วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๒๔



cover siwadol


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            พิจิกในคราบพนักงานเสิร์ฟเฉพาะกิจยืนอยู่บริเวณหน้าประตูห้องจัดเลี้ยง ไม่ห่างนายศิวามากนัก กำลังนำเครื่องดื่มเข้าไปเสิร์ฟตามหน้าที่ พอเดินถือถาดมาใกล้ พบว่านายใหญ่ศิวาดลกำลังเงยหน้ามองภรรยาบนชานพักบันได

            แพรพลอยสวยสง่า งดงามควรให้ผู้เป็นสามีเหม่อมองอย่างชื่นชม สิ่งที่กระทบใจพิจิกอย่างจังกลับเป็น กระแสเพลิงโทสะร้อนเร่า รุนแรงจากนายศิวา...

            ชายหนุ่มมองแววตานายศิวาแล้วหวั่นใจ มันเป็นสายตาที่อยากเผาผลาญร่างตรงหน้าให้มอดไหม้ในพริบตา!

            แวบหนึ่ง พิจิกคิดว่าอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นที่หน้าห้องจัดเลี้ยงก็ได้ จึงตั้งสติคอยระวัง เตรียมตัวรับสถานการณ์ไม่คาดฝัน

            สิ่งน่าประหลาดใจเกิดขึ้นเมื่อนายศิวาเผลอเอื้อมมือแตะที่บริเวณเหนือหน้าอกตนเองเล็กน้อย กระแสโทสะรุนแรงมลายหาย แววตาเปลี่ยนฉับพลัน

            แพรพลอยลงบันไดด้วยท่วงท่าสง่างาม สวยเด่นผิดหูผิดตา ศิวาก้าวไปยื่นมือรับภรรยาด้วยกิริยานุ่มนวล ชวนให้แขกในงานมองอย่างชื่นชมแกมริษยา

            “ขอโทษค่ะ ที่ลงมาช้าไปหน่อย” แพรพลอยบอกต่อแขกที่อยู่บริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยง

            “แหม...ถ้าคุณพลอยลงมาแล้วสวยขนาดนี้ ใคร ๆ ก็รอได้...จริงมั้ยคุณศิวา” แขกคนหนึ่งสัพยอก

            “ครับ” ศิวาตอบรับด้วยรอยยิ้ม

            “ชอบงานที่พลอยจัดมั้ยคะ” แพรพลอยถามสามีด้วยรอยยิ้มใส ไร้เล่ห์มายา

            “ผมชอบทุกอย่างที่พลอยทำนั่นแหละ” ศิวาตอบ ลึกในแววตามีรอยประหลาดยากอ่านออก

            “ดีใจจัง อย่างนั้นคุณคงชอบรูปที่พลอยตั้งไว้หน้าห้องจัดเลี้ยงด้วย”

            “ชอบสิจ้ะ...พลอยได้รูปนี้มาจากไหนเอ่ย” ศิวาก้มลงถาม รอยยิ้มหยอกล้อผิดเคย

            “น่าจะเป็นจากห้องใต้หลังคานะคะ ดีใจที่คุณชอบมัน”

            ศิวาปรายตาทางรูปนั้นชั่วแวบก่อนหันมาตอบ

            “ผมชอบมัน...มาก”

            แพรพลอยยิ้มรับราวกับไม่รู้สึกแปร่งแปลกในวาจานั้น

            “คุณพลอยคะ รูปที่ตั้งหน้าประตูนี่เป็นผลงานคุณดลดาราจริงหรือ?” แขกที่ถามเป็นผู้ติดตามผลงานดลดารามาตลอด

            “จริงสิคะ ดูจากลายเซ็นก็ได้...ลายเซ็นคุณดลดารา ไม่มีใครลอกเลียนได้หรอก”

            “ถ้าเป็นฝีมือคุณดลดาราจริง มันต้องมีมูลค่ามากทีเดียว เพราะเธอไม่ค่อยนำงานลายเส้นขาว-ดำที่สมบูรณ์แบบนี้ออกมาแสดงโชว์สักเท่าไหร่” คนพูดมีน้ำเสียงประชดกลายๆ คล้ายรู้ทันเงื่อนงำบางอย่างในภาพ

            “แหม...เรื่องมูลค่าราคาอะไรพวกนี้ พลอยไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ” แพรพลอยตอบด้วยรอยยิ้ม

            “ชื่อภาพอะไร พอทราบมั้ยคะ”

            “เอ่อ...” แพรพลอยยิ้มแหย ตอนได้ภาพจากแม่บ้านเข็มทองมาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดมากมาย ตอนนี้ขืนบอกไม่ทราบอีกคงฟังดูไร้เดียงสาผิดปกติไปหน่อย

            “ชื่อภาพ ‘ศิวาดล’ ครับ” คนตอบคือนายศิวา

            ดวงตายามพูดถึงชื่อนี้มีอาการหวั่นไหวชั่วแวบ

            แพรพลอยชะงักตาม แววตาแสดงอาการรับรู้ชั่วแวบ หันมองภาพนั้นอีกครั้ง นึกถึงวาจาที่แม่บ้านเข็มทองเคยบอก รู้ทันทีว่าหนุ่มสาวในภาพเป็นใคร

            “เอ...นี่เป็นภาพน้ำพุเทรวี...ในโรม...ทำไมถึงใช้ชื่อ ‘ศิวาดล’ ล่ะคะ”

            ศิวาปรับสีหน้า แสดงรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

            “เรื่องนี้...ผมก็ไม่ทราบจะอธิบายยังไง...คนที่น่าจะตอบได้จริง ๆ น่าจะมีแค่ดลดาราคนเดียวเท่านั้นมังครับ”

            พูดอย่างนี้เท่ากับปิดทางคำถามอื่น ผู้ฟังจึงยิ้มรับตามมารยาทไม่เซ้าซี้ถามต่อ

            ที่มาของชื่อนี้ ศิวารู้ดี...แต่คงยากอธิบายจากปากตนเองเวลานี้

            “ศิวาดล มันเป็นชื่อของเราสองคน...ซึ่งมีความหมายว่า การพบกันของพวกเรา เป็นการดลบันดาลจากมหาเทพพระศิวะ...เป็นดั่งพรหมลิขิต”

            เสียงดลดารากังวานแว่วในหูทั้งที่ไม่อยากจำ

            ศิวาฝืนทำตัวปกติ รับเครื่องดื่มมาจิบ สร้างบรรยากาศคุ้นเคย เป็นกันเองกับแขกที่อยู่บริเวณหน้างาน จนเวลาพอสมควรจึงส่งรอยยิ้มให้ภรรยา และเผื่อแผ่ยังแขกรอบตัว

            “ผมว่า...เราเข้าไปในงานกันเถอะครับ”

            ไม่นานทั้งเจ้าภาพ และแขกผู้มีเกียรติต่างทยอยเข้างานเลี้ยงด้านในจนหมด



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            พนักงานเสิร์ฟเฉพาะกิจแยกย้ายไปทำหน้าที่อื่น เหลือเมษากับพิจิกใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปดูรูป ‘ศิวาดล’ ใกล้ ๆ อีกครั้ง

            “ทำไมถึงใช้ชื่อรูปนี้ว่าศิวาดล” พิจิกเอ่ยลอย ๆ ไม่จงใจถามใคร

            เมษาเจตนาไม่ตอบ ทั้งที่ตนเองรู้ที่มาของชื่อนี้แล้ว

            หญิงสาวยังจำนิมิตจากสมาธิตนเองแม่นยำ คืนที่ดลดาราพูดถึงความฝันอันน่าสะพรึงให้สามีฟัง จนกระทั่งการเอ่ยถึงความรัก การพบกันครั้งแรก จนถึงที่มาของภาพศิวาดล

            เมษาเข้าใจดี ทำไมนายศิวาจงใจเลี่ยง ไม่ตอบคำถามที่มาของชื่อภาพนี้...

            ใครจะกล้าบอกเรื่องความรักเก่าต่อหน้าภรรยาคนปัจจุบันได้!

            ที่เมษาย้อนกลับมาดูภาพเขียนอีกครั้ง เพราะสะกิดใจบางอย่าง หล่อนเคยขึ้นไปห้องใต้หลัง มองเห็นดลดารา นิมิตภาพอดีตของเธอ ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าภาพนี้ดลดาราไม่น่าเขียนตอนมีชีวิต

            ส่วนพิจิกสังเกตเห็นรอยผิดปกติในแววตานายศิวา ขณะมองรูปนี้หลายครั้ง รู้สึกว่ามันน่ามีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง

            พอทั้งสองมองดูภาพเขียนนี้ใกล้ ๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง ต่อให้ไม่ใช่ศิลปิน ไม่ใช่พวกชอบเสพงานศิลปะ ก็ยังมองออกว่ากระดาษที่ใช้วาดเป็นของใหม่ รอยดินสอยังเข้ม คม ไม่เหมือนรูปที่วาดมาแล้วเป็นสิบปี

            มิน่า...ผู้ที่ติดตามผลงานดลดารามาตลอดจึงจับพิรุธออก เอ่ยถามที่มาของรูปจนผิดปกติ



            “สงสัยอะไรหรือ?” แม่บ้านเข็มทองเอ่ยถาม ขณะเข้ามายืนใกล้สองหนุ่มสาว

            พิจิก เมษาขยับตัวหันไปสบตาแม่บ้านใหญ่ด้วยอาการปกติ

            “ผมเห็นรูปนี้น่าสนใจดี เลยอยากเข้ามาดูใกล้ ๆ” ชายหนุ่มตอบแบบไม่ติดขัด

            “หนูอยากเข้ามาดูลายเซ็นคุณดลดาราชัด ๆ ค่ะ...เห็นบอกว่าไม่มีใครเลียนแบบได้” เมษาตอบบ้าง

            แม่บ้านเข็มทองจ้องตาสองหนุ่มสาว ก่อนพูดเรียบ ๆ

            “รูปนี้คุณดลเป็นคนวาดเอง”

            ตอบอย่างจงใจขจัดข้อสงสัยหนุ่มสาวทั้งคู่

            “วาดเมื่อไหร่คะ” เมษาตั้งคำถามจู่โจม

            แม่บ้านเข็มทองไม่ตอบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ต่อคำถามจาบจ้วง ผู้ตอบคำถามแสดงกิริยากลับเป็นร่างเลือน ๆ ที่ปรากฏตัวด้านข้างคุณแม่บ้าน

            ดวงวิญญาณดลดาราส่งรอยยิ้มขำขันมายังพิจิก เมษา กระแสเสียงแว่วเข้ามาในหัวสองหนุ่มสาวในเวลาเดียวกัน

            “จะวาดเมื่อไหร่ไม่สำคัญหรอก แค่ทำให้ศิวามันแทบดิ้นตายแบบนี้ฉันก็พอใจแล้ว...นี่มันเป็นแค่เซอร์ไพรส์ น้ำจิ้มถ้วยแรกเท่านั้นเอง”

            พอแว่วเสียงนั้น พิจิก เมษาเหลียวสบตากันโดยไม่ตั้งใจ คล้ายต้องการยืนยัน ได้ยินวาจาเดียวกันหรือไม่

            แค่สบตาก็รู้ภาพที่เห็น สิ่งที่ได้ยินไม่แตกต่างกัน...น้ำจิ้มแรกยังแสบสันต์ขนาดนี้ เซอร์ไพรส์จริงจะน่ากลัวแค่ไหนยากคาดเดา

            ที่ทั้งสองสบตากัน ไม่ใช่แค่ต้องการยืนยันสิ่งรับรู้ แต่ความกังวลใจเริ่มปรากฏ

            คืนนี้พิจิก เมษามีงานสำคัญต้องทำ ระหว่างนั้นหากเกิดเหตุร้ายแรงในงานเลี้ยงควรทำอย่างไร

            มีนา...พี่สาวเมษาอยู่ในงานเลี้ยงด้วย...

            ส่วนที่พิจิกเป็นห่วงก็คือ ผู้การพฤกษ์ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พ่อของพิจิกก็มาร่วมงานนี้พร้อมกับสารวัตรธงรบด้วยเช่นกัน!







บทที่ ๑๕



            พิจิกเห็นบิดาตนมาพร้อมกับสารวัตรธงรบ ในฐานะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แขกรับเชิญพิเศษ

            ผู้การพฤกษ์จงใจสบตาลูกชายตรง ๆ ก่อนแลเลยไม่สนใจ ท่าทางเช่นนี้แทนการบอกกล่าวว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และที่มาร่วมงาน นอกจากได้รับเชิญจากเจ้าภาพแล้ว ก็คงนึกสนุกอยากมาดูหน้าลูกชาย!

            ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ท่านผู้การจงใจเดินไปหยิบเครื่องดื่มจากถาดของเมษา ส่งรอยยิ้มทักทายอารมณ์ดี

            หญิงสาวคุมสติเยี่ยมยอด เธอยิ้มรับและอยู่ในบทบาทเด็กเสิร์ฟเฉพาะกิจโดยไม่หลุดแสดงสีหน้าผิดปกติแม้สักนิดเดียว...เห็นแล้วผู้การพฤกษ์อยากแอบถ่ายรูปส่งไปให้พ่อเมษาได้ดูจริง ๆ



            เวลานี้พ่อพิจิก พี่สาวเมษาต่างอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ซึ่งดลดาราบอกว่าจะมีเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่แก่นายศิวา กับแขกร่วมงาน...เซอร์ไพรส์นั้นคงไม่ใช่เรื่องหยอกล้อ เล่นกันขำๆแน่

            สองหนุ่มสาวสบตากันชั่วแวบคล้ายปรึกษาขอความเห็น ก่อนเบือนหน้าหันไปมองคนละทาง แววตาบอกการตัดสินใจ

            ...งานปิดผนึกอาคมสำคัญกว่า...

            เวลาสามทุ่ม พลังมืดอยู่ในจุดต่ำสุด เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เป็นโอกาสสำคัญที่จะปิดผนึกอาคม...

            ที่ดลดาราสามารถแสดงฤทธิ์เป็นอิสระกว่าเดิม น่าจะเป็นเพราะช่วงเวลานี้ พลังมืดที่ควบคุมดวงวิญญาณในศิวาดลอ่อนกำลังลง ถึงอย่างนั้นสองหนุ่มสาวก็เชื่อว่าวิญญาณดวงนี้ไม่มีจิตใจร้ายกาจ ไม่น่าทำอะไรรุนแรง

            พวกเขาไม่รู้ว่าอดีตนายหญิงศิวาดลมีปัญหา ความลับ ความหลังอะไรกับนายศิวา จึงมีท่าทางอยากเอาคืนเสียขนาดนี้ แต่เมื่อสัมผัสกระแสใจดลดาราเมื่อครู่ ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เธอทำอาจมีเจตนาตรงข้าม แอบแฝงซ่อนเร้น

            ด้วยพลังภูตผี วิญญาณธรรมดา หากไม่มีพลังมืดมาหนุนแล้ว คงสร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่มาก ไม่น่าเป็นอันตรายถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อกัน...

            มีนาพี่สาวเมษามีตะกรุดจากปู่คงคา นับว่าป้องกันผีร้าย คุณไสยได้ระดับหนึ่ง พ่อของพิจิก เป็นลูกชายคนเดียวของปู่เผด็จจอมเวทแห่งยุค ต่อให้ไม่ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมอะไร จะมากจะน้อยย่อมไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน ดูท่าแล้วผู้การพฤกษ์ก็มีการเตรียมตัวมา น่าจะเอาตัวรอดสบาย

            พอนึกทบทวน ชั่งน้ำหนักได้อย่างนี้ ความเป็นห่วงกังวลค่อยลดลง ตัดสินใจมุ่งหน้าทำภารกิจสำคัญในคืนนี้ก่อน



            เวลาขณะนี้สองทุ่มเศษ...

            พิจิก เมษากำลังแยกย้ายออกจากคฤหาสน์ศิวาดล หญิงสาวมองชายหนุ่ม มีเรื่องบางอย่างจำเป็นต้องบอกต่อเขา

            “มีอะไรหรือเปล่า” พิจิกอ่านท่าทางหญิงสาวออก

            “ตอนอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง แกบอกฉันใช่มั้ยว่า แผนการของเราอยู่ในสายตาผู้ร้ายในเงา”

            “อือ” พิจิกตอบรับ รู้ทัน “แกมีอะไรจะบอกฉันเป็นการตอบแทน เพื่อจะได้ไม่ต้องติดค้างกันใช่มั้ย?”

            “เออ...” หญิงสาวไม่แปลกใจกับการดักคอแบบนี้

            “ว่ามา...” พิจิกไม่เสียเวลาร่ำไร

            “ปิศาจร้าย ที่เป็นหนึ่งในสอง ผู้ทรงเวทในเงา...คือนายทอง น้องชายของพระยาคงเวท!”

            เรื่องนี้คือสิ่งที่เมษารู้จากการสื่อสาร เชื่อมต่อกับดลดาราครั้งล่าสุด

            “เขาเก่งวิชาอาคมใช่มั้ย” พิจิกถาม

            “ใช่...แต่เพราะร่างกายอ่อนแอ ป่วยตายตั้งแต่ยังหนุ่ม เลยไม่ได้รับราชการ”

            “เขาป่วยตาย แต่เป็นผีที่มีวิชาอาคม ก่อความเดือดร้อนแก่คนอื่น พระยาคงเวทเลยจับมาขังไว้” ชายหนุ่มเดาเรื่องต่อได้ไม่ยาก

            “เพราะว่าเขามีอาคม จึงสามารถใช้โซ่อาคม ล่ามโยงวิญญาณดวงอื่นไว้เป็นทาส เพื่อดึงดูดพลังงานมาใช้ได้” เมษาเสริมรายละเอียด

            “งั้นวันนี้...เราต้องจับตัวนายทองมาปิดผนึกขังไว้เหมือนเดิมให้ได้” ชายหนุ่มสรุป

            “นั่นเป็นหน้าที่ของฉันต่างหาก” เมษาไม่ยอมแพ้

            “ถ้างั้นก็...ขอบใจมาก สำหรับข้อมูล”

            “ไม่จำเป็น ถือว่าเราไม่ติดค้างกันแล้ว” เมษาทำท่าจะแยกไปอีกทาง

            “เดี๋ยวก่อนสิ” พิจิกรั้งไว้ “แต่ฉันยังอยากให้แกติดค้างบุญคุณอยู่ดีว่ะ”

            “อะไรนะ” หญิงสาวย้อนถามไม่เข้าใจ

            พิจิกอมยิ้มแววตาเป็นต่อ

            “ฉันมีอีกเรื่อง ที่จะบอกให้ฟัง” รอยยิ้มมีเลศนัย “แพรพลอยไม่ได้เป็นไบโพลาร์!”

            ข้อมูลใหม่ทำให้เมษาอึ้งชั่วขณะ พิจิกยิ้มอย่างมีชัยก่อนรีบผละจากไปโดยเร็ว

            หญิงสาวมองตามเงาหลังชายหนุ่ม นึกอยากตวาดแว้ดอย่างขุ่นใจ ทว่าความรู้สึกภายในใจกลับอบอุ่น...

            ที่จริงทั้งคู่จะพูดจาดี ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลก็ได้ แต่ต่างฝ่ายล้วนมีฟอร์ม มีหน้าตาต้องรักษา ต่อให้อยากช่วยเหลือกันและกัน ก็ยังต้องใช้ชั้นเชิง

            งานคืนนี้สำคัญ โอกาสเสี่ยงสูง การได้รู้ข้อมูลเพิ่ม ทำให้โอกาสเพลี่ยงพล้ำน้อยลง...ต่อให้ปากบอกว่าเป็นคู่แข่ง ใจจริงกลับไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องพลั้งพลาด จนเสียท่าจอมเวทในเงาได้



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            หลังทำพิธีรวมธาตุ นำดินกลางเรือนขึ้นมาสำเร็จ เมษาลอบออกจากชั้นใต้ดินอย่างปลอดภัย พอผ่านห้องโถงแกลอรี่ เข้าไปดูรูปดลดารา สายตาประสานดวงตาในภาพวาด ปลายนิ้วสัมผัสหัวพลอยเข็มกลัด ก่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับดวงวิญญาณดลดารา จนเกิดนิมิตภาพในอดีต

            นี่เป็นนิมิตครั้งที่สี่

            นิมิตครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่แม่บ้านเข็มทองเล่าถึงเบื้องหลังที่ดินศิวาดลเพิ่มเติม รายละเอียดนี้มีน้อยคนได้รู้

            พระยาคงเวทจับภูตผี วิญญาณร้ายมาเลี้ยงไว้ในเรือนไม่น้อย และหนึ่งในนั้นคือ ‘คุณทอง’ ผีน้องชายคนเล็กของท่านเอง

            คุณทองร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ชอบเรียนหนังสือ แอบฝึกฝนวิชาอาคมของพี่ชาย อาศัยเรียนแบบครูพักลักจำ จนมีวิชาความรู้ คาถาอาคมไม่เป็นรองใคร

            การที่ไม่ได้รับราชการเป็นพระน้ำพระยาคือปมด้อยอย่างหนึ่งของท่าน คุณทองเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม วิญญาณวนเวียนหลอกหลอนผู้คน เรื่องใดที่ยามเป็นมนุษย์ไม่สามารถกระทำได้ พอเป็นภูตผีจึงทำเต็มที่ สุดท้ายถูกพระยาคงเวท ผู้เป็นพี่ชายจับมากักบริเวณ สั่งสอนไม่ให้อาละวาด รบกวนผู้อื่นอีก

            ดลดาราฟังคำบอกเล่าเรื่องของนายทองแล้วนึกหวั่นใจ ปิศาจตนนี้น่าจะถูกปล่อยออกมาแล้วเพราะผนึกอาคมถูกทำลาย นับเป็นเรื่องน่าหวั่นใจอย่างยิ่ง

            “เราจะทำยังไงดีพี่เข็ม” ดลดารากังวลใจ เรื่องราวที่ได้ยินยิ่งทำให้ภาพความฝันชัดเจนกว่าเดิม

            แม่บ้านเข็มทองนิ่งครู่ใหญ่ แววตาครุ่นคิด สุดท้ายเกิดการตัดสินใจบางอย่างขึ้นมา

            “ดิฉันจะขอลางานสักสามสี่วัน...จะไปหาคนมาช่วยจัดการเรื่องนี้” เข็มทองบอก

            “ใครหรือพี่เข็ม...” ดลดารานึกไม่ออก คุณแม่บ้านจะไปหาใครมาช่วยได้

            “เป็นคนที่ดิฉันรู้จัก...เขาน่าจะ...” ขณะพูดมีแววลังเลในดวงตา “น่าจะ...ช่วยเราได้”

            ดลดาราคลายใจลง

            “งั้นก็ดีเลย แล้วพี่เข็มจะไปถึงไหน ไกลมั้ย อยากได้คนขับรถไปส่งหรือเปล่า”

            แววตาแม่บ้านใหญ่บอกความหนักใจ

            “ไม่ต้องให้ใครไปส่งหรอกคุณดล...แล้วเรื่องที่ดิฉันออกไปหาคนช่วยนี่ คุณดลอย่าเพิ่งบอกใคร ดิฉันจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”

            ดลดารายิ้มออก บีบมือแม่บ้านใหญ่แน่น

            “งั้นฝากพี่เข็มด้วยนะ ฉันไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว”

            “ค่ะ...ดิฉันจะไม่ยอมให้คุณดลเป็นอะไรไปแน่ ๆ” แม่บ้านใหญ่ยืนยันหนักแน่น

            ทว่า...แม่บ้านเข็มทองออกจากศิวาดลไปร่วมสัปดาห์ พอมาถึงก็พบว่าดลดาราป่วยหนัก เสียชีวิตก่อนเธอมาถึงแค่ชั่วโมงเดียว

            นิมิตของเมษาครั้งนี้ไม่บอกเล่าถึงอาการป่วยดลดารา ฉายให้เห็นภาพตอนร่างเธอนอนเสียชีวิตบนเตียงขณะที่แม่บ้านเข็มทองกลับมาถึง โดยไม่มีผู้ช่วยเหลือติดตามมาอย่างที่บอกไว้เลย

            แม่บ้านเข็มทองไปขอความช่วยเหลือจากใคร เหตุใดจึงกลับมาตัวเปล่า เพื่อพบกับร่างไร้วิญญาณนายหญิงของตนเอง



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            ตอนพิจิกพูดคุย วางแผนกับปู่เผด็จครั้งล่าสุด เขาได้รับรายงานแพทย์เกี่ยวกับอาการป่วยของแพรพลอย

            มันเป็นรายงานที่จิตแพทย์ธันวา พี่ชายเขาบอกว่า ไม่ยืนยันว่าเป็นรายงานผลตรวจรักษาของนายหญิงศิวาดลคนปัจจุบัน

            พิจิกอ่านรายงานฉบับนั้นจนจบ มองภาพรวมอาการแพรพลอยกระจ่างกว่าเคย

            แพรพลอยเป็นคนอารมณ์รุนแรงสมัยวัยรุ่น เคยมีเรื่องใช้กำลัง ความรุนแรงมาแล้ว เมื่อโตมาเธอสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ นานครั้งหญิงสาวจะแสดงอารมณ์เหวี่ยงแบบขึ้นสุด ลงสุด แต่แพทย์ก็ยังไม่วินิจฉัยว่าเป็นอาการของโรคไบโพลาร์

            ในความเห็นแพทย์ บอกว่าเป็นอาการแกล้งทำเพื่อปกปิดตัวตนแท้จริง ยาที่จ่ายให้จึงเป็นยาทั่วไป ไม่เกี่ยวกับโรคไบโพลาร์เลย ซึ่งเรื่องนี้พยาบาลโสภี รู้ดี อีกทั้งยังคอยรายงานอาการ ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยให้หมอทราบเป็นระยะ

            อ่านถึงตรงนี้ พิจิกนึกฉุกใจ สงสัย...การตายของพยาบาลโสภี ไม่น่ามีเหตุจากพวกเขาเพียงอย่างเดียว

            การต้อนรับจอมเวทหนุ่มสาว ทายาทสองผู้เฒ่า ไม่จำเป็นต้องสังเวยชีวิตพยาบาลผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ยกเว้นพยาบาลคนนั้นล่วงรู้ความลับเจ้านายมากเกินไป และอาจปากสว่าง นำความลับนี้ไปบอกคนอื่น

            ...ถ้าสืบการตายพยาบาลโสภี จะสาวถึงตัวผู้ร้ายในเงา!...

            ความคิดที่แวบมาตอนเจอศพพยาบาลรายนี้ เวียนกลับมาในหัวอีกครั้ง...พิจิกเชื่อมโยงการตายพยาบาลโสภี ไปยังแพรพลอย และเชื่อว่ามันกำลังชี้เป้าสู่ตัวผู้ร้ายในเงาไม่ยากนัก

            ...ขอเพียงได้ข้อมูลเพิ่มอีกสักหน่อย...

            งานเปิดรั้วศิวาดลวันนี้ แพรพลอยทำตัวผิดปกติหลายอย่าง จนดูเหมือนเธอถูกวิญญาณดลดาราครอบงำ...แต่ถ้าหากเหตุการณ์กลายเป็นตรงกันข้าม...ดลดาราต่างหากที่เดินตามเกมแพรพลอย

            เซอร์ไพรส์งานคืนนี้ อาจเป็นสิ่งที่ดลดาราก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

            นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พิจิกจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเมษา...เชื่อว่าด้วยมันสมองหญิงสาว ย่อมอ่านเกม อ่านเรื่องราวได้กระจ่างไม่แพ้เขาแน่นอน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP