สารส่องใจ Enlightenment

ตามรอยพระบาท (ตอนที่ ๒)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เนื่องในงานครบรอบวันมรณภาพของหลวงปู่ขาว อนาลโย
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ณ วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู




ตามรอยพระบาท (ตอนที่ ๑) (คลิก)


เราได้ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า
มาเป็นที่พึ่งเป็นที่ฝากเป็นฝากตายอย่างนี้เป็นมนุษย์ที่หาได้ยาก
ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายมีจำนวนสักกี่ล้านๆ ในโลกนี้
ผิดพลาดจากหลักธรรมที่ฝากเป็นฝากตายได้นี้มีจำนวนมากเท่าไร
เรายังมาเจอเอาธรรมที่ฝากเป็นฝากตายได้โดยไม่คาดไม่ฝัน
เกิดมาในแดนแห่งพระพุทธศาสนาไม่มีบุญเกิดมาได้อย่างไร
ต้องเป็นผู้มีบุญ ต้องเป็นผู้มีวาสนา จึงได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
ท่านชี้แจงอย่างไรจึงควรภาคภูมิใจประพฤติปฏิบัติตามท่าน



ผู้ที่จะแนะนำสั่งสอนอย่างนี้ เชื่อพึ่งเป็นพึ่งตายได้อย่างนี้ไม่มีว่าอย่างนั้นเลย
ถ้าจะให้เป็นแบบพระพุทธเจ้านี้ไม่มี มีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
คำว่ารู้ก็เหมือนกันตลอดทั่วถึงไม่มีสิ่งใดปิดบังลี้ลับพระญาณนั้นเลย
นำมาสอนโลกในสิ่งที่ควรเป็นประโยชน์แก่โลก
สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ก็เก็บไว้เสีย ๆ เพราะไม่หนักในพระทัย
นำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่โลกทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นในธรรมทั้งหลายที่กล่าวมานี้ให้พึงทราบว่า
อยู่ในวิสัยของเราจะต้องสัมผัสสัมพันธ์ได้ด้วยกันทั้งนั้น



เช่น บาป เรามีทางจะทำบาปได้ บุญเรามีทางจะทำได้
เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้ระมัดระวังอย่าทำ
บาปนั้นเมื่อทำลงไปแล้วเป็นไฟเผาตัวเอง ในความเป็นมนุษย์นี้ก็เผา
คนทำบาปไม่ใช่คนร่มเย็นเป็นสุข คือคนเดือดคนร้อน
แม้เขาจับไม่ได้ก็ตาม ก็ร้อนอยู่ในหัวใจคนคนนั้น
ไปหลบไปซ่อนอยู่ที่ไหนก็ร้อนรนกระวนกระวายอยู่ในนั้น
ไฟนรกทั้งเป็นมันเผาอยู่นั้น พอตายไปแล้วก็ลงนรกเมืองผี
จะเชื่อก็ตามไม่เชื่อก็ตามว่านรกเมืองผีมีหรือไม่มี
ไม่มีใครที่จะเกินพระพุทธเจ้ายิ่งกว่าพระพุทธเจ้าในบรรดา
แทงทะลุไปหมดด้วยพระญาณของพระองค์ ว่าสิ่งนั้นๆ มีอยู่อย่างไร
เพราะฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงไม่มีใครที่จะเป็นไปได้ตามเจตนา
เป็นไปได้ตามความสำคัญของตนว่า บาปไม่มีทำบาปไม่เป็นบาป
บุญไม่มีทำบุญไม่เป็นบุญ นรกไม่มีตายลงไปแล้วไม่ตกนรก อย่างนี้ไม่มี



สัตว์ทั้งหลายจะต้องเป็นไปตามกรรม
ทำบาปต้องเป็นบาป ทำบาปเป็นบาปแล้วยังไม่แล้ว
ทางแห่งนรกก็อยู่กับบาป ไปก็ไปเสวยบาปของตัวเองนั้นแล
สถานที่ทรมานคนบาปท่านเรียกว่านรก
มีบาปมากมีบาปน้อยคือนรกเป็นเครื่องทรมาน
คำว่านรกเป็นเครื่องทรมานก็ไปจากอำนาจแห่งกรรมของเรา
ที่ทำให้ไปตกนรกหลุมแปลกๆ ต่างๆ กันตามอำนาจแห่งกรรมของตน
นี่ละพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ซึ่งอยู่ในวิสัยของสัตว์โลกจะเป็นไปได้ด้วยกัน



ถ้าว่าบุญเราก็ทำได้ เป็นมนุษย์เราก็เกิดได้ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรตเป็นผี
เรามีทางจะเกิดได้ด้วยการทำดีทำชั่วของเรา
ไปสวรรค์เราก็ไปได้ ในอรรถธรรมทั้งหลายท่านก็แสดงไว้แล้วว่า
สวรรค์ไม่เคยร้างเพราะไม่มีคนดีไปขึ้นสวรรค์
ไม่ว่าสวรรค์ชั้นใดตั้งแต่ชั้นจาตุฯขึ้นไป
จนกระทั่งถึงพรหมโลก ๑๖ ชั้นตลอดนิพพาน
ว่าได้ว่างหรือได้ร้างไปเสียเพราะไม่มีคนดีไปขึ้น มีแต่ไปตกนรกกันหมด
อย่างนี้ไม่เคยปรากฏ



นรกก็แน่นอยู่ด้วยอำนาจแห่งกรรมของคนที่กล้าหาญต่อการทำกรรม
ไม่เชื่ออรรถเชื่อธรรม เชื่อตัวเองเป็นสำคัญ ตัวเองนั้นแลทำตัวให้จม
นี่ก็เต็มอยู่ในนรก นรกก็ไม่เคยร้าง ว่าสัตว์ทั้งหลายไม่ไปตกนรก
มีแต่แน่นอัดอยู่ด้วยอำนาจแห่งกรรมของสัตว์
ทีนี้สวรรค์แต่ละชั้นๆ ก็ไม่ปรากฏว่าสวรรค์ได้รกร้างว่างเปล่าไป
เพราะไม่มีคนดีสร้างบุญสร้างกุศลแล้วไปสวรรค์
สวรรค์จึงต้องร้าง สวรรค์จึงต้องว่าง
ตลอดถึงพรหมโลกนิพพานว่างไปหมดเพราะสัตว์ไม่ไป อย่างนี้ไม่มี
คนดีก็มีคนชั่วก็มีสับปนกันอยู่ในแดนมนุษย์หรือแดนโลกธาตุนี้นั้นแล
เพราะฉะนั้นจึงต้องมีคนไปดีไปชั่ว มีคนเป็นสุขมีคนเป็นทุกข์
แต่อย่างไรก็ตามให้พึงทราบว่าที่กล่าวมาเหล่านี้
อยู่ในวงแห่งศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอนไว้
ให้พอเหมาะพอดีกับนิสัยของเราที่จะเป็นไปได้ทั้งทางดีทางชั่ว ทั้งทางต่ำและทางสูง
ตลอดทางสูงสุดคือพระนิพพาน ไม่นอกเหนือไปจากอำนาจแห่งมนุษย์นี้ไปได้เลย



เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายได้เกิดมาเป็นมนุษย์ นับว่าเป็นผู้มีบุญวาสนาล้นฝั่งแล้ว
พูดง่ายๆ ว่าอย่างนี้ แต่อย่าลืมตัวก็แล้วกัน
เกิดเป็นมนุษย์แล้วต้องสร้างความดี เราอย่าเพลิดเพลินในสิ่งที่ไม่ดี
หลงกิเลสเอาไปต้มไปตุ๋นไปถลุงที่ไหนไปเสียแล้วก็จะจมโดยไม่รู้สึกตัว อย่างนี้ก็มีมาก
เรามีธรรมะเป็นเครื่องเตือนใจของเราอยู่เสมอ
ถ้าหากว่ารถก็มีเบรกห้ามล้อไม่เหยียบแต่คันเร่งอย่างเดียว
ควรเร่งก็เร่ง ควรหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายทางขวา
เพื่อจุดหมายปลายทางและเพื่อความปลอดภัยต้องหมุนไป
ควรเหยียบเบรกห้ามล้อก็ต้องห้าม



สิ่งใดไม่ดีไม่ควรทำ อยากขนาดไหนก็คือความอยากเป็นทุกข์นั่นเอง
การอยากทำความชั่วกับความอยากเป็นทุกข์อยู่ในเกลียวเดียวกัน
ถ้าหากเราให้เป็นไปตามความอยาก
ก็เท่ากับเรากลืนเอาความทุกข์ทั้งหมดมาไว้ในหัวใจของเรา
ความทุกข์นั้นก็จะเผาเราไม่ใช่เผาผู้อื่นผู้ใด เพราะฉะนั้นท่านจึงให้เหยียบเบรกห้ามล้อ



อยากก็ตามขึ้นชื่อว่าความทุกข์เช่นเดียวกับของแสลงกับโรค
โรคนี้ผิดอาหารประเภทนั้นๆ อันนั้นเป็นของแสลงสำหรับโรคชนิดนี้ก็อย่ารับประทาน
ถ้านำมารับประทานแล้วก็โรคของเรานั้นแลกำเริบ
โรคกำเริบกับความทวีรุนแรงของความทุกข์เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน
เรานั้นแหละจะเป็นทุกข์เพราะของแสลงที่เราฝืนรับประทาน
นี่ก็เหมือนกันความชั่วช้าลามกทั้งหลายเป็นเหมือนของแสลง
อย่าได้เป็นไปตามความอยากความทะเยอทะยาน
เพราะความอยากความทะเยอทะยานนี้
เป็นกลอุบายหรือเป็นมายาของกิเลส
ที่เคยหลอกลวงสัตว์โลกมาเป็นเวลานานแสนนาน
ให้โลกทั้งหลายได้ล่มจมจนกระทั่งถึงตกนรกอเวจีจนหาเวลาขึ้นไม่ได้
ก็เพราะอำนาจของกิเลสนั้นแหละมันต้มตุ๋น



เพราะความเชื่อกิเลส เพราะความเชื่อความอยาก
มากกว่าความเชื่อธรรมถึงได้เป็นอย่างนั้นคนเรา ให้เราได้ทราบไว้เสีย
เมื่อเรามีพุทธศาสนาเป็นเครื่องพร่ำสอนเราอยู่
ให้เชื่อศาสดาองค์เอกที่ตายใจได้นี้ ส่วนกิเลสตายใจกับมันไม่ได้
ไม่ว่าความโลภ ไม่ว่าความโกรธ ไม่ว่าความหลง ไม่ว่าราคะตัณหา
ถ้าลงได้เกิดแล้วไม่มีเหตุมีผลทั้งนั้น มีแต่จะเอาท่าเดียวๆ
นั่นก็หมายความว่ามีแต่จะทำเราให้จมท่าเดียวๆ
ให้พึงทราบในขณะเดียวกันนั้น มันอยากมากขนาดไหนถ้าเราจะทำตามมัน
ก็คือเราอยากจมมากเท่านั้นๆ แล้วเราก็จมตามที่ว่านั้นจริงๆ



เพราะฉะนั้นจึงว่ากิเลสความชั่วช้าลามกทั้งหลายนั้น
เคยหลอกลวงสัตว์โลกและต้มตุ๋นสัตว์โลก
ให้ฉิบหายวายป่วงให้ล่มจมมามากต่อมากแล้ว
ส่วนธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ประทานเอาไว้นั้น
ไม่มีธรรมะบทใดบาทใดที่จะหลอกลวงสัตว์โลกให้ล่มจมเสียหาย
มีแต่การเทิดทูน มีแต่การบำรุงส่งเสริมยกขึ้นโดยลำดับลำดา
ให้ได้รับความสุขความเจริญตามลำดับลำดา
ที่ผู้นั้นเชื่อถือและปฏิบัติตามได้ ไม่มีความเสียแฝงอยู่ในนั้นแม้น้อยหนึ่ง
ธรรมะจึงเป็นของตายใจได้ จึงเรียกว่าเป็นสิ่งที่ฝากเป็นฝากตายได้



ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำธรรมะนี้เข้าเป็นเบรกห้ามล้อ
เมื่ออยากจะทำความชั่วช้าลามกสิ่งใดก็ให้พึงระลึกถึงธรรม
ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอยู่กับธรรมนั้นแหละ
เมื่อเราเชื่อธรรมเราไม่ฝืนธรรมก็ชื่อว่าเชื่อพระพุทธเจ้า
เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วเราจะดี เราจะมีความสุข
คนไม่เชื่อครู ครูเอกอย่างพระพุทธเจ้านี้แล้วก็เป็นคนหมดหวัง เป็นคนอาภัพวาสนา
เราไม่ได้อยากเป็นคนอาภัพวาสนาที่ไม่เชื่อครูเชื่ออาจารย์
แต่เราอยากเป็นคนมีอำนาจวาสนาบุญญาธิสมภาร
จึงต้องเชื่อครูเชื่ออาจารย์ซึ่งเป็นอาจารย์เอกไม่มีอันใดเสมอเหมือน
ก็ได้แก่พระพุทธเจ้าของเราหนึ่ง พระธรรมหนึ่ง
พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าที่เป็นพระอรหันต์ล้วนๆ นั้นหนึ่ง
ท่านทั้งสามนี้เป็นสิ่งที่ฝากเป็นฝากตายได้สำหรับเราไม่ต้องสงสัย
จึงขอให้อยู่ด้วยความภาคภูมิใจกับธรรมที่กล่าวเหล่านี้



อย่าได้อยู่กับความโลภจนเกินไป ความโกรธ ความหลง
เหล่านี้มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตลอดเวลา
เวลาความโลภมีมากคนย่อมเกิดความทุกข์มากกระวนกระวาย
ไม่ได้ทางดีเอาทางชั่ว ได้ไม่มีเมืองพอก็คือกิเลสพาโลภนั้นแหละ ได้เท่าไรไม่เพียงพอ
เอาจนกระทั่งเจ้าของตายไปความโลภก็ยังไม่ถอย
หากตายไปเฉยๆ ความโลภนั้นยังไม่ถอย
ความโกรธก็เหมือนกัน โกรธจนกระทั่งตายไปความโกรธก็ยังไม่ถอย
ไม่เห็นโทษแห่งความโกรธ
ความหลงเหมือนกัน ราคะตัณหาถ้าเราเดินตามมันเท่าไรแล้ว
สิ่งเหล่านี้จะฉุดจะลากคนไม่มีวันยับยั้งชั่งตัวได้เลย
นอกจากมีธรรมะเข้าเป็นเบรกห้ามล้อ ให้อยู่พอประมาณ ทำได้อะไรมาก็ให้รู้จักพอ



ใครที่รู้จักพอคนนั้นจะมีความสุข
ถ้าไม่รู้จักพอแล้วแม้จะมีเงินกองเท่าภูเขาความพอยังไม่มีในหัวใจเลย
ผู้นั้นละเป็นผู้ที่มีความทุกข์มากที่สุด
ยิ่งกว่าคนกำพร้าหรือคนอนาถาเข็ญใจเป็นไหนๆ
ความโกรธก็เหมือนกัน คนหนึ่งไม่โกรธคนหนึ่งโกรธนั่งอยู่ด้วยกัน
คนโกรธย่อมแสดงความทุรนทุรายอย่างน้อยอยู่ภายในหัวใจ เป็นไฟอยู่ในนั้น
คนผู้ไม่โกรธสบายแสนสบาย
ยกมาเป็นข้อเปรียบเทียบเพียงสองอย่างเท่านี้
เราก็พอทราบได้ว่าสิ่งใดที่จะทำให้เรากระทบกระเทือน
สิ่งใดที่จะทำให้เรามีความสงบสุข คือความพอประมาณ



ให้รู้จักอิ่มจักพอ เช่นเดียวกับเรารับประทานถึงเวลาอิ่มแล้วก็ต้องอิ่ม
อย่าให้เตลิดเปิดเปิง ความเตลิดเปิดเปิงแห่งการกินไม่หยุดไม่ถอย
นี่ท่านก็แสดงไว้แล้วว่า ชูชก เอาจนท้องระเบิด
ถึงท้องระเบิดก็ตามความอยากยังไม่ถอยในหัวใจของชูชก
ท่านจึงสอนไว้ให้เป็นคติของพวกเราทั้งหลาย ให้นำไปประพฤติปฏิบัติต่อตนเอง



เราเป็นมนุษย์เป็นผู้มีคุณค่าด้วยศีลด้วยธรรม
มนุษย์เรามีคุณค่ามีราคาด้วยศีลด้วยธรรมด้วยความประพฤติหน้าที่การงาน
อัธยาศัยใจคอที่ถูกต้องดีงามกลมกลืนกันกับธรรม
ถ้าปราศจากอันนี้แล้วมนุษย์ก็สักแต่ว่าชื่อมนุษย์ เศษเดนแห่งมนุษย์
ไม่มีใครเหลียวแล ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมบรรดาผู้ดีทั้งหลาย
นอกจากเป็นคนชั่วช้าลามกแบบเดียวกันก็เข้ากันได้แต่ไม่สนิทกัน
คนชั่วเข้ากันเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน
เราอย่าเข้าใจว่าเขาเข้ากันได้ด้วยความสนิทตายใจ ไม่มีความตายใจ
หากจำเป็นต้องได้เข้าคบค้าสมาคมกันเฉยๆ เพราะความจำเป็นบังคับ
ไม่ใช่คบค้าสมาคมกันแล้วระหว่างคนชั่วกับคนชั่วนั้นจะไว้ใจตายใจกันได้
คนชั่วกับคนชั่วก็ไฟกับไฟอยู่ด้วยกัน ก็เป็นไฟด้วยกันไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร
แล้วจะไว้ใจกันได้อย่างไร



คนดีต่างหากไว้ใจกันได้ มีมากมีน้อยเป็นคนโง่คนฉลาด
เมื่อมีศีลมีธรรมแล้วเข้ากันได้สนิทคนเรา ไม่มีอะไรจะเกินมนุษย์ที่ดีเข้ากันได้สนิท
ไม่ว่าจะเป็นคนฉลาดคนโง่ ไม่ว่าคนมั่งมีศรีสุขประเภทใดชาติชั้นวรรณะใดก็ตาม
เมื่อมีธรรมอยู่ภายในจิตใจแล้วย่อมเข้ากันได้สนิท
ยกตัวอย่างเช่นพระพุทธเจ้าของเรา
เวลาทรงปกครองไพร่ฟ้าประชาชนก็เป็นพระเจ้าแผ่นดินและเข้ากับประชาชนได้ทั้งนั้น
เวลาเสด็จออกทรงผนวชแล้วจนได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เข้ากันได้กับสัตว์ทุกประเภท
ไม่ได้ถือว่าพระองค์นี้เป็นบรมศาสดา เป็นผู้สูงส่งยิ่งกว่าสัตว์ทั้งหลาย
ไม่สมควรที่จะไปคบค้าสมาคมเกี่ยวข้องกับบรรดาสัตว์ทั้งหลาย อย่างนี้ไม่มี



ความเมตตาไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าที่มีใจจนถึงขั้นบริสุทธิ์
ธรรมบริสุทธิ์ภายในจิตใจ เข้าได้หมด
แม้แต่เราไม่เห็นด้วยตาพระองค์ยังห้ามไม่ให้ทำลาย
เช่นอย่างเชื้อโรคท่านก็ไม่ทำลาย พวกเปรตพวกผีอย่างที่ท่านสอนไว้นั้นท่านก็ไม่ลบล้าง
ท่านเข้าได้สนิท โปรดเมตตาสงสารด้วยกันทั้งนั้น
เมตตากระจายทั่วแดนโลกธาตุก็เพื่อสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง
ท่านไม่ทรงถือเนื้อถือพระองค์เลย
นี่คนที่มีจิตถึงขั้นบริสุทธิ์แล้วย่อมเป็นจิตที่อ่อนโยนที่สุด



คำว่าอ่อนโยนของจิตที่บริสุทธิ์นี้
ก็ไม่มีอันใดจะไปเทียบเคียงไปด้นไปเดาไปคาดไปคะเนได้เลย
ความเข้ากับสัตว์เข้าอย่างนิ่มนวลที่สุด
ก็คือใจของพระพุทธเจ้าหรือสาวกอรหันต์ท่านผู้บริสุทธิ์นั้นแล
ท่านไม่ถือองค์ท่าน นี้ละท่านผู้มีธรรมในใจย่อมไม่ถือเนื้อถือตัว เข้าได้หมดทุกแห่งหน
ไม่ได้ประมาทหรือไม่ได้ดูถูกว่าเป็นชาตินั้นชั้นนั้นวรรณะนั้นฐานะเช่นนั้น ไม่ถือ
ถือเอาเหตุเอาผลเอาความสนิทตายใจต่อกัน
เมื่อแสดงความดีต่อกันคนเราย่อมไว้ใจกัน นี่หลักแห่งความมีธรรมเป็นเช่นนั้น



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา http://bit.ly/2hTHlJb


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP