วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๑๔



cover Amarit

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            การถ่ายทำโฆษณาดำเนินอย่างราบรื่นตลอดช่วงเช้า

            รอยธาราทำหน้าที่ประธานกลุ่มแฟนคลับ และแอดมินเพจ ‘คนรักรอยเธียร’ ด้วยการขออนุญาตถ่ายรูป ถ่ายคลิปสั้น ๆ ขณะรอยเธียรทำงาน เพื่อเผยแพร่ลงเพจให้กลุ่มแฟนคลับได้รับรู้ความเคลื่อนไหวศิลปิน

            ภาพและคลิปที่ถ่ายมา แสดงให้เห็นถึงรอยเธียรในอีกรูปลักษณ์ที่หล่อเท่ ผมสั้นเกรียนแต่เสน่ห์และออร่ามาเต็มไม่เคยลดน้อยลงเลย

            หญิงสาวถ่ายรูป ถ่ายคลิปตามได้รับอนุญาตเสร็จก็นั่งโพสภาพและคลิปลงเพจ จากนั้นว่างงานไม่มีอะไรทำ ดูคอมเม้นท์กรี๊ดกร๊าดแทบเพจถล่มจากแฟนคลับทั้งหลาย นั่งกินขนมดูการทำงานพี่ชายเงียบ ๆ เหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในสตูดิโอนั้น

            ข้อมือเธอคล้องประคำไม้ฝีมือหยาบ ประคำแต่ละลูกถูกร้อยด้วยไนลอนเหนียว ยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ฝีมือจากตาอ่ำทำให้เป็นของฝาก

            “ใส่ติดตัวไว้ตลอดนะหนูน้ำ” ตาอ่ำบอกแค่นั้น ไม่บรรยายสรรพคุณใด ๆ

            เมื่อสัมผัสลูกประคำ เกิดอาการคล้ายกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ขนลุกซู่ตัวชา พอคล้องประคำใส่ข้อมือ จิตใจซึมซับพลังงานอันเข้มข้นหนักแน่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ

            “ขอบคุณค่ะตาอ่ำ”

            หญิงสาวยกมือไหว้ ของฝากชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเลย หาก ‘คนเล่นของ’ รับรู้กระแสพลังงานของมันได้ พวกเขาต้องยอมทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อนำมันมาครอบครอง

            วัดป่าแห่งนี้ไม่มีคนเล่นของ มีแต่พี่ชายขี้อิจฉาพอเห็นน้องสาวได้ของฝากอย่างนี้ ก็ยกมือไหว้ตาอ่ำพร้อมกับแบมือขอบ้าง

            “ของผมมีมั้ยครับคุณตาอ่ำ” ลงทุนเรียกอย่างให้เกียรติขนาดนี้ ผู้เฒ่าคนไหนย่อมปฏิเสธไม่ลง

            ...ยกเว้นตาอ่ำ...

            “พ่อลุยจะเอาไปทำไม” พูดแล้วหัวเราะหึหึ “พลังนาคาที่ได้คืนมาตอนนี้ ถึงไม่เทียบเท่าตัวเองในชาติก่อน ก็ถือว่าเก่งเกินมนุษย์แล้ว”

            พูดจบก็ตั้งคำถามกับสองพี่น้อง

            “จำได้มั้ย...ตัวเองนามสกุลอะไร?”

            “นาคพิทักษ์!” รอยธาราเป็นคนตอบ

            ตาอ่ำมองไปทางทิวเขาทอดยาว ไกลออกไปกว่านั้นคือแม่น้ำสายกว้างใหญ่

            “นาค...ที่พิทักษ์ครอบครัวพวกคุณน่ะ ไม่ใช่พญานาคธรรมดา เป็นถึงพญานาคราชผู้ทรงฤทธิ์ตนหนึ่ง ยังต้องกลัวอะไรอีก”

            ชายชราบอกเช่นนั้น จิตใจรอยธาราเกิดความอบอุ่นมั่นใจ ขณะที่รอยเธียรระลึกได้ว่า บรรพบุรุษต้นตระกูลพวกเขาคือ ‘กุมภนาคราช’ พี่ชายสิงหานาคราช

            น่าจะนับได้ว่า...พญานาคราชที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่เด็กผู้นี้ เป็นญาติผู้ใหญ่ตนหนึ่งเหมือนกัน

            “ไหนตาอ่ำบอกว่าศัตรูเก่าผมเก่งกว่าเดิมหลายเท่า” รอยเธียรระลึกชาติ จำความร้ายกาจของ ‘เนวะ’ ได้แม่น “พลังนาคาเล็กน้อยที่ผมมีจะสู้เขาได้เหรอ”

            “ก็ใช่...แต่ครั้งนี้พวกคุณไม่ได้รับมือกันลำพังแค่นาค-ครุฑ...เหตุผลที่คุณพันเกลียวไปกรุงเทพฯ มันมากกว่าแค่ดูแลหลานสาวกำพร้าคนเดียว”

            รอยเธียรพยักหน้าเข้าใจ ดวงตาฉายแววจริงจัง เขาจำได้ว่าก่อนตายจากชาติก่อน ตนเองพาวินตกะครุฑมาขอความช่วยเหลือพันเกลียวที่วัดป่าแห่งนี้

            ชายหนุ่มรู้แค่วินตกะครุฑมาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนตน แต่ไม่รู้ไปเกิดที่ไหน

            ส่วนบุคคลสำคัญอย่าง ‘กัลยา’ เขาเพิ่งจะเดาได้ว่าเธอมาเกิดเป็นใคร

            ผลึกครุฑนาคอยู่กับพันเกลียว การที่สตรีผู้มุ่งทางธรรมยอมสละเวลาไปอยู่กรุงเทพฯเป็นปี ๆ เช่นนี้ แสดงว่าหลานสาวที่เธอดูแลต้องมีความสำคัญยิ่ง

            ‘กัลยา’ ในชาตินี้ไม่น่าอยู่ไกลตาเท่าไร

            รอยเธียรเข้าใจเรื่องราวง่ายดาย รอยธารายังนึกสงสัยอดถามไม่ได้

            “ป้าพันเกลียวจะมาช่วยพี่ลุยสู้ศัตรูด้วยหรือคะ” เธอนึกภาพสตรีกลางคนผู้สงบสำรวมสู้กับใครไม่ออก

            “เธอก็มีวิธีช่วยเหลือ...รับมือในแบบของเธอนั่นแหละ” ตาอ่ำบอกยิ้ม ๆ ก่อนกำชับส่งท้าย

            “กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ระวังตัวให้ดีนะ...หนูน้ำ...ถ้าเจอปัญหาคับขัน เอาตัวไม่รอดก็ส่งกระแสจิตผ่านลูกประคำนั่นมาถึงตาก็แล้วกัน”

            “ค่ะ” คราวนี้รอยธารากราบผู้เฒ่าด้วยความขอบคุณ

            รอยเธียรมั่นใจ ไม่ว่าศัตรูร้ายจะเก่งกาจกว่าเดิมเพียงไร...เขาไม่ได้ต่อสู้โดดเดี่ยวลำพังแน่นอน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            พักกองรับประทานอาหารกลางวัน

            มัชฌิมากับรอยธาราหลบมุมรับประทานอาหารตรงห้องเล็ก ๆ ด้านหลังสตูดิโอ

            ยังไม่ทันจัดเรียงวางจานชามอาหารบนโต๊ะเรียบร้อย ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญถือจานข้าวเข้ามาร่วมวงหน้าตาเฉย

            “โหย กับข้าวน่าอร่อยขอกินด้วยคนนะ” ซูเปอร์สตาร์รอยเธียรกลายร่างเป็นตัวเองเมื่ออยู่ตามลำพังกับคนคุ้นเคย

            “ไอ้พี่บ้าเข้ามาทำไม” รอยธาราเอ็ดเสียงกระซิบกระซาบ รีบไปดูตรงหน้าประตูว่ามีใครเห็นบ้างหรือเปล่า

            คนเป็นพี่ชายเขกศีรษะน้องสาวเบา ๆ

            “อย่ากลัวจนเวอร์ได้มั้ยไอ้เตี้ย...ถ้าคนอื่นเขารู้ว่าแกเป็นน้องสาวพี่แล้วมันจะเสียหายตรงไหน” ชายหนุ่มดุแล้วหันไปหาพรรคพวก “จริงมั้ยน้องมา”

            มัชฌิมากลายเป็นคนกลางไม่กล้าเข้าข้างใคร

            “เอ่อ...กินข้าวด้วยกันดีกว่าค่ะพี่ลุย...ถ้ามีใครมาเห็นก็บอกว่าผู้กำกับอยากให้นักแสดงคุ้นเคยกันมากกว่านี้ พี่ลุยเลยมากินข้าวด้วย”

            รอยเธียรหัวเราะขันพูดจาประชดประชันน้องสาว

            “อือ...นั่นสิ แล้วประธานแฟนคลับที่ไหนวะไม่ชอบอยู่ใกล้ศิลปิน...โอกาสกินข้าวกับศิลปินดังมีไม่บ่อยนะ...คุณน้องน้ำ...ประธานแฟนคลับและแอดมินเพจ ‘โคตรรักรอยเธียร’ จะพลาดได้ยังไง”

            รอยธาราหน้ามุ่ย ยอมนั่งรับประทานอาหารด้วยอาการฟึดฟัดเล็กน้อย

            ที่จริงหล่อนไม่ได้กลัวเรื่องคนทั่วไปจะรู้ว่าตนเองเป็นน้องสาวซูเปอร์สตาร์ แค่พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากเป็นที่สนใจกับคนหมู่มากโดยไม่จำเป็นเท่านั้นเอง

            มันเป็นความฝังใจตอนเรียนอนุบาลจนถึงชั้นประถมต้นที่ต้องอยู่โรงเรียนเดียวกัน คนทั้งโรงเรียนให้ความสนใจเรียกขานเธอว่า ‘น้องสาวลุย’ จนอึดอัดทำตัวไม่ถูก ที่น่าโมโหคือไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือยอมเรียกชื่อจริงเธอเลยแม้แต่ครูประจำชั้น

            หลังจากพี่ชายคนดังย้ายไปขึ้นชั้นมัธยมโรงเรียนอื่น รอยธาราไม่ยอมให้ใครเรียกเธอว่า ‘น้องสาวลุย’ อีกเลย

            การที่เธอสนิทสนมเข้ากับมัชฌิมาได้ดีเพราะเพื่อนคนนี้ย้ายมาเรียนตอนประถมสี่ ไม่มีใครเรียกน้องสาวลุยอีกแล้ว เพื่อนใหม่จึงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร คบหากันด้วยนิสัยจิตใจจริง ๆ



            อาหารมื้อกลางวันผ่านไปอย่างเพลิดเพลิน รอยธาราแกล้งทำปั้นปึ่งไม่นานก็ลืมตัวชวนพูดคุยสนุกสนาน ความระมัดระวังตัวลดลงแค่พยายามลดเสียงไม่ให้ดังเกินไป

            มัชฌิมารับประทานอาหารเสร็จคนแรก ขยับตัวเก็บจานชามตน จังหวะลุกขึ้นก้มตัวทำให้ของบางชิ้นที่อยู่ใต้คอเสื้อหลุดออกมาให้เห็น

            “อุ๊ย อะไรน่ะมา...สวยจังเลย” รอยธาราทักเมื่อเห็นก้อนผลึกสวยใสแจ๋วอยู่ในสายเชือกถักคล้องคอ

            มัชฌิมาเอื้อมมือกุมผลึกอย่างลืมตัว นึกหาคำตอบให้เพื่อน

            “ผลึกครุฑนาค” คนตอบคือรอยเธียร

            เจ้าของผลึกสะดุ้งวาบตกใจ คิดไม่ถึงจะมีคนรู้จักของชิ้นนี้ พอสบตาความคุ้นเคยบางอย่างปรากฏในแววตาเขา ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในใจ

            ...ชัยยะ...

            ใบหน้ารอยเธียรไม่เหมือน ‘ชัยยะ’ พญานาคแปลงในความฝัน แต่ดวงตาคู่นั้นทอประกายอ่อนโยน แฝงความเด็ดเดี่ยวมีอำนาจยากดูแคลนง่าย ๆ

            แววตาเช่นนี้ไม่มีใครเลียนแบบเหมือน เช่นเดียวกับแววตาชายหนุ่มอีกคน...พยุหะ

            มัชฌิมาไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายในความฝันทั้งสองคนจะมีตัวตนจริงในปัจจุบัน หนำซ้ำอยู่ไม่ไกลกันเลย

            จะเป็นไปได้หรือ...พญานาค...พญาครุฑ ต่างมาเกิดเป็นมนุษย์ในเวลาอันไล่เลี่ยเพื่อรอคอยเธอ

            รอยธาราสังเกตเห็นความแปลกในดวงตาพี่ชายขณะมองเพื่อนสนิทเธอ แววตานั้นปรากฏทุกครั้งที่เขาระลึกถึงความเป็นพญานาคในชาติก่อน เป็นร่องรอยจากอดีตที่บอกว่าตนเคยเป็นใคร หลายปีมานี้มันฉายแววไม่บ่อยนัก

            ก่อนมีวาจาใดเอ่ยขึ้นประตูห้องเปิดออก ทั้งสามหันไปมองพร้อมกันคิดว่าอาจเป็นผู้กำกับ ทีมงานมาตามตัวไปทำงาน

            สองพี่น้องไม่รู้จักผู้มาใหม่ ส่วนมัชฌิมารู้จักคุ้นเคยกันดี

            ...พายุ...พยุหะ...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ตั้งแต่มัชฌิมาฟื้นที่โรงพยาบาล พยุหะอยู่คอยดูแลข้าง ๆ ผิดจากนิสัยเป็นคนเก็บตัวไม่สนใจใคร

            อาการหญิงสาวไม่หนักหนา หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ก่อนเที่ยง ชายหนุ่มเห็นลักษณะท่าทางเธอยังมึนเบลอจึงไม่คิดคาดคั้นถามเรื่องราวใด ๆ ทำหน้าที่โชเฟอร์ขับรถพาสองสาวต่างวัยกลับบ้านโดยไม่พูดจา

            ขับรถส่งถึงที่หมายยกมือไหว้พันเกลียวเป็นเชิงขอตัวลากลับ มัชฌิมาลงจากรถแล้วหันมาก้มตัวยกมือไหว้ขอบคุณตามมารยาท เวลานั้นสิ่งที่ซ่อนใต้คอเสื้อก็หลุดออกมา

            พยุหะเห็นอย่างนั้นก็ชะงักเปลี่ยนใจจอดรถเช่นเดิม แล้วขออนุญาตคุยกับพันเกลียวตามลำพัง

            ทั้งสองนั่งคุยตรงระเบียงหน้าบ้าน ชายหนุ่มอยากจะพูดถึงสิ่งที่ห้อยคอหญิงสาว พยายามระงับใจเกริ่นถามนำเป็นการปูทางก่อน

            “ผมควรถามเรื่องอดีตชาติกับมัชฌิมาได้หรือยังครับ”

            พันเกลียวนิ่ง นึกหาคำตอบเหมาะสม

            “เธอมั่นใจได้ยังไงว่ามัชฌิมาเป็นผู้หญิงคนนั้น”

            พยุหะนิ่ง เข้าใจว่าผู้สูงวัยกว่าจงใจตั้งคำถามเพื่อให้เขาตรวจสอบญาณหยั่งรู้ของตนว่าเที่ยงตรงจริงหรือไม่ นั่นทำให้เขาเอ่ยถึงเรื่องราวสำคัญบางอย่าง

            “ก่อนวินตกะกับชัยยะจะตายจากชาติที่แล้ว ได้สร้างผลึกครุฑนาคร่วมกัน แล้วฝากให้คุณป้า...เอ่อ...เก็บไว้ให้ ‘กัลยา’ ที่จะตามมาเกิด”

            พยุหะหยุดพูดชั่วขณะก่อนดวงตาฉายประกายกล้ามั่นใจ

            “เมื่อตอนกำลังจะออกรถ ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่คอมัชฌิมา ลักษณะเหมือนผลึกครุฑนาค”

            “ทำไมเธอไม่ขอเขามาดูเพื่อพิสูจน์เองล่ะ” พันเกลียวบอกเรียบ ๆ ไม่มีร่องรอยการท้าทาย

            เพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็เข้าใจชัด ต่อให้ร้อยคำพูด หมื่นคำยืนยัน กระทั่งญาณหยั่งรู้ที่ติดตัวมา ไม่อาจหนักแน่นเท่าพยานหลักฐานชิ้นเดียว



            มัชฌิมาถูกพันเกลียวเรียกออกมาหน้าบ้าน สั่งให้ถอดผลึกที่คล้องคอยื่นให้แก่พยุหะ

            ยามผลึกครุฑนาคอยู่ในมือผู้สรรค์สร้าง มันแผ่กระแสอันอบอุ่นคุ้นเคยออกมาราวกับดีใจ แทนคำยืนยันว่าการระลึกชาติเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันปรุงแต่งเหลวไหล

            เมื่อผลึกนี้อยู่บนคอมัชฌิมาก็บอกโดยนัยว่า...เธอเคยเป็นกัลยาจริง

            ทว่า...ต่อให้เขามั่นใจการระลึกชาติของตนเองไม่ใช่เรื่องหลอกลวง หญิงสาวตรงหน้าจะเชื่อถือความฝันยามสลบไสลได้มากแค่ไหน

            ที่เขามั่นใจขนาดนี้เพราะได้พลังแห่งพญาครุฑคืนมาด้วย ต่อให้พันเกลียวมอบผลึกครุฑนาคให้เธอ ยืนยันกลาย ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คือ กัลยาในชาติก่อน แต่เจ้าตัวย่อมไม่รู้สึกในตัวตนเดิม ๆ อย่างที่เขาเป็น

            ทุกสิ่งที่เขารู้และเข้าใจมันเป็น ‘ปัจจัตตัง’ รู้ได้เฉพาะตน

            พันเกลียวก็มีความ ‘รู้’ เฉพาะตนที่อธิบายต่อคนอื่นไม่ได้

            เช่นนั้นจะใช้สิ่งใดยืนยัน รับรองความจริงในอดีตชาติแก่มัชฌิมา?

            สีหน้า แววตา กิริยาต่าง ๆ ของมัชฌิมาตั้งแต่ฟื้นมาเช้านี้ ดูเปลี่ยนไปจากเดิมก็จริง มีกระแสความผูกพัน คุ้นเคยกับเขามากขึ้น ถึงอย่างนั้นในดวงตายังมีอาการลังเล สับสนไม่เข้าใจอยู่

            หากเขาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด เปรียบเทียบกับความฝันของเธอว่ามันตรงกันขนาดไหนก็น่าจะได้ แต่นั่นมันจะทำให้เธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะภาพฝันสำหรับเธอไม่ต่างจากกำลังชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ไม่ได้เข้าไปเล่นเป็นตัวตนชัดเจนอย่างที่เขารู้สึก

            พยุหะถอนใจยาวก่อนคืนผลึกนั้นให้หญิงสาว ระงับความอยากบอกเล่ารื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตลงไป

            เวลานี้ทำได้เพียงเชื่อมั่นในอำนาจแห่งผลึกที่ตนและชัยยะนาคาร่วมสร้าง...เชื่อว่ามันจะกระตุ้นความทรงจำที่หลบเร้นด้วยอำนาจแห่งภพชาติให้โผล่ออกมาปรากฏจนครบถ้วนสักวันหนึ่ง

            สิ่งทำได้ขณะนี้คือ...รอคอย...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เช้านี้พยุหะตื่นขึ้นมาแล้วนึกได้ว่าเป็นวันถ่ายโฆษณา บางสิ่งในใจกระตุ้นให้อยากไปสตูดิโอถ่ายทำ ทั้งที่ตนไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอย่างใด

            สิ่งที่กระตุ้นในใจเวลานี้ไม่ใช่เพราะมัชฌิมาเป็นนางเอกโฆษณา...แต่มันเป็นแรงดึงดูดประหลาดบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจตัวเอง

            ...มันบอกว่าเขาต้องไปพบใครบางคนที่สตูดิโอนั้น...

            กว่าจะเคลียร์งานค้างคา สะสางภารกิจต่าง ๆ เดินทางไปถึงสตูดิโอถ่ายโฆษณาก็ล่วงเข้าเที่ยงกว่า ทีมงานพักรับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว

            พยุหะไม่จำเป็นต้องถามใครว่านางเอกโฆษณาอยู่ไหน แรงดึงดูดในใจชักพาให้เดินไปด้านหลังสตูดิโอ พบห้องเล็ก ๆ สำหรับพักผ่อนรับประทานอาหาร

            พอเปิดประตูพบบุคคลที่ต้องการเจอทันที!

            ไม่ใช่มัชฌิมา แต่คือชัยยะนาคา

            เขาแปลกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าอดีตพญานาคจะเป็นคนเดียวกับ ลุย...รอยเธียรดารานายแบบชื่อดัง

            อย่าถามว่า ‘รู้’ ได้อย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องปัจจัตตัง เชื่อว่าผู้ชายคนนั้นก็ ‘รู้’ เหมือนกันว่าเขาเคยเป็นใครในชาติก่อน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            สำนวนจีนเคยกล่าวไว้...เดินจนรองเท้าสึกยังไม่พบพาน ยามจะเจอขึ้นมาก็ปรากฏต่อหน้าง่ายดาย...

            ตั้งแต่กลับจากวัดป่า รอยเธียรพยายามขบคิดว่าวินตกะครุฑเกิดเป็นใคร

            ในเมื่อกัลยาเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้...ครุฑผู้ทรงฤทธิ์น่าจะมาเกิดก่อนไม่ไกลนัก

            ครุ่นคิดทบทวน นึกถึงหน้าคนรู้จักคุ้นเคยทั้งหมด ไม่มีใครเข้าข่ายสักคน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้...

            ผู้ชายหล่อเซอร์ ผมยาวเคลียไหล่นัยน์ตาคมดุ ท่าทางถือตัว เดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงใจ

            ...แค่สบตากันก็รู้ชัดว่าคนนี้แน่นอน...

            ยามเมื่อดวงตาคู่อ่อนโยน แฝงความเด็ดเดี่ยว กับดวงตาคมดุ ทอประกายกล้าแข็งถือตัวสบกัน ต่างฝ่ายเกิดการรับรู้เข้าใจโดยไม่ต้องหาหลักฐานใดมายืนยัน

            “กินข้าวหรือยัง มากินด้วยกันสิครับ” รอยเธียรทักทายชวนรับประทานอาหาร ไม่รู้สักนิดว่าวินตกะครุฑชาตินี้เป็นใคร ชื่ออะไร

            “สวัสดีค่ะคุณพายุ” มัชฌิมายกมือไหว้ทักทาย รีบแนะนำโปรดิวเซอร์หนุ่มให้กับสองพี่น้องทันที

            “พี่ลุย...น้ำ...นี่คุณพยุหะ...เรียกว่าคุณพายุก็ได้ เขาเป็นโปรดิวเซอร์ คนแต่งเพลงให้โฆษณาชุดนี้”

            รอยเธียรยิ้มรับ ผายมือให้อีกฝ่ายนั่งร่วมโต๊ะตั้งแต่ยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามอยู่แล้ว

            “สวัสดีค่ะ” รอยธารายกมือไหว้ ขยับเก้าอี้อีกตัวให้แขกผู้ไม่ได้นัดหมาย

            พยุหะยอมนั่งลง ทั้งที่เขาไม่มีนิสัยชอบร่วมโต๊ะเสวนากับคนแปลกหน้าเพิ่งพบกันครั้งแรกแบบนี้

            

            มัชฌิมารีบเก็บผลึกครุฑนาคไว้ใต้คอเสื้อ แต่ช้ากว่าสายตาสองหนุ่ม

            รอยเธียร พยุหะมองเห็นมันพร้อมกันอย่างเข้าใจ

            ...สิ่งที่พวกตนร่วมสร้าง มีหรือจดจำไม่ได้...

            “คุณพายุมีนัดกับทีมงานเหมือนกันหรือคะ” มัชฌิมาเปิดการสนทนา

            “เปล่า” พยุหะตอบตรง

            “ถ้าอย่างนั้นกินอะไรหรือยัง มากินด้วยกันได้นะครับ” รอยเธียรให้ความสนิทสนมอย่างรวดเร็ว ใบหน้าอมยิ้มเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย

            “ผมไม่หิว” ปฏิเสธชัดเจนพร้อมบอกความต้องการแบบไม่ปิดบัง “ที่มานี่ก็มีธุระอยากคุยกับคุณ”

            วาจาตรงไปตรงมาขนาดนี้ เล่นเอาสองสาวงงงัน ด้วยมั่นใจว่าสองหนุ่มไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หนำซ้ำอาจเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่โปรดิวเซอร์ชื่อดังได้พบกับสามีแห่งชาติ

            “ได้สิครับ” รอยเธียรตอบรับแล้วหันไปมองน้องสาว “ไอ้เตี้ย...เก็บจานชามออกไปได้แล้ว...ผู้ชายเขาจะคุยกัน”

            จบวาจาก็ส่งสายตามาทางมัชฌิมาเป็นเชิงบอกว่า คำสั่งนี้หมายรวมถึงตัวหล่อนด้วยเช่นกัน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หลังสองสาวออกจากห้อง สองหนุ่มมองหน้ากันรอว่าฝ่ายใดจะเอ่ยปากก่อน

            “ระลึกชาติได้แล้วใช่มั้ย”

            พยุหะเริ่มต้นแบบไม่อ้อมค้อม ‘สัมผัสรู้’ ของเขาแจ่มชัดคมกริบกว่าเดิมหลายเท่า ทราบว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่แค่ดาราหน้าหล่อธรรมดา นอกจากระลึกชาติได้แล้วยังมีพลังนาคาจากชาติก่อนด้วย

            “เหมือนคุณนั่นแหละ...วินตกะ” ลงเรียกชื่อเดิมกันแบบนี้ เท่ากับอ่านความสามารถอีกฝ่ายออก อีกทั้งรู้ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

            รอยเธียรมองเห็นภาพพญาครุฑผู้อหังการซ้อนเป็นอีกเงาของพยุหะ แสดงว่าเจ้าตัวเกิดอาการยึดมั่นในชาติภพเก่าของตนอย่างยิ่ง ความคิด ความรู้สึกเดิม ๆ ติดตัวกลายเป็น ‘เรา’ ในชาตินี้อย่างเหนียวแน่นแทบแยกไม่ออก

            ตัวเขาเองเกือบมีอาการไม่ต่างจากฝ่ายตรงข้าม ถ้าหากไม่โดนหลวงน้า ‘เขก’ เอาแรง ๆ จนตาสว่าง พอจะแยกแยะตัวตนอดีต-ปัจจุบันเป็นคนละคนกันได้

            “รู้มั้ยว่าเนวะออกจากถ้ำนั้นแล้วไปอยู่ที่ไหน” ญาณหยั่งรู้อดีตครุฑบอกแค่ศัตรูเก่าไม่อยู่ในถ้ำนาคอำพรางแล้ว หลังจากนั้นก็ตามรอยไม่เจอ

            “ไม่รู้” รอยเธียรตอบสั้น อีกฝ่ายแสดงสีหน้าหงุดหงิด ขัดใจ

            ดาราหนุ่มอธิบายเสริม

            “ตอนนี้รู้แค่เขาเก่งกว่าเดิมเยอะ ฝีมือระดับนั้นเรื่องอำพรางตัวมันง่ายนิดเดียว ถ้าจะหาตัวเนวะต้องตามรอยจากลูกน้องเขา”

            “มันมีลูกน้องด้วยหรือ...เป็นใคร” พยุหะถามทันที

            “คนหนึ่งเป็นเจ้าอาคม...ชื่ออาจารย์มิ่ง”

            รอยเธียรจำได้ว่าชายชราที่ตามพวกตนไปถึงวัดป่าเป็นคนเดียวกับเจ้าอาคมที่เปิดถ้ำอำพราง จนไปเผชิญหน้ากับเนวะ

            “ส่วนอีกคนชื่อบรรพต...เป็นเจ้าของ บี.บี. พรอม.”

            ชื่อแรกไม่สร้างความประหลาดใจเท่าไร พอชื่อที่สองหลุดมาดวงตาพยุหะฉายแววคลางแคลง แปลกใจ

            “บรรพต บัณฑูรย์” ชายหนุ่มทวนคำ น้ำเสียงแสดงความรู้จักเพราะอย่างน้อยก็เพิ่งเจอกันตอนประชุมเสนองานโฆษณาชิ้นนี้

            “ใช่...คนที่จ้างผมมาถ่ายโฆษณาและจ้างคุณมาทำเพลงประกอบนี่แหละ” รอยเธียรสังเกตเห็นแววตาฝ่ายตรงข้ามบอกว่ารู้จักเจ้าของ บี.บี. พรอม. มากกว่าเป็นแค่ผู้จ้างงาน

            พยุหะสลัดเรื่องราวคาใจบางอย่างออกไป รีบเอ่ยปากด้วยความใจร้อน

            “เราต้องรีบบุกหาตัวเนวะ ก่อนมันจะลงมือ”

            “มันลงมือแล้ว” รอยเธียรบอกยิ้ม ๆ

            เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ตนรวมถึงคนในครอบครัวประสบในช่วงผ่านมาล้วนเป็นข้อยืนยันว่าเนวะเริ่มลงมืออย่างใจเย็น รอบคอบ และเชื่อว่าต้องทำอย่างนั้นกับพยุหะเช่นกัน

            โปรดิวเซอร์หนุ่มชะงัก ทบทวนเรื่องที่เขากับมัชฌิมาประสบร่วมกัน รวมถึงเรื่องหญิงสาวโดนเข้ากับตัวเพียงลำพังแล้วเกิดอาการหนาวในใจ

            ดาราดังคนนี้พูดถูก...เนวะเริ่มลงมือแล้ว การลงมือของศัตรูรายนี้มีทั้งทางตรงและทางอ้อม คาดเดาลำบาก เพราะหากมันเล่นงานเขาตรง ๆ ไม่ได้ ก็จะอ้อมไปเล่นงานคนใกล้ตัว คนที่สนิทชิดเชื้อแทน

            พอคิดเช่นนั้นพยุหะใจหายวาบ มือเท้าเย็นด้วยความหวั่นใจ

            คนทั่วไปรู้จักพยุหะ โปรดิวเซอร์ชื่อดังว่าเป็นคนเก็บตัว ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครสืบประวัติชีวิตส่วนตัวของเขาได้ละเอียด เนื่องจากเจ้าตัวไม่ชอบพูดเรื่องครอบครัวออกสื่อใด ๆ

            ไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีคนที่เคารพรัก ผูกพัน นับเป็นครอบครัวเดียวในชีวิต...นั่นเป็นจุดอ่อนที่หากเนวะทราบ ย่อมจู่โจมทันที



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP