดาราประกอบสาวสวยชื่อดังสร้างความปั่นป่วน ลุ้นกันใจหายใจคว่ำแก่เพื่อนฝูง ผู้คนติดตาม และทีมกู้ภัยที่ไปช่วยเหลือ ไม่ผิดกับเรียลลิตี้โชว์เข้มข้นเรื่องหนึ่งทีเดียว

            ‘น้องนิว’ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ค บอกกับทุกคนว่ากำลังจะฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับเป็นกำมือ หลังจากกรอกยาจนหมดกระปุกก็พูดจาพร่ำเพ้อ รำพันถึงความรักที่ผิดหวัง ถูกพระเอกหนุ่มคนดังทอดทิ้งทั้งที่ตนเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา

            เธอไม่ยอมบอกว่าพระเอกหนุ่มคนดังนั้นเป็นใคร คนที่เข้ามาดูการไลฟ์สดต่างส่งข้อความให้กำลังใจ เพื่อนสนิทหลายคนรีบแจ้งตำรวจ กู้ภัยให้มาช่วยเหลือโดยด่วน

            น้องนิวไลฟ์สดในห้องพักส่วนตัวปิดล็อคประตูแน่นหนา ไม่ยอมให้ใครเข้ามารบกวน เธอพล่ามรำพันอย่างขาดสติ น้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเทอะใบหน้า สติขาด ๆ หาย ๆ พูดจาเริ่มไม่เป็นคำ สุดท้ายวูบหมดสติฟุบลงกับพื้น

            ช่วงเวลานั้นโทรศัพท์มือถือเธอยังทำงานถ่ายทอดสดต่อเนื่อง ผู้ชมต่างลุ้นเต็มที่ว่ากู้ภัยจะเข้าไปช่วยทันหรือไม่ แต่ละวินาทีผ่านไปพร้อมกับจิตใจลุ้นระทึก เอาใจช่วยคนคนหนึ่งอย่างไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก

            สุดท้ายประตูห้องถูกพัง ทีมแพทย์กู้ภัยรีบเข้ามาช่วยยื้อชีวิต นำเธอส่งโรงพยาบาลทันท่วงที            

            หลังจากนั้นการไลฟ์สดยังไม่ขาดหาย กลุ่มเพื่อนสนิทน้องนิวต่างรีบไปโรงพยาบาล แอบถ่ายรูป ถ่ายคลิป ถ่ายทอดไลฟ์สดตั้งแต่รถพยาบาลมาถึง ช่วยเหลือล้างท้องทุกขั้นตอน ปรากฏเป็นภาพหดหู่ชวนสะอิดสะเอียนแต่กลับได้ใจ เรียกคะแนนสงสารจากผู้ชมจำนวนมาก

            นั่นทำให้เกิด ‘ทีมน้องนิว’ ขึ้นในโลกโซเซียล เพื่อตามหาสืบเสาะไล่ล่าว่า ‘พระเอกดัง’ ที่เธอพูดถึงนั้นคือใคร?




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            วันสุดท้ายการฝึกงานของมัชฌิมา เป็นวันแรกที่โฆษณาแป้งหอมสามฤดูออกอากาศ

            ช่วงเวลาไม่กี่วันหลังออกจากโรงพยาบาล นับเป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ สารพัดเรื่องราวถาโถมใส่หญิงสาวจนตั้งตัวแทบไม่ทัน

            เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาพร้อมพยุหะ รอยเธียร ได้รับคำบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันจากรอยจันทร์ รอยธาราสองแม่ลูกว่าเกิดเรื่องราวใดบ้าง

            สรุปสั้น ๆ ตามนี้

            ภาพถ่าย คลิปของมัชฌิมากับรอยเธียรระหว่างการถ่ายทำโฆษณาสองวันในสตูดิโอถูกนำไปเผยแพร่ ตัดต่อให้ดูเหมือนเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันผ่านแฟนเพจ ‘คนรักรอยเธียร’ เกิดการแชร์ต่อกันมากมาย จนเข้าใจผิดว่าเธอคือผู้หญิงคนใหม่ของสามีแห่งชาติ

            หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งวัน ดาราประกอบสาวชื่อดัง ‘น้องนิว’ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คแสดงอาการโศกเศร้าเสียใจขนาดหนัก พร่ำรำพันว่าถูกพระเอกดังทำให้ท้องแล้วทอดทิ้ง นอกใจไปมีคนใหม่ เธอรับความเจ็บช้ำนั้นไม่ไหวออกมาบอกกล่าวให้ทุกคนรู้ก่อนจะกินยานอนหลับหมดกระปุกเพื่อฆ่าตัวตาย

            โชคดีที่ทีมแพทย์กู้ภัยไปช่วยทันท่วงที เพื่อนสนิทน้องนิวแอบถ่ายรูป คลิป ไลฟ์สดเผยแพร่ภาพการรักษาช่วยชีวิตจนเรียกกระแสความเห็นใจน่าสงสารขนานใหญ่

            ชาวเน็ตต่างสืบเสาะค้นข้อมูลกันจ้าละหวั่น จนได้ชื่อ ‘พระเอกดัง’ เข้าข่ายสามสี่รายชื่อ หนึ่งในนั้นคือรอยเธียร สามีแห่งชาติที่เพิ่งมีการแชร์รูปคู่โดยไม่ตั้งใจกับผู้หญิงที่ใคร ๆคิดว่าเป็นหวานใจคนล่าสุด

            นั่นเพราะรอยเธียรมีงานถ่ายละครร่วมกับน้องนิวก่อนเข้ากรมเป็นทหาร ช่วงเวลาหกเดือนหลังจากนั้นเขาไม่รับงานในวงการนอกจากงานประชาสัมพันธ์กองทัพ ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่า ตอนสื่อแทบไม่ได้จับตามองเลยนั้น เขาอาจสานสัมพันธ์กับดาราประกอบสาวสวยก็ได้

            การปรากฏรูปคู่กับหวานใจคนล่าสุดที่ไม่ใช่น้องนิว อาจทำให้สาวสวยดาราประกอบเจ็บปวดเกินกว่ารับไหวจนตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมลูกในท้อง!



            รอยเธียรให้สัมภาษณ์ปฏิเสธความสัมพันธ์กับน้องนิว บอกว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นไม่มีสัมพันธ์อื่น ส่วนมัชฌิมาเป็นนางเอกโฆษณาที่ถ่ายทำล่าสุด ภาพความใกล้ชิดสนิทสนมที่เห็นส่วนหนึ่งเป็นช่วงการซ้อมบทบาทในงาน ไม่มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวนอกเหนือจากบทบาทการแสดงเลย

            ด้านน้องนิวออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวแบบคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าใครเป็น ‘พระเอกดัง’ ที่เธอพูดถึง พอโดนจี้มากเข้าก็ร้องห่มร้องไห้ออกสื่อ แสดงสภาพจิตใจไม่พร้อมถูกกระทบกระเทือนจนต้องยกเลิกการให้ข่าวออกไป

            นอกจากนั้นพระเอกดังที่มีรายชื่อร่วมกับรอยเธียรก็โดนนักข่าวจี้ถามรายตัว คำตอบออกมาไม่แตกต่างกันนั่นคือทุกคนปฏิเสธความสัมพันธ์กันหมด ในใจผู้เสพข่าวจึงไม่หายสงสัย ต่างคาดคะเนไปต่าง ๆ นานา



            มัชฌิมา หญิงสาวผู้ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งซึ่งติดเทรนทวิตเตอร์ไม่แพ้ดาราดัง เธอถูกสื่อสัมภาษณ์ในวันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล

            “ตอบตามจริงให้สั้น ชัดเจน แล้วไม่ต้องอธิบายอะไรอีก” รอยจันทร์แนะนำการตอบปัญหาสื่อ “ถ้าเจอคำถามกำกวมสุ่มเสี่ยง ไม่มั่นใจให้ปฏิเสธไปเลย ไม่ต้องตอบ ไม่ออกความเห็นใด ๆ ดีที่สุด”

            เธอทำตามคำแนะนำนั้นอย่างเคร่งครัด สงบเสงี่ยมอ่อนน้อมต่อนักข่าว ไม่แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ แต่ชัดเจนและมั่นคงในความจริงของตนโดยไม่หวั่นไหวต่อคำถามประเภท ‘แซะ’‘เสี้ยม’ ต่าง ๆ

            พอพ้นจากนักข่าวต้องมาเจอพวกที่ทำงานบริษัท บี.บี. พรอม. ตอบคำถามเดิมซ้ำ ๆ จนเหนื่อยหน่าย อีกทั้งยังต้องไปอธิบายกับผู้บริหารระดับสูงอย่างท่านประธานบรรพตด้วย

            “ผมเข้าใจแล้ว คิดว่าคงมีพวกปลอมเป็นทีมงานเข้าไปแอบถ่ายรูปในสตูดิโอ ไม่เป็นไรนะหนูทางบริษัทไม่ติดใจอะไร โฆษณาชิ้นนี้อีกไม่กี่วันก็จะได้ออกโทรทัศน์แล้ว ดีซะอีกเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ไปในตัว”

            คนระดับผู้บริหารพูดเช่นนั้น หญิงสาวค่อยคลายใจเปลาะหนึ่ง คิดว่าหลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องเหล่านี้กับใครอีกแล้วเพราะไม่กี่วันข้างหน้าจะสิ้นสุดการฝึกงานของเธอเช่นกัน



            วันสุดท้ายของการฝึกงานบริษัท บี.บี. พรอม. กำลังจะผ่านไป

            มัชฌิมาเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋า ตระเวนขอบคุณพนักงานรุ่นพี่ที่ช่วยแนะนำสั่งสอนดูแลมาตลอด ลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง พบนักข่าวสองคนพร้อมตากล้องยืนรออยู่หน้าล็อบบี้

            การถูกสัมภาษณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว

            “โฆษณาของคุณออกฉายตามสื่อต่าง ๆ ตั้งแต่เช้า รู้สึกอย่างไรบ้างครับ”

            “ดีใจค่ะ”

            “คุณลุยโทรติดต่อมาบ้างมั้ยคะ” นักข่าวสาวอีกคนจ่อไมค์ถาม

            “ไม่ได้โทรค่ะ” ตอบสั้นแต่กลับเป็นประเด็นให้ถามต่อได้อีก

            “แสดงว่าคุณลุยมีเบอร์โทรศัพท์ มีไลน์ของคุณด้วยใช่มั้ยคะ”

            มัชฌิมาตั้งสติ

            “ไม่มีค่ะ” เป็นคำตอบจริง รอยเธียรไม่เคยขอเบอร์หรือไลน์ของเธอ คนกลางเชื่อมทั้งสองคือรอยธารา

            คำถามถูกยิงตามมาอีกชุดใหญ่ หญิงสาวตั้งสติตอบคำถามจนล้า ขยับขอตัวหลายครั้ง แต่นักข่าวทั้งสองพยายามแซะหาประเด็นยื้อให้นานสุดจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พวกตนพอใจ

            “พอจะทราบมั้ยครับว่า เพื่อนน้องนิวเขาหลุดมาแล้วว่า พระเอกดังที่พูดถึงมีตำแหน่งเป็นสามีแห่งชาติ”

            หญิงสาวชะงักแล้วตอบสั้นที่สุด

            “ไม่ทราบค่ะ”

            นักข่าวสาวสังเกตเห็นจึงรีบจี้ตามประเด็นเดิม

            “ตอนนี้พระเอกที่ได้ตำแหน่งสามีแห่งชาติมีหลายคน น้องลุยเป็นคนที่เพิ่งร่วมงานกับน้องนิวล่าสุด ก่อนเข้ากรมเป็นทหาร คิดว่าพระเอกดังคนนั้นจะเป็นน้องลุยมั้ยคะ”

            คำถามนี้ไม่ต้องการคำตอบเป็นวาจา แต่เพื่อดูสีหน้าอาการผู้ให้สัมภาษณ์ หากผิดปกติสักนิดกล้องย่อมจับภาพไปเผยแพร่ได้

            ...ต่อให้ปากปฏิเสธ แต่สีหน้าเปลี่ยนก็ถือเป็นคำตอบที่เธอต้องการแล้ว...

            “ขอโทษนะ” เสียงราบเรียบทว่ามีอำนาจดังจากเบื้องหลังตากล้องนักข่าว “สัมภาษณ์เสร็จหรือยัง ผมรอรับมัชฌิมานานแล้ว”

            “คุณพายุ” นักข่าวสาวอุทานอย่างแปลกใจ

            โปรดิวเซอร์เพลงผู้เก็บตัวไม่ชอบเป็นข่าว คนในวงการรู้ดีว่าเขามีอิทธิพลและติสต์แตก ไม่เกรงใจใครขนาดไหน

            “รอยเธียรไม่มีเบอร์ ไม่มีไลน์มัชฌิมาหรอก...แต่ผมมี...ส่วนเรื่องพระเอกดังสามีแห่งชาติคนนั้นจะเป็นใคร ผมว่าไม่เกี่ยวกับเธอนะ” พูดจบดึงหญิงสาวจากวงสัมภาษณ์

            “ขอตัวนะคะ” มัชฌิมารีบใช้โอกาสนั้นปลีกตัวทันที

            พยุหะจงใจจูงมือหญิงสาวเดินออกจากหน้าประตูบริษัท นักข่าวทั้งสองอ้าปากค้างคาดไม่ถึง วาจายืดยาวที่ชายหนุ่มพูดออกมา ไม่ต่างจากการทิ้งระเบิดลูกใหญ่แก่สื่อเลย

            รอยเธียร...ดารานายแบบหนุ่มไม่สนิทสนมกับนางเอกโฆษณาคนนี้ถึงขั้นมีเบอร์ไลน์กัน แต่พยุหะ...โปรดิวเซอร์เพลงคนดัง นักข่าวเข็ดขยาดไม่กล้าสัมภาษณ์สุ่มสี่สุ่มห้ากลับสนิทสนมหญิงสาวขนาดนี้

            ความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกโฆษณาคนดัง กับโปรดิวเซอร์ติสต์แตกจะเป็นอย่างไร

            ...นี่เป็นข่าวน่าสนใจเช่นกัน...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            “คุณพายุพูดอย่างนั้น เดี๋ยวจะเดือดร้อนวุ่นวายเอานะคะ”

            มัชฌิมาบอกอย่างเกรงใจระหว่างนั่งรถมาด้วยกัน

            “ฉันมีเบอร์ มีไลน์เธอจริง ๆ ไม่ได้โกหกนี่” ชายหนุ่มตอบ

            “ก็...จริงค่ะ” หญิงสาวเสียงอ่อย ไม่กล้าพูดประโยคต่อมา

            ...ถึงจะมีเบอร์ไลน์กัน ไม่จำเป็นต้องบอกนักข่าวก็ได้...

            อาจเป็นเพราะตั้งแต่ฟื้นมาคราวนี้ จดจำอดีตครบรู้จักชายหนุ่มมากกว่าเดิม ข้างในใจมีทั้งความผูกพัน และเกรงใจกลาย ๆ

            “แน่ใจนะว่าจะให้พาไปที่งานศพตายายฉันเลย ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อน” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย

            “ไม่หรอกค่ะ ชุดฟอร์มทำงานที่นี่เป็นสีขาวดำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แค่คุณพายุมารับไปที่วัดก็เกรงใจจะแย่แล้ว”

            “ฉันว่าง ไม่มีธุระอะไร” ตอบอย่างนั้นคนฟังก็สัมผัสถึงความห่วงใยชัดเจน

            ศัตรูร้ายซุ่มอยู่ในเงามืดจะเล่นงานเมื่อใดไม่ทราบ ต่อให้คล้องผลึกครุฑนาคใช่ว่าจะวางใจเต็มร้อย

            หญิงสาวเข้าใจความเป็นห่วง เจตนาที่เขาพูดจาออกสื่อแบบนั้น

            “เอ่อ...ตะกี้ขอบคุณนะคะที่ช่วยเบี่ยงประเด็นข่าวให้”

            คนพูดน้อยไม่เป็นมิตรกับนักข่าวอย่างเขาจงใจโพล่งออกไปแบบนั้นเพื่อช่วยเธอ

            “เป็นข่าวกับฉัน น่าจะปลอดภัยกว่าเป็นข่าวกับรอยเธียรนะ” เขาพูดหน้าตาเฉย

            มัชฌิมาอมยิ้มสัมผัสกระแสความอบอุ่นจากใจชัดเจน

            “เห็นน้ำบอกว่าพี่ลุยจะไปฟังสวดศพคุณตาคุณยายคืนสุดท้ายเหมือนกัน” พูดเป็นเชิงบอกว่าเธอกับรอยเธียรคงเลี่ยงเป็นข่าวคู่กันยาก

            “ไม่เป็นไรหรอก เห็นบอกว่าแม่เขาจะมาด้วยนี่...คุณป้ารอยจันทร์เก่ง รับมือสื่อได้ดี”

            มัชฌิมาไม่รู้ว่าเขาเริ่มนับญาติกับมารดารอยเธียรตอนไหน

            “คุณพายุไปพูดแบบนั้น คืนนี้นักข่าวอาจตามไปสัมภาษณ์ต่อในงานนะคะ” เธอคาดการณ์ล่วงหน้าโดยไม่จำเป็นต้องใช้นิมิตอนาคต

            ดวงตาชายหนุ่มฉายรอยแปลก

            “ตอนนี้ฉันกำลังเป็นข่าวใหญ่อยู่แล้ว รวมกับข่าวเธอด้วยไม่เท่าไหร่หรอก”

            “ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากสงสัย

            “เธอไม่เห็นนิมิตอนาคตของฉันหรือ” ถามกึ่งประชด เป็นอาการที่เขาไม่แสดงต่อคนนอก

            “ไม่ค่ะ...คุณพายุโดนข่าวเรื่องอะไร”

            “ลองเปิดดูโฆษณาเธอในยูทูปสิ” เขาบอกแค่นั้น

            มัชฌิมาหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูตามที่บอก

            โฆษณาแป้งหอมสามฤดูจะทยอยลงเป็นตอน ๆ ทางโทรทัศน์ ส่วนในยูทูปลงเป็นซีรีย์ยาวรวดเดียว เต็มอิ่มเต็มอารมณ์

            หญิงสาวดูโฆษณาจนจบไม่มีอะไรชวนแปลกใจ

            “ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ ภาพสวยเพลงเพราะทำให้คนดูอินเรื่องราวได้ง่าย ๆ เลย”

            “ลองอ่านคอมเม้นท์ใต้คลิปสิ” พยุหะบอก

            เพียงเลื่อนดูคอมเม้นท์ข้างล่างไม่กี่บรรทัด สะดุดกับข้อความที่เขียนอย่างรุนแรง

            “พยุหะ...นักแต่งเพลงดังเหี้ยอะไร...ก๊อปเขามาทั้งดุ้น ทำนองเพลงฝรั่งแทบเอามาทั้งฮุก เนื้อเพลงก็ดัดแปลงจากเพลงดังสุดฮิตสมัยก่อน ใครฟังครั้งแรกก็เดาออก”

            พอมีคนจุดประเด็นเช่นนี้ก็มีคอมเม้นต์ตามกันเรียงมาอีกยาว




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หลังสวดศพท่านชัยกาล คุณหญิงเรือนอรเสร็จสิ้น แขกเหรื่อทยอยกลับ เจ้าภาพอยู่ส่งแขกจนกระทั่งหมดก่อนเข้ามาดูแลความเรียบร้อย สั่งคนจัดงานให้เตรียมการวันประชุมเพลิงพรุ่งนี้โดยไม่ให้มีข้อบกพร่อง

            พยุหะรอจนลุงพงศกร และทุกคนออกไปจากศาลาจนหมด จึงเดินไปเบื้องหน้าโลงศพทั้งสองใช้ฝ่ามือประทับฝาโลงส่งกระแสพลังบางอย่างออกไปชั่วขณะ

            เสร็จจากนั้นมานั่งคุกเข่าจุดธูปไหว้ผู้วายชนม์เงียบ ๆ เหมือนเป็นการขอขมา สีหน้าไม่เจ็บปวดโศกเศร้าเท่าวันแรก ดวงตาสงบราบเรียบยากอ่านความรู้สึกออก

            ตรงหน้าเป็นแก้วใสบรรจุน้ำครึ่งเดียวพร้อมจานรองอีกใบ บรรยากาศรอบตัวสงบงันชักนำจิตสงบตั้งมั่น หยิบแก้วมากรวดน้ำลงจานรองด้วยใจแน่วแน่เปี่ยมด้วยเมตตา

            “ขอให้คุณตาคุณยายได้อนุโมทนารับผลบุญที่ทุกคนได้กระทำในคืนนี้ด้วยนะครับ”

            จากนั้นขยับปากกล่าวขอลุแก่โทษด้วยเสียงแผ่วเบา

            จิตสื่อกระแสกุศลออกไป สัมผัสถึงจิตผู้รับยินดีอิ่มใจในกุศลที่อุทิศให้ ดวงหน้าคลายลง ระบายลมหายใจผะแผ่ว เลื่อนจานเปี่ยมน้ำออกห่าง นัยน์ตามองรูปผู้วายชนม์ทั้งสองแล้วเลื่อนสายตาไปด้านข้าง

            “ถ้ามาแล้วจะหลบอยู่ทำไม” น้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายพูดกับอากาศธาตุ

            ด้านหลังรูปถ่ายหน้าศพปรากฏร่างสูงใหญ่แบบนักรบโบราณ แต่งกายชุดดำสนิทเดินออกมาด้วยท่วงท่ามั่นคง ผมดกดำที่เคยยาวถูกตัดสั้นเรียบร้อย หนวดเคราตัดเล็มพอเหมาะไม่รุงรังเสริมใบหน้าดูน่าเกรงขาม นัยน์ตาโตลึกทรงอำนาจ จมูกโด่งแบบแขกอินเดียยิ่งสะกดสายตาผู้พบเห็นทุกคน

            “ยินดีที่เชิญครั้งเดียวก็มาหา” พยุหะเอ่ยเรียบ ๆ

            การที่ใช้ฝ่ามือประทับฝาโลงนั้นก็เพื่อถ่ายกระแสพลังเข้าไปภายในศพ ใช้พลังงานเนวะหลงเหลืออยู่ เป็นสื่อเรียกขานเจ้าตัว

            ...เนวะปรากฏตัวเร็วเกินคาดอยู่บ้าง...

            “เราไม่เคยหลบผู้ใด ไฉนเจ้านาคานั่นยังไม่กล้าเผยตัว...หรือคิดลอบทำร้ายกัน” เสียงกระหึ่มเยาะหยัน

            เงามืดข้างประตูศาลามีร่างสูงคล้ายยืนซุ่มคอยอยู่นานกำลังขยับตัวช้า ๆ เดินเข้ามารับแสงสว่างภายใน

            รอยเธียรมีรอยยิ้มนิด ๆ ติดริมฝีปาก นัยน์ตารื่นรมย์แฝงพลังแกร่งกล้าเอ่ยปากตอบวาจา

            “ผมเป็นดาราดัง ไปไหนต้องคอยพรางตัวจนชิน...ไม่ได้ตั้งใจแอบซุ่มลอบทำร้าย เพราะรู้ว่าเนวะคงมาแค่ ‘เงา’ ไม่มีทางพาร่างจริงมาพบหน้าใครแน่ ๆ”

            คำตอบยอกย้อนไม่ต่างจากเตรียมเปิดศึก

            พยุหะเงยหน้าหันไปมองดาราหนุ่ม แววตาสองคู่สบกันสื่อความหมายชัดเจน

            ...การพบกันของทั้งสามเวลานี้ ไม่ใช่เหตุบังเอิญ...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ก่อนหน้านี้ประมาณสามสี่ชั่วโมง บริเวณเต็นท์รอบศาลาสวดศพมีนักข่าวตากล้องจำนวนหนึ่งมารอทำข่าวสัมภาษณ์ตามปกติ เพราะท่านชัยกาล คุณหญิงเรือนอรเป็นบุคคลมีชื่อเสียง เซเล็บไฮโซคนดังต่างมาร่วมฟังสวดศพคืนสุดท้ายกันมาก

            อีกอย่าง...หลานชายโปรดิวเซอร์เพลงคนดังก็เพิ่งมีประเด็นข่าว ลอกผลงานเพลงต่างประเทศ จากเพลงประกอบโฆษณาชิ้นล่าสุด ทั้งยังมีข่าวด่วนมาว่ากำลัง ‘คุย’ และมีสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับนางเอกโฆษณาชิ้นนี้ด้วย

            สิ่งเกินคาดสำหรับนักข่าวคือ รอยเธียร ดาราดังที่มีกระแสข่าวร้อนก็มาร่วมงานสวดศพคืนสุดท้ายพร้อมกับเธียร รอยจันทร์ บิดามารดาเขาเช่นกัน

            แค่สองหนุ่มข่าวร้อนปัจจุบันมาอยู่งานเดียวกันทำให้นักข่าวได้งานไปเต็ม ๆ แทบไม่สนใจเจ้าภาพ แขกไฮโซคนอื่นเลย

            พงศกร บุตรชายผู้ตาย เจ้าภาพสวดคืนสุดท้ายเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเธียร นาคพิทักษ์ สองตระกูลคุ้นเคยกันดี แต่ไม่ค่อยไปมาหาสู่บ่อยครั้ง เมื่อเจอกันครั้งนี้จึงเหมือนงานพบปะเพื่อนเก่ามีเรื่องสนทนาพูดคุยกันมากมาย

            ขณะพวกผู้ใหญ่จับกลุ่มคุยกันก่อนพระสวด รอยเธียร พยุหะถูกสื่อรุมสัมภาษณ์ รอยธาราพาตัวมัชฌิมาหลบผู้คนมาหาเรื่องช่วยงานครัวด้านหลัง จัดเตรียมของว่าง เครื่องดื่มให้พนักงานนำไปเสิร์ฟแขก

            ระหว่างพิธีการ เจ้าภาพและแขกทุกคนอยู่ในอาการสงบสำรวม นักข่าวหยุดทำงานไม่มีการสัมภาษณ์ แต่ยังไม่ขยับไปไหน

            พยุหะ รอยเธียรหลบมาด้านหลังงาน พอเห็นสองสาวช่วยงานครัวก็แค่พยักหน้าทักทาย แล้วพากันหายไปในมุมมืดปลอดคน

            “พี่ลุยกับอีตาพายุต้องแอบวางแผนอะไรสักอย่างแน่ ๆ” รอยธาราอดนินทากับเพื่อนสนิทไม่ได้

            “น่าจะวางแผนเกี่ยวกับอาจารย์...เอ่อ...เนวะ” มัชฌิมาออกความเห็น

            ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาพร้อมความทรงจำเก่าชัดเจน มัชฌิมา รอยธาราไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก สองสาวพูดคุยต่อกันทุกเรื่อง บอกเล่าประสบการณ์ แสดงความเห็นอย่างคนที่มีภูมิจิตภูมิธรรมใกล้เคียงกัน

            “จริงสิ โดนเล่นงานขนาดนี้ มันต้องหาทางตอบโต้กันบ้าง” หญิงสาวเข่นเขี้ยว

            “ปัญหาคือพวกเราไม่รู้ว่าอาจารย์อยู่ที่ไหน” มัชฌิมาเรียกขานฝ่ายตรงข้ามด้วยสรรพนามเดิม

            “โห...ระดับครุฑนาคมาเองยังหาไม่เจออีกเหรอ” รอยธาราบ่น

            “ขนาดป้าพันเกลียวยังไม่รู้เลย” คราวนี้กระซิบเบา ๆ

            “พวกเขาจะวางแผนยังไง มาเดาออกมั้ย”

            มัชฌิมาส่ายหน้า อมยิ้มแล้วมองทางเงามืดด้านสองหนุ่ม

            “ไม่ว่าจะวางแผนยังไง เชื่อได้อย่างหนึ่งว่า พวกเขาต้องกันเราออกมาแน่นอน”




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            วาจานั้นไม่ผิดความจริง หลังเสร็จพิธีสวดศพ รอยเธียรให้บิดามารดาและน้องสาว พามัชฌิมาไปส่งบ้านพันเกลียว จากนั้นตนเองขับรถออกจากวัดโดยไม่อธิบายบอกกล่าวสิ่งใดมากกว่านั้น

            บางทีแผนจัดการเนวะอาจไม่ยุ่งยากซับซ้อนอย่างที่คาดคิดก็ได้

            ทุกครั้งเนวะจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน ไม่ว่าการติดต่อสื่อสารหรือแกล้งลอบทำร้าย ครั้งนี้พยุหะ รอยเธียรจะเป็นฝ่ายเปิดเกมก่อนบ้าง



            เริ่มจากส่งสาส์นเรียกฝ่ายตรงข้ามโดยอาศัยพลังงานในศพผู้วายชนม์ทั้งสองเป็นสื่อ แล้วมาจุดธูปขอขมา กรวดน้ำอุทิศบุญกุศล

            เนวะ ‘ตัวจริง’ ไม่มา ส่งเพียงเงาแทนตัว

            รอยเธียรนั่งคุกเข่าข้างพยุหะ เงยหน้าผายมือเชื้อเชิญฝ่ายตรงข้าม...แค่เงาก็พอเพียงสำหรับเกมแรกแล้ว

            “นั่งก่อนสิ พวกเรามีเรื่องเจรจา” ดาราหนุ่มทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรี

            “เจรจาอันใด เราเจ้ามีแต่จะทำลายล้างกัน ไม่มีคำว่าเจรจาต่อรอง”

            ขณะพูดร่างสูงยืนค้ำสองหนุ่ม

            “แหม มาอยู่ในยุค 4G 5G ทั้งที ยังติดความคิดสมัยหินอยู่เหรอ” นักการทูตเริ่มใช้วาจาก่อกวน “เอาดาบคนละเล่มมาฟันกันเลยมั้ย”

            “หึ...เจ้าช่างพูด กล่าววาจามากกว่าเดิมนะ” เนวะหยัน

            “ถ้าความจำดีขนาดนั้น น่าจะรู้นะว่าเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน...เคยแพ้ใครมา!”

            ดวงตารอยเธียรทอประกายวับไม่ผิดนาคาผู้แกร่งกล้าตนเดิม

            ใบหน้าเนวะบูดบึ้ง เปล่งรังสีอำมหิตพร้อมอาละวาด

            “แค่นั่งคุยเจรจากันก่อน ยังไม่มีความกล้า...เวลาที่ผ่านมาคุณเรียนรู้อะไรบ้าง”

            พยุหะเอ่ยวาจาทีหลังแต่แทงใจอย่างจัง

                        ครั้งนี้เนวะยอมทรุดกายนั่งตรงหน้าสองหนุ่มพร้อมฟังความเจรจา



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP