วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๕



cover siwadol

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            เมษาถูกส่งไปเรือนครัวด้านใน

            ตำแหน่งผู้ช่วยแม่ครัวทั่วไป มักมีหน้าที่หั่นผัก หั่นหมู เตรียมเครื่องปรุงให้แม่ครัวใหญ่ประกอบอาหาร แต่ที่ศิวาดล หน้าที่ผู้ช่วยแม่ครัวคนใหม่คือเก็บกวาด เช็ดถูห้องครัว ทำความสะอาดเรือนครัวทั้งภายใน และภายนอก ซึ่งใช้เป็นสถานที่เลี้ยงสังสรรค์เพื่อนฝูง คนสนิทเจ้าของบ้าน

            เมื่อทำความสะอาดจนช่ำชองแล้วค่อยเลื่อนชั้นขึ้นมาล้างจาน ล้างผัก กว่าจะได้จับมีดเป็นผู้ช่วยแม่ครัวจริง ก็ใช้เวลาเป็นเดือน

            เมษาไม่นึกอึดอัดลำบากใจกับงานที่ได้รับ ยิ่งสิ่งที่ทำดูต่ำต้อย ไร้ตัวตนมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้การอำพรางตัว กลมกลืนกับผู้คนง่ายขึ้นเท่านั้น

            เรือนครัวมีคนทำงานร่วมสิบคน เป็นแม่ครัวหลักตัวจริงสองคน นอกนั้นเป็นผู้ช่วยแม่ครัวซึ่งทำงานในหน้าที่แตกต่างกันออกไป

            งานหลักของเรือนครัวไม่ใช่แค่ปรุงอาหารสามมื้อให้กับเจ้าของบ้านทั้งสอง แต่ต้องทำอาหารเลี้ยงคนงานหลายสิบ ร่วมร้อยที่กระจายทำหน้าที่ต่าง ๆ ทั่วศิวาดล

            ระหว่างเริ่มต้นทำความสะอาดครัว เมษาใช้สายตาสังเกตผู้คนในนี้อย่างละเอียด หูฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่อาจเกิดประโยชน์แก่ตน...ภายในเวลาครึ่งวัน หญิงสาวได้ข้อมูลมากพอที่จะกำหนดแผนการขั้นต่อไปของตนได้แล้ว

  

- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            พิจิกถูกส่งไปแผนกยานยนต์

            ตำแหน่งคนขับรถของศิวาดล ไม่ได้หมายความว่าจะมีหน้าที่ขับรถหรูรับ-ส่งเจ้านาย เจ้าของบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูแล บริการทุกคนที่ทำงานในอาณาจักรนี้ ไม่ว่าใครมีเหตุต้องออกไปทำธุระภายนอก ก็มักขอใช้บริการรับ-ส่งจากแผนกยานยนต์นี้เสมอ

            ดังนั้นแผนกยานยนต์จึงมีตั้งแต่รถยนต์หรูจากยุโรปราคาหลายสิบล้าน รถยนต์อเนกประสงค์ราคาแพง รถยนต์ญี่ปุ่นขนาดกลาง รถกระบะสองตอน รถกระบะบรรทุก รถบัสเล็กสำหรับรับ-ส่งคนงานชั่วคราวที่ไม่ได้พักในนี้ รถจักรยานยนต์ จักรยานสองล้อ ไปจนถึงรถตัดหญ้า!

            จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คนขับรถหน้าใหม่จะถูกตั้งคำถาม...

            “ขับรถตัดหญ้าเป็นมั้ย?”

            “เป็นครับ” พิจิกไม่อาจตอบเป็นอย่างอื่นได้

            ต้องขอบคุณธุรกิจครอบครัวตนเอง ที่นอกจากจะมีโรงสีข้าวใหญ่ที่สุดในจังหวัดแล้ว ยังเป็นตัวแทนขายรถไถ รถเพื่อการเกษตรรายใหญ่ของจังหวัดด้วย

            เมื่อมีรถตัดหญ้าคอยดูแลความเรียบร้อยอย่างนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่พื้นที่ร้อยกว่าไร่ของศิวาดล จะไม่มีหญ้ารกรุงรังออกมาให้ขัดหูขัดตาเจ้าของบ้านและผู้พบเห็นเลย

            วันนี้ไม่มีคิวตัดหญ้า พิจิกต้องมานั่งฟัง อบรมระเบียบการทำงาน ข้อห้าม ข้อควรระวังในศิวาดลเพิ่มเติมอีก ระหว่างนั้นเขาค่อย ๆ ศึกษา สังเกตผู้ร่วมงานของตน

            คนขับรถที่นี่มีหลายเกรด หลายระดับการศึกษาตั้งแต่ชั้นปริญญาตรี พูดภาษาอังกฤษคล่อง ไปจนถึงพวกจบแค่ชั้นประถม พูดจาด้วยภาษาถิ่นตน

            แน่นอน...รถที่ขับจึงต้องสอดคล้องกับบุคลิก การศึกษาของโชเฟอร์คนนั้น

            พิจิกนึกขัน ดีใจที่เปลือกนอกตน สามารถทำให้หัวหน้างานเห็นว่าเขาเหมาะกับรถตัดหญ้า...มากกว่ารถยนต์หรูราคาหลายสิบล้านอย่างที่ควรจะเป็น...

            ชายหนุ่มวางแผนขั้นต่อไปเรียบร้อย

            ตั้งแต่เหยียบเข้าคฤหาสน์ศิวาดล รู้ว่าที่นั่นปลูกทับเรือนพระยาคงเวทอยู่ จึงใคร่ครวญอย่างหนักว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

            สถานที่มันเปลี่ยนแปลงเกินกว่าที่คิดเอาไว้ การปิดผนึกอาคมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ถึงขั้นอับจนหนทาง

            เขาไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์ปรึกษาปู่ ในใจมีแผนการบางอย่างอยู่แล้ว แผนการนี้ต้องดำเนินเร็วที่สุด ก่อนคู่แข่งคนสำคัญจะเริ่มลงมือ...


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            มืดสนิท หลังเที่ยงคืน

            คฤหาสน์ศิวาดลตั้งเด่นสง่างาม ดวงไฟสีส้มเหลืองระเรื่อวางเป็นจุดส่องแสงฉาบทาตัวคฤหาสน์จนเกิดเงาเหลือบดูขรึมขลัง ลึกลับ น่าเกรงขาม

            ร่างประเปรียวในชุดสีดำสนิทหลบซุ่มตามกอไม้ รูปปั้นประดับ ก่อนขยับเข้าใกล้ศิวาดลทีละน้อยอย่างแนบเนียน กลมกลืนกับเงามืดจนไร้ร่องรอย ยากมีสายตาผู้ใดสังเกตเห็น

            แสงไฟไม่อาจจับร่างนั้นชัดเจนนัก กล้องวงจรปิดไม่อาจบันทึกภาพผู้บุกรุก ราวกับคนผู้นั้นรู้จุดมุมกล้องทั้งหมดแล้ว

            ประตูด้านหลังถูกปลดสลักเบามือ บานประตูแง้มเพียงนิดเดียว ร่างสูงประเปรียวก็ผลุบเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว



            ในที่สุดพิจิกก็ลอบเข้ามาในศิวาดลได้โดยไม่มีใครล่วงรู้!

            การเร้นกายมาในคืนนี้สำเร็จ ไม่ใช่โชคช่วย แต่เพราะนายสมยศพาเขากับเมษามาแนะนำตัวกับคุณเข็มทองครั้งเดียว ชายหนุ่มก็สามารถจดจำเส้นทาง สังเกตเห็นกล้องวงจรปิดแต่ละจุดถนัดตา สามารถคำนวณองศามุมคลุมที่กล้องสามารถจับภาพได้ และรู้จุดบอด มุมอับของกล้องวงจรปิดไม่ยากนัก

            ...เสียดายที่ความสามารถเช่นนี้ ไม่ใช่เขาคนเดียวที่กระทำได้...

            ทันทีที่เข้ามาทางประตูด้านหลัง พิจิกได้ยินเสียงกริ๊กจากบานหน้าต่างตรงจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ดังตามมา

            ในมโนภาพนึกถึงร่างเล็กบอบบางที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาอย่างรวดเร็ว เงียบเชียบ ไม่ผิดกับแมวป่าตัวหนึ่ง

            รอยยิ้มแตะริมฝีปากชายหนุ่ม...ต้องอย่างนี้ มันถึงน่าเร้าใจ!



            พิจิกจรดปลายเท้าแผ่วเบาทว่ารวดเร็วตรงไปยังห้องโถง ตั้งใจไปให้ถึงจุดหมายก่อนหญิงสาว มันเป็นชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถนำมาคุยทับกันได้ภายหลัง

            ระยะทางไม่ไกล เลี้ยวผ่านมุมห้องนิดเดียวก็มาถึงห้องโถงใหญ่

            พิจิกชะงักเท้าตรงช่องโค้งก่อนย่างเข้าห้องโถง...เมษาไม่ได้มาก่อนเขา แต่กลางห้องนั้นมีใครบางคน หรือไม่ก็ ‘อะไร’ บางอย่างนอนฟุบอยู่

            ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ห้องหับส่วนใหญ่ในศิวาดลล้วนดับไฟมืด เปิดแค่โคมไฟตามทางเดิน และที่หัวบันไดเท่านั้น

            ห้องโถงใหญ่ศิวาดลไม่ได้เปิดไฟส่องสว่าง มีแค่แสงสลัวจากนอกหน้าต่างกระจกลอดเข้ามาพอให้เห็นเป็นเงาตะคุ่มราง ๆ

            เมษามาถึงช้ากว่าพิจิกไม่เกินห้าวินาที หญิงสาวชะงักเท้าตรงมุมห้องในเงามืดอีกฟากเช่นกัน สิ่งกระทบตาหญิงสาวไม่แตกต่างจากที่ชายหนุ่มมองเห็น

            กลางห้องโถงกว้าง บนพื้นหินแกรนิตขัดมันวับ ปรากฏร่างท้วมของสตรีคนหนึ่ง อยู่ในเสื้อคลุมสีเทานอนฟุบโดดเด่นทั้งที่ในห้องค่อนข้างมืด

            พิจิก เมษาไม่กล้าผลีผลามเคลื่อนไหว สายตาสองคู่ทอดมองร่างกลางห้องด้วยแววตาสงบนิ่ง ระบายลมหายใจแผ่วเบา แล้วปิดเปลือกตาลงใช้โสตสัมผัสรับฟังสรรพเสียงโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เสียงลมหายใจแปลกปลอม กระทั่งเสียงการซ่อนเร้น ลอบจู่โจมโดยไม่ให้รู้ตัว

            ผ่านไปชั่วครู่ ไม่ได้ยินเสียงแปลกปลอมใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจของกันและกัน มั่นใจไม่มีบุคคลอื่น ไม่มีใครวางกับดักอันตรายจึงลืมตาขึ้นมองร่างท้วมที่ฟุบกลางห้องอีกครั้งอย่างสงสัย ใคร่ครวญ

            สมองนึกทบทวนความทรงจำ คฤหาสน์หลังนี้มีใครอยู่บ้าง?

            ปีกตึกด้านซ้ายของชั้นสามเป็นที่อยู่เจ้าของบ้านทั้งสอง ปีกตึกขวาถูกปิดตาย เป็นสถานที่ระลึกถึงคุณดลดารา ภรรยาคนแรก และผู้สรรค์สร้างศิวาดล

            ส่วนชั้นสองมีห้องหับมากมายให้ญาติพี่น้อง แขกเหรื่อ เพื่อนฝูงได้พัก แต่มีแค่คุณเข็มทอง แม่บ้านใหญ่ กับคุณโสภี พยาบาลส่วนตัวพักกันอยู่แค่นั้น

            ...แล้ว...ร่างที่ฟุบกลางห้องนี้คือใคร?

            พิจิกขยับตัวเข้าไปยังร่างนั้นก่อน เมษาตามมาติด ๆ ด้วยความระมัดระวังตัว ไม่ประมาท

           ไฟฉายดวงเล็กจากมือชายหนุ่มส่องยังใบหน้าที่ก้มงุด มีเสื้อคลุมทับหลวม ๆ

            “คุณโสภี” พิจิกพึมพำเบา ๆ หวังให้คนอยู่ใกล้ได้ยินด้วย

            ชายหนุ่มไม่เคยพบพยาบาลส่วนตัวแพรพลอย นายหญิงศิวาดลมาก่อน แต่เคยเห็นรูปเธอถ่ายคู่กับคุณแพรพลอยลงในเฟซบุ๊คหลายรูปเหมือนกัน

            แวบแรกที่เมษาเห็นใบหน้าคุณโสภี ก็เกิดอาการสะดุ้ง ชะงักชั่วขณะ ก่อนตั้งสติ ค่อยยื่นปลายนิ้วไปอังรอที่ปลายจมูกอีกฝ่าย

            “ไม่น่ารอดหรอก” พิจิกกระซิบแผ่ว ไม่อธิบายเพิ่มเติม

            ดวงตาคุณโสภีเบิกค้าง ลิ้นจุกปาก กล้ามเนื้อบนใบหน้าเกร็ง ผิวเริ่มเปลี่ยนสี...ดูอย่างไรก็ไม่น่ามีชีวิต

            หญิงสาวดึงปลายนิ้วกลับ ขยับตัวเข้าใกล้ชายหนุ่ม เอ่ยปากถามเสียงแผ่ว

            “เขาตายนานหรือยัง?”

            “ฉันเป็นหมอฟัน ไม่ใช่แพทย์นิติเวช” เสียงกระซิบตอบมีแววกวนโทสะ

            “เดาสิวะ” น้ำเสียงหญิงสาวจริงจัง ขู่เข็ญ

            “เดาว่า...” คำย้อนล้อเลียน “ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง”

            พอคำคาดเดาเรื่องเวลาตายออกมา ทำให้ทั้งสองมองหน้ากัน...ถ้าไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง เหตุน่าจะเกิดเวลาประมาณสี่ทุ่ม ซึ่งพวกลูกจ้าง คนทำความสะอาด แม่ครัวในนี้กลับไปที่พักตนเองหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าของบ้าน กับแม่บ้านใหญ่

            ...เป็นไปได้หรือที่จะมีผู้เสียชีวิตอยู่ตรงนี้ โดยคนในบ้านไม่รู้...?

            ...อาจเป็นได้ เพราะศิวาดลทั้งใหญ่โต กว้างขวาง ผนังกั้นห้องล้วนเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี...



            ...แล้วควรทำอย่างไรต่อไป?...

            เมษา พิจิกสบตากัน มีความหมายส่งออกมาโดยไม่จำเป็นต้องพูดจา

            พวกเขามาที่นี่ คืนนี้เพราะต้องการค้นหาจุดปิดผนึกอาคมเดิม ซึ่งมันอยู่บริเวณห้องโถงใหญ่ศิวาดลนี่เอง

            น่าเสียดาย พอมาถึง ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็พบศพพยาบาลส่วนตัวเจ้าของบ้านนอนรออยู่แล้ว!

            สองหนุ่มสาวไม่เอ่ยปากกล่าววาจา ในใจมีแผนการเฉพาะตน ซึ่งไม่ยอมให้อีกฝ่ายล่วงรู้เด็ดขาด

            ผู้บุกรุกทั้งสองรีบผละจากศพกลางห้องโถงอย่างรวดเร็ว ถอยไปยังมุมห้องจุดเดิมที่ตนเองอยู่ กวาดสายตามองโดยรอบ มั่นใจว่าห้องโถงใหญ่นี้ไม่มีกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย จึงเป็นผลดีแก่ผู้ลอบมาในยามวิกาลทั้งสองคน

            ขยับแขนขา มือเท้าอีกครั้ง แน่ใจว่าตนไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้จึงค่อยขยับตัว สู่จุดหมายต่อไป

            ไม่มีใครเร้นตัวออกจากคฤหาสน์ กลับอาศัยความมืดเป็นเครื่องกำบังกาย เคลื่อนตัวแผ่วเบาไปยังสถานที่ที่พวกตนต้องการสืบหาร่องรอยสำคัญ...


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ถ้ามีคนตายกลางบ้านเช่นนี้ โอกาสเข้ามาในศิวาดลครั้งหน้าจะเป็นเรื่องยากกว่าเดิมหลายเท่า

            เมษามองเห็นปัญหาที่ตามมาหลังจากนี้ เธอจึงตัดสินใจทำตามแผนเดิม ค้นหาจุดปิดผนึกอาคมต่อไป

            ปู่คงคาเคยจ้างคนแอบมาคัดลอกแบบแปลน พิมพ์เขียวคฤหาสน์ศิวาดลตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว หญิงสาวศึกษาอย่างละเอียด รู้ว่าที่นี่มีชั้นใต้ดิน และมีอาณาเขตพื้นที่พอกับตัวบ้าน ดังนั้นใต้ห้องโถงใหญ่ ย่อมมีห้องใต้ดินรองอยู่อีกชั้นหนึ่ง...ที่นั่นคือจุดหมายต่อไปของเมษา

            ตอนปิดผนึกอาคมเมื่อหกสิบปีก่อน ปู่ทั้งสองได้ร่ายมนตร์ พร้อมกับฝัง ‘สื่ออาคม’ ไว้ตรงใต้ถุน จุดกลางเรือนพระยาคงเวท จากนั้นค่อยรื้อเรือนออกทั้งหมด ก่อนทำพิธีบูชาเพลิง เผาซาก เศษสิ่งของที่อาจเชื่อมโยงวิญญาณร้ายไปจนหมด

            เมื่อสถานที่ถูกเปลี่ยนมือ ก่อสร้างเป็นคฤหาสน์ใหญ่โตเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ‘สื่ออาคม’ น่าจะถูกทำลาย ทำให้ผนึกอาคมปริแตก ผู้เฒ่าทั้งสองไม่อาจปิดผนึกซ้ำครั้งที่สองได้ เปิดโอกาสให้ภูตผี วิญญาณในนั้นเล็ดรอดออกมา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดอาถรรพณ์ศิวาดล...นายหญิงที่นี่ ไม่มีบั้นปลายที่ดีสักคน

            เพียงแต่พวกมันไม่อาจแผลงฤทธิ์เต็มที่ เพราะต่อให้ครั้งก่อน สองผู้เฒ่าไม่อาจปิดผนึกอาคมซ้ำสองได้สำเร็จ ก็ยังสามารถก่อกำแพงมนตราไว้ได้อีกชั้นหนึ่ง พอจะสยบความร้ายกาจพวกมันได้บ้าง ศิวาดลจึงไม่กลายเป็นคฤหาสน์ผีสิงมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนในต่างประเทศ

            แต่...กำแพงมนตราปกป้องได้เพียงชั่วคราว สิบกว่าปีมานี้ มนตราเสื่อมคลายลง ผู้เฒ่าทั้งสองจึงต้องส่งตัวแทนของตนมาเก็บงานที่ค้างคา

            การกลับมาปิดผนึกอาคมครั้งนี้ จำเป็นต้องใช้ดินจากกลางเรือนพระยาคงเวท จุดที่ผนึกอาคมครั้งแรกมาทำพิธีซ้ำ และทางเดียวที่จะรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ก็ต้องอาศัยร่องรอยกระแสคลื่นจาก ‘สื่ออาคม’ ที่ยังหลงเหลือ

            เมษาพบบันไดลงห้องใต้ดินอย่างไม่ยากเย็นนัก เงยหน้ามองกล้องวงจรปิด คิดว่าห้องข้างล่างน่าจะมีของสำคัญเก็บไว้ไม่น้อย เพราะเท่าที่เห็น ในคฤหาสน์นี้ไม่ค่อยติดกล้องวงจรปิดตามจุดสำคัญมากเท่าที่คิด

            หญิงสาวล้วงมือลงไปในกระเป๋า มีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็ก ๆ อยู่ข้างใน พอกดปุ่มมันจะปล่อยคลื่นสัญญาณพิเศษออกมารบกวนสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดชั่วขณะ ระยะเวลาสั้น ๆ
 
            ร่างบอบบางประเปรียวเผ่นแผล็วลงบันไดทันที โดยไม่มีร่องรอยให้กล้องวงจรปิดจับภาพได้

            ตอนคุณแม่บ้านใหญ่ถามหล่อนว่าเรียนจบอะไร...เมษาตอบว่าในจังหวัดบ้านเกิด เรียนจบชั้นมัธยม แต่หากคุณแม่บ้านเปลี่ยนคำถามเป็น...จบการศึกษาขั้นสูงสุดอะไรมา

            เมษาคงอึกอัก ลำบากใจที่จะตอบว่า...เธอจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยดังระดับประเทศ!

            ของเล่นแค่นี้ ไม่ยากเกินกำลังเพื่อนร่วมคณะหล่อนเลย...

            ลงมาถึงชั้นใต้ดิน หญิงสาวตบกระเป๋า ตรวจเช็คข้าวของที่เตรียมมา แล้วหยิบไฟฉายดวงเล็กขนาดเท่าปากกาไว้ในมือ เส้นทางข้างหน้าตกอยู่ในแสงสลัวราง ยืนนิ่งสูดลมหายใจยาวลึก เรียกความพร้อมก่อนเดินก้าวแรก...


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -

 


            พิจิกไม่ได้ลงมาชั้นใต้ดิน ทั้งที่ตนก็เคยอ่านแบบแปลน พิมพ์เขียวของศิวาดลมาแล้ว เขารู้ว่าต่อให้หาจุดกลางเรือนพระยาคงเวทเจอ ก็ไม่มีทางที่จะได้ก้อนดิน มาทำพิธีปิดผนึกอาคมได้ง่าย ๆ

            สิ่งที่เขาสนใจเวลานี้คือร่องรอยการเสียชีวิตของพยาบาลพิเศษ สังหรณ์ในใจบอกว่า มันจะโยงเขาไปสู่เรื่องสำคัญยิ่ง และจะพาไปสู่การปิดผนึกอาคมเองในที่สุด

            ชายหนุ่มจรดฝีเท้าขึ้นบันไดชั้นสอง เท่าที่ศึกษาแบบแปลน บนชั้นสองมีห้องหับเรียงรายหลายห้อง ทั้งห้องพักแขกเหรื่อ ญาติมิตร เพื่อนฝูงเจ้าของบ้าน และห้องพักผ่อนส่วนตัว ไปจนถึงเปิดเป็นระเบียงกว้างมองเห็นทะเลสาบด้านหลังอย่างถนัดตา

            ในจำนวนห้องมากมายขนาดนี้ มีผู้อาศัยแค่สองคน คุณเข็มทอง กับคุณโสภี

            การค้นหาห้องพักพยาบาลส่วนตัวเจ้าของบ้านน่าจะเป็นเรื่องยาก เปลืองเวลา หนำซ้ำอาจพลาดไปเจอห้องคุณแม่บ้านใหญ่เข้า...

            พิจิกกลับเห็นว่ามันไม่ลำบากยากเย็นอะไรเลย

            ทันทีที่ขึ้นชั้นสอง มองเห็นปีกตึกซีกหนึ่งดับไฟมืด อีกซีกเปิดไฟสว่างพอมองเห็นทางเดิน เขาก็แน่ใจว่าฝั่งไหนมีคนอาศัย

            เคลื่อนตัวแผ่วเบา เนิบช้า แทบกลืนร่างไปกับผนัง รองเท้ายางแบบพิเศษช่วยไม่ให้ทิ้งร่องรอยบนพื้นหินอ่อนขัดมัน ไม่มีกระทั่งเสียงฝีเท้าแว่วออกมา

            ผ่านบานประตูปิดล็อกแต่ละห้องด้วยสติปลอดโปร่ง หูไม่แว่วเสียงผิดปกติ ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

            บุคคลที่ชายหนุ่มกังวลสุดคือคุณเข็มทอง แม่บ้านใหญ่...

            เวลาหลังเที่ยงคืนเช่นนี้เธอน่าจะยังหลับสนิทอยู่...เท่าที่เจอกันไม่กี่นาทีวันนี้ พิจิกรู้สึกว่าแม่บ้านใหญ่ไม่ธรรมดา คนประเภทนี้ต่อให้หลับลึกแค่ไหน หากเกิดสิ่งผิดปกติเพียงเล็กน้อย ก็สามารถปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ

            ขณะเข้าใกล้ห้องพยาบาลพิเศษ ก็ใกล้ห้องพักแม่บ้านใหญ่เช่นกัน พิจิกมั่นใจตนไม่เข้าผิดห้อง เพราะสามารถแยกแยะบางสิ่งได้

            เคลื่อนผ่านมาหลายห้องจนเกือบสุดปลายปีกตึกชั้นสอง จมูกกระสากลิ่นคุ้นเคย...เป็นกลิ่นของยาประเภทต่าง ๆ

            ถ้าห้องพักพยาบาลพิเศษไม่เก็บยาเอาไว้ ห้องของเธอก็ต้องอยู่ติดกับห้องยา เพื่อความสะดวกในการจัดเตรียมยาให้เจ้าของบ้าน

            กลิ่นยาจาง ๆ ลอยออกมาจากประตูบานขวามือ พิจิกกวาดสายตาสังเกตบริเวณโดยรอบ ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ สงบใจตั้งสมาธิมั่น เงี่ยหูฟังเสียงโดยรอบ...

            ท่ามกลางความเงียบสงบ เขาได้ยินแค่เสียงลมหายใจเข้าออกดังสม่ำเสมอจากประตูทางซ้ายมือ แสดงว่าแม่บ้านใหญ่ยังหลับลึกในนิทรา

            พิจิกสวมถุงมือผ้าจับบานล็อกประตู ค่อยบิดหมุนใจเย็น ปรากฏว่ามันคลายออกง่ายดายตามคาด บานประตูแง้มโดยไร้เสียง กลิ่นยาโชยมาปะทะจมูก แสงไฟจากในห้องส่องสว่างพอให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนมาไม่ผิดห้องแล้ว...


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ชั้นใต้ดินศิวาดลกว้างขวาง แบ่งเป็นโซนห้องหับต่าง ๆ ดูไม่ซับซ้อน เต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยทันสมัยมากกว่าชั้นอื่นในคฤหาสน์

            เท่าที่ได้ยินมา ชั้นใต้ดินศิวาดลจะมีห้องเก็บของเก่า ของโบราณ ของสะสมล้ำค่า ภาพเขียนหายากจากทุกมุมโลกเอาไว้ โดยแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ เสมือนพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวที่เปิดให้ชมเฉพาะคนรู้จักชอบพอ คุ้นเคยและเห็นคุณค่าในสิ่งของเหล่านั้น

            เมษาไม่สนใจของเก่า ของสะสมราคาแพงพวกนี้ หนำซ้ำต้องคอยระวัง ไม่กล้าเดินเฉียดเข้าใกล้ เกรงว่าจะโดนระบบอันทันสมัยตรวจจับได้ ซึ่งจะมีเครื่องส่งสัญญาณแจ้งไปถึงสถานีตำรวจใกล้สุดทันที

            จุดหมายของเธอคือค้นหาจุดปิดผนึกอาคม กึ่งกลางเรือนพระยาคงเวทเดิม ซึ่งเป็นคนละที่กับบริเวณห้องเก็บสมบัติ พิพิธภัณฑ์ล้ำค่าของศิวาดล

            มันน่าจะอยู่บริเวณใต้ห้องโถงใหญ่ เพราะหล่อนกับพิจิกรับคลื่นอาคมแรกได้จากสถานที่นั่น

            ความคิดเมษาได้รับการยืนยัน เมื่อเดินมาใกล้บริเวณใต้ห้องโถงใหญ่ จิตสัมผัสรับกระแสคลื่นอาคมชัดเจนจนแทบเห็นเป็นภาพนิมิต

            ไฟสลัวริบหรี่ หญิงสาวเปิดไฟฉายส่องทาง จรดฝีเท้ารวดเร็ว ไร้เสียง หูเงี่ยฟังเสียงแปลกปลอมผิดปกติ สายตากวาดมองรอบกาย เก็บรายละเอียดระหว่างทางโดยไม่พลาด

            สุดท้ายมาถึงบริเวณใต้ห้องโถง จุดที่คลื่นอาคมปรากฏชัดเจนสุด

            ในชั้นใต้ดินนี้...มันคือห้องเก็บไวน์

            ประตูห้องปิดสนิท ล็อกด้วยกุญแจธรรมดาทั่วไป ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยซับซ้อน อาจเป็นเพราะที่นี่ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดมากนัก เพื่อเจ้าของบ้านจะได้ใช้ลูกจ้าง แม่บ้านลงมาหยิบไวน์โดยสะดวก

            เมษาใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็สามารถสะเดาะกุญแจสำเร็จ เปิดเข้าไปอย่างราบรื่น ไอเย็นแผ่ออกมาสัมผัสชวนยะเยือก เอื้อมมือเปิดหลอดไฟในห้องให้สว่างมองเห็นโดยรอบชัดเจน

            หญิงสาวถอนใจยิ้มขัน...ที่นี่ไม่น่าใช่ห้องเก็บไวน์...แต่ควรเป็นคลังไวน์ได้เลย เพราะนอกจากจะมีชั้นเก็บไวน์เรียงรายตามปีอย่างเป็นระเบียบแล้ว ยังมีไวน์หมักเป็นถังอีกร่วมสิบถัง ตั้งไว้โดยมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างละเอียด

            เมษาไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สนเหล้าไวน์ราคาแพง หล่อนกวาดตามองหาจุดที่ต้องการเพียงอย่างเดียว และพบมันในเวลาไม่นาน...

            ตรงที่โล่ง กลางห้องเก็บไวน์ คลื่นอาคมปู่ทั้งสองปรากฏชัดที่สุด!

            หญิงสาวหยุดยืนยังจุดที่ต้องการ ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างพอใจ...หล่อนมาถึงที่นี่โดยไม่มีร่องรอยของคู่แข่ง...ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม

            ล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง หยิบขวดเล็ก ๆ บรรจุน้ำออกมาพร้อมกับถุงใส่ดินปริมาณแค่กำมือเดียว...

            ตั้งแต่สัมผัสคลื่นอาคมกลางห้องโถงศิวาดล เมษารู้ว่าไม่มีทางขุดดินจากกึ่งกลางเรือนพระยาคงเวทได้แน่...แต่...ใช่ว่าจะไม่มีหนทางอื่น

            ขอเพียงพบจุดถูกต้อง แล้วใช้หยาดน้ำเล็กน้อยเป็นสื่อเชื่อมโยง และใช้ดินอีกก้อนมาวางตรงจุดนั้น ร่ายเวทด้วยอาคมที่ปู่คงคาเคยสอน...ดินก้อนที่นำมาใหม่จะถูกเชื่อมโยงด้วยหยาดน้ำและอาคม ทำให้มันกลายเป็นดินก้อนเดียวกับดินกลางเรือนพระยาคงเวท สามารถนำไปใช้ในพิธีปิดผนึกอาคมได้เช่นกัน

            หญิงสาวคุกเข่าลง หยดน้ำลงบนพื้น สัมผัสกระแสเชื่อมต่อระหว่างอาคมกับน้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเทดินลงไปบนพื้นที่เปียกน้ำ สัมผัสเสมือนดินก้อนนี้เป็นหนึ่งเดียวกับดินที่อยู่เบื้องล่าง ใต้พื้นคอนกรีต โดยมีกระแสดึงดูดของหยาดน้ำเป็นตัวเชื่อมโยง

            ...จากนั้น...อาคมถูกร่าย...



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP