สารส่องใจ Enlightenment

ความสุขของใจอยู่ที่ความพอ



พระธรรมเทศนา โดย พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
แสดงธรรม ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ (เวลาค่ำ)




ความสุขทางกายใครก็ต้องการทุกคน บำรุงปรนเปรอรักษาทุกๆ วิถีทาง
แต่ก็ไม่ได้รับความสุขเท่าที่ควร คือไม่พอแก่ความต้องการสักที
แก้ไขนี่แล้วยังเหลือโน่น บำรุงนี่แล้วยังเหลือนั่น แก้ไขบำรุงสักเท่าไรๆ ก็ไม่พอ
ความต้องการในที่นี้มิใช่ใจหรือ ใจอยากได้โน่นได้นี่ไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนกายมันมีความรู้สึกอะไร คนตายแล้วมันรู้สึกหิวอาหารหรือไม่ เปล่าทั้งนั้น
ฉะนั้นความอยากในที่นี้คือใจนั่นเอง



คำว่าสุขกาย จึงเป็นคำไม่จริง ความจริงคือสุขใจ
ดังคำเขาพูดว่าทุกข์ใจ กลุ้มใจ ร้อนใจ เสียใจ เจ็บใจ ฯลฯ ดังนี้เป็นต้น
หรือคำว่าสุขใจ ดีใจ ปลื้มใจ ชอบใจ ถูกใจ ฯลฯ ดังนี้เป็นต้น
ไม่เคยได้ยินใครพูดว่า ทุกข์กาย สุขกาย ดีกาย เสียกาย ชอบกาย
เพราะใจเป็นผู้รับรู้สุขทุกข์ของกายทั้งปวงเมื่อยังมีชีวิตอยู่
คือยังไม่ตายจิตจะต้องรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของกาย
กายเป็นเครื่องรับ ใจเป็นผู้รู้ต่างหาก ใจเป็นผู้รับรู้จึงไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอเป็นสักที
รู้แล้วก็หายไปเรื่องอื่นมาให้รู้อีก เป็นอย่างนี้อยู่ร่ำไป จึงไม่รู้จักพอเป็น
บางคนมีเงินเป็นร้อยๆ ล้านใช้จ่ายวันหนึ่งก็ไม่กี่สตางค์
เหลือจากนั้นก็เก็บไว้ แต่ก็ยังไม่พออีกต่อไป



ความสุขของใจนั้นมันอยู่ที่ความพอ
คือว่า
“พอ” มันก็หยุดทันที อะไรทั้งหมดหยุดหมด จะมีจะจนหยุดหมด
คำว่า
“ พอ” ในที่นี้มิใช่ไม่หา หาแต่เป็นผู้รู้จักพอเป็น
หาไปทำไม ตายแล้วเอาไปด้วยไม่ได้
เมื่อยังมีชีวิตเป็นอยู่ก็ต้องหาต้องรับประทาน ไม่หาก็ไม่มีรับประทาน
รับประทานพออยู่ได้ เมื่อไม่รับประทานก็ต้องตาย
ชีวิตความเป็นอยู่มันบังคับให้ต้องทำอย่างนั้น แต่เมื่อตายแล้วก็ไม่เอาอะไรไปด้วย
เพียงแต่เกิดมายุ่งเกี่ยวด้วยเรื่องต่างๆ ให้ทำความชั่วนานาชนิด
แล้วทิ้งไว้ให้จิตรับเคราะห์กรรมคนเดียว ดังนั้นทุกคนจึงควรคิด


ที่สุดนี้ขอความสุขความเจริญจงมีแก่ชาวพุทธทุกถ้วนหน้า
ขอศาสนาพุทธจงงอกงามเจริญจิรังถาวรอยู่ในสิงคโปร์ชั่วกาลอวสานเทอญ




ท่านอาจารย์พานั่งภาวนาพร้อมทั้งเทศนาอบรมธรรมนำก่อน


ภาวนา คือหัดทำให้รู้จักว่าใจคืออะไร จิตคืออะไร
ถึงจะรู้ของจริงที่จะทำให้ถึงของจริง รู้ของจริงนี้เอาปัจจุบัน
อย่าไปคิดอะไรให้มากมาย ให้ทำในปัจจุบัน
ความนึกความคิดอะไรต่างๆ งานการภาระทั้งปวงทั้งหมดทอดทิ้งเสียก่อนเวลานี้
ทำความสงบอบรมจิตให้อยู่กับลมหายใจ
สติคุมจิตให้อยู่กับลมหายใจถ่ายเดียว ไม่ให้นึกคิดส่งส่ายปรารถนาโน่นนี่อะไรทั้งหมด
เอาเฉพาะคุมจิตให้อยู่กับลมหายใจอันเดียว



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก พระธรรมเทศนา ใน ปุจฉาวิสัชนาในต่างประเทศ
โดย พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP