ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

การัณฑวสูตร ว่าด้วยสมณหยากเยื่อ


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๑๐๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณี ชื่อคัครา ใกล้นครจัมปา
สมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุด้วยอาบัติ
ภิกษุที่ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัตินั้นเอาเรื่องอื่น ๆ มาพูดกลบเกลื่อน
ชักเรื่องไปนอกทางเสีย แสดงความโกรธเคืองและความไม่ยำเกรงให้ปรากฏ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
ภิกษุทั้งหลาย จงกำจัดบุคคลนั้นออกไป จงกำจัดบุคคลนั้นออกไป
ภิกษุทั้งหลาย คนชนิดนี้ต้องขับออก เป็นลูกนอกคอก ทำลายหมู่คณะ
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้ มีการก้าวไป การถอยกลับ
การแล การเหลียว การคู้ การเหยียด การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร
เหมือนภิกษุที่ดีเหล่าอื่น ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายยังไม่เห็นอาบัติของเขา
แต่เมื่อใดภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า
ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้อย่างนี้แล้ว ย่อมนาสนา (ให้สึก) ออกไปให้พ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่าภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย.


ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหญ้าชนิดหนึ่งที่ทำลายต้นข้าว
มีเมล็ดเหมือนข้าวลีบ มีเมล็ดเหมือนข้าวตายรวง พึงเกิดขึ้นในนาข้าวที่สมบูรณ์
ราก ก้าน ใบของมันเหมือนกับข้าวที่ดีเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่มันยังไม่ออกรวง แต่เมื่อใด มันออกรวง เมื่อนั้นจึงทราบกันว่า
หญ้านี้ทำลายข้าว มีเมล็ดเหมือนข้าวลีบ มีเมล็ดเหมือนข้าวตายรวง
ครั้นรู้อย่างนี้แล้ว เขาจึงถอนมันพร้อมทั้งราก เอาไปทิ้งให้พ้นที่นา
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่า หญ้าชนิดนี้อย่าทำลายข้าวที่ดีอื่น ๆ เลย ฉันใด
ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป การถอยกลับ การแล การเหลียว การคู้ การเหยียด
การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร เหมือนภิกษุที่ดีเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายยังไม่เห็นอาบัติของเขา
แต่เมื่อใด ภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า
ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้อย่างนี้แล้ว ย่อมนาสนาออกไปให้พ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่าภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย.


ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนกองข้าวเปลือกกองใหญ่ที่เขากำลังสาดอยู่
ในข้าวเปลือกกองนั้น ข้าวเปลือกที่เป็นตัวแกร่ง เป็นกองอยู่ส่วนหนึ่ง
ส่วนที่หัก ลีบ ลมย่อมพัดไปไว้ส่วนหนึ่ง
เจ้าของย่อมเอาไม้กวาดกวาดข้าวที่หักและลีบออกไป
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่า มันอย่าปนข้าวเปลือกที่ดีอื่น ๆ ฉันใด
ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป การถอยกลับ การแล การเหลียว การคู้ การเหยียด
การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร เหมือนภิกษุที่ดีเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายยังไม่เห็นอาบัติของเขา
แต่เมื่อใด ภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า
ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้อย่างนี้แล้ว ย่อมนาสนาออกไปให้พ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่าภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย.


ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลต้องการกระบอกตักน้ำ
ถือขวานอันคมเข้าไปในป่า เขาเอาสันขวานเคาะต้นไม้นั้น ๆ
บรรดาต้นเหล่านั้น ต้นไม้ที่แข็ง มีแก่น ซึ่งถูกเคาะด้วยสันขวาน ย่อมมีเสียงหนัก
ส่วนต้นไม้ที่ผุใน น้ำชุ่ม เกิดยุ่ยขึ้น ถูกเคาะด้วยสันขวาน ย่อมมีเสียงก้อง
เขาจึงตัดต้นไม้ที่ผุในนั้นที่โคน ครั้นตัดโคนแล้ว จึงตัดปลาย
ครั้นตัดปลายแล้ว จึงคว้านข้างในให้เรียบเรียบ แล้วทำเป็นกระบอกตักน้ำ ฉันใด
ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป การถอยกลับ การแล การเหลียว การคู้ การเหยียด
การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร เหมือนภิกษุที่ดีเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายยังไม่เห็นอาบัติของเขา
แต่เมื่อใด ภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า
ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้อย่างนี้แล้ว ย่อมนาสนาออกไปให้พ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่าภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย.


เพราะการอยู่ร่วมกัน พึงรู้ได้ว่า ผู้นี้มีความปรารถนาลามก
มักโกรธ มักลบหลู่ หัวดื้อ ตีเสมอ ริษยา ตระหนี่ โอ้อวด
บางคนพูดไพเราะในท่ามกลางประชุมชนดั่งสมณะ ทำกรรมชั่วในที่ลับ
มีความเห็นลามก ไม่เอื้อเฟื้อ พูดเลอะเลือน พูดเท็จ
เธอทั้งหลายทราบบุคคลนั้นว่าเป็นอย่างไรแล้ว
จงพร้อมใจกันทั้งหมดขับบุคคลนั้นเสีย
จงกำจัดบุคคลที่เป็นดังหยากเยื่อ จงถอนบุคคลที่เสียในออกเสีย
แต่นั้นจงนำคนแกลบผู้มิใช่สมณะ แต่ยังสำคัญว่าเป็นสมณะออกเสีย
ครั้นกำจัดคนที่มีความปรารถนาลามก มีอาจาระและโคจรลามกออกแล้ว
เป็นผู้มีสติตั้งมั่น อยู่ร่วมกับคนดีและคนไม่ดี
แต่นั้น เธอทั้งหลายเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน
เป็นผู้มีปัญญารักษาตน จักกระทำที่สุดทุกข์ได้.


การัณฑวสูตร จบ



(การัณฑวสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP