สารส่องใจ Enlightenment

ไม่มีอะไรตาย (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์โปรดคุณเพาพงา วรรธนะกุล ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๙




การประพฤติตัวก็เหมือนเราเดินทาง ย่อมสำคัญทางผิดว่าเป็นทางถูกแล้วเดินไป
ถ้าไม่หลงก็ไม่เดินทางผิด เดินทางที่ถูกเรื่อยๆ ไป
ถ้าไม่หลงก็ไม่ทำผิด ไม่พูดผิด ไม่คิดผิด ไม่ถือผิด ผลก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเอง
การหลงทางก็เป็นโทษอันหนึ่ง ที่ทำให้เสียเวล่ำเวลาและเหนื่อยเปล่าๆ
การทำผิด การพูดผิด คิดผิด ก็ทำให้ทั้งเสียเวลา ทั้งเป็นโทษทุกข์เกิดขึ้นแก่ตัว
นี่คือผลที่เกิดขึ้นจากการทำผิด พูดผิด คิดผิด ของผู้ประพฤติตามอารมณ์ใจชอบ



พระพุทธเจ้าทรงสอนเพื่อให้ทราบว่าใจเรามักมีความเห็นผิดอยู่เสมอ
ให้พยายามแก้สิ่งที่ผิดอยู่ภายในใจ
ที่จะระบายออกทางกาย วาจา ทางใจ ให้เป็นความผิดนั้น
กลับให้เป็นความถูกต้องดีงามอยู่เสมอ ให้พยายามแก้สิ่งที่ผิดอยู่ภายในจิต
ผลจะถึง
“สมหวัง” เพราะเหตุที่ถูกต้องผลย่อมดีเสมอไป
ถ้าเหตุผิดผลนั้นจะลบล้างเหตุไม่ได้
คือจะปิดกั้นไว้ไม่อยู่ ต้องแสดงเป็นความทุกข์ร้อนต่างๆ ออกมา


คำว่า “ความหลง” นี้ เมื่อนับจำนวนคนหลงจะมีเท่าไร คนที่รู้จะมีเท่าใด
ถ้าจะเทียบกับ “คนรู้” ว่ามีเท่าใดนั้น
ก็เหมือนกับเอาฝ่ามือหย่อนลงไปในแม่น้ำมหาสมุทร
ฝ่ามือกว้างขนาดไหน แม่น้ำมหาสมุทรกว้างขนาดไหน
เมื่อเทียบกันแล้วต่างกันยิ่งกว่า “ฟ้ากับน้ำ” ซึ่งน่าใจหายใจคว่ำทีเดียว
สัตว์โลกที่ลุ่มหลงอยู่ใน “วัฏสงสาร” นี้มีจำนวนมากเพียงไร
ในแม่น้ำ มหาสมุทรยังแคบ
เพราะสัตว์โลกที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความลุ่มหลงนั้นมีถึง “สามโลก” ด้วยกัน
ฉะนั้นมหาสมุทรจึงแคบนิดเดียว
จะพูดกันเพียงว่าผู้รู้มีจำนวนน้อย ผู้ที่หลงมีจำนวนมากมาย


คำว่า “ความหลง” เพียงคำเดียวเท่านี้มันถูกกับทุกรูปทุกนาม
บรรดาสัตว์สังขารที่มีวิญญาณครองกระเทือนไปทั่วโลกธาตุ
รวมแล้วทั้งสามโลกธาตุ เป็นที่อยู่แห่งปวงสัตว์ที่ลุ่มหลงทั้งนั้น
ผู้ที่รู้จริงๆ ไม่มีอยู่ในโลกทั้งสามเลย ไปนิพพานกันหมด
สัตว์โลกที่อยู่ด้วยความลุ่มหลงไม่ว่าท่านว่าเรามีจำนวนมาก
เพียงแต่เราไม่อาจจะนับได้
ทั้งๆ ที่มีรูปร่างมองเห็นกันด้วย “ตาเนื้อ” ทั้งที่ไม่มองเห็นด้วยตาเนื้อ
ก็อยู่ในอำนาจแห่งความหลงที่ครอบงำไว้
และผู้ที่จะมาแนะนำสั่งสอน ให้อุบายวิธีการแก้ความหลงนี้ก็มีน้อยมาก


ครั้งแรกก็มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ลุ่มหลงก่อนหน้าตรัสรู้
เมื่อตรัสรู้ธรรมเป็นความรู้แจ่มแจ้งขึ้นมา ก็ทรงนำ
“ธรรม” มาสอนเพื่อแก้ความหลง
และแสดงให้เห็นโทษของความหลง ให้เห็นคุณค่าแห่งความรู้
โดยแสดงทั้งเหตุทั้งผล ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว
จนกระทั่งประชาชนที่มุ่งหวังต่อความรู้ความฉลาด
เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์อย่างเต็มใจอยู่แล้ว
ได้ยินได้ฟังก็เกิดความเชื่อความเลื่อมใส ประพฤติปฏิบัติตาม “ธรรม” ท่าน
จึงกลายเป็น “ผู้รู้” ขึ้นมาโดยลำดับลำดา
ที่เราให้นามว่า “สาวกอรหันต์” เป็นลำดับมา
และท่านเหล่านั้นได้ “ปรินิพพาน” ไปเรื่อยๆ หรือล่วงเลยไปเป็นลำดับ
ความมืดมิดปิดตาของโลกก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น ทั้งโลกเต็มไปด้วยความหลง


ผู้ที่จะมาชี้แจงสั่งสอนให้รู้แจ้งเห็นจริงในความหลงทั้งหลายเหล่านั้น ก็ไม่ค่อยมีเสียแล้ว
โลกนี้จึงอยู่ด้วยความมืดมิดปิดตากัน
ถึงจะมีหูตาอันสว่างอยู่ ก็สว่างตามกระแสของโลกไปเสีย
ไม่ใช่สว่างด้วยความจริง คือรู้จริงเห็นจริงดังพระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านรู้เห็นมา
ก็เลยกลายเป็น
“หูหนาตาเถื่อน” ไป
คำว่า “เถื่อน” ก็คือป่าเถื่อนหรือปลอมนั่นเอง
ตามีอยู่ก็ปลอม หูมีอยู่ก็ปลอม คือรับทราบหรือได้ยินแต่สิ่งที่ “จอมปลอม”
เข้ามาแทรกสิงใจสัตว์ให้มืดมิดขึ้นโดยลำดับ เพราะการได้เห็นและการได้ยินเป็นต้น
ซึ่งล้วนแต่สิ่งจอมปลอมหลอกลวงให้ลุ่มหลงเรื่อยมา
อันเป็นการเสริมสร้างให้คนป่าเถื่อนมากขึ้น
ทุกวันนี้คนรู้ขั้น “ปัญญาชน” หรือคนป่าเถื่อนกันแน่?
ทำไมจึงก่อแต่ “วินาศกรรม” “ฆาตกรรม” แก่กันอยู่ทุกแห่งทุกหน
ทั้งที่การศึกษาว่าเจริญเต็มที่


ทั้งนี้เพราะสิ่งที่แสดงออกทั้งหลายมันมีแต่สิ่งที่ให้หลงให้โง่
เป็นทางอบายมุขแทบทั้งนั้น จิตก็ลุ่มหลงอย่างเต็มตัวอยู่แล้ว
เมื่อสัมผัสกันก็ยิ่งเข้ากันได้ง่าย และกลมกลืนกันได้อย่างรวดเร็ว
ความจริงคืออรรถธรรมจึงแทรกเข้าไปได้ยาก
เพราะฉะนั้นการประพฤติปฏิบัติธรรมและการฟังธรรมที่เป็นความดี
จึงรู้สึกฝืนใจแทบจะลากกันไปไม่ไหว ลากจากสิ่งที่จิตชอบนั้นแล
ซึ่งส่วนมากเป็นของเลว คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหา
ซึ่งมีอยู่ภายในจนแทบมองหาใจไม่เห็น
ใจมีแต่ของปลอมบรรจุไว้เต็มเอี๊ยดจนน่ากลัว
ทั้งๆ ที่ต่างคนต่างมีด้วยกันยังอดกลัวไม่ได้
ทั้งนี้เพราะมีมากต่อมากเหลือหูเหลือตา ล้นหัวใจแทบหาที่เก็บไม่ได้



สิ่งที่ปลอมกับของปลอมจึงเข้ากันได้ง่าย
เช่นเดียวกับคนชั่วกับคนชั่วเข้ากันได้ง่าย เป็นเพื่อนเป็นมิตรสนิทสนมกันง่าย
คนดีก็เข้ากับคนดีได้ง่าย เป็นพวกของใครของเราไป
ข้างนอกก็เป็นเครื่องหลอก ข้างในก็เป็นผู้ชอบรับสิ่งหลอกลวง
จึงเข้ากันได้อย่างสนิทติดจม จนไม่สนใจคิดจะถอนหรือถอนไม่ขึ้น
นอกจากจะเชื่อตายใจกับสิ่งนั้นๆ แทบหลับสนิทไปถ่ายเดียว



การปฏิบัติตนเพื่อแก้สิ่งจอมปลอมทั้งหลาย
ที่เคยเป็น
“นาย” บนหัวใจมานานออกจากใจจึงต้องฝืน
ปราชญ์ท่านเคยฝืนมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าองค์ไหนๆ พาฝืนมาเป็นลำดับลำดา
เพราะท่านเคยถูกผูกถูกมัดถูกทรมานจาก “กิเลสวัฏวน” มามากต่อมากนานแสนนาน
จนเห็นภัยและพ้นภัยด้วยการฝืนการต่อสู้
และนำ “ธรรม” ที่เป็นผลอันเกิดจากการต่อสู้มาสอนพวกเรา
เพื่อการฝืนการต่อสู้กิเลสทุกประเภท ไม่ให้ท้อถอยปล่อยตัวให้กิเลสย่ำยีเหมือนผักปลา
ซึ่งขายขี้หน้าชาวพุทธ ไม่น่าให้อภัยเลย


ผู้เห็นตนเป็นของมีค่ามากกว่าสิ่งใด
จึงควรนำ
“ธรรมอันล้นค่า” มาเป็นเครื่องปฏิบัติดำเนินด้วยความไม่นอนใจ
อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่า “ความดี” จำต้องฝืนความชั่วของชั่วอยู่โดยดี
ดังพวกเราประพฤติปฏิบัติอยู่เวลานี้ ก็คือความฝืนสิ่งไม่ดีเพื่อความดีด้วยหัวใจชาวพุทธ
แม้ออกมาอยู่ในวัดเพื่อปฏิบัติบำเพ็ญอยู่แล้ว
ความรู้สึกอันดั้งเดิมย่อมมีอยู่ภายในใจเสมอ คือความขี้เกียจมักง่ายอ่อนแอ
ความคล้อยตามสิ่งเคยคล้อยตาม ความเชื่อในสิ่งที่เคยเชื่อ
คือกิเลสชนิดต่างๆ ซึ่งเปรียบเหมือนเพลงลูกทุ่ง ย่อมยังมีอยู่ในใจ
การฝืนสิ่งเหล่านี้จึงเป็นความยากลำบากลำบนสำหรับผู้ปฏิบัติ
แม้จะมีความมุ่งมั่นต่ออรรถต่อธรรมมากเพียงไร
ก็จำต้องได้ฝืนสิ่งที่เป็นขวากเป็นหนามอยู่ภายในใจเราอยู่โดยดี
กระทั่งไม่มีเหลืออยู่ในใจเลยนั่นแล จึงหาอะไรมาขวางหน้าไม่ได้


การปฏิบัติธรรมเป็นของยากของลำบากมาแต่กาลไหนๆ
ก็เพื่อเบิกทางที่ถูกกิเลสปิดบัง ให้เห็นเหตุเห็นผล
เห็นต้นเห็นปลายของอรรถของธรรมภายในใจ
จนกว่าจะปรากฏผลขึ้นมาเป็นเครื่องสนับสนุนจิตใจให้มีกำลัง
ความเชื่อความเลื่อมใส ความพากเพียร ความอุตส่าห์พยายามขึ้นโดยลำดับ
จากนั้นก็ค่อยสะดวกสบาย
ถึงจะยากลำบาก ผลที่พึงใจเป็นขั้นๆ ก็ปรากฏอยู่ภายในใจแล้ว
แม้จะมีการฝืนอยู่บ้างก็ฝืนด้วยความพอใจ
ที่จะเพิ่มพูนความสงบสุขที่ตนมีอยู่แล้ว ให้มีกำลังและความสว่างไสวยิ่งขึ้น



(โปรดติดตามเนื้อหาต่อในฉบับหน้า)


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


จาก พระธรรมเทศนา "ไม่มีอะไรตาย"
ใน ธรรมชุดเตรียมพร้อม โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP