ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ถ้าแม่คิดไม่ดีตอนท้อง จะส่งผลกับลูกหรือไม่



ถาม - ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่มีเหตุให้ต้องพบกับคนที่ไม่ชอบอยู่บ่อยครั้ง

เวลาไม่เจอเขา ดิฉันจะรู้สึกให้อภัยและสงสาร แต่พอเจอหน้ากันก็รู้สึกไม่ชอบใจเหมือนเดิม
แม้จะพยายามฟังธรรมะเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ แต่ก็ไม่ได้ผล ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
อยากถามว่ากรรมไม่ดีทางความคิดของแม่จะมีผลอะไรกับลูกในท้องบ้างไหมคะ


เรื่องของคลื่นจิตคลื่นใจระหว่างแม่กับลูกที่อยู่ในท้อง
มีจริงนะครับ มีจริงอย่างเห็นได้ชัดเลย
คือไม่ต้องไปหาคำยืนยันจากที่อื่น ลองสังเกตความรู้สึกของตัวเอง
เอาความเป็นแม่นี่แหละนะ
บางวันอยู่ๆ มันหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ
แล้วถามว่ามันหงุดหงิดขึ้นมาได้อย่างไร บางทีมันไม่ได้เป็นความคิดของเราเอง
มันไม่ได้เป็นคลื่นความรู้สึกแย่ๆ หรือว่าเราเคยคิดอะไรอย่างนั้นมาก่อน
บางทีมันเป็นคลื่นรบกวนออกมา สืบๆ ไป สืบๆ มามันออกมาจากท้องนั่นแหละ


แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าเรากำลังมีจิตใจที่ชื่นบาน
มีความปลอดโปร่ง มีความผ่องใส
สวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่เช้า แล้วก็ใส่บาตรพระบ่อยๆ นะครับ
หรือว่าให้ความช่วยเหลือผู้คน มีจิตใจเมตตาคิดให้อภัยใครได้นะครับ
จนเกิดความรู้สึกว่า นี่ตัวเรา จิตของเรา
มีความสว่าง มีความเบิกบาน มีความตั้งมั่นอยู่ในกุศลเป็นปกติ
คุณจะรู้สึกขึ้นมาว่าลูกนี่นะที่อยู่ในท้อง มีความดี๊ด๊า
มีความรู้สึกเหมือนกับจะมีอีกคนหนึ่งยิ้มออกมาจากข้างในเรา
มันจะเหมือนมีอีกคนหนึ่งที่พลอยรู้สึกชื่นบาน คล้ายๆ กับได้รับความสว่าง
ได้รับความเย็นจากส่วนบน แล้วเขานี่อยู่ข้างล่าง อยู่ตรงกลางของเรานะครับ
แล้วก็มีความชุ่มฉ่ำ มีความรู้สึกว่าเขาพลอยได้ดีไปกับเรา



มันเหมือนกับเป็นปีติที่ซ้อนกันสองชั้น
ปีติชั้นแรกเป็นปีติของเราเอง
ปีติอีกชั้นหนึ่งมันเหมือนกับลูกเขาให้ความชื่นบาน
ให้ความสดชื่นออกมา หรือรู้สึกได้ว่าลูกกำลังยิ้มอยู่
อันนี้จะเป็นความรู้สึกส่วนตัวมากๆ ของคุณแม่
ที่จะเป็นประสบการณ์ตรงของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
แล้วก็หลายคนเลยที่จะมีประสบการณ์ทำนองที่ว่า
คนโน้นก็ทัก คนนี้ก็ทักว่าหน้าตาเราแปลกไป หรือว่ามีรัศมีแจ่มใสเป็นพิเศษ
หรือว่ามีหน้าตาที่ดูสวยขึ้น ดูขาวขึ้นอย่างน่าพิศวง อะไรแบบนี้
ก็อันนั้นก็อาจจะเป็นคาริสมา (
charisma) ของลูกนะ ฉายรัศมีออกมานำหน้าเลย
บอกว่านี่เด็กมีบุญมาเกิดแน่ๆ
เพราะว่ามีผลมาถึงแม่ทำให้แม่สวยขึ้นได้ ทำให้แม่ดูผ่องแผ้วขึ้นได้


ทีนี้ถามว่าทั้งหลายทั้งปวง ถ้าสมมติว่าเด็กมีบุญมาเกิด แล้วเราทำตัวไม่ดี
ทำตัวเหมือนกับว่าอะไรนิดหน่อย ขัดเคืองไปหมด เป็นฟืนเป็นไฟไปหมด
อย่างนี้มีผลกับลูกไหม มีแน่นอนครับ
ถ้านิสัยเดิมของเราจะมีความหงุดหงิดง่าย มีความขี้กังวล คิดมาก
แล้วพอตั้งครรภ์ขึ้นมานี่มันคิดมากขึ้นเป็นสองเท่า
มันมีผลกับลูกก็คือว่าลูกจะรู้สึกถึงความอึดอัด
ลูกจะรู้สึกถึงความไม่สบายขณะอยู่ในท้องของเรา



อันนี้มีในพระไตรปิฎกนะครับ
ท่านบอกไว้ว่าตั้งแต่เด็กมาเกิด ขันธ์ ๕ มีครบเลยนะ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
มีทั้งรูป คือหมายถึงรูปกาย มีหัว มีหู มีขา มีแขน มีอะไรต่อมิอะไร
ถึงแม้ว่าขนาดจิ๊บจ้อยแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นก็ถือว่าเป็นรูปแล้ว
เป็นมหาภูตรูป คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประกอบกันแล้ว
แล้วก็มีความรู้สึกเป็นสุขเป็นทุกข์ได้
อันนี้วิทยาศาสตร์บอกไม่ได้นะ แต่ว่าพระไตรปิฎกบอกไว้
ซึ่งมันจะตรงกันกับความรับรู้ของคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในท้อง
ว่าตัวเองสามารถ สุขได้ ทุกข์ได้ ตามจังหวะที่ลูกดิ้น
หรือลูกมีความเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ข้างใน



บางคนช่วงแรกๆ อาจจะสังเกตได้
แล้วไม่อยากเชื่อว่านี่มันเป็นผลมาจากความรู้สึกของลูก
แต่พอสังเกตไปบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เจริญสตินะ
จะเห็นเลยนะว่าความรู้สึกเป็นสุขเป็นทุกข์ที่เกิดขึ้น
บางทีไม่ได้มาจากข้างในตนเอง แต่มาจากภายนอก
และภายนอกนั้นก็คือส่งมาจากคลื่นความรู้สึกของลูกนะครับ
อันนี้แหละเรียกว่ามีเวทนาจริง



มีสัญญา สัญญาหมายถึงความจำได้หมายรู้
คือจดจำได้ถึงผัสสะต่างๆ ว่าดีหรือไม่ดี เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เด็กจำได้นะ
คือในพระไตรปิฎกไม่ได้บอกระบุไว้ ถึงขนาดที่ว่าจำได้หรือเปล่าว่าตนเองเป็นใคร
จำได้หรือเปล่าว่านี่ตัวเองกำลังอยู่ในท้องใคร
แต่บางคนนะ จะมีบอกเล่ากันเยอะเลยทั่วทุกมุมโลกนะ
บอกว่าเขาจำได้ว่าขณะอยู่ในท้องรู้สึกอย่างไร



นอกจากมีสัญญา แล้วก็มีสังขาร
สังขารขันธ์ หมายถึงความคิดดีชั่ว ความคิดชอบใจหรือไม่ชอบใจ
อันนี้นี่ชัดเจนเลยนะ คืออย่างคุณแม่หลายๆ คนจะบอกเลยว่า
พอตัวเองกำลังคิดมากอยู่ ก็รู้สึกเหมือนกับลูกดิ้นแปลกๆ
แล้วก็มีความไม่ชอบใจออกมา มีอีกกระแสหนึ่งแสดงถึงความไม่ชอบใจ
แสดงถึงความไม่สบอารมณ์ แสดงถึงอาการต่อต้าน
บางทีคุณแม่บางคนนะ เอานิทานธรรมะอ่านให้ลูกฟังนะ
มันเหมือนมีความชอบใจออกมาจากในท้อง
มันเหมือนมีความติดใจ เหมือนมีความอยากฟังอีกอะไรแบบนี้



หลายๆ คนก็ต่างประสบการณ์กันไปนะ
และส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้เกิดกับตัวเองก็จะว่าฟุ้งซ่านไป หรือว่าบ้าไปเอง
หรือว่าเห่อลูกมากไปหน่อยอะไรแบบนั้นนะครับ
แต่คนที่เป็นเจ้าของท้องนี่นะก็จะทราบได้ว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร
ถ้าหากว่าทำอะไรที่เป็นกุศลมากๆ
หรือทำอะไรที่เป็นอกุศล เป็นบาปมากๆ นะ สุดโต่งสองขั้วนะ
กุศลมากๆ ลูกจะเกิดความเบิกบาน
ถ้าหากว่าอกุศลมากๆ ลูกจะเกิดความรู้สึกอึดอัด ชิงชังหรือมีอาการต่อต้าน นะครับ



ในคำถามของคุณก็บอกว่าตัวเองกำลังไม่ชอบใจใครคนหนึ่งอยู่
ก็อาศัยเขานั่นแหละ เป็นตัวตั้ง ทำเพื่อลูกนะครับ
ถ้าอภัยใครได้ ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่
ก็สามารถคาดหมายได้เช่นกัน
ว่าลูกจะออกมาเป็นคนที่ไม่ผูกใจเจ็บใครง่ายๆ
นะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามีใครที่ไม่ชอบใจอยู่เยอะๆ ยิ่งดีเลย
อาศัยช่วงเวลาที่ลูกกำลังอยู่ในท้องนั่นแหละ
ฝึกหัดแล้วก็เผื่อแผ่ความสุขอันเกิดจากการให้อภัยไปถึงลูกน้อย

พยากรณ์ได้เลยว่า ถ้าช่วงนั้นเราให้อภัยบ่อยๆ ไม่ถือสาใครเลย
ลูกจะเป็นคนที่มีความสุข ไม่เป็นคนอาฆาตพยาบาทง่าย



แล้วหากว่าของเก่าของลูก สมมตินะว่าเขาเป็นฟืนเป็นไฟง่าย
มีความอาฆาตพยาบาทผูกใจเจ็บอย่างเหนียวแน่นนะ
ก็จะได้ส่วนลด ก็จะได้ส่วนช่วยจากเรา ขณะที่เขาอยู่ในท้อง
อาการยึดมั่นถือมั่น ถือสาง่าย เป็นฟืนเป็นไฟง่าย ก็จะลดทอนลงไป
แทนที่จะเลี้ยงยาก แทนที่จะว่ากล่าวไม่ฟัง ตักเตือนไม่ฟัง
ก็จะเป็นคนหัวอ่อนลง จะเชื่อเรามากขึ้น



อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ทราบจะบอกเป็นหลักฐานพิสูจน์อย่างไร
ต้องให้พิสูจน์กันเอง เป็นปัจจัตตังนะครับ เป็นสิ่งที่ต้องรู้เฉพาะตน
ถ้าหากว่าเราทำได้นะ สิ่งที่เกิดความมั่นใจได้อย่างหนึ่ง
ก็คือตัวเราเอง ใจเราเองจะเป็นกุศล มีความสว่าง
มีความพร้อมที่จะไม่ถือสาลูก ที่จะไม่โกรธลูกง่ายๆ
ที่จะไม่ใจร้อนกับลูกนะ มีความใจเย็น
โอกาสที่ลูกจะออกมาแล้วรักเรา
มีความสนิทสนมแน่นแฟ้นกับเรา เชื่อเรา ก็มีสูงมากนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP