ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

นาคสูตร ว่าด้วยการหลีกออกจากหมู่ของพญาช้างและภิกษุ


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๒๔๔] ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด เมื่อพญาช้างป่าเที่ยวหากิน
ช้างพลายบ้าง ช้างพังบ้าง ช้างสะเทิ้นบ้าง ลูกช้างบ้าง เดินไปข้างหน้า ๆ
กัดปลายหญ้าจนด้วน พญาช้างป่าย่อมอิดหนาระอาใจรังเกียจเพราะการกระทำนั้น
ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด เมื่อพญาช้างป่าเที่ยวหากิน
ช้างพลายบ้าง ช้างพังบ้าง ช้างสะเทิ้นบ้าง ลูกช้างบ้าง
กัดกินกิ่งไม้ที่พญาช้างป่าหักลงแล้ว ๆ
พญาช้างป่าย่อมอิดหนาระอาใจรังเกียจเพราะการกระทำนั้น
ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด เมื่อพญาช้างป่าลงสู่สระ
ช้างพลายบ้าง ช้างพังบ้าง ช้างสะเทิ้นบ้าง ลูกช้างบ้าง เดินออกหน้า
เอางวงกวนน้ำให้ขุ่น พญาช้างป่าย่อมอิดหนาระอาใจรังเกียจเพราะการกระทำนั้น
ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด เมื่อพญาช้างป่าขึ้นจากสระ
ช้างพังทั้งหลายย่อมเดินเสียดสีกายไป
พญาช้างป่าย่อมอิดหนาระอาใจรังเกียจเพราะการกระทำนั้น


ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น พญาช้างป่าย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า
บัดนี้ เราเกลื่อนกล่นไปด้วยช้างพลาย ช้างพัง ช้างสะเทิน และลูกช้าง
เรากินหญ้ายอดด้วน กิ่งไม้ที่เราหักลงแล้ว ๆ ก็ถูกช้างทั้งหลายแย่งกิน
เราดื่มน้ำที่ขุ่นมัว และเมื่อเราขึ้นจากสระ ช้างพังทั้งหลายย่อมเดินเสียดสีกายไป
ถ้าจะดี เราพึงหลีกออกจากโขลงอยู่ตัวเดียวเถิด


สมัยต่อมา พญาช้างนั้นหลีกออกจากโขลงอยู่ตัวเดียว
กินหญ้ายอดไม่ด้วน ช้างอื่นก็ไม่แย่งกินกินกิ่งไม้ที่พญาช้างหักลงแล้ว ๆ
พญาช้างก็ดื่มน้ำที่ไม่ขุ่นมัว เมื่อขึ้นจากสระ ช้างพังก็ไม่เดินเสียดสีกาย
สมัยนั้น พญาช้างป่าย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า
เมื่อก่อนเราเกลื่อนกล่นไปด้วยช้างพลาย ช้างพัง ช้างสะเทิน และลูกช้าง
กินหญ้ายอดด้วน กิ่งไม้ที่เราหักลงแล้ว ๆ ก็ถูกช้างทั้งหลายแย่งกิน
เราได้ดื่มน้ำขุ่นมัว และเมื่อเราขึ้นจากสระ ช้างพังก็เดินเสียดสีกายเราไป
บัดนี้ เราหลีกออกจากโขลงอยู่ตัวเดียว กินหญ้ายอดไม่ด้วน
กิ่งไม้ที่เราหักลงแล้ว ๆ เราก็กินเอง เราดื่มน้ำที่ไม่ขุ่นมัว
และเมื่อเราขึ้นจากสระ ช้างพังก็ไม่เดินเสียดสีกายเราไป
ดังนี้ พญาช้างนั้นเอางวงหักกิ่งไม้มาปัดกาย มีใจชื่นบาน บำบัดโรคต่อมคัน.


ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใด ภิกษุเกลื่อนกล่นไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา เดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์
สมัยนั้น ภิกษุนั้น ย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า
บัดนี้ เราเกลื่อนกล่นไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา เดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์
ถ้าจะดี เราพึงหลีกออกจากหมู่ไปอยู่ผู้เดียว
เธอเสพเสนาสนะที่สงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา
ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง


เธออยู่ป่า โคนไม้ หรือเรือนว่าง นั่งคู้บัลลังก์
ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
เธอละอภิชฌาในโลกเสีย มีใจปราศจากอภิชฌาอยู่
ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอภิชฌา
ละความประทุษร้ายคือพยาบาท มีจิตไม่พยาบาทอยู่
มีความอนุเคราะห์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์
ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้ายคือพยาบาท
ละถีนมิทธะ ปราศจากความง่วงเหงาหาวนอน มีความสำคัญในแสงสว่างอยู่
มีสติสัปชัญญะ ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะ
ละอุทธัจจะกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบในภายในอยู่
ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจะกุกกุจจะ
ละวิจิกิจฉา ข้ามพ้นวิจิกิจฉา ไม่เคลือบแคลงสงสัยในกุศลทั้งหลาย
ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉา


เธอละนิวรณ์ ๕ ประการนี้ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


บรรลุทุติยฌาน มีความผ่อนใสแห่งใจภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลาย
สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติเสวยสุขอยู่
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์
เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


ก้าวล่วงรูปสัญญา ดับปฏิฆสัญญา
ไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญา โดยประการทั้งปวง
บรรลุอากาสานัญจายตนฌานอยู่ โดยคำนึงเป็นอารมณ์ว่า อากาศไม่มีที่สุด
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


ก้าวล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
บรรลุวิญญาณัญจายตนฌานอยู่โดยคำนึงเป็นอารมณ์ว่า วิญญาณไม่มีที่สุด
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


ก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
บรรลุอากิญจัญญายตนฌานอยู่ โดยคำนึงเป็นอารมณ์ว่า อะไร ๆ น้อยหนึ่งไม่มี
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


ก้าวล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
บรรลุเนวสัญญานาสัญญาตนฌานอยู่
โดยเข้าถึงภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


ก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ อาสวะของเธอสิ้นหมดแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา
เธอมีใจชื่นบาน บำบัดกิเลสเครื่องระคายใจได้


นาคสูตร จบ


(นาคสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP