จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

จลาจลกรณีจอร์จ ฟลอยด์


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



284 destination



ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ข่าวใหญ่ที่สำคัญก็น่าจะได้แก่
ข่าวการประท้วงจนกระทั่งเกิดจลาจลในหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา
อันเนื่องมาจากความไม่พอใจของประชาชน
ในกรณีที่นายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวแอฟริกันอเมริกันได้เสียชีวิต
ระหว่างถูกจับกุมเนื่องจากถูกกดคอยาวนานกว่า ๘ นาที
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ที่เมืองมินนีอาโปลิส รัฐมินเนโซตา ในสหรัฐอเมริกา
ส่งผลให้เกิดการประท้วงรุนแรง และนำไปสู่การจลาจล
ในเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา รถถูกเผา อาคารร้านค้าถูกเผา
เกิดการปล้นสะดมร้านค้า มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จนได้มีการประกาศเคอร์ฟิว (Curfew) ใน ๒๕ เมือง
https://mgronline.com/around/detail/9630000056473
https://mgronline.com/around/detail/9630000055779



ในส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้ออกมาทวีตให้กำลังใจ
การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยยุยงให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
ยิงผู้ประท้วงในเหตุจลาจลที่เมืองมินนีอาโพลิส
โดยระบุว่า“เมื่อการปล้นชิงทรัพย์สินเริ่มขึ้น การยิงก็จะเริ่มขึ้น”
https://mgronline.com/around/detail/9630000056288


ทำให้ชาวจีนจำนวนมากออกมาตั้งข้อสังเกตถึง
ความมี ๒ มาตรฐาน (Double Standard) ของสหรัฐอเมริกา
โดยเมื่อปีที่แล้ว นางแนนซี เพโลซี ประธาน ส.ส. เสียงข้างมากฝ่ายค้าน
ของพรรคเดโมแครตในสหรัฐอเมริกาได้กล่าวถึงการประท้วงในฮ่องกง
ว่าเป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยที่งดงาม
ทั้ง ๆ ที่การเคลื่อนไหวในฮ่องกงเป็นการก่อจลาจล
โดยที่กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมาก
ได้ทุบทำลายทรัพย์สิน และจุดไฟเผาสถานที่ต่าง ๆ
ซึ่งเมื่อเหตุจลาจลเช่นนี้ในสหรัฐอเมริกา
ชาวจีนจำนวนมากจึงได้แสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ Weibo
ในทำนองว่า การทุบทำลายทรัพย์สินต่าง ๆ
การจุดไฟเผาร้านค้าในสหรัฐอเมริกา คือสิ่งที่งดงามเช่นกัน


อนึ่ง ในช่วงที่รัฐบาลจีนได้ผ่านร่างกฎหมายควบคุมความมั่นคงของฮ่องกงนั้น
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้แสดงความไม่พอใจที่จีนผ่านร่างกฎหมาย
ที่ให้อำนาจแก่ตนเองในการใช้อำนาจทางการทหารควบคุมสถานการณ์ในฮ่องกง
แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์
ข่มขู่ว่าจะใช้กำลังทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากรัฐบาลจีนที่จะใช้อำนาจทางทหาร
เพื่อควบคุมสถานการณ์ในฮ่องกง
ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ยังกล่าวในทวิตเตอร์อีกด้วยว่า
กองทัพสหรัฐอเมริกาสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าการรัฐมินนีโซตา
ในขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองมินนีโพลิสได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เพื่อควบคุมเหตุจลาจล พร้อมกับมีการส่งกำลังทหาร
จากกองกำลังรักษาประเทศ (National Guard)
เข้าควบคุมเหตุจลาจลในเมืองมินนีโพลิส


ด้วยเหตุนี้ จึงมีชาวจีนจำนวนมากแสดงความคิดเห็นเปรียบเทียบ
ท่าทีของสหรัฐอเมริกา ระหว่างกรณีเหตุจลาจลในฮ่องกง
กับกรณีเหตุจลาจลในเมืองมินนีโพลิส และอีกหลายเมืองทั่วสหรัฐอเมริกาว่า
จีนยังไม่เคยใช้กำลังทหาร แม้ว่าจะมีเหตุวุ่นวายในฮ่องกงมานานเป็นปี
แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ใช้กำลังทหารหลังมีการประท้วงได้แค่ ๔ วัน
ม็อบฮ่องกงจึงควรพิจารณาดูประเทศที่พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือเสียด้วย
ซึ่งความคิดเห็นตรงส่วนนี้ ได้เปรียบเปรยให้เห็นว่า
หากฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกาแล้ว
ม็อบฮ่องกงจะเจอกับกองกำลังทหารภายในเวลาไม่กี่วัน
https://www.globaltimes.cn/content/1189966.shtml
https://www.facebook.com/336295587309275/posts/568375687434596/


เหตุการณ์จลาจลในสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ มีข้อพิจารณาที่น่าสนใจ
โดยในกรณีที่เรามีความไม่พอใจในเรื่องใด ๆ ก็ตาม
การที่เราจะแก้ไขปัญหา หรือจะประท้วงใด ๆ ในเรื่องนั้นแล้ว
ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถละทิ้งศีลธรรมไปได้
กล่าวคือ แม้ว่านายจอร์จ ฟลอยด์ จะเสียชีวิตอย่างไม่เป็นธรรมก็ตาม
ในทางโลกหรือในทางกฎหมายแล้ว ก็ควรจะแก้ไขปัญหาโดยการนำตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยไม่ได้แปลว่าจะเป็นการให้สิทธิแก่ผู้ประท้วงที่จะไปเผาทำลาย
ทรัพย์สินของสังคมส่วนรวม หรือทรัพย์สินของผู้อื่นได้
หรือจะไปปล้นสะดมทรัพย์สินของผู้อื่นได้


ในทางหลักธรรมคำสอนแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า
เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เราจักทำกรรมใดดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
(อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร พระสุตตันตปิฎก
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต)
http://www.84000.org/tipitaka/read/r.php?B=24&A=2110
ซึ่งนายจอร์จ ฟลอยด์ ย่อมจะเป็นผู้รับผลของกรรมของตน
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำผิดก็ย่อมจะเป็นผู้รับผลของกรรมของตน
โดยแต่ละคนก็ย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง
ดังนั้น การที่ผู้ประท้วงไปเผาทำลายทรัพย์สินของสังคมส่วนรวม
หรือทรัพย์สินของผู้อื่น หรือไปปล้นสะดมทรัพย์สินของผู้อื่นนี้
ก็ย่อมเป็นการสร้างกรรมใหม่ของตนเอง
และตนเองก็จะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นต่อไปในอนาคต
ซึ่งในเมื่อกรรมดังกล่าวเป็นกรรมไม่ดีแล้ว
ผลที่จะได้รับในอนาคต ก็ย่อมจะเป็นผลร้ายแก่ผู้กระทำนั้น


ฉะนั้นแล้ว ในเวลาที่เราประสบเหตุการณ์ที่เราไม่พอใจ
หรือเราได้ไปอยู่ในกลุ่มคนหมู่มากที่กำลังไม่พอใจในเรื่องใด ๆ ก็ตาม
เราไม่ควรปล่อยให้บรรยากาศของคนหมู่มากพาเราไปทำอะไรก็ได้
แต่เราควรที่จะมีสติรักษาใจ และรักษาศีลธรรมไว้
โดยพิจารณาก่อนว่าสิ่งที่จะทำนั้น เป็นสิ่งขัดต่อศีลธรรมหรือไม่
ซึ่งก็ย่อมช่วยป้องกันไม่ให้เรากระทำผิดศีลธรรม
และไม่ให้ได้รับผลร้ายแห่งกรรมนั้นต่อไปในอนาคตครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP