สารส่องใจ Enlightenment

น้ำอมตธรรม (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาดจ.อุดรธานี

เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕



พระพุทธศาสนาคือทำนบใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำใสสะอาดปราศจากมลทิน
ครั้งพุทธกาลเป็นทำนบใหญ่น้ำใสสะอาดและรสจืดสนิทดี
คือพระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านเป็นผู้รักษาน้ำนี้ให้สะอาดเต็มที่
พอต่อจากนั้นมาทำนบก็ขยายออกไป
เป็นทำนบเล็กทำนบน้อยไปเรื่อยๆ แยกกระจายไปเป็นวัดต่างๆ
ศาสนากระจายไปที่ไหน
วัดวาอาวาสที่พวกพระพวกเณรผู้ปฏิบัติศีลธรรมกระจายไปกว้างแคบเพียงไร
ก็เท่ากับขยายทำนบน้ำออกไปเพียงนั้น


เพราะฉะนั้น จึงไม่ว่าสิ่งใดๆ เมื่อมีมากเข้าก็มักจะลดคุณภาพลงเป็นธรรมดา
ถ้ามีน้อยก็รักษาได้ดี เช่นเรามีลูกคนหนึ่งสองคนนี้ดี
ถ้ามีมากขึ้นไปกว่านั้นก็มักจะมีเหลวไหลแทรกกันไปในลูกของพ่อแม่นั้นแหละ
วัดก็เหมือนกัน ครั้งพุทธกาลมีพระพุทธเจ้าและพระสาวกท่านรักษาวัดวาอาวาส
รักษาหลักธรรมหลักวินัยได้คงเส้นคงวา
องค์ท่านเองเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เป็นผู้กลั่นกรองน้ำไว้อย่างใสสะอาดเต็มที่ในพระทัยและในใจของพระสาวก
แล้วก็ระบายน้ำออกไปสู่ประชาชนพุทธบริษัท
จึงมีแต่น้ำที่ใสสะอาดปราศจากมลทินให้ชาวพุทธทั้งหลายได้อาบดื่มเต็มหัวใจ
จึงปรากฏว่าพุทธบริษัทได้สำเร็จมรรคผลนิพพานต่อพระพักตร์
และต่อหน้าพระสงฆ์ที่ท่านแสดงธรรมให้ฟังมีจำนวนมาก
แม้ไม่ได้ประกาศอย่างออกหน้าออกตาก็สำเร็จอยู่ภายในใจของตัวเอง
จิตใจเต็มด้วยน้ำศีลน้ำธรรมอันใสสะอาดเรื่อยมา



จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ ทำนบขยายออกไปเรื่อยๆ
แต่ผู้รักษาทำนบนั้นก็มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน ส่วนมากก็เป็นปุถุชนรักษาทำนบน้ำ
น้ำแทนที่จะใสสะอาดเลยกลายเป็นทำนบสกปรกโสโครกไปมีมากมาย
นี่เราพูดตามหลักความจริง ไม่ได้ตำหนิติเตียนผู้ใดผู้หนึ่ง วัดใดวัดหนึ่งโดยเฉพาะ
เราพูดความเป็นมาของศาสนาและวัดวาอาวาสตลอดพระเณร
ซึ่งเป็นเหมือนกับน้ำที่อยู่ในทำนบนั้นๆ ที่รักษาดีบ้างไม่ดีบ้าง


ทีนี้สรุปความลงว่า เราอยู่ในแดนแห่งทำนบน้ำที่ใสสะอาดของพระพุทธเจ้า
จะอย่างไรก็ตาม ท่านผู้ใดจะปฏิบัติน่าเคารพเลื่อมใสหรือไม่น่าเคารพเลื่อมใสก็ตาม
ให้เราย้อนเข้ามาดูตัวของเรา เราไม่มองข้ามไปว่าน่าเคารพผู้หนึ่งผู้ใด
แต่มองตัวเรา ทำตัวเราให้เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสยินดี
ภาคภูมิใจในการประพฤติปฏิบัติตัวเรา นั้นเป็นความชอบธรรมอย่างยิ่ง
ขอให้ทุกท่านได้น้อมเข้ามาอย่างนี้ สมกับธรรมว่าเป็นโอปนยิโก
เห็นสิ่งที่ชั่วก็น้อมเข้ามาเป็นเครื่องสอนตน
เห็นสิ่งที่ดีก็น้อมเข้ามาเป็นคติพยุงจิตใจของตนที่จะได้ปฏิบัติตามสิ่งที่ดีนั้นๆ ผู้ที่ดีนั้นๆ
นี่ชื่อว่าผู้ได้เห็นผู้ได้ยินด้วยความเป็นธรรม
ย่อมไม่ขาดผลขาดประโยชน์และไม่ขาดทุนสูญดอก
ย่อมได้ผลประโยชน์เรื่อยไปทั้งสัมผัสสัมพันธ์ทางดีและทางชั่ว
เพราะเราไม่ต้องการขาดทุน เราต้องการหากำไรให้ได้เป็นสมบัติของเรา



เพราะในสิ่งดีและชั่วเหล่านี้มีอยู่ทุกแห่งทุกหน
ให้เป็นเรื่องของเราเป็นผู้เลือกเฟ้นด้วยสติปัญญาของเราเอง
ดังที่กล่าวมาถึงเรื่องทำนบต่างๆ นั่นแหละ
ให้น้อมเข้ามาสู่ตัวของเรา คือผลสุดท้ายก็เราเป็นผู้รักษา เป็นผู้รับผิดชอบเราเอง
อันนั้นเป็นอันหนึ่งที่จะเป็นเนติแบบฉบับ เพื่อนำเข้ามาปรับปรุงตัวเราเอง
ดีและชั่วต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่เตือนใจเรา เรานำธรรมเข้ามาประพฤติปฏิบัติ



พุทธศาสนานี้ได้กระเทือนโลกมาได้ ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ขุดค้นน้ำอมตธรรมขึ้นมา
ให้โลกที่กำลังหิวกระหายได้ดื่มอย่างสมใจ สมภูมิวาสนาบารมีที่พร้อมแล้ว
และกำลังพร้อมจะส่งเสริมเติมต่อให้ยิ่งขึ้น
คำว่าน้ำอมตธรรมนี้ไม่เคยมีที่ไหนๆ ในบุคคลใดๆ นอกจากท่านผู้ตรัสรู้ขุดค้นขึ้นมา
คือพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้นในครั้งแรกๆ
หลังจากนั้นมาก็มีสาวก เมื่อได้ยินได้ฟังจากพระพุทธเจ้าเป็นที่เข้าใจและซาบซึ้งใจเต็มที่
แล้วก็อุตส่าห์พยายามขุดค้นน้ำอมตธรรมขึ้นมาให้เป็นสมบัติของตน
และกลายมาเป็นสรณะของพวกเราทั้งหลายว่า พุทฺธํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
พุทฺธํ ก็หมายองค์ศาสดาผู้ขุดค้นน้ำอมตธรรม
น้ำอมตธรรมนั้นได้แก่ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ ที่เราทั้งหลายได้กราบไหว้อยู่เวลานี้
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ คือพระสงฆ์สาวกที่ท่านขุดค้นน้ำขึ้นมาเป็นสมบัติของตน
แล้วกระจายธรรมนั้นออกสู่ประชาชน เราจึงได้กราบไหว้บูชา
ทั้งสามรัตนะนี้มีพระพุทธเจ้าเป็นผู้ขุดค้นพบเป็นองค์แรก



คำว่า อมตะ หมายถึงธรรมไม่ตาย
ผู้ได้ดื่มธรรมนี้แล้วไม่เกิดไม่ตายต่อไปอีก ท่านลบล้างป่าช้าได้แล้ว
โลกนี้เต็มไปด้วยความเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ว่าต้นไม้ใบหญ้าสัตว์บุคคล
เกิดขึ้นมาที่ไหนก็แตกทำลายไปที่นั่น ตายไปที่นั่น ไม่มีอะไรจีรังถาวร
สิ่งเหล่านี้จึงเรียกว่าอมตะไม่ได้
แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบนั้นคืออมตธรรม
ใครเจอแล้วเป็นอันว่าตัดสินขาดจากป่าช้าความเกิดแก่เจ็บตายตั้งแต่ขณะนั้นเป็นต้นไป
แม้พญามัจจุราชที่จะตามมาทัน
ก็ทันแต่เพียงร่างกากเมืองในปัจจุบันที่กำลังครองขันธ์อยู่นี้เท่านั้น
คำว่า กากเมือง ก็คือร่างกายสังขารอันนี้แหละ มันเป็นวิบากของวัฏจักร
เมื่อมีรูปมีร่างมาแล้วก็ต้องแตกสลาย
แต่ใจของท่านได้สิ้นไปแล้วจากเชื้อแห่งภพแห่งชาติ
ที่จะพาให้เกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ท่านจึงไม่มีคำว่าตายในจิตดวงนั้นอีก
เป็นอมตจิตอมตธรรม คือจิตดวงไม่ตายด้วย เป็นบรมสุขด้วย
ไม่มีอะไรรังควานราวีด้วยตั้งแต่บัดนั้นไป เป็นอิสรจิต อิสรธรรม
นี่จึงเรียกว่า อมตะ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบพระองค์แรก
และพระสงฆ์สาวกโดยลำดับลำดา
ตลอดครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความสามารถฉลาดแหลมคม
ขุดค้นน้ำอมตธรรมนี้เจอประจักษ์ใจ


อย่างสมัยทุกวันนี้น้ำอมตธรรมนี้ก็มีอย่างคงเส้นคงวา
แต่ไม่มีอยู่ในสถานที่ทั่วๆ ไปและบุคคลทั่วๆ ไป
แม้ครั้งพุทธกาลก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่ได้มีอยู่ในสถานที่และบุคคลทั่วๆ ไป
แต่มีอยู่กับผู้ประพฤติปฏิบัติโดยสามีจิกรรม
คือ สุปฏิปนฺโน อุชุ ญาย สามีจิปฏิปนฺโน
ผู้ใดเป็นผู้ทรงเครื่องมือนี้ไว้โดยสมบูรณ์
ผู้นี้แลเป็นผู้จะขุดค้นน้ำอมตธรรมได้เจอตลอดมา
เพราะธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเป็นมัชฌิมา อยู่ในท่ามกลางแห่งมรรคผลนิพพาน
หรือจะเรียกว่าศาสนธรรมคือตลาดแห่งมรรคผลนิพพานตลอดมาและตลอดไปก็ไม่ผิด
หากเราปฏิบัติตามหลักของศาสนธรรมอยู่แล้ว
มรรคผลนิพพานจะเป็นไปในผู้นั้นโดยลำดับ
เพราะเหตุกับผลเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันแยกกันไม่ออก



คำว่า ศาสนาหมดเขตหมดสมัยหมดเวล่ำเวลา
พระพุทธเจ้าปรินิพพานนานแล้ว
นั้นคือโมฆบุรุษ โมฆบุคคลที่สวมแว่นตาดำของกิเลสอวิชชากล่าวต่างหาก
ไม่ใช่จอมปราชญ์คือศาสดาเป็นผู้กล่าว
ที่ศาสดาเป็นผู้กล่าว เป็นผู้ตรัสไว้นั้นดังพระอานนท์ทูลถามว่า
เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว มรรคผลนิพพานจะยังอยู่นานสักเท่าไร จึงสิ้นสุด
พระองค์รับสั่งย่อๆ ว่า หลักธรรมคือศาสนธรรมทั้งหมดที่เราตถาคตแสดงไว้นี้
แสดงเพื่อมรรคผลนิพพานทั้งนั้น
อานนท์ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมที่เราแสดงไว้นี้
ผู้นั้นแลเป็นผู้ที่จะเป็นเจ้าของแห่งมรรคผลนิพพาน
แต่ผู้ไม่สนใจแล้ว แม้ตถาคตจะยังมีอยู่ก็ตาม ท่านทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม
ผู้เป็นโมฆะก็ต้องเป็นโมฆะอยู่เช่นนั้นถ้าไม่ปฏิบัติตาม


เพราะธรรมไม่ขึ้นอยู่กับกาลสถานที่เวล่ำเวลาอะไรเลย
แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติโดยเฉพาะ
เพราะฉะนั้น ท่านผู้ใดอยากได้มรรคผลนิพพาน
มาเป็นสมบัติอันล้นค่าครองใจของตน
พึงเป็นผู้ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ
ตามหลักแห่งสวากขาตธรรมที่เราตรัสไว้ชอบนี้แล้วเถิด
นิยยานิกธรรม จะนำสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ไปได้โดยลำดับ
จนกระทั่งพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง
นี่คือศาสนธรรมที่วางไว้อย่างคงเส้นคงวาไม่เป็นอื่น



ส่วนที่ว่ามรรคผลนิพพานหมดแล้ว ใครจะปฏิบัติไปเท่าไรๆ ก็ว่าไปเถอะ
นั้นคือคนหลับตาพูด พูดลบล้างศาสนา
พูดลบล้างศาสดา พูดลบล้างธรรมของจริง
การลบล้างความจริงถ้าไม่เอาของปลอมไปลบล้างจะเอาอะไรลบล้าง
ก็ต้องเอาความรู้ ความเห็นคำพูดทั้งหมดนี้ซึ่งเป็นของปลอมไปลบล้างของจริง
ถ้าผู้ยังมีความลังเลสงสัยหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้
ก็อาจเชื่อความรู้และวาทะปลอมนี้และเสียไปได้
และพลอยให้ล่มจมไปด้วยก็อาจมีจำนวนไม่น้อย
แต่อย่างไรก็ตามศาสดาของเรายังมีอยู่
ขอให้ทุกท่านได้คำนึงถึง พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ยิ่งกว่าคนตาบอดหูหนวกที่เราไม่ได้เปล่งวาจาถึงเขาว่า สรณํ คจฺฉามิ ก็แล้วกัน
จิตใจจะไม่โยกคลอนและล้มละลายไปด้วยลมปากสกปรก


แต่ส่วนมากมักจะขี้หมูราขี้หมาแห้ง
พูดกลางบ้านกลางเมือง สรณํ คจฺฉามิ น่ะซิ มันทำให้จม
ไม่ได้คำนึงถึง พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
ถ้าได้คำนึงถึงหลักเกณฑ์ของท่านผู้เป็นจอมปราชญ์ตรัสไว้ชอบแล้วนี้
เราจะไม่หวั่นไหวกับลมปากของใครง่ายๆ
เพราะไม่มีใครรู้ยิ่งเห็นจริงยิ่งกว่าศาสดาองค์เอก
นอกนั้นก็พูดไปด้วยความคาดคะเนด้นเดาเกาหมัดไปอย่างนั้น
เกาโน้นเกานี้ ตกหลุมตกบ่อ เหยียบขวากเหยียบหนามไปอย่างนั้น
ตัวของผู้พูดนั้นแหละตัวตกหลุมตกบ่อ เหยียบขวากเหยียบหนาม
ไม่ใช่ผู้จะก้าวเข้าสู่ความดิบความดีพอจะเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่โลกได้แต่อย่างใด



พระพุทธเจ้าทำประโยชน์ให้แก่โลกได้ตั้งสามแดนโลกธาตุ
คนคนที่ว่านั้นได้ทำประโยชน์ให้ใครบ้าง
แม้แต่ทำประโยชน์ให้เขาเองก็ลุ่มๆ ดอนๆ มืดดำกำขาว ลมๆ แล้งๆ อย่างนั้นแล
ให้พากันคิดให้ดีในเรื่องเหล่านี้
สมัยทุกวันนี้สิ่งจอมปลอมมีมากที่จะลบล้างความจริง
ลบล้างศาสนธรรม จะลบล้างความดีมีอยู่มาก
ความดีที่จะสูญเสียไปนั้นเพราะความชั่วลบล้างนั่นแล
ของจริงจะล้มละลายไปก็เพราะของปลอมมีจำนวนมากมันลบล้าง
คนดีที่จะสูญพันธุ์ไปก็เพราะคนชั่วมีจำนวนมากลบล้าง เพราะคนชั่วมีกำลังมาก
ให้พากันจำให้ดี ไม่งั้นจะเสียได้จริงๆ


ของชั่วอยู่ภายในใจมีจำนวนมากมันลบล้างของดีภายในใจได้
กิเลสตัณหาอาสวะบาปธรรมต่างๆ เต็มหัวใจ มีกำลังมาก
มันลบล้างศีลธรรมการทำคุณงามความดีไปได้
จนกระทั่งหมดคุณค่าหมดราคาไปได้เพราะอำนาจแห่งความชั่วมีมาก
ขอให้พากันเข้าใจไว้อย่างถึงใจ เพราะสมบัติของเรามีน้อยอาจถูกทำลายได้ง่าย



(โปรดติดตามเนื้อหาต่อในฉบับหน้า)


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา https://bit.ly/2J1ZO0Z


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP