จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว Lite Talk

ฉบับที่ ๒๙๘ มายากล



298 talk



หลายครั้งในชีวิต
ที่คนเรางงตัวเอง
ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเอง
จึงคิดอย่างนี้
ทำไมถึงเลือกพูดแบบนั้น
เหตุใดจึงตัดใจไม่ได้
เพราะอะไรถึงรักที่จะหลงทางมืด
หรือหนักที่สุดคืองงบ่อยๆว่า
ตกลงตัวเองเป็นใครกันแน่
โดยเฉพาะตอนเบลอ
ความคิดสับไปสับมา
เหมือนถูกเหวี่ยงมาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก


อาการไม่เข้าใจตัวเอง
เกิดขึ้นกับคนทั้งโลก
ไม่เกี่ยวกับระดับไอคิว
เพราะแม้แต่คนฉลาดที่สุด
ก็อาจอธิบายไม่ถูกว่า
เหตุใดบางวัน
จึงมี ณ ขณะจิตที่สว่างจ้า
เหมือนหลอดไฟที่ถูกเร่งแสงถึงขีดสุด
ขณะที่อีกหลายวัน หลายโอกาส
ใจกลับมีอาการมืดๆทึมๆ
หัวทึบ คิดอะไรไม่ค่อยออก


ในทางพุทธ
การเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง
คือการเข้าถึงความไม่มีตัวเอง
รู้ว่ามีแต่การทำงานของร่างกาย
มีแต่การทำงานของจิตใจ
ประสานงานกันหลอกว่ามีเรา
คล้ายมายากลหลอกตาว่ามีน้ำ
แต่ครั้นเทจากแก้ว
น้ำนั้นกลับสลายหายไปดุจพยับแดด


การเข้าใจตัวเองจริง
ก็เหมือนการจับไต๋มายากลบันลือโลก
รู้ว่าถ้าปล่อยให้อุปกรณ์มายากล
รวมร่างกันทำงานตามปกติ
เราจะเห็นแต่สิ่งที่นักมายากลอยากให้เห็น
กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ
กลับจากไม่มี เป็นมีขึ้นมา
ต่อเมื่อแอบตามนักมายากลเข้าหลังฉาก
และเห็นเขาถอดเครื่องกลออกเป็นชิ้นๆ
นั่นแหละจึงเข้าใจถูกเสียใหม่ว่า
ที่นึกว่ามี จริงๆไม่ได้มีอะไรอย่างที่เห็นเลย


การจับไต๋มหามายากลของสังสารวัฏ
นับเริ่มจากการรู้จัก
อุปกรณ์มายากลเป็นชิ้นๆ
รู้ว่ามีลมหายใจ เข้าหรือออก
รู้ว่ามีกาย ตั้งอยู่ในอิริยาบถนั่งหรือเดิน
รู้ว่ามีความรู้สึก สบายหรืออึดอัด
รู้ว่ามีสภาพทางจิต สงบหรือฟุ้งซ่าน


จากนั้น ทำความเข้าใจ
ความสัมพันธ์ขั้นเบสิก
ของอุปกรณ์มายากลเหล่านี้
เช่น ถ้าหายใจยาว ช้า อย่างผ่อนคลาย
จะเกิดความสบาย น่าติดใจ
จึงเป็นฐานความสงบ พร้อมคิดดี
ถ้าหายใจสั้น ห้วน อย่างฝืดฝืน
จะเกิดความอึดอัด น่ารำคาญ
จึงเป็นฐานความว้าวุ่น พร้อมคิดร้าย


เมื่อเห็นเบสิกนี้ได้
ต่อมาคุณจะเห็นได้ด้วยว่า
หูตารู้เห็นหรือได้ยินอะไรน่ายินดี
ก็คือการที่ใจถูกกระทบ
ให้อยากมากหรืออยากน้อย
ยิ่งอยากมากขึ้นเท่าไร
ตัวตนยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น


ขั้นต่อมา
คือขั้นของการเห็นว่า
แม้ความคิดก็เป็นสิ่งกระทบลวงใจได้
ไม่ต่างจากรูปและเสียง
ถ้าความคิดกระทบใจ
แล้วครอบงำจิต
ให้หลงติดอยู่กับเรื่องที่คิดได้เต็มๆ
ก็จะเกิดตัวตนผู้คิดขึ้นมาเต็มๆ


แต่ถ้าความคิดกระทบใจ
แล้วสลายตัวเร็ว
คล้ายกลุ่มความคิด
เป็นสายหมอกควัน
ที่เคลื่อนผ่านจิต
แบบไม่เหลืออะไรติดค้าง
ความรู้สึกในตัวตนก็ไม่เกิดประกอบ
กับความคิดสายนั้นๆเลย
ไม่รู้สึกว่าความคิดคือตน
ไม่รู้สึกว่าตนคือความคิดดังเคย


ขั้นสุดท้าย
คือขั้นของการเห็นว่า
จิตจะดำมืดเป็นอกุศลก็ดี
จิตจะสว่างจ้าเป็นมหากุศลก็ดี
หรือแม้จิตจะสะอาด
ปราศจากความคิดก็ดี
ความเป็นจิต
ก็ได้แต่รู้เห็นสิ่งอื่น คือ
รับรู้รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และความคิด
แต่ไม่เคยรู้เห็นตัวเองเลย
ต่อเมื่อจิตเห็นจิต
รู้ว่าสักแต่เป็นสภาวะรู้
เห็นสักแต่เป็นสภาวะไร้รูปดวงหนึ่ง
ที่ไม่มีใครอยู่ในสภาวะนั้น
มีแต่การที่จิตถูกปรุงแต่งไป
ให้หลงนึกว่ามีใครขึ้นมา
นั่นแหละ! การถูกหลอกจึงสิ้นสุด
จิตถูกถอดออกจาก
สมการของมายากล
ที่ลวงให้สำคัญว่ามีตนอยู่จริง!


ดังตฤณ
ธันวาคม ๒๕๖๓





review

พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่ยสกุลบุตร
ผู้ซึ่งต่อมาได้รับเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
ติดตามรายละเอียดได้จากพระธรรมเทศนา โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
เรื่อง "อนุปุพพิกถา (ตอนที่ ๑)" ในคอลัมน์"สารส่องใจ" ค่ะ (-/\-)


หากเกิดโทสะขึ้นแต่กลับต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ทันความโกรธนั้น
จะมีวิธีใดทำให้มีสติเท่าทันความโกรธและมีจิตที่เป็นสมาธิได้ง่าย
หาคำตอบได้ในคอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา"
ตอน "ทำอย่างไรจึงจะมีสติรู้เท่าทันความโกรธได้อย่างรวดเร็ว"


เมื่อต้องเข้าไปช่วยเหลือคนในครอบครัว
จนตนเองแทบสิ้นเนื้อประดาตัวไปด้วย
จะสร้างฐานะขึ้นมาใหม่ได้ไหมในวัยกลางคน
ติดตามได้จากกรณีศึกษาในคอลัมน์ "โหรา (ไม่) คาใจ"
ตอน "เมื่อเมฆหมอกร้ายสลายไป"



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP