สารส่องใจ Enlightenment

รู้อสุภะ รู้อย่างไร (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาดจ.อุดรธานี

เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑



วัดนี้เราไม่ปฏิบัติตามความรู้ความเห็นความต้องการของคน
แต่เราปฏิบัติเพื่อหลักธรรมหลักวินัย หลักศาสนาเป็นส่วนใหญ่
เพื่อประชาชนทั้งแผ่นดินซึ่งอาศัยศาสนา
อันเป็นหลักปกครองที่ถูกต้องดีงาม
ที่เนื่องมาจากการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องด้วยดีของพระเณร
ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาของประชาชนชาวพุทธ
เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สนใจที่จะปฏิบัติต่อผู้ใดเพราะความเกรงใจเป็นใหญ่
ให้นอกเหนือจากธรรมจากวินัยอันเป็นหลักศาสนาไป
หากใจเกิดโอนเอนไปตามความรู้ความเห็นของผู้หนึ่งผู้ใด
หรือของคนหมู่มากซึ่งหาประมาณไม่ได้แล้ว
วัดและศาสนาก็จะหาประมาณหรือหลักเกณฑ์ไม่ได้
วัดที่เอนเอียงไปตามโลกโดยไม่มีเหตุผลเป็นเครื่องยืนยันรับรอง
ก็จะหาเขตหาแดนหาประมาณไม่ได้
และจะกลายเป็นวัดไม่มีเขตมีแดนไม่มีกฎเกณฑ์
ไม่มีเนื้อหนังแห่งศาสนาติดอยู่บ้างเลย



ผู้หาของดีมีคุณค่าไว้เทิดทูนสักการบูชาก็คือคนฉลาด
จะหาของดี เนื้อแท้ไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจก็จะหาไม่ได้เลย
เพราะมีแต่สิ่งจอมปลอมเหลวไหล เต็มวัดเต็มวาเต็มพระเต็มเณรเถรชี
เต็มไปหมดทุกแห่งทุกหนตำบลหมู่บ้าน
ไม่ว่าวัดไม่ว่าบ้าน ไม่ว่าทางโลกทางธรรม
คละเคล้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับความจอมปลอมหลอกลวงหาสาระสำคัญไม่ได้



ด้วยเหตุนี้จึงต้องแยกแยะออกเป็นสัดเป็นส่วนว่า
ศาสนธรรมกับโลกแม้อยู่ด้วยกันก็ไม่เหมือนกัน
พระเณรวัดวาอาวาสศาสนา ตั้งอยู่ในบ้านตั้งอยู่นอกบ้าน หรือตั้งอยู่ในป่าก็ไม่เหมือนบ้าน
คนมาเกี่ยวข้องก็ไม่เหมือนคน ต้องเป็นวัดเป็นพระ เป็นธรรมวินัยอันเป็นตัวของตัวอยู่เสมอ
ไม่เป็นน้อย ไม่ขึ้นกับผู้ใดสิ่งใด
หลักนี้จึงเป็นหลักสำคัญที่จะสามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจของคนที่มีความเฉลียวฉลาด
หาหลักความจริงไว้เป็นที่สักการบูชาหรือเป็นขวัญใจได้
เราคิดในแง่นี้มากกว่าแง่อื่นๆ
แม้พระพุทธเจ้าผู้เป็นองค์ศาสดาก็ทรงคิดในแง่นี้เหมือนกัน
ดังจะเห็นได้ในเวลาที่พระองค์ประทับอยู่โดยเฉพาะกับพระนาคิตะเป็นต้น



เวลามีประชาชนส่งเสียงเอิกเกริกเฮฮาเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงรับสั่งว่า นาคิตะ นั่นใครส่งเสียงอึกทึกวุ่นวายกันมานั้น
เหมือนชาวประมงเขาแย่งปลากัน
เราไม่ประสงค์สิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นการทำลายศาสนา
ศาสนาเป็นสิ่งที่รักษาไว้สำหรับโลกให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข
เหมือนกับน้ำที่ใสสะอาดที่รักษาไว้แล้วด้วยดี
เป็นเครื่องอาบดื่มใช้สอยแก่ประชาชนทั่วไปได้ด้วยความสะดวกสบาย
ศาสนาก็เป็นเช่นน้ำอันใสสะอาดนั้น
จึงไม่ต้องการให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามารบกวน ทำศาสนาให้ขุ่นเป็นตมเป็นโคลนไป
นี่คือพระพุทธพจน์ที่ทรงแสดงกับพระนาคิตะ



จากนั้นก็สั่งให้พระนาคิตะไปบอกเขาให้กลับไปเสีย
กิริยาการแสดงออกเช่นนั้นกับเวลาค่ำคืนเช่นนี้
ไม่ใช่เวลาที่จะมาเกี่ยวข้องกับพระ ซึ่งท่านอยู่ด้วยความวิเวกสงัด
กิริยาที่สุภาพดีงามเป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้ฉลาดคัดเลือกมาใช้ได้
และเวลาอื่นมีถมไป เวลานี้ท่านต้องการความสงัด
จึงไม่ควรมารบกวนท่านให้เสียเวลาและลำบาก โดยไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
นี่คือหลักดำเนินอันเป็นตัวอย่างจากองค์ศาสดาของพวกเรา
ไม่ใช่จะคลุกคลีตีโมงกับประชาชนญาติโยมโดยไม่มีขอบเขตเหตุผล
ไม่มีกฎมีเกณฑ์ ไม่มีเวล่ำเวลาดังที่เป็นอยู่
ซึ่งราวกับศาสนาและพระเณรเราเป็นโรงกลั่นสุรา
เป็นเจ้าหน้าเจ้าตาจ่ายสุราให้ประชาชนยึดไปมอมเมากันไม่มีวันสร่างซา
แต่ศาสนาเป็นยาแก้ความเมามัว
พระเณรเป็นหมอรักษาความเมามัวของตนและของโลก
ไม่ใช่นักจ่ายสุราเครื่องมึนเมาจนหมดความรู้สึกในความนึกกระดากอาย



ใครก้าวเข้ามาวัดก็ว่าเขาเลื่อมใสศรัทธา
อนุโลมผ่อนผันไปจนลืมเนื้อลืมตัวลืมธรรมลืมวินัย
ลืมกฎระเบียบอันดีงามของวัดของพระของเณรไปหมด
จนกลายเป็นการทำลายตนเองและวัดวาศาสนาให้เสียไปวันละเล็กละน้อย
และกลายเป็นตมเป็นโคลนไปหมด
ทั้งชาววัดชาวบ้านหาที่ยึดเป็นหลักเกณฑ์ไม่ได้
พระเต็มไปด้วยมูตรด้วยคูถคือสิ่งเหลวไหลภายในวัดในตัวพระเณร



ด้วยเหตุนี้เราทุกคนผู้บวชในพระศาสนา จงสำนึกในข้อเหล่านี้ไว้ให้มาก
อย่าเห็นสิ่งใดมีคุณค่าเหนือธรรมเหนือวินัย
อันเป็นหลักใหญ่สำหรับรวมจิตใจของโลกชาวพุทธ
ให้ได้รับความมั่นใจ ศรัทธาและร่มเย็น
ถ้าหลักธรรมหลักวินัยได้ขาดหรือด้อยไปเสีย
ประโยชน์ของประชาชนชาวพุทธที่จะพึงได้รับก็ต้องด้อยไปตาม
จนถึงกับหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้
ทั้งๆ ที่ศาสนามีเต็มคัมภีร์ใบลาน มีอยู่ทุกแห่งทุกหน
พระไตรปิฎกไม่อดไม่อั้น เต็มอยู่ทุกวัดทุกวา
แต่สาระสำคัญที่จะนำมาประพฤติปฏิบัติ
ให้ประชาชนทั้งหลายได้รับความเชื่อความเลื่อมใส
ยึดเป็นหลักจิตหลักใจไปประพฤติปฏิบัติ
เพื่อเป็นประโยชน์หรือเป็นสิริมงคลแก่ตนนั้นกลับไม่มี
ทั้งๆ ที่ศาสนายังมีอยู่ เราก็เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้วเวลานี้



หลักใหญ่ที่จะทำให้ศาสนาเจริญรุ่งเรือง
และเป็นสักขีพยานแก่ประชาชนผู้เข้ามาเกี่ยวข้อง
เพื่อหวังบุญและสิริมงคลทั้งหลายกับวัด ก็คือพระเณร
ถ้าพระเณรตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้
นั้นแลคือ ผู้รักษาไว้ซึ่งแบบฉบับอันดีงามแห่งพระศาสนาและมรรคผลนิพพานไม่สงสัย
เขาจะยึดเป็นหลักเป็นเกณฑ์ได้ เพราะคนในโลกนี้คนฉลาดยังมีอยู่มาก
ส่วนคนโง่แม้มีมากจนล้นโลกก็หาประมาณไม่ได้ เมื่อถูกใจเขาเขาก็ชมเชย
การชมเชยนั้นก็ชมเชยแบบความโง่ของเขา ไม่เกิดประโยชน์
ถ้าไม่พอใจก็ตำหนิติเตียน ความตำหนิติเตียนนั้น
ก็ไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งเขาและเราด้วย
แต่ผู้เฉลียวฉลาดชมเชยนั้นยึดเป็นหลักจิตใจได้
แก่เขาด้วยแก่เราด้วย เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ชมเชยพระสงฆ์ก็ชมเชยด้วยหลักความจริงความฉลาด
พระสงฆ์ผู้ตระหนักในเหตุผลก็สามารถทำตนให้เป็นเนื้อนาบุญของเขาได้ด้วย
เขาก็ได้รับประโยชน์ด้วย แม้ตำหนิก็มีเหตุผลที่ควรยึดเป็นคติได้
ด้วยเหตุนี้เราผู้ปฏิบัติพึงตระหนักในข้อนี้ให้ดี



ไปที่ไหนอย่าลืมเนื้อลืมตัวว่าตนเป็นนักปฏิบัติ
เป็นองค์แทนพระศาสดาในการดำเนินพระศาสนา
และประกาศพระศาสนาด้วยการปฏิบัติ
โดยไม่ถึงกับต้องประกาศสั่งสอนประชาชนให้เข้าใจในอรรถในธรรมโดยถ่ายเดียว
แม้เพียงข้อวัตรปฏิบัติที่ตนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น
ก็เป็นทัศนียภาพอันดีงามให้ประชาชนเกิดความเชื่อความเลื่อมใสได้
เพราะการได้เห็นได้ยินของตนอยู่แล้ว ยิ่งได้มีการแสดงอรรถธรรม
ให้ถูกต้องตามหลักของการปฏิบัติโดยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยแล้ว
ก็ยิ่งเป็นการประกาศพระศาสนาโดยถูกต้องดีงาม ให้สาธุชนได้ยึดเป็นหลักใจ
ศาสนาก็มีความเจริญรุ่งเรืองไปโดยลำดับในหัวใจชาวพุทธ



อยู่ที่ใดไปที่ใดอย่าลืมหลักสำคัญคือศีล สมาธิ ปัญญา
อันเป็นหลักงานสำคัญของพระ
นี้แลคือหลักงานสำคัญของพระเราทุกรูป
ที่เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรสปรากฏในพระพุทธศาสนาว่าเป็นลูกศิษย์พระตถาคต
เป็นอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นอยู่เพียงโกนผม โกนคิ้วนุ่งเหลืองห่มเหลืองเท่านั้น
อันนั้นใครทำเอาก็ได้ไม่สำคัญ สำคัญที่การประพฤติปฏิบัติตามหน้าที่ของตน
ศีลพยายามระมัดระวังรักษาอย่าให้ขาดให้ด่างพร้อย
มีความระเวียงระวังอยู่ทุกอิริยาบถด้วยสติปัญญาของเรา
อะไรจะขาดตกบกพร่องไปก็ตาม ศีลอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
เพราะเป็นสมบัติอันสำคัญประจำกับเพศของตน
หวังพึ่งเป็นพึ่งตายกับศีลของตนโดยแท้



สมาธิที่ยังไม่เกิดก็พยายามฝึกฝนอบรมดัดแปลงจิตใจ
ฝ่าฝืนทรมานจิตใจตัวพยศเพราะอำนาจของกิเลสนั้น ให้เข้าสู่เงื้อมมือของความเพียร
มีสติปัญญาเป็นเครื่องสกัดลัดกั้นความคะนองของใจ ให้เข้าสู่ความสงบเย็นใจจนได้
นี่ก็เป็นสมาธิสมบัติสำหรับพระเรา
ปัญญาคือความฉลาด ปัญญาจะใช้ได้ในที่ทุกสถานตลอดกาลทุกเมื่อ
ไม่ว่ากิจการภายนอกภายในให้นำปัญญาออกใช้เสมอ
ยิ่งเข้าสู่ภายในคือการพิจารณากิเลสอาสวะประเภทต่างๆ ด้วยแล้ว
ปัญญายิ่งเป็นของสำคัญมาก
ปัญญากับสตินี้แยกกันไม่ออก จะต้องทำหน้าที่ไปพร้อมๆ กัน
สติเป็นผู้ควบคุมงานคือปัญญาที่กำลังทำงาน
หากสติได้เผลอไปเมื่อไรงานนั้นก็ไม่สำเร็จเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เพราะฉะนั้นสติจึงเป็นธรรมจำเป็นที่จะต้องแนบนำในงานของตนอยู่เสมอ
นี่คืองานของพระ ให้ท่านทั้งหลายจำไว้อย่างถึงใจตลอดไป
อย่าชินชา จะกลายเป็นพระหน้าด้านไปโดยที่โลกเขาเคารพกราบไหว้ทุกวันเวลา



ออกพรรษานี้ต่างองค์ต่างก็จะต้องพลัดพรากจากกันไป ตามหน้าที่และความจำเป็น
และกฎคือ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ห้ามไม่อยู่ เพราะเป็นคติธรรมดา เป็นเรื่องใหญ่
แม้ตัวผมเองก็ไม่ได้แน่ใจว่าจะอยู่กับท่านทั้งหลายไปนานสักเท่าไร
เพราะอยู่ใต้กฎอนิจจังเหมือนกัน
ในขณะที่อยู่ด้วยกัน พึงตั้งใจสำเหนียกศึกษาให้ถึงใจ
สมกับเรามาศึกษาอบรมและประพฤติปฏิบัติ



คำว่าปัญญาดังที่กล่าวเมื่อสักครู่นี้
คือการพิจารณาคลี่คลายดูส่วนต่างๆ ที่มาเกี่ยวข้องทั้งภายนอกภายใน
(ต้องขออภัยท่านนักธรรมะด้วยกันทั้งหญิงทั้งชายที่ตกอยู่ในสภาพอย่างเดียวกัน
กรุณาพิจารณาเป็นธรรม)
รูป ส่วนมากก็เป็นรูปหญิง-ชาย ในหลักธรรมท่านกล่าวไว้ว่า
ไม่มีรูปใดที่จะเป็นข้าศึกแก่เพศสมณะเรายิ่งกว่ารูปหญิง-ชาย
เสียงหญิง-ชาย กลิ่นหญิง-ชาย รสของหญิง-ชาย เครื่องสัมผัสถูกต้องของหญิง-ชาย
นี้เป็นเอกที่จะให้เป็นโทษเป็นภัยแก่สมณะ
ให้พึงสำรวมระวังให้มากยิ่งกว่าการสำรวมระวังในเรื่องอื่นๆ
สติปัญญาก็ให้คลี่คลายจุดที่สำคัญนี้มากยิ่งกว่าคลี่คลายการงานอย่างอื่นๆ



รูป ก็แยกแยะดูด้วยปัญญาให้เห็นชัดเจน
คำว่ารูปหญิง-ชายนั้นให้ชื่อตามสมมุติ
ความจริงแล้วไม่ใช่หญิง-ชาย เป็นรูปธรรมดาเหมือนเราๆ ท่านๆ
มีหนังหุ้มห่อทั่วสรรพางค์ร่างกาย เข้าไปภายในก็มีเนื้อมีหนังมีเอ็นมีกระดูก
เต็มไปด้วยของปฏิกูลโสโครกด้วยกัน
ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอาการใดที่ผิดแปลกจากรูปของเราไปเลย
เป็นแต่เพียงว่าความสำคัญของใจนั้นมันว่าเป็นหญิง-ชาย คำว่าเป็นหญิง-ชายนั้น
มันสลักลงไปภายในจิตใจอย่างลึกซึ้งด้วยความสำคัญของใจเอง
ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เป็นความสำคัญต่างหาก



เสียงก็เหมือนกัน เสียงก็เป็นเสียงธรรมดา แต่เราหมายไปว่าเป็นเสียงวิสภาค
เพราะฉะนั้นจึงทิ่มแทงเข้าในหัวใจบุรุษอย่างฝังลึก
เฉพาะอย่างยิ่งนักบวชเรา และแทงทะลุเข้าไปจนลืมเนื้อลืมตัว
ขั้วหัวใจขาดสะบั้นทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ขั้วหัวใจขาดเปื่อยเน่าเฟะแต่ไม่ตาย
เจ้าตัวกลับเพลินฟังเพลงเสียงขั้วหัวใจขาดอย่างไม่มีวันจืดจางอิ่มพอ



กลิ่น ก็กลิ่นธรรมดาเหมือนเรานี่เพราะเป็นกลิ่นคน
ถึงจะเอาน้ำอบน้ำหอมจากเมืองเทพเมืองพรหมที่ไหนมาประมาชโลม
ก็เป็นกลิ่นของอันนั้นต่างหาก ไม่ใช่กลิ่นของหญิง-ชายแท้แม้นิดเดียวเลย
จงพิจารณาแยกแยะออกดูให้ละเอียดถี่ถ้วน



รสก็เพียงความสัมผัสกัน
การสัมผัสก็ไม่เห็นผิดแปลกอะไรกับอวัยวะเราสัมผัสอวัยวะเราเอง
อวัยวะนั้นๆ ก็เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกกัน
แน่ะ เราต้องพิจารณาให้ชัดเจนอย่างนี้
แล้วก็พิจารณาตนเทียบเคียงกับรูป
, เสียง, กลิ่น, รส, เครื่องสัมผัส ของคำว่าหญิง-ชายนั้น
เข้ามาเทียบเคียงกับรูปเสียงกลิ่นรส ของเรา
ก็ไม่มีอะไรผิดแปลกกันโดยหลักธรรมชาติโดยหลักความจริง
นอกจากความเสกสรรปั้นยอของใจที่มันคิดไปเสกสรรไปเท่านั้น


ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัยปัญญาพิจารณาคลี่คลาย
อย่าให้ความสำคัญในแง่ใดแง่หนึ่งที่จะเป็นข้าศึกแก่ตน
เข้ามาแทรกสิงหรือทำลายจิตใจของตนได้
ให้สลัดปัดทิ้ง ด้วยปัญญาอันเป็นความจริง ลงสู่ความจริงว่า
สักแต่ว่ารูป สักแต่ว่าเสียง สักแต่ว่ากลิ่น สักแต่ว่ารส สักแต่ว่าเครื่องสัมผัส
ที่ผ่านแล้วหายไปๆ ทั้งมวล เช่นเดียวกับสิ่งอื่นๆ นี่คือการพิจารณาถูกต้อง
และสามารถถอดถอนความยึดมั่นสำคัญผิดกับสิ่งนั้นๆ ได้โดยลำดับไม่สงสัย



จะพิจารณาไปในวัตถุสิ่งใดก็ตามในโลกนี้
มันเต็มอยู่ด้วยกองอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา
หาความจีรังถาวรไม่ได้ อาศัยสิ่งใดสิ่งนั้นก็จะพังลงไป
วัตถุสิ่งใดก็ตาม ขึ้นชื่อว่ามีอยู่ในโลกนี้ล้วนแล้วแต่สิ่งที่จะต้องพังทลาย
เขาไม่พังเราก็พัง เขาไม่แตกเราก็แตก เขาไม่พลัดพรากเราก็พลัดพราก เขาไม่จากเราก็จาก
เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความจากความพลัดพรากกันอยู่แล้วโดยหลักธรรมชาติ
ให้พิจารณาอย่างนี้ด้วยปัญญาให้ชัดเจน
ก่อนหน้าที่สิ่งเหล่านั้นจะพลัดพรากจากเรา หรือเราจะพลัดพรากจากสิ่งเหล่านั้น
แล้วปล่อยวางไว้ตามเป็นจริง เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตใจก็มีความสุข
นี่พูดถึงขั้นปัญญาในการพิจารณารูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัสต่างๆ
ทั้งข้างนอกข้างใน ทั้งส่วนหยาบ ส่วนละเอียด
ย่อมพิจารณาในลักษณะเหล่านี้ทั้งสิ้น



(โปรดติดตามเนื้อหาต่อในฉบับหน้า)


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา https://bit.ly/2LRLolp


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP