ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

จะทำให้พ่อแม่ที่มีความยึดมั่นถือมั่นสูง หันมาสนใจธรรมะได้อย่างไร



ถาม - คุณพ่อของดิฉันอายุมากแล้ว ตอนนี้สุขภาพแย่ลงมาก สายตามัว หูไม่ได้ยิน ฯลฯ
ท่านจึงท้อแท้ไม่อยากทำอะไร ได้แต่คิดและพูดซ้ำๆ ในเรื่องเก่าๆ ที่ไม่ดี
ทำอย่างไรจะช่วยให้ท่านมีจิตใจที่สงบและคลายความยึดมั่นถือมั่นลงได้
เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้อย่างนี้ เมื่อถึงเวลาท่านอาจจะไปในภพภูมิที่ไม่ดีค่ะ


บอกง่ายๆ สั้นๆ นะครับ การที่เราจะทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความยึดมั่นถือมั่นสูง
ได้มีอัตตาที่เบาบางลง มันยากอยู่แล้ว
แล้วทีนี้พอหูตาฟ้าฟางไม่ค่อยดีอีก
มันยิ่งคูณสองเข้าไปอีก คูณความยากเข้าไปอีก
เพราะฉะนั้นตรงนี้นะ ฟังดีๆ นะ ผมไม่ได้ให้อกตัญญูนะ
แต่อยากให้เรามองตามจริงนะว่าเราช่วยได้แค่ไหน



คือตรงนี้แหละที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้
ว่ามีเมตตา มีกรุณา มีมุทิตา แล้วอย่าลืมที่จะมีอุเบกขา
การท่องไว้ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” มันจะได้ใช้ตอนนี้แหละ
คือต่อให้เป็นพ่อเรา ต่อให้เป็นแม่เรา ถ้าหากว่าใจ มโนกรรมของพวกท่าน
คือมันเป็นไปในทางที่ผิด แล้วถอนได้ยาก
เราพยายามแล้ว ตอนท่านหูตาดีๆ เราพยายามแล้ว
ตอนนี้หูตายิ่งไม่ดีซ้ำเข้าไปอีก บางทีมันต้องอุเบกขา



คำว่า "อุเบกขา" ไม่ใช่ว่าดูดายหรือว่าจะไม่ช่วยนะ
แต่หมายความว่าเราต้องทำไว้ในใจเป็นตัวตั้งก่อน
ว่ามันเป็นทางที่ท่านเดินมา มันเป็นทางที่ท่านเลือกที่จะยึด
แล้วตอนนี้มันก็มีผลท้ายๆ นี่นะ เป็นการที่เหมือนกับจะช่วยตัวท่านเองไม่ได้



แต่ให้คิดว่าว่าท่านยังมีบุญ คือตัวเราเองที่ยังสนใจ
ที่ยังฝักใฝ่ แล้วก็ยังมีใจที่จะคิดช่วยเหลือ
การช่วยเหลือคนให้ได้ธรรมะ จะต้องออกมาจากจิตใจที่เย็น จิตใจที่เป็นอุเบกขา
ถ้าไม่เย็น ถ้าไม่เป็นอุเบกขา อันนั้นไม่ใช่ธรรมะ
เราไม่สามารถที่จะเอาอธรรมไปใส่หัวใจท่าน ให้หัวใจท่านกลายเป็นธรรมะขึ้นมา
ใจเราต้องเย็น ใจเราต้องเป็นอุเบกขา เป็นธรรมะให้ได้เสียก่อน
แล้วถึงจะเอาความเย็น แล้วก็เป็นอุเบกขานั้น
ไปใส่ไว้ ไปประดิษฐานไว้ในหัวใจของท่านต่อ



การที่เรามีจิตใจที่เย็น แล้วก็เป็นอุเบกขาได้ มันจะมีความสามารถขึ้นมาอย่างหนึ่ง
ความสามารถที่จะแผ่ความสว่างออกไปกระทบใจผู้อื่น
การที่เรามีความสว่างแผ่ไปถึงท่าน ณ ขณะที่เรามาใกล้ๆ ท่าน
จะพูดก็ตาม ท่านได้ยินหรือไม่ได้ยินก็ตาม

มันมีกระแสความสว่างที่แผ่ออกไปเสมอ
และถ้ามันแผ่ออกไปมากๆ นะ ถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ขึ้นมาเองว่า
จริงๆ แล้วไม่ต้องพูดธรรมะก็ได้ แต่พูดอะไรที่ท่านอยากจะได้ยิน
ขึ้นต้นมาพูดอะไรที่ท่านอยากจะได้ยินก่อน
แล้วค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ แปรตามปัญญาธรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในใจของเราเองนี่นะ

ว่าเราจะทำให้มันพลิกกลายเป็นความสว่างในใจของท่านได้อย่างไร



สรุปนะ ขึ้นต้นขึ้นมามีความเย็น แล้วก็มีความเป็นอุเบกขาให้ได้
จากนั้นเมื่อเข้าหาท่าน มันจะรู้ทางเอง
คือใจนี่ที่สว่างแล้วนะ ที่เย็น ที่เป็นอุเบกขาแล้ว
มันมีความสว่างที่เรารู้สึกได้ว่าสามารถแผ่ไปถึงท่าน
พอแผ่ไปถึงท่านมากๆ เข้าเราจะรู้เอง รู้ออกมาจากใจที่สว่างของเรานั่นแหละ
ว่าจะพูดอย่างไร หักมุมท่าไหน ถึงจะทำให้ท่านมีใจเป็นธรรมะเป็นครั้งๆ นะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP