วรรณกรรมนำใจ Lite Literature
ศิวาดล ๓๖
ชลนิล
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
หลังจากดื่มยาสมุนไพรฟื้นฟูกำลัง ได้นอนพักเต็มตาหลับสนิทสองชั่วโมง ปู่เผด็จ ปู่คงคาตื่นขึ้นมามีกำลังเรี่ยวแรงกว่าเดิม เหลียวหน้ามองเห็นหลานรักคอยเฝ้าดูแลอยู่ใกล้ ๆ
“ครูแกลงไปไหน” ปู่เผด็จถามหลานชาย
“ท่านไปค้นตำรา หาวิธีรักษาปู่ครับ” พิจิกตอบ
“ครูท่านป่วยหรือเปล่า” ปู่คงคาถามหลานสาวเพราะสังเกตเห็นแววตาอ่อนโรยของผู้เป็นอาจารย์
เมษาถอนใจ อึดอัดใจที่จะตอบ...
“ไม่ถึงกับป่วย...แต่...เมื่อคืนท่านใช้พลังช่วยจิกเต็มที่...จนตอนนี้แทบไม่เหลือแล้ว”
สองผู้เฒ่านิ่งงัน รู้สึกว่าการมาของพวกตนยามนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่ง เหลือบตามองหน้ากันแล้วขยับตัวจะลุกขึ้น
“ครูแกลงสั่งผมว่า...ห้ามปู่สองคนไปไหนเด็ดขาด” พิจิกพูดชัด แววตาจริงจัง
“ท่านบอกหนูว่า...” เมษาใช้น้ำเสียงอ่อนกว่า “ไม่ต้องห่วงตัวท่าน...ท่านรู้ดีว่าควรทำอะไร...แค่ไหน”
คนป่วยค่อยคลายอาการแข็งขืน เอนตัวลงตามเดิม แววตามีความเคารพ เข้าใจอยู่ในนั้น
เมษา พิจิกลอบสบตากัน ถอนใจเบา ๆ ครูแกลงเดาใจลูกศิษย์แม่นยำ เชื่อว่าพอสองผู้เฒ่าระลึกถึงอาการป่วยในแววตาท่าน ต้องรีบกลับ ไม่อยู่รบกวนเด็ดขาด...จึงฝากคำพูดเอาไว้
ปู่เผด็จขยับตัวหันไปทางหลานชาย กวาดตามองดูทั่วร่างก่อนถาม
“จริงสิ...เรื่องเมื่อคืนมันเป็นยังไง เอ็งโดนอะไรมาถึงให้ครูท่านช่วยแบบนี้”
ปู่คงคาเหลือบมองหลานสาว แววตาบอกว่าต้องการทราบรายละเอียดเรื่องราวเช่นเดียวกับอดีตคู่หู
เมื่อคืน การติดต่อสื่อสารขาดหาย สองฝ่ายไม่รู้ความเป็นไปของกันและกัน มาเจออีกทีก็อยู่ในสภาพพูดจาลำบาก ถามไถ่ไม่สะดวก กระทั่งได้ดื่มยา พักผ่อนเต็มที่ค่อยมีแรงพูดคุยอย่างนี้
พิจิก เมษาสลับกันเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองประสบ จากนั้นค่อยถามเรื่องราวทางปู่ตนบ้าง...ใช้เวลาไม่นาน สองฝ่ายจึงรับรู้เรื่องราวทั้งหมดครบถ้วน
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าป้าแมวเป็นผู้ทรงเวทในเงา” เมษาพึมพำ
ตอนแรกเธอทำงานที่เรือนครัว เป็นลูกน้องป้าแมวโดยตรงก่อนถูกส่งไปครัวใหญ่ศิวาดล ช่วงที่ทำงานด้วยกัน สัมผัสไม่ออกเลยว่าหญิงสูงวัยคนนี้ จะมีเวทมนตร์ อาคมร้ายกาจขนาดนี้
เมษากับพิจิกมั่นใจว่าปลอมตัวแนบเนียน ยังโดนแม่บ้านใหญ่สังเกตออก ป้าแมวอยู่ศิวาดลมานานนับสิบปี...กลับไม่มีใครรู้จักตัวจริงเธอเลย
“ปู่จำได้มั้ยครับ ป้าแมวเป็นใคร...แค้นอะไรกับพวกเรานักหนาถึงวางแผนแนบเนียนเป็นเวลานานขนาดนี้” พิจิกถามแบบไม่เจาะจง
สองเฒ่าสบตากัน ถอนหายใจยืดยาว นึกถึงคำพูดแม่ครัวผู้ทรงเวทได้แม่น...
“ไอ้แก่...จำฉันได้มั้ย...ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ช่วงเวลาที่ประจันหน้า คิดแค่หาหนทางต่อสู้รักษาชีวิต ไม่อาจหวนระลึก จดจำสิ่งใดได้ พอกลับมาพักที่คอนโดฯ กรุงเทพ มีเวลาทบทวน ความทรงจำค่อยย้อนกลับมา
ปีสองพันห้าร้อย
วันที่ไปปราบผีเรือนพระยาคงเวท ทุกคนบนเรือนนั้นล้วนยินดี พร้อมต้อนรับการมาช่วยเหลือจากสองจอมเวทหนุ่ม...ยกเว้นคนคนเดียว...เด็กผู้หญิงผู้เป็นบุตรีเจ้าของบ้าน...
แววตาหนูน้อยวัยหกเจ็ดขวบ มองพวกตนอย่างเป็นศัตรู สีหน้าถมึงทึงเหมือนโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน ตอนที่แสดงอาการรุนแรงสุดน่าจะเป็นวันทำพิธีรื้อเรือน เผาเศษซากบูชาเพลิง
เด็กน้อยคนนี้ร่ำร้อง ยื้อยุดเต็มกำลัง ไม่ยอมให้พวกผู้ใหญ่รื้อเรือน ส่งเสียงตวาดด่าทออย่างไม่เกรงกลัว หยาดน้ำตาพร่างพรมบนใบหน้าเล็ก ๆ วิ่งถลาเข้ามาขวาง ร่ำร้องทุบตีทุกคนจนถูกพี่เลี้ยงจับไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอมให้อาละวาด พาไปหลบอยู่ที่อื่น จนงานรื้อเรือนสำเร็จ
หลังทำพิธีบูชาเพลิง เปลวไฟยังสว่าง ฝ่ายเจ้าของบ้านเข้ามาขอบคุณ สำนึกในบุญคุณ ช่วงเวลานั้นสองจอมเวทสัมผัสได้ถึงประกายตาอาฆาต ที่จ้องมาอย่างไม่ลดละ ความร้อนแรงจากเปลวอารมณ์รุนแรง ส่งมาถึงทั้งคู่ชัดเจน
ทว่า...ด้วยเห็นเป็นเด็กน้อยหกเจ็ดขวบ ไม่น่าทำอะไรรุนแรงได้ ประกอบกับมีงานอื่นตามมามากมาย ทั้งคู่จึงลืมเลือนเด็กหญิงคนนั้นในเวลาไม่นาน
กระทั่งได้ยินคำถามจากหญิงสูงวัยเมื่อคืน...ทำให้รู้...เวลาร่วมหกสิบปี ไม่อาจทำให้ใครบางคนลืมเลือนความคับแค้นในวัยเยาว์ได้เลย
“จำได้มั้ยคะ” เมษาถามซ้ำเมื่อเห็นปู่ทั้งสองนิ่งไปนาน
“จำได้” ปู่คงคาตอบหลานสาว
“เธอเป็นลูกสาวนายเรืองเดช...เจ้าของเรือนพระยาคงเวท ตอนที่ปู่ไปทำพิธีในปีสองพันห้าร้อย” ปู่เผด็จพูดบ้าง
“ทำไมเธอแค้นพวกเรามากนัก” พิจิกถามต่อ
“ไม่รู้” ปู่เผด็จตอบหลานชาย
“วิชาอาคมของเธอแกร่งกล้าขนาดนี้ได้ยังไง” เมษาตั้งข้อสงสัย
“ที่เรือนพระยาคงเวทได้เก็บบันทึก ตำราวิชาอาคมทั้งหมดของท่านไว้เป็นสมบัติประจำตระกูล พวกลูกหลานส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจศึกษา หรือไม่ก็ฝึกฝนกันไม่สำเร็จ จึงไม่สามารถควบคุมภูตผีในบ้านตัวเองได้” ปู่คงคาอธิบาย
“ปู่จำชื่อลูกสาวนายเรืองเดชได้มั้ยครับ” พิจิกถาม
สองชายชรามองหน้ากัน เค้นความทรงจำ พยายามนึกถึงชื่อที่ติดคาอยู่ตรงริมฝีปาก
“คุณหนู...เพ็ญแข” ปู่เผด็จหลุดชื่อนี้ออกมา
ชื่อนี้ควรถูกลบเลือนจากความทรงจำไปแล้ว ทว่า...พอมีโอกาสทบทวนเหตุการณ์เมื่อหกสิบปีที่แล้ว รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกฝังตามกาลเวลาก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา
...คุณหนูเพ็ญแข...เด็กหญิงตัวร้าย ผู้มีประกายตาอาฆาต พยาบาทรุนแรง จนจอมเวทหนุ่มรู้สึกได้ เพียงแต่คิดไม่ถึง เธอจะสามารถศึกษา ฝึกฝนตามบันทึก ตำราวิชาอาคมบรรพบุรุษจนกลายเป็นผู้ทรงเวทในเงาที่ร้ายกาจปานนี้
ที่ร้ายกาจกว่านั้นคือ สองผู้เฒ่ายังไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงพยาบาทพวกตนรุนแรงนัก ทั้งที่ตนไม่เคยทำร้ายใครไม่เคยเบียดเบียนคนในครอบครัวเธอเลย
...หรือว่า...การปราบปรามภูตผี รื้อเรือนครั้งนั้นส่งผลกระทบจิตใจเธอรุนแรงเกินกว่าคนทั่วไปรับรู้
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
“...จันทร์...กระจ่างฟ้า...นภาประดับด้วยดาว...”
บทเพลง ‘คิดถึง’ ดังออกมาจากวิทยุภายในบ้านพักส่วนตัวของ ‘ป้าแมว’ แม่ครัวใหญ่
ในสายตาทุกคนที่นี่...เธอคือป้าแมว...แม่ครัวใหญ่ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับป้าเพลิน แม่ครัวตึกใหญ่ศิวาดล
ไม่มีใครรู้...เธอคือทายาทผู้ชอบธรรมของสถานที่แห่งนี้...เรือนพระยาคงเวท...ซึ่งถูกคฤหาสน์ศิวาดลปลูกทับอย่างหมิ่นหยามเกียรติกัน
“...งามใดหนอ...จะพอทัดเทียบ...เปรียบน้อง...”
เสียงไวโอลินบรรเลงหวานแว่ว โหยหวน ชวนให้คิดถึงวัยเยาว์ ตอนที่ ‘คุณพ่อ’ ยืนสีไวโอลินเพลง ‘คิดถึง’ อยู่บนระเบียง โดยมีหนูน้อยเพ็ญแข นอนหนุนตักแม่อย่างอบอุ่น มีความสุข ใบหน้าแม่ละมุนอ่อนโยน งดงามยิ่ง
“ถ้าหากน้อง...อยู่ด้วยและช่วยชมเดือน...
โลกจะเหมือน...เมืองแมนแม่นแล้ว...นวลเอย...”
โลกวัยเยาว์ที่อบอุ่น อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก บรรยากาศยามเย็น เสียงไวโอลิน อ้อมกอดแม่ รอยยิ้มละไมของพ่อ ช่วยทำให้โลกของเธอกลายเป็นสวรรค์
...เพ็ญแข...แม่หนูน้อยคือดวงเดือนอันเด่นงาม เป็นยอดดวงใจของพ่อแม่
น่าเสียดาย ความสุขบนเมืองแมนแดนสวรรค์นั้นแสนสั้น เมื่อมารดาผู้งดงามอ่อนโยนเสียชีวิตตอนลูกสาวอายุยังไม่ถึงหกขวบ...
โลกเปลี่ยนไปในพริบตาเมื่อ ‘คุณพ่อ’ พาภรรยาคนใหม่มาที่เรือน พร้อมอุ้มท้องบุตรอีกคนมาด้วย
คุณหนูเพ็ญแข กลายเป็นหมาหัวเน่า หนำซ้ำยังได้รับความเดียดฉันท์ เอาเปรียบกลั่นแกล้งจากมารดาเลี้ยงโดยบิดาตนไม่รู้
แม่หนูน้อยแอบร้องไห้คิดถึงแม่ไม่รู้กี่ครั้ง เฝ้าหาอ้อมอกอุ่นจากใครก็ไม่เจอ กระทั่งได้พบบุคคลหนึ่งซึ่งทำให้เธอรู้ว่าตนเองไม่เดียวดาย ยังมีสายตาอีกคู่ที่มองเธออย่างเป็นห่วง พร้อมปกป้องเสมอยามเธอโดนแม่เลี้ยงใส่ร้ายกลั่นแกล้ง
บุคคลนั้นไม่ใช่มนุษย์ ท่านชื่อ ‘คุณทอง’ วิญญาณที่อาศัยอยู่ในเรือน เป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลของเธอเอง
ในสายตาคนทั่วไป คุณทองเป็นวิญญาณร้าย คอยก่อกวนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว มีสมุนบริวารมากมาย แต่กับหนูเพ็ญแข...ปิศาจคุณทองเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ให้ความรัก ความอบอุ่น ปกป้องเธอแทนมารดาผู้เสียชีวิต
“เอ็งเป็นหลานเหลนกู...เชื้อสายตรง เลือดมันข้นกว่าน้ำ ยังไงกูก็ต้องปกป้อง ช่วยเหลือ”
หนูน้อยเพ็ญแขภูมิใจในชาติกำเนิด เชื้อสายพระยาคงเวทยิ่งนัก จึงรักหวงแหน ‘เรือน’ อันเป็นสมบัติบรรพบุรุษอย่างยิ่ง หนำซ้ำคุณทองยังถ่ายทอดมรดกสำคัญอย่างหนึ่งในตระกูลให้...นั่นคือวิชาอาคม!
เด็กน้อยวัยหกขวบยังไม่สามารถเรียนอาคมชั้นสูงใดได้ ปิศาจคุณทองแค่สอนพื้นฐานให้จดจำ เข้าใจแล้วบอกเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น พิศวงของโลกแห่งมนตราให้ฟัง ทำให้เธอตั้งความหวังจะเป็นจอมเวทสืบเชื้อสายตระกูลในอนาคต
ทว่า...การที่ปิศาจคุณทองปกป้องแม่หนูน้อยด้วยการหลอกหลอน ก่อกวนมารดาเลี้ยงของเธอ ทำให้หญิงสาวผู้เป็นนายหญิงบ้านต้องหาทางต่อต้าน ตอบโต้
นายเรืองเดช พ่อหนูน้อยเพ็ญแขร่ำเรียนวิชาอาคมจากตระกูลมาก็จริง แต่ความสามารถอ่อนด้อย ไม่สามารถกำราบปิศาจบรรพบุรุษได้ ฝ่ายภรรยาก็เฝ้าออดอ้อน ร้องห่มร้องไห้ อ้างถึงความไม่ปลอดภัยของตนและลูก รบเร้าสามีให้ย้ายเรือนไปอยู่ยังพระนคร...เมืองหลวงศิวิไลซ์
ด้วยความหลงรักเมียใหม่ เป็นห่วงเอ็นดูลูกชายคนแรกที่เพิ่งคลอด นายเรืองเดชจึงตัดสินในย้ายเรือนไปอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งตนเองมีที่ทางมรดกหลายแปลง เหมาะจะปลูกบ้านเรือนอยู่ได้สบาย ส่วนอาชีพการงาน ก็จะขอโยกย้ายไปทำในเมืองหลวงแทน
ก่อนย้ายเรือน จำเป็นต้องกำราบ สยบปิศาจ ภูตผีในเรือนไม่ให้ก่อความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านข้างเคียงเสียก่อน เห็นว่าความสามารถตนเองไม่เพียงพอ จึงเสาะหาอาจารย์ดีทั่วสารทิศ กระทั่งพบเผด็จ...คงคา สองจอมเวทหนุ่มผู้มีวิชาอาคมเป็นที่เลื่องลือ
พอหนูน้อยเพ็ญแขรู้ว่าจะมีอาจารย์ดีมาปราบปิศาจนายทอง ภูตผีในบ้าน เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนพรากมารดา ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพผูกพันไปอีกครั้ง จึงร่ำร้อง คัดค้านสุดกำลัง แต่ไม่มีใครฟัง สุดท้ายปิศาจทุกตนในเรือนล้วนถูกจับขัง ปิดผนึกอาคมไม่ให้ไปทำร้าย ก่อกวนใครได้อีก
...การที่เผด็จ คงคากักขังปิศาจนายทองและบริวารเหล่านั้น ก็เหมือนพรากของรักจากหัวใจดวงน้อยแม่หนูเพ็ญแขอย่างร้ายกาจ รุนแรง...
หนำซ้ำการสั่งรื้อเรือน เผาเศษซากบูชาเพลิง ก็ยิ่งเป็นการเหยียบย่ำวงศ์ตระกูลของเธอ เด็กหญิงวัยไม่เต็มเจ็ดขวบ แต่ถูกปลูกฝังให้รัก ภาคภูมิใจในเชื้อสายพระยาคงเวทจึงคับแค้น เจ็บใจนักหนา
เธอหวงแหนสมบัติสำคัญของตระกูล มองเห็นว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตเธอมีคุณค่า มีความหมาย อยู่เหนือกว่าคนทั่วไป
...เด็กหญิงจึงเจ็บปวด อาฆาต จดจำสองจอมเวทหนุ่มนั้นชนิดไม่มีวันลืม...
ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ในเมืองศิวิไลซ์ ตรงข้ามกับความสงบร่มเย็นของเรือนเดิมที่เคยอยู่ ‘คุณพ่อ’ เข้าไปทำงานในกระทรวงทุกวัน เมียใหม่แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน มองเห็นลูกเลี้ยงเป็นหอกข้างแคร่ พยายามกดหัวไม่ให้ผยองเทียมหน้าเทียมตาลูกตน
หนูน้อยเพ็ญแขทำได้แค่เก็บตัวเงียบ...ใช้ชีวิตอย่างไม่มีตัวตน...ในใจหวนไห้ถึงอดีตอันล่วงผ่าน...
...หากปิศาจคุณทองยังอยู่ เธอคงไม่โดนกลั่นแกล้ง ทุกข์ทรมานอย่างนี้...
...หากเรือนพระยาคงเวทยังไม่ถูกรื้อทำลาย...เธอก็ยังมี ‘บ้าน’ แท้จริงให้กลับไปหา...
...ทั้งหมดนี้เพราะเผด็จ คงคา...สองจอมเวทเป็นผู้ทำร้ายเธอ...
นายเรืองเดชมีลูกกับเมียใหม่ทั้งหมดสี่คน เป็นผู้ชายสาม ผู้หญิงหนึ่งคน เพ็ญแขกลายเป็นลูกเมียเก่าที่ถูกหลงลืม ไม่มีใครเหลียวแล บทเพลง ‘คิดถึง’ อันเป็นส่วนเชื่อมโยงให้ระลึกถึงวันวาน ก็ไม่เคยถูกขับขานบรรเลงในบ้านอีกเลย เพราะเจ้าของบ้านรู้ว่า มันอาจทำให้ภรรยาคนปัจจุบันแสลงใจ
ชีวิตทุกคนดำเนินไปข้างหน้า ยกเว้นเพ็ญแข ที่ฝังชีวิตและความสุขไว้ในโลกอดีตอันล่วงผ่าน ไม่มีวันหวนคืน
เพ็ญแขจบโรงเรียนการเรือน ไม่ได้เรียนต่อ ไม่ได้ไปทำงานที่ไหน เธอมีฝีมือเชี่ยวชาญเรื่องการทำอาหาร จึงใช้ชีวิตอยู่แต่ในครัว ประหนึ่งแม่ครัวประจำบ้าน ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เพื่อนฝูงบิดารู้จัก ไม่มีใครรู้ว่าเขามีลูกสาวคนโตเป็นแม่ครัวฝีมือดีอีกคน
พอคุณเรืองเดชเสียชีวิต ภรรยาคนที่สองก็สามารถยึดครองมรดก สมบัติตระกูลได้ทั้งหมด แม่เลี้ยงพยายามยัดเยียด จับเพ็ญแขแต่งงานกับผู้ชายทุกคนที่มาสู่ขอ แต่เธอปฏิเสธคัดค้าน อีกฝ่ายกดดันทุกวิถีทางจนถึงที่สุด เกินจะทนไหว หญิงสาวเก็บกระเป๋าออกจากบ้านเงียบ ๆ
สิ่งที่ติดตัวมีแค่กระเป๋าเสื้อผ้า เงินทองที่เก็บออม และบันทึก ตำราวิชาอาคมของพระยาคงเวททั้งหมด!
ชีวิตนอกบ้านไม่นับว่าสุขสบายนัก ต้องลำบากกระเบียดกระเสียรเรื่องค่าใช้จ่ายกว่าจะหางานทำได้ ถึงอย่างนั้นเพ็ญแขรู้สึกเป็นสุข สบายใจกับอิสระที่ได้รับ มีเวลาเป็นของตนเอง ไม่ถูกกดขี่ข่มเหงโดยแม่เลี้ยงผู้ร้ายกาจ
เพ็ญแขได้งานเป็นแม่ครัว รายได้พอเลี้ยงชีพ เวลาว่างก็ศึกษา ฝึกฝนอาคมตามตำราพระยาคงเวท อาศัยพื้นฐานที่เคยเรียนจากปิศาจนายทอง ทำให้ก้าวหน้าขึ้น มีอาคมแบบเก็บงำประกายทีละขั้น
หญิงสาวเคยกลับไปที่บ้านเดิมตนหลายครั้ง ทว่าผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปี ที่ดินแปลงนั้นถูกรวมกับที่ดินรอบ ๆ จนกลายเป็นผืนใหญ่ มันรกร้าง เต็มไปด้วยป่าหญ้า ต้นไม้ครึ้ม หนาแน่น หาทางเข้าถึงที่ตั้งเรือนเดิมไม่เจอ หนำซ้ำด้วยอาคม จิตสัมผัสที่ฝึกฝนมา เธอยังไม่อาจรับรู้ร่องรอยปิศาจนายทอง ญาติผู้ใหญ่คนเดียวและเหล่าบริวารได้เลย
ทรัพย์สินสมบัติของตระกูลเพ็ญแขมีมากมาย ทั้งที่ดินหลายแปลงในกรุงเทพ และจังหวัดรอบนอก เครื่องเพชรทอง ของเก่ารุ่นปู่รุ่นทวดก็ไม่น้อย พอทุกอย่างตกอยู่ในมือของแม่เลี้ยง และลูกชายลูกสาวผู้ถนัดเรื่องสร้างหนี้สิน ผลาญสมบัติ ทำให้ทรัพย์สินของตระกูลถูกขายไปทีละชิ้น ทีละอย่าง
ที่ดินเรือนพระยาคงเวทเป็นสมบัติชิ้นแรก ๆ ที่ถูกขาย เพราะมันดูไม่มีคุณค่า อีกทั้งยังอยู่นอกเมือง ไม่มีใครมองเห็นว่ามันเป็นที่ดินบรรพชน เคยปลูกเรือนอันงดงามมาก่อน
จากนั้นพวกเพชรทอง ของเก่าก็ถูกทยอยขายในเวลาต่อมา พวกลูก ๆ ของแม่เลี้ยงเรียกร้องเชิงบังคับให้แบ่งสมบัติอย่างเท่าเทียม เพราะกลัวสมบัติจะถูกผลาญจนหมดไปในมือของใครคนหนึ่ง โดยที่ตนไม่มีส่วนแบ่งได้รับด้วย
เพ็ญแขมองดูสมบัติพ่อกระจัดกระจาย ขายทิ้งด้วยความเสียดาย ช้ำใจ และจากนั้นไม่นานเธอก็ได้เห็นกรรมตามทันแม่เลี้ยงของเธอ
หลังจากลูกทั้งสี่แบ่งสมบัติเสร็จ ต่างไปมีครอบครัวของตน ไม่มีใครยอมเลี้ยงดูแม่ ปล่อยให้หญิงร้ายกาจคนนี้ต้องเจ็บป่วย เสียชีวิตในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ อย่างเดียวดาย
เพ็ญแขสะใจ ยินดีในชะตากรรมที่แม่เลี้ยงเธอได้รับ นับจากนี้เป้าหมายของเธอมีอยู่สองอย่าง...ฝึกอาคมให้สำเร็จ ช่วยเหลือปิศาจนายทองออกมา และหาทางนำที่ดินเรือนพระยาคงเวทกลับมาเป็นของตนให้ได้
หญิงสาวติดตาม หาข่าวเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้มาตลอด รู้ว่ามีนักลงทุนกว้านซื้อที่ดินแปลงนั้นไปและนำไปรวมกับที่ดินแปลงอื่นอีกหลายแปลง กลายเป็นแปลงใหญ่เพื่อรอสาธารณูปโภค ความเจริญเข้ามา จะได้พัฒนาที่ดินให้มีมูลค่าสูง จนเกินกำลังเธอจะซื้อกลับคืนมาได้
ความหวังเพ็ญแขริบหรี่ เกือบจนหนทาง กระทั่งนายศิวามาช้อนซื้อที่ดินแปลงใหญ่นี้ และดลดาราเริ่มโครงการสร้างอาณาจักรศิวาดล...
ต้นไม้ใหญ่ถูกตัด ป่าหญ้าถูกไถเกรตเปิดหน้าดินจนเตียนโล่ง แสดงอาณาเขตกว้างขวาง เพ็ญแขลอบกลับมาอีกครั้ง นึกทบทวนความทรงจำ ใช้อาคมที่ตนฝึกฝนร่ำเรียน เดินหาจุดที่ตั้งเรือนพระยาคงเวท...เสียเวลาร่วมวันกว่าจะเจอ...
คืนนั้นเพ็ญแขลงทุนขุดหลุมกลางเรือนเดิม นำผนึกอาคมที่สองจอมเวทฝังไว้ขึ้นมา แล้วใช้อาคมที่ร่ำเรียนมาเปิดผนึก ทำลายอาคมจนสำเร็จ ปล่อยปิศาจนายทอง พร้อมด้วยสมุนทั้งหลายออกมาจนหมด
ปู่เผด็จ ปู่คงคาคาดการณ์ผิด...ผนึกอาคมไม่ได้ถูกทำลายด้วยเครื่องจักร การก่อสร้างใด ๆ มันถูกผู้เรียนเวทมือใหม่เป็นคนขุดทำลาย
เมื่อปิศาจนายทองหลุดออกจากผนึกอาคม แผนการแก้แค้นสองจอมเวทที่กักขังตนก็เริ่มต้นขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือจากเพ็ญแข...ผู้เป็นทายาท
พวกปิศาจ ภูตผีใช้เวลาพอสมควร กว่าจะรู้ว่าศัตรูอยู่ที่ใด แต่ไม่สามารถบุกไปรังควานถึงถิ่นได้ เพราะต่อให้สองจอมเวทแก่ชราลง ตบะความแกร่งกล้าในอาคมกลับเพิ่มขึ้น ยิ่งบ้านทั้งสองอยู่ติดกัน อำนาจจิตทั้งคู่ผสานกลมกลืนเข้มแข็งทวีคูณ ไม่นับเครื่องราง ของขลังที่มีพลังปราณสูง ใช้เป็นอาวุธจัดการพวกตนและบริวารอย่างง่ายดาย
เพ็ญแขจึงออกอุบาย ส่งจดหมาย รูปภาพการก่อสร้างศิวาดล หลอกให้เชื่อว่าผนึกอาคมถูกทำลาย...ล่อสองผู้เฒ่ามายังถิ่นตน จะได้วางแผนจัดการแก้แค้นให้สมใจ
แผนการขั้นต้นดำเนินราบรื่น แล้วกลับมาสะดุด ติดขัดในขั้นสุดท้าย ทำร้ายจอมเวทได้แค่คนเดียว พวกตนกลับถูกกำแพงมนตราเก้าชั้นปิดล้อม กักขังให้อยู่แต่ในเขตศิวาดล
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเพ็ญแขฝีมืออ่อนด้อย ยังไม่สำเร็จอาคม ถึงพยายามร่ำเรียนมาหลายสิบปี แต่ไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำ ฝ่ายตรงข้ามจึงแก้ตก ส่วนปิศาจนายทองก็ประมาท ย่ามใจเกินไป ตนและสมุนจึงถูกกักขังอีกครั้ง
พลาดพลั้งครั้งนี้จำเป็นต้องวางแผนใหม่ระยะยาว
ศิวาดลสร้างเสร็จ เพ็ญแขสมัครเป็นแม่ครัว ระหว่างอยู่ศิวาดล พยายามฝึกฝนอาคมขะมักเขม้น อาศัยคำชี้แนะจากปิศาจนายทอง ดังนั้นในหนึ่งเดือน ทั้งเพ็ญแข และปิศาจนายทองจะซุ่มเก็บตัวฝึกฝนอาคมขั้นสูงอย่างน้อยทุกคืนวันพระมาตลอดสิบกว่าปี
เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ เพ็ญแขยังไม่ถึงจุดสูงสุดของจอมเวท เธอจึงไม่หาญกล้าไปจัดการสองผู้เฒ่าถึงถิ่นแทนปิศาจนายทอง
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งปิศาจจึงเฝ้ารอ วางแผนตั้งรับอยู่ที่ศิวาดลอย่างระมัดระวัง เชื่อว่าอย่างไรเสีย สองเฒ่านั่นต้องกลับมาปิดผนึกอาคมกักขังปิศาจนายทองและสมุนอย่างแน่นอน
หรือต่อให้ไม่มา...พอเพ็ญแขฝึกอาคมสำเร็จ ถึงขั้นสุดยอดเทียบเทียมพระยาคงเวทผู้เป็นบรรพบุรุษตนเมื่อใด วันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายไปเหยียบถึงถิ่นสองเฒ่าเอง
ยังไม่ทันเพ็ญแขจะสำเร็จวิชาขั้นสูงสุด สองตาแก่นั่นก็ส่งตัวแทนมาเสียก่อน แผนการจำเป็นต้องดำเนินไปตามสถานการณ์
น่าเสียดาย ทายาทเฒ่าทั้งสองแกร่งกล้ากว่าที่คิด ขนาดพลาดพลั้งอย่างนั้นยังทำร้ายปิศาจนายทองได้ ส่วนเพ็ญแขเอง ก็โดนอาคมก้นหีบ ไม้ตายสองเฒ่าสะท้อนอาคมคืน จำเป็นต้องรักษาตัว ขับสลายอาคมร้ายในร่าง...
ทว่า...อีกไม่นานหรอก เพ็ญแขจะสำเร็จอาคม เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้สองเฒ่าและหลานชายหญิงหลบอยู่ไหน เธอจะตามล่าจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย...
อย่างที่เคยใช้อาคมเอาชีวิตดลดารา รายา พรนรี และพยาบาลโสภีมาแล้ว
(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)
< Prev | Next > |
---|