ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

วิตถตสูตร ว่าด้วยอุโบสถโดยพิสดาร


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๑๓๒] ภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
อันบุคคลเข้าอยู่แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก
ก็อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการอันบุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างไร
จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต
วางท่อนไม้ วางศัสตรา มีความละอาย เอื้อเอ็นดู
อนุเคราะห์เกื้อกูลสรรพสัตว์อยู่ตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต
วางท่อนไม้ วางศัสตรา มีความละอาย เอื้อเอ็นดู
อนุเคราะห์เกื้อกูลสรรพสัตว์อยู่ตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๑ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายละทินนาทาน งดเว้นจากอทินนาทาน
ถือเอาแต่สิ่งของที่เขาให้ หวังแต่สิ่งของที่เขาให้ มีตนไม่เป็นขโมย
สะอาดอยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละอทินนาทาน
งดเว้นจากอทินนาทาน ถือเอาแต่สิ่งของที่เขาให้ หวังแต่สิ่งของที่เขาให้
มีตนไม่เป็นขโมย สะอาดอยู่ตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๒ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายละอพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์
ประพฤติห่างไกล เว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้านตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็ละอพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล
เว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้านอยู่ตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๓ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายละมุสาวาท งดเว้นจากมุสาวาท
พูดแต่คำสัตย์ ส่งเสริมคำจริง มั่นคง ควรเชื่อถือได้
ไม่กล่าวให้คลาดจากความจริงแก่โลกตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็ละมุสาวาท งดเว้นจากมุสาวาท
พูดแต่คำสัตย์ ส่งเสริมคำจริง มั่นคง ควรเชื่อถือได้
ไม่กล่าวให้คลาดจากความจริงแก่โลกตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๔ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลาย ละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท งดเว้นการดื่มน้ำเมา คือ
สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็ละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ
สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๕ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายเป็นผู้บริโภคอาหารครั้งเดียว
งดการบริโภคอาหารในกลางคืน
เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาลอยู่ตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็เป็นผู้บริโภคอาหารครั้งเดียว
งดการบริโภคอาหารในกลางคืน

เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาลตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๖ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายละการฟ้อนรำ ขับร้อง การประโคม
ดูการเล่นอันเป็นข้าศึก และการทัดทรง ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้
ของหอม และเครื่องลูบไล้อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว
งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง การประโคม
ดูการเล่นอันเป็นข้าศึก และการทัดทรง ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้
ของหอม และเครื่องลูบไล้อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัวตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็ละการฟ้อนรำ ขับร้อง การประโคม
ดูการเล่นอันเป็นข้าศึก และการทัดทรง ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้
ของหอม และเครื่องลูบไล้อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว
งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง การประโคม
ดูการเล่นอันเป็นข้าศึก และการทัดทรง ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้
ของหอม และเครื่องลูบไล้อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัวตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๗ นี้.


อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ตระหนักชัดดังนี้ว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
งดเว้นจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ
บนเตียงน้อยหรือเครื่องลาดด้วยหญ้าตลอดชีวิต
ในวันนี้ แม้เราก็ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
งดเว้นจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ
บนเตียงน้อยหรือเครื่องลาดด้วยหญ้าตลอดคืนและวันนี้
เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้
และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๘ นี้.


ภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
อันบุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างนี้แล จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก.
อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการอันบุคคลเข้าอยู่แล้ว
มีผลมากเพียงไร มีอานิสงส์มากเพียงไร
มีความรุ่งเรืองมากเพียงไร มีความแพร่หลายมากเพียงไร
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพระราชาเสวยราชย์
ดำรงอิสรภาพ และอธิปไตยในชนบทใหญ่ ๆ ๑๖ รัฐ
มีรัตนะ ๗ ประการมากมายเหล่านี้ คือ อังคะ มคธะ กาสี
โกสละ วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ
สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ กัมโพชะ
การเสวยราชย์ดำรงอิสรภาพและอธิปไตยของพระราชานั้น
ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า
เมื่อเทียบสุขอันเป็นทิพย์. 


ภิกษุทั้งหลาย ๕๐ ปีของมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นจาตุมมหาราช
๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมมหาราช
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราชนี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์.


ภิกษุทั้งหลาย ๑๐๐ ปีของมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์
๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์นี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์.


ภิกษุทั้งหลาย ๒๐๐ ปีของมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นยามา
๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณของอายุเทวดาชั้นยามา
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามานี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์.


ภิกษุทั้งหลาย ๔๐๐ ปีของมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต
๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดุสิต
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิตนี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า

ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์.


ภิกษุทั้งหลาย ๘๐๐ ปีของมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นนิมมานรดี
๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชันนิมมานรดี
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดีนี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์.


ภิกษุทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ปีของมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
๓๐ ราตรีโดยราตรีอันเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตีนี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์.


บุคคลไม่พึงฆ่าสตว์ ไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
พึงเว้นจากเมถุนธรรมอันมิใช่ความประพฤติของพรหม
ไม่พึงพูดเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา
ไม่พึงบริโภคอาหารในเวลาวิกาลในราตรี
ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และของหอม
พึงนอนบนเตียงน้อย บนแผ่นดิน หรือบนเครื่องลาดด้วยหญ้า
ก็บัณฑิตทั้งหลายกล่าวอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล
ที่พระพุทธเจ้าผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ทรงประกาศแล้ว
พระจันทร์เเละพระอาทิตย์ทั้งสองที่งดงามส่องแสงสว่างไสว
ย่อมโคจรไป ก็พระจันทร์และพระอาทิตย์นั้นขจัดความมืด
ลอยอยู่บนอากาศ ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้าเพียงไร
ทรัพย์ใดอันมีอยู่ในระหว่างนี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี
แก้วไพฑูรย์อย่างดี หรือทองสิงคี ทองคำ
และทองที่เรียกกันว่าหฏกะ แสงจันทร์และหมู่ดาวทั้งหมด
ก็ยังไม่ถึงแม้เสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
เพราะฉะนั้นแล หญิงหรือชายผู้มีศีล
เข้าอยู่จำอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว
กระทำบุญทั้งหลายอันมีสุขเป็นกำไร ไม่มีใครนินทาว่าร้าย
ย่อมเข้าถึงฐานะคือสวรรค์.



(วิตถตสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP