วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๑๕



Tao Nam Kang - front re


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



             ผลการตรวจร่างกายของลานน้ำค้างออกมาแล้ว

             หมอน่านนั่งดูผลเลือดที่ปรากฏตรงหน้าด้วยความลังเล โทรศัพท์กลับไปเช็คกับทางแล็บแล้วว่ามีอะไรผิดพลาด คลาดเคลื่อนหรือไม่...ผลคือไม่ผิดพลาด

             ถ้าเป็นคนไข้รายอื่นที่ไม่รู้จัก เขาจะรู้ขั้นตอนวิธี จัดการติดต่อ แจ้งคนไข้ให้มาตรวจซ้ำได้อย่างสะดวก พอเกิดกับคนที่ตนรู้จัก ผู้หญิงที่เหมือนน้องสาว ทำให้ตื้อ สมองที่เคยว่องไว ปราดเปรียวกลับเฉื่อยชา คิดอะไร ไม่ออก

             เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลุกคุณหมอตื่นจากภวังค์

             “เชิญครับ” เขาเผลอพูดออกไปทั้งที่ไม่จำเป็น

             ประตูห้องพักแพทย์เปิดออก คุณหมอน้ำทิพย์เดินเข้ามา...พอเห็นหน้าแพทย์หญิง ใจหมอน่านคลายลงโดยอัตโนมัติ มีกระแสอบอุ่น เย็นใจรินไหลมาแทนที่

             “มีอะไรจ๊ะทิพย์ แวะมาหาผมได้” หมอน่านทักกันเอง ทั้งสองเป็นแพทย์รุ่นเดียวกัน ต่างกันแค่จบมาคนละสถาบัน ได้รู้จักตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน

             “ว่าง ๆ เลยแวะมาคุยด้วย” หมอน้ำทิพย์พูดด้วยน้ำเสียงกันเอง

             “ถ้าบอกว่าคิดถึง ผมจะดีใจมากเลย” หมอน่านพูดกึ่งหยอก

             คุณหมอสาวยิ้มรับโดยไม่ตอบโต้ ระยะเวลาเท่าที่รู้จักกัน พอจะมองเห็นว่าหมอหนุ่มคิดอย่างไรกับตน เพียงแต่ความรู้สึกในใจหล่อน ไม่สามารถรับความจริงใจจากเขาได้

             “ทิพย์จะมาคุยเรื่องอะไร” พอเห็นอาการเช่นนั้น ชายหนุ่มก็รู้ทัน รีบเปลี่ยนเรื่องคุย

             “พอดี มีเด็กผู้หญิง คนไข้ของทิพย์ เขาอยากให้ช่วยตามหาคน...ก็เลยแวะมาถามน่านสักหน่อย” หมอน้ำทิพย์ เข้าเรื่อง

            “ตามหาใคร” หมอน่านสงสัย “เป็นคนในโรงพยาบาลนี้หรือเปล่า”

            “ไม่รู้สิ” หมอน้ำทิพย์ตอบตรง “รู้แค่ชื่อพี่ลาน”

            คุณหมอสาวพูดจบ สายตาก็เหลือบเห็นผลตรวจร่างกายที่วางอยู่บนโต๊ะ ชื่อของผู้รับการตรวจเหมือนจะกระโดดออกมาให้เห็น... ‘นางสาวลานน้ำค้าง’

            “ลานน้ำค้าง” หมอน้ำทิพย์ทวนชื่อนี้

            “อะไรนะ ชื่อลานน้ำค้างหรือทิพย์” หมอน่านย้อนถาม

            “เปล่า...ผลการตรวจของใครน่ะ ขอดูหน่อยได้มั้ย” หญิงสาวชี้มือที่ผลตรวจตรงหน้าหมอน่าน

            ชายหนุ่มลังเลใจไม่นานก็พยักหน้า หมอน้ำทิพย์เอื้อมมือหยิบมาดู สายตาแล่นปราดอ่านชื่อ รายละเอียด และผลตรวจจนจบภายในเวลาไม่กี่นาที

            “เอ๊ะ...” หมอน้ำทิพย์สะดุดตากับผลเลือด เงยหน้ามองเพื่อนร่วมอาชีพ “น่าน...ผลเลือดมันแปลก ๆ อยู่หน่อยนะ”

            ชายหนุ่มพยักหน้า

            “ลานน้ำค้าง ถึงจะไม่ใช่น้องสาว แต่ก็เหมือนน้องจริง ๆ เราสนิทสนมกันพอสมควร...เห็นผลเลือดแบบนี้ ยังไม่แน่ใจว่าจะให้มาตรวจซ้ำดีหรือเปล่า...กลัวแกตกใจ”

            หมอน้ำทิพย์ยิ้มให้กำลังใจหมอหนุ่ม กระแสใจมีความอ่อนโยน ชวนให้ฝ่ายที่กำลังร้อนรนมีความเย็นลงโดยไม่รู้ตัว

            “บอกให้เขามาตรวจซ้ำดีแล้วล่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย...อาจไม่เป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่เราสงสัยก็ได้” หญิงสาวแนะนำ

            “ผมก็ว่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกันล่ะทิพย์ แต่ตอนนี้มันยังตื้อ ๆ เพราะเราสนิทกันมาก เลยวิตกจริต กลัวล่วงหน้าไปหน่อย” ชายหนุ่มค่อยยิ้มออก

            คุณหมอสาวคืนผลตรวจให้ชายหนุ่ม พลางพูดถึงเจตนาที่ตนแวะมาหาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

            “น่านเคยเห็นคนในโรงพยาบาลเรามีชื่อลานบ้างมั้ย”

            “ชื่อลาน...” หมอน่านทวนชื่อเบา ๆ “ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ ทำงานแผนกไหน”

            “ผู้หญิง...” หมอน้ำทิพย์ตอบ พร้อมกับอธิบายรูปร่าง หน้าตาตามที่ปันปันเล่าให้ฟัง

            “ไม่แน่ใจ” ชายหนุ่มตอบหลังฟังจบ “ผมยังไม่เห็นผู้หญิงคนไหนในโรงพยาบาลเรา มีลักษณะอย่างที่ทิพย์ เล่าเลย”

            พูดจบเขาก็ฉุกใจ

            “ถ้าจะมีคล้าย ก็เจ้าลานนี่ไง” เขาเคาะมือลงบนใบตรวจร่างกาย

            “น้องสาวของน่านเหรอ” หมอน้ำทิพย์ทวนคำ ย้อนถาม “มันไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นนะ”

            “คนไข้ของทิพย์ เขาตามหาพี่ลานทำไมล่ะ” เขาถาม

            “ดูเหมือนคิดถึง อยากเจอนี่แหละ เด็กคนนี้ชอบพี่ลานมาก”

            “งั้นอาจเป็นได้” หมอน่านพูดพลางยิ้มบาง ๆ “เจ้าลานมันน่ารัก คุยเก่ง เด็ก ๆ อาจชอบมันก็ได้”

             “อืม...ทิพย์ไม่ยักรู้ว่าน่านมีน้องสาวน่ารักอย่างนี้เหมือนกัน”

             “เอาไว้ให้มันมาตรวจซ้ำอีกครั้ง จะแนะนำให้รู้จัก ทิพย์อาจชอบแกก็ได้”

             หมอน้ำทิพย์พยักหน้ารับ ไม่ติดใจจริงจัง อย่างน้อยถือว่าเธอได้ทำตามรับปากแม่หนูปันปันแล้ว




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            “ลาน...นี่พี่เองนะ” เสียงจากปลายสายดังมา

            “เจ้าค่า...ทราบตั้งแต่เห็นชื่อที่โชว์เบอร์แล้วล่ะ มีอะไรจะเรียกใช้เจ้าคะ” หญิงสาวตอบอย่างร่าเริง

            น้ำเสียงแจ่มใส เบิกบานของลานน้ำค้าง ทำให้คำพูดของน่านสะดุดอยู่ในลำคอ

            “แวะมาหาพี่ที่โรงพยาบาลหน่อยสิ”

            “มีธุระอะไรเอ่ย อย่าบอกนะว่าจะจับลานไปเจาะเลือดอีก...เค้ากลัวเข็มน้า...” ท้ายเสียงหยอกเล่น ล้อเลียน

            น่านลำบากใจที่จะพูด หากบอกตรง ๆ ว่า ให้มาตรวจซ้ำ มันอาจทำให้อีกฝ่ายกังวล ตกใจเกินไป แต่หากหล่อนไม่มาตรวจซ้ำ ก็ไม่สามารถคลี่คลายความสงสัยในผลเลือดได้

            “เอ่อ...คือ...” ชายหนุ่มพยายามคิดหาเหตุผลให้หญิงสาวมาโรงพยาบาล “คือตอนนี้เพื่อนพี่เขากำลังตามหา บุคคลปริศนาชื่อ ‘พี่ลาน’ อยู่ ฟังดูแล้วลักษณะคล้าย ๆ เรานะ”

            ฟังแค่นี้ลานน้ำค้างก็สะดุ้งโหยง ถามกลับด้วยเสียงเจี๋ยมเจี้ยม

            “แล้วพี่ลานคนนี้เขาไปทำอะไรผิดหรือคะ”

            “เปล่า...” คราวนี้หมอน่านตอบคล่องขึ้น “เห็นว่าคนไข้ของเขาคิดถึงพี่ลานมาก เที่ยวบอกใคร ๆ ให้ช่วยตาม หากันให้ควั่กเลย”

            “เหรอคะ” หญิงสาวเสียงอ่อยกว่าเดิม

            “ลาน...พอจะแวะมาโรงพยาบาลได้มั้ยล่ะ”

             “ค่ะ”

             “มาตอนไหน พี่จะรอ” ชายหนุ่มกระตือรือร้นขึ้น

             “ตอนนี้ลานยังอยู่ที่ทำงานค่ะ เอาไว้สักพรุ่งนี้ หรือมะรืนค่อยไปหาได้มั้ยคะ แล้วยังไงลานจะโทรไปบอกอีกที”

             “ได้ ยังไงก็โทรหาพี่ก่อนนะ”

            “ค่ะ พี่น่าน”

            “อ้อ...แล้วช่วงนี้สบายดีมั้ย” หมอน่านถาม มีความกังวลในน้ำเสียง

            “สบายดีค่ะ”

            “แล้วยังเป็นลมวูบอีกหรือเปล่า”

            “ไม่มีแล้ว...แหมพี่น่านเห็นลานเป็นเด็กอ่อนแอไปได้...เค้าแข็งแรงจะตาย”

            “จ้ะดี...ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะ”

            “เจ้าค่ะ!”

            ลานน้ำค้างวางสายจากหมอน่าน นึกแปลกใจนิด ๆ กับการแสดงความเป็นห่วงสุขภาพหล่อน ไม่ทันนึกสงสัยมาก พอดีเห็นใบหน้าพี่มุกดายิ้มกริ่ม มองอย่างมีเลศนัย ก็รีบอธิบาย ป้องกันการเข้าใจผิด

             “พี่หมอน่านค่ะ” หญิงสาวเรียกเต็มยศ “โทรมาบอกให้ไปหาที่โรงพยาบาล”

             “อ้าว น้องลานไม่สบายหรือคะ” พี่มุกเปลี่ยนอารมณ์ มีความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

             “เปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบ เสียงไม่หนักแน่นนัก ใจรู้สึกแปร่งแปลก “คือพี่น่านแกเหมือนพี่ชายของลาน พอดี แกมีธุระให้ลานไปหาที่โรงพยาบาลค่ะ”

             “อ๋อ” มุกดาทำเสียงเข้าใจ “พี่ว่าไหน ๆ น้องลานจะไปโรงพยาบาลแล้ว ก็ลองตรวจร่างกายเสียหน่อยก็ดีนะ ช่วงนี้ดูหน้าซีด ๆ พิกล”

             “เอ๋...” หญิงสาวทำหน้างง รีบส่องกระจก “ลานว่าไม่ซีดนะคะ หรือเพราะลานไม่ชอบแต่งหน้ามั้ง พอเทียบกับสาวออฟฟิศแถวนี้เลยดูซีดไป”

             “ไม่ใช่นา...” มุกดาพูดตามความรู้สึกจริง หล่อนไม่ใช่คนช่างสังเกตมากพอที่จะอธิบายได้ว่า ระหว่างคนหน้าซีดเพราะไม่แต่งหน้า กับหน้าซีดแบบขาดเลือดฝาดมันต่างกันอย่างไร

            “พี่มุกคะ วันนี้คุณหญิงจะเข้าออฟฟิศอีกมั้ย” ลานน้ำค้างรีบเปลี่ยนเรื่อง

            “ไม่เข้าแล้วล่ะ เย็นมากแล้วนี่ คงไปโรงพยาบาลดูน้องปันปัน” มุกดาบอก

            “น้อง...เอ่อ...ลูกสาวคุณหญิงจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่คะ” หญิงสาวถาม

             “คงอีกไม่กี่วันหรอก เห็นคุณหญิงท่านว่า หมอขอให้อยู่อีกสักไม่เกินอาทิตย์นึง ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านได้แล้ว”

              ลานน้ำค้างอมยิ้ม แอบระบายลมหายใจยาว โล่งอก...น้องปันปันอาการดีแล้ว มิน่า ถึงเที่ยวกวนคนโน้นคนนี้ ให้ช่วยตามหา “พี่ลาน” สงสัยหล่อนต้องแอบไปเยี่ยมอีกสักครั้งแล้วกระมัง

              เสียงโทรศัพท์มือถือลานน้ำค้างดังอีกครั้ง หญิงสาวมองเบอร์ที่โชว์แล้วนึกได้ รีบรับสายทันที

              “มาถึงบริษัทแล้วหรือหมู” ลานน้ำค้างนัดบูรพาให้มารับ เพื่อไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เกตก่อนกลับบ้าน แต่งานยังคาอยู่ตรงหน้า จึงไม่ได้ลงไปรอ

              “อือ...ยังทำงานไม่เสร็จล่ะสิ” ชายหนุ่มดักคออย่างรู้ทัน

              “ใช่...แล้วแกอยู่ที่ไหน”

              “รออยู่ชั้นล่าง” เขาตอบ “ไม่เป็นไรหรอก เราเดินเล่นอยู่แถวนี้ก่อนก็ได้ วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน”

              “ขึ้นมารอข้างบนนี้ก็ได้ มีกาแฟเลี้ยง” หญิงสาวมีน้ำใจ

             “จะอิ่มมั้ยล่ะ กาแฟถ้วยเดียว” ชายหนุ่มแหย่

             “กินมากเดี๋ยวอ้วนแล้วไม่หล่อนะแก” ลานน้ำค้างทำเสียงขู่ “แล้วจะขึ้นมารอมั้ย!”

             ถึงประโยคท้ายจะฟังเหมือนคำถาม แต่น้ำเสียงคือการสั่ง

             “จ้า จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละเจ้านาย” น้ำเสียงบูรพามีรอยยิ้ม ทำให้คนฟังรู้สึกดี มีรอยยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

             พี่มุกเห็นรอยยิ้มหญิงสาวก็อดแซวไม่ได้

             “แฟนโทรมาหรือจ๊ะ ดูหน้าตาสดใสขึ้นมาเชียว”

             “หือ...” ลานน้ำค้างทำเสียงสูง หน้าตาเหรอหรา “เจ้าหมูเนี่ยนะคะ แฟนลาน”

              ลานน้ำค้างนึกภาพตนเองกับบูรพาเป็นแฟนกันไม่ออก เวลานับสิบปีที่รู้จักกันมา ไม่เคยมีวันใดที่คำ ๆ นี้จะผ่านเข้ามาในความรู้สึก ต่อให้มีเสียงเชียร์ตลอดเวลาก็ตาม



             หญิงสาวรีบทำงานตรงหน้าให้เสร็จ ขณะที่บูรพาโผล่หน้ามาให้เห็นแวบเดียว เป็นเชิงบอกให้รู้ว่ามาแล้ว จากนั้นก็หลบหามุมส่วนตัวนั่งรอหล่อนอย่างไม่รีบร้อน

             มุกดามองตามหลังชายหนุ่ม แล้วหันมากระซิบแซวสาวรุ่นน้อง

             “หล่อขนาดนี้ ยังไม่ยอมรับเป็นแฟนอีกหรือจ๊ะ”

             ลานน้ำค้างเงยหน้ายิ้มรับคำพูดมุกดานิดเดียว ไม่สนใจต่อวาจา ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินคำพูดชื่นชมบูรพาในทำนองนี้มาก่อน หล่อนยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดีเข้าขั้นนายแบบ หรือไปเป็นพระเอกละครได้สบาย แต่ภาพของบูรพาในความทรงจำ และที่ติดอยู่ในใจเสมอ คือเด็กผู้ชายตัวอ้วนที่เป็นลูกไล่ คอยให้เธอปกป้องเสมอ

             เมื่อความรู้สึกในใจยังมีภาพอดีตของเขาอยู่เช่นนั้น บูรพาจึงไม่เคยก้าวข้ามเส้นแบ่งมิตรภาพออกมาได้ ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนเป็นเช่นไร หรือความเอาใจใส่ที่มีต่อหล่อนจะเสมอต้นเสมอปลายแค่ไหนก็ตามที

             เสร็จจากงาน ลานน้ำค้างรีบคว้ากระเป๋าเดินตามหาบูรพา เห็นเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศ ท่าทางมีสมาธิจนไม่กล้าเข้าไปขัด

             เพียงชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้า เงาร่างหล่อนแวบผ่านมาในสายตา บูรพาก็เงยหน้ายิ้มรับหญิงสาว

             “เสร็จงานแล้วเหรอ” น้ำเสียงอบอุ่น คุ้นเคย

             ลานน้ำค้างชะงัก หล่อนได้ยินคำทักทายเช่นนี้หลายครั้ง เห็นหน้าเขาก็บ่อย น่าแปลกที่วันนี้บูรพาดูผิดไป จากเดิม

            “ไปกันหรือยัง” เห็นหญิงสาวยังนิ่ง เขาจึงเอ่ยปากถาม

            “ไปสิ” ลานน้ำค้างตอบ

             คำพูดโต้ตอบกันง่าย ๆ ภายใต้ความง่ายนั้น มันมีสายใยความผูกพัน โยงใยกันไว้อย่างหลวม ๆ

             มันหลวมเสียจน...บางคนไม่อาจรู้ว่า...มันมีอยู่




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




             สองหนุ่มสาวอยู่ในซูเปอร์มาร์เกต

             บูรพาทำหน้าที่เข็นรถ ลานน้ำค้างเลือกของใช้ ของกินใส่รถ ทั้งคู่พูดคุย ถกเถียงกันบ้างตามปกติ ถึงอย่างนั้น ลานน้ำค้างมักสัมผัสความอบอุ่นจากใจคนอยู่ใกล้ ที่แผ่มาถึงเป็นระยะ มันชวนให้ยิ้มอย่างมีความสุข มีหลายครั้งที่มองใบหน้าบูรพาแล้วเหมือนรอบตัวมีความสว่างไสว สิ่งต่าง ๆ สวยงามกว่าเคย

             วูบหนึ่งหญิงสาวนึกฉงนใจ ทำไมตนเองเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้?

             เมื่อก่อน ตอนอยู่ใกล้ก็มีความพอใจ สบายใจแบบหนึ่ง...ไม่เหมือนเช่นนี้ หรือลานน้ำค้างเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของใจตนเอง

             “หมู แกไปทำอะไรมาน่ะ” จู่ ๆ หญิงสาวก็ถามขึ้น

             “ไปทำอะไร?” บูรพาย้อนถาม “ถามทำไม...”

             “อยากถามเฉย ๆ วันนี้หล่อผิดปกติ”

             บูรพาหยุดเข็นรถ มองหญิงสาว แกล้งทำสีหน้าแววตาจริงจัง

             “ลาน...เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า” น้ำเสียงชายหนุ่มเป็นห่วง ทิ้งท้ายคำพูดพร้อมรอยยิ้มหยอกล้อในดวงตา “เราก็รูปหล่ออย่างนี้ทุกวันนั้นแหละ ทำไมเพิ่งมาเห็น”

             “แหวะ” ลานน้ำค้างเบ้หน้า “หล่อจังเลย...ถ้ามีใครยกให้ ฉันจะรับไว้เฝ้าบ้านแล้วกัน”

             “ได้...เรากินไม่เปลืองหรอก เพดดีกรีเดือนละกระสอบก็พอ” ชายหนุ่มเล่นมุก

             “ฉันแถมแคลเซียมให้ด้วยเอ้า...เดี๋ยวเป็นโรคขาหลังเสื่อม” หญิงสาวได้ทีซ้ำเติมมุกเขา

             “ขอบใจนะ ที่ยังอุตส่าห์ให้เป็นพันธุ์อัลเซเซี่ยน” บูรพาทำหน้าบูด

             ถึงตอนนี้ความสดใสยังกระจายอยู่รอบตัว ความสุขที่สามารถเรียกรอยยิ้มมาเป็นระยะ บูรพามองหญิงสาวตรงหน้า บอกกับตัวเองว่า...ขอให้ได้รับรอยยิ้มเช่นนี้ เขายอมเป็นอะไรก็ได้

             “ฝึกงานใกล้เสร็จหรือยัง” บูรพาถาม

             “พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว” หญิงสาวตอบ

             “เร็วจังนะ พวกเราเหลือเวลาแค่ปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว” ชายหนุ่มพูดหงอย ๆ

             “ปีสุดท้ายแล้วนะเจ้าหมู จะได้ออกมาทำงานจริง ๆ สักที มาทำหงอยหาอะไร” หล่อนดุ

             “ปีนี้คงไม่มีเวลาช่วยดูพวกน้อง ๆ ซ้อมบอลน่ะสิ อีกไม่เท่าไหร่ก็จะมีแข่งกันแล้วด้วย”

             “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ปีสุดท้ายนี่เรียนหนักนะ ของแกมีธีสิสต้องทำด้วยนี่” ลานน้ำค้างพูดถึงวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาคณะของบูรพาต้องทำ

             “ไม่เป็นไร เราก็ให้เธอช่วยทำไง เหมือนสมัยเด็ก ๆ” บูรพาหยอก

             “จะบ้าเหรอ เรียนกันคนละคณะ จะให้ฉันช่วยทำได้ยังไง”

             พอหญิงสาวตวาดแหว บูรพาหัวเราะ นัยน์ตาพราว แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปพบหญิงสาวสวยจัด สวมแว่นกรอบหนา เดินเลือกซื้อของอยู่ไม่ไกลนัก

             “เฮ้ยลาน ช่วยดูทีสิ ใช่ “มาตา” นักร้องดังหรือเปล่า” บูรพากระซิบ

             ลานน้ำค้างหันไปทางเดียวกับชายหนุ่ม มองสาวสวยคนนั้นอย่างสังเกตอยู่ชั่วขณะก็พยักเพยิดด้วย

              “ใช่แน่ ๆ ...โห...ตัวจริงสวยมากเลยนะ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้”

              “มาตา” ดารา นักร้องชื่อดังระดับแนวหน้าของประเทศ อยู่ในวงการบันเทิงไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี มาจากเวทีประกวดสาวงามระดับชาติตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ก่อนเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นดารา นางแบบ และผันตัวเป็นนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมานานนับสิบปี

              ถึงวันนี้มาตายังดูสาว และสวยจัด สามารถรับบทนางเอก ดารานำฝ่ายหญิงได้โดยไม่ขัดสายตาผู้ชม

              “มากับใครเนี่ย” ลานน้ำค้างกระซิบถามเพื่อนหนุ่มตามประสาพวกอยากรู้เรื่องดารา

              คำตอบมาในเวลาไม่นานนัก...เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข็นรถตามมาห่าง ๆ ถึงสีหน้าจะบูดบึ้ง แสดงความไม่เต็มใจนัก แต่ดาราสาวก็เอาใจใส่เขาอย่างดี เลือกหยิบของใส่รถเข็น มีรอยยิ้มหวานสวยเอาอกเอาใจ

              ลานน้ำค้าง บูรพาจ้องเด็กหนุ่มคนนั้นตาแทบถลน ตกใจยิ่งกว่าได้ยินเรื่องประหลาดใด ๆ

              เด็กหนุ่มหน้าบูดคนนั้น พวกเขารู้จักดี...เคยพักบ้านบูรพาหลายวัน ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่อื่น

                 ...โดม...



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP