ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

วัสสการสูตร ว่าด้วยวัสสการพราหมณ์ฟังอปริหานิยธรรม ๗


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๒๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์
ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
ทรงพระประสงค์จะยาตราทัพไปย่ำยีชาววัชชี
ท้าวเธอจึงตรัสอย่างนี้ว่า เราจักตัดเจ้าวัชชีผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้
มีอานุภาพมากอย่างนี้ ให้ขาดสูญ ให้พินาศ ให้ถึงความย่อยยับดับสูญ
ครั้งนั้นแล พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
จึงตรัสเรียกวัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์ของแคว้นมคธมาปรึกษาว่า
ท่านพราหมณ์ เชิญท่านเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
จงถวายบังคมพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้าตามคำสั่งของเรา
จงทูลถามถึงความเป็นผู้มีพระอาพาธน้อย มีพระโรคน้อย กระปรี้กระเปร่า
ทรงมีพระกำลัง ความอยู่สำราญว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
ทรงถวายบังคมพระบาทพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า
ทรงทูลถามถึงความเป็นผู้มีพระอาพาธน้อย มีพระโรคน้อย
กระปรี้กระเปร่า ทรงมีพระกำลัง ความอยู่สำราญ
และท่านจงกราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
ทรงพระประสงค์จะยาตราทัพไปย่ำยีชาววัชชี
ท้าวเธอตรัสอย่างนี้ว่า เราจักตัดเจ้าวัชชีผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้
มีอานุภาพมากอย่างนี้ ให้ขาดสูญ ให้พินาศ ให้ถึงความย่อยยับดับสูญ ดังนี้
ท่านจงสำเหนียกพระดำรัสที่พระมีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์นั้นไว้ให้ดี
แล้วมาบอกแก่เรา พระตถาคตเจ้าทั้งหลายจะไม่ตรัสพระดำรัส
ที่คลาดเคลื่อนจากความจริงเลย.


วัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ
รับพระราชโองการพระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
ทรงถวายบังคมพระบาทของพระโคดมผู้เจริญด้วยเศียรเกล้า
ทรงกราบทูลถามถึงความเป็นผู้มีพระอาพาธน้อย มีพระโรคน้อย
กระปรี้กระเปร่า ทรงมีพระกำลัง ความอยู่สำราญ
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร
ทรงมีพระประสงค์จะยาตราทัพไปย่ำยีชาววัชชี
ท้าวเธอตรัสอย่างนี้ว่า จักตัดเจ้าวัชชีผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้
มีอานุภาพมากอย่างนี้ ให้ขาดสูญ ให้พินาศ ให้ถึงความย่อยยับดับสูญ.


ก็สมัยนั้นแล ท่านพระอานนท์ยืนถวายงานพัดพระผู้มีพระภาคเจ้า
อยู่ ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า
อานนท์ เธอได้สดับมาแล้วดังนี้หรือว่า
ชาววัชชีประชุมกันเนืองนิตย์ หมั่นประชุมกันบ่อย ๆ
พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า ชาววัชชีประชุมกันเนืองนิตย์
หมั่นประชุมกันบ่อย ๆ พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักประชุมกันเนืองนิตย์ หมั่นประชุมกันบ่อย ๆ เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
อานนท์ เธอได้สดับมาแล้วดังนี้หรือว่า
ชาววัชชีพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม
พร้อมเพรียงกันทำกิจแห่งชาววัชชีที่ควรทำ.


อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
ชาววัชชีพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม
พร้อมเพรียงกันทำกิจแห่งชาววัชชีที่ควรทำ พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม
พร้อมเพรียงกันทำกิจแห่งชาววัชชีที่ควรทำ เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
อานนท์ เธอได้สดับมาแล้วดังนี้หรือว่า
ชาววัชชีไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติ ไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว
ประพฤติมั่นอยู่ในธรรมของชาววัชชีครั้งโบราณตามที่บัญญัติไว้.


อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
ชาววัชชีไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติ ไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว
ประพฤติมั่นอยู่ในธรรมของชาววัชชีครั้งโบราณตามที่บัญญัติไว้ พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติ
ไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว ประพฤติมั่นอยู่ในธรรมของชาววัชชี
ครั้งโบราณตามที่บัญญัติไว้ เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
อานนท์ เธอได้สดับมาดังนี้หรือว่า ชาววัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ
บูชาท่านวัชชีผู้ใหญ่ทั้งหลาย และย่อมสำคัญถ้อยคำแห่งท่านเหล่านั้นว่า
เป็นถ้อยคำอันตนพึงเชื่อฟัง.


อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
ชาววัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาท่านวัชชีผู้ใหญ่ทั้งหลาย
และย่อมสำคัญถ้อยคำแห่งท่านเหล่านั้นว่า
เป็นถ้อยคำอันตนพึงเชื่อฟัง พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักสักการะ เคารพ นับถือ
บูชาท่านวัชชีผู้ใหญ่ทั้งหลาย และจักสำคัญถ้อยคำแห่งท่านเหล่านั้นว่า
เป็นถ้อยคำอันตนพึงเชื่อฟัง เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
อานนท์ เธอได้สดับมาดังนี้หรือว่า
ชาววัชชีไม่บังคับขืนใจปกครองหญิงในสกุล กุมารีในสกุล.


อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
ชาววัชชีไม่บังคับขืนใจปกครองหญิงในสกุล กุมารีในสกุล พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักไม่บังคับขืนใจปกครองหญิงในสกุล
กุมารีในสกุล เพียงใด ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
อานนท์ เธอได้สดับมาดังนี้หรือว่า
ชาววัชชียังคงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจติยสถานของชาววัชชี
ทั้งภายในและภายนอก และไม่ลบล้างพลีกรรมอันชอบธรรม
ซึ่งเคยให้เคยทำแก่เจติยสถานเหล่านั้น.


อา. ข้าพระองค์เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
ชาววัชชียังคงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจติยสถานของชาววัชชี
ทั้งภายในและภายนอก และไม่ลบล้างพลีกรรมอันชอบธรรม
ซึ่งเคยให้เคยทำแก่เจติยสถานเหล่านั้น พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจติยสถานของชาววัชชี
ทั้งภายในและภายนอก และไม่ลบล้างพลีกรรมอันชอบธรรม
ซึ่งเคยให้เคยทำแก่เจติยสถานเหล่านั้น เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
อานนท์ เธอได้สดับมาดังนี้หรือว่า ชาววัชชีถวายความอารักขา
ความป้องกัน ความคุ้มครองโดยชอบธรรมในพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นอย่างดี
ด้วยหวังว่า ไฉนพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังไม่มา พึงมาสู่แว่นแคว้น
และที่มาแล้ว พึงอยู่เป็นสุขในแว่นแคว้น.


อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
ชาววัชชีถวายความอารักขา ความป้องกัน ความคุ้มครองโดยชอบธรรม
ในพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นอย่างดี ด้วยหวังว่า
ไฉนพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังไม่มา พึงมาสู่แว่นแคว้น
และที่มาแล้ว พึงอยู่เป็นสุข พระเจ้าข้า.


ภ. อานนท์ ชาววัชชีจักถวายความอารักขา ความป้องกัน
ความคุ้มครองโดยชอบธรรมในพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นอย่างดี
ด้วยหวังว่า ไฉนพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังไม่มา พึงมาสู่แว่นแคว้น
และที่มาแล้ว พึงอยู่เป็นสุข เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น.


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะวัสสการพราหมณ์
มหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธว่า
พราหมณ์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ ณ สารันททเจดีย์ ใกล้พระนครเวสาลี
ณ ที่นั้น เราได้แสดงอปริหานิยธรรม ๗ ประการนี้ แก่เจ้าวัชชี
พราหมณ์ อปริหานิยธรรม ๗ ประการนี้จักตั้งอยู่ในชาววัชชี
และชาววัชชีจักทำร่วมกันอยู่ในอปริหานิยธรรม ๗ ประการนี้ เพียงใด
ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น.


วัสสการพราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ชาววัชชีประกอบด้วยอปริหานิยธรรมแม้แต่ละอย่าง
ก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย
จะป่วยกล่าวไปไยถึงชาววัชชีผู้ประกอบด้วยอปริหานิยธรรม ๗ ประการเล่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อนึ่ง ชาววัชชีอันพระเจ้าแผ่นดินมคธ
พระนามว่าอชาตศัตรูเวเทหิบุตร ไม่พึงทำการต่อยุทธด้วยได้
นอกจากการเกลี้ยกล่อม นอกจากการยุยงให้แตกกัน
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ผู้มีกิจมาก มีกรณียะมาก
ขอกราบลาไป ณ บัดนี้.


ภ. พราหมณ์ บัดนี้ท่านจงรู้กาลที่ควรเถิด.


ลำดับนั้น วัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธชื่นชม
อนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลุกจากอาสนะแล้วหลีกไป.



วัสสการสูตร จบ




(วัสสการสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP