ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ควรทำอย่างไรหากทุกข์ใจเพราะฝันร้าย



ถาม – ดิฉันเคยฝันร้ายและเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบายใจ ควรทำอย่างไรให้หายทุกข์ใจคะ


ถ้าเรารู้สึกขุ่นใจนะ เราก็ถามตัวเองว่าตอนตื่นแล้วนี่
เราจะทำเหมือนในฝันหรือเปล่า

หรือถ้าเกิดเป็นเรื่องที่จู่โจมตัวเรา ไม่ใช่เราเป็นผู้กระทำนะ
ในฝันเหมือนมีเหตุร้าย มีนิมิตบอกว่าเป็นลางไม่ดีอะไรแบบนั้น
ตื่นมาเกิดความรู้สึกขุ่นใจ
หรือว่าอย่างฝันว่าไปทะเลาะกับใคร ใครมาด่าอะไรแบบนี้นะ
ถามตัวเองง่ายๆ ว่าตอนตื่นขึ้นมาแล้วเกิดเหตุแบบนั้นๆ
เราจะจัดการอย่างไร คือดูใจตัวเอง


แล้วมันจะเห็นนะว่าบางที หลายๆ ทีเลย
ใจที่ฝันไปกับใจที่ตื่นอยู่เนี่ยมันเป็นคนละใจกัน
มันเป็นคนละคนกัน มันตัดสินใจไม่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่นบางคน ลึกๆ แล้วเป็นโทสะจริต
เวลาที่ฝันว่าใครมาทำร้ายหรือว่าใครมาทำให้เจ็บใจ
เรื่องนิดๆ หน่อยๆ นี่เป็นฟืนเป็นไฟ โอ้โห ใหญ่โต โป๊งป๊างๆ นะ
คือด่าทอลั่นเหมือนกับคนบ้ากลางถนนอะไรแบบนั้น
เพราะฉะนั้นฝันเขาฉายภาพส่วนลึกของอัตตาให้เราดู
เพื่อให้เราตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าตัดสินว่านิสัยแบบนี้ คำพูดแบบนี้
หรือว่าอาการหุนหันพลันแล่นแบบนี้
เป็นตัวเราจริงๆ ตอนตื่นมานี่มันจะเอาแบบนั้นหรือเปล่า
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน



ถ้าเราตอบตัวเองได้ว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเราไม่มีทางทำแบบนั้น
อย่างนี้มันกลายเป็นว่าความฝันมาสอนให้เราดูจิตใจตัวเองนะ
ว่าเกิดเรื่องจริงนี่จะเอาแบบนั้นหรือเปล่า
ถ้าไม่เอาก็แปลว่าในตัวที่มันตื่นอยู่
มันดีกว่าตัวละครที่มันสมมติขึ้นมาในความฝัน
การสำรวจตัวเองว่าตื่นขึ้นมา
ตอนตื่นขึ้นมานี่เราจะทำอย่างไรกับความฝันน่ะ
มันเป็นสูตรสำเร็จเลยที่จะทำให้สบายใจได้ทุกเรื่อง



ผมยกตัวอย่างอย่างหนึ่ง
ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุสงฆ์อยู่รูปหนึ่งนะ
เดิมก่อนมาบวชท่านเป็นใหญ่เป็นโต ท่านมีบารมี
จัดว่าเป็นเศรษฐี จัดว่ามีชื่อเสียง
แล้วก็ชาวบ้านนี่ก็รักใคร่ มาห้อมล้อมกันเป็นประจำอะไรแบบนี้นะ
แต่พอบวชมาแล้วท่านก็ทิ้งนะ ไม่เอาแล้วชื่อเสียงเงินทอง
หรือว่าความมีหน้ามีตาอะไรแต่หนหลัง
แต่เสร็จแล้วท่านปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใจปล่อยวางไปได้เรื่อยๆ นะ
เสร็จแล้วมาถึงคืนหนึ่งท่านฝันว่าท่านไปอยู่บนคอช้าง ไปนั่งบนคอช้าง
แล้วก็ช้างก็พาท่านไปท่ามกลางฝูงชน
มีฝูงชนแห่แหนเข้ามาห้อมล้อมท่านใหญ่นะ ก็เรียกว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ละ


ทีนี้พอตื่นขึ่นมา ท่านก็เกิดความรู้สึก เออ ใจเรานี่ปกติเบาๆ อยู่
พอฝันแบบนี้มันหนักขึ้นมาทันที
ท่านก็พิจารณาธรรมว่าท่านยังมีความยินดีอยู่จริงๆ หรือเปล่า
กับการมีผู้คนมาห้อมล้อมนะ
นั่งไปบนคอช้างสูงสง่า เดินไป ฝ่าฝูงชนเป็นคลื่นแหวกว่ายไป
ท่านพิจารณาไปพิจารณามา เห็นเหมือนกับเป็นความปรุงแต่งของจิตนะ
ถ้าเทียบก็เหมือนกับสไลด์โชว์ เราเอาแผ่นใสมาแล้วฉายภาพนะ
แต่จริงๆ ภาพมันไม่ได้มีอยู่บนจอจริงๆ เอาแผ่นสไลด์ออก ภาพก็หายไปนะ
ท่านรู้สึกว่าความรู้สึกเป็นตัวเป็นตน
หรือว่ามีอัตตามานะอะไรทั้งหลายที่แฝงอยู่ข้างใน
จริงๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากความฟุ้งซ่านในยามปกตินะ
ท่านเห็นแบบนั้น ท่านบรรลุธรรมเลย
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะได้ถึงอรหัตตผลด้วย



นี่คือการเอาความฝันมาใช้ประโยชน์
คือไม่ใช่ว่าพอเกิดความฝันอะไรที่เราไม่ถูกใจ หรือว่าฝันไม่ดีไปแล้ว
แล้วก็เอามาขุ่นใจเฉยๆ เอามาวนลูปอยู่เฉยๆ นะ
เอามาพิจารณาแล้วกันว่าพอเราตื่น ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
เราตัดสินใจอย่างไร ถ้าหากว่าอยู่ในเหตุการณ์เดียวกับความฝัน
มันจะได้เกิดความรู้สึกนะ แบ่งแยกชัดเจนเลย
ว่าจิตตอนฝันกับจิตตอนตื่น มันคนละคนกันแล้วนะครับ



อย่าให้ความฝันน่ะเป็นฝ่ายย่ำยีเราฝ่ายเดียวนะ
ให้ตัวเราเองเป็นฝ่ายรุกกลับไปบ้าง
บอกว่า เออ ถ้าฉันเป็นอย่างนี้ ลืมตาตื่นอยู่อย่างนี้
เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ฉันตัดสินใจทำอะไรได้บ้าง
นี่แหละตัวนี้แหละที่มันจะทำให้เกิดสตินะ
แล้วความขุ่นใจอะไรทั้งหลายที่ติดออกมาจากความฝัน
มันก็จะหายไปด้วย


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP