วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๑๓



Tao Nam Kang - front re


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ลิฟต์เลื่อนลงไปแล้ว หญิงสาวค่อยหันหน้าทางห้องคนป่วย ก้าวขาช้า ๆ ปล่อยกาย ปล่อยใจตามสบาย เป็นอิสระจากความคิด ความรู้สึกที่คอยรบกวน ชวนให้หันหลังกลับ

            ก้าวแต่ละก้าวสร้างความมั่นใจทีละน้อย จนใกล้ถึงห้องปันปัน ความตื่นเต้นค่อยคลาย รู้สึกเป็นปกติขึ้น... อีกสองสามก้าวจะถึงห้องคนป่วย ลานน้ำค้างเห็นประตูห้องนั้นเปิดออก หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสวยกระจ่างตาก้าวออกมา ความสวยของเธอทำให้ลานน้ำค้างถึงกับหยุดยืนตะลึงไม่รู้ตัว

            ขนาดเตรียมใจว่าจะต้องเจอ พอมาพบจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นสวยกว่าที่เห็นชั่วแวบหลายเท่าตัว เล่นเอาลานน้ำค้างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองเธอเหมือนโดนมนต์สะกด

            ใบหน้าของเธอดูผุดผาด สะดุดตา กระชากใจผู้ชาย ผมปล่อยเคลียไหล่ง่าย ๆ ดูเก๋ รับกับใบหน้า ดวงตาคมปลาบบาดใจ จมูกปากได้รูปสวยเหมือนถูกปั้นแต่งมาพอดิบพอดี เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่ใช้บอกยี่ห้อ รสนิยมที่ดี ท่วงท่ากิริยามั่นใจแบบสาวสมัยใหม่

            ขณะสบตากัน หญิงสาวคนนั้นเป็นฝ่ายยิ้มสวยให้ลานน้ำค้าง เสมือนคนที่คุ้นเคยกับการถูกจ้องมองจนชิน ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่เดินตามออกมาก็โดดเด่น ทั้งรูปร่าง หน้าตา พอทั้งสองยืนเคียงคู่กัน ดูราวกับเป็นภาพเขียน ซึ่งงดงามสมบูรณ์แบบ ยากหาที่ต้องติ

            “ผมไปส่งเกรซก่อนนะครับแม่” ชายหนุ่มกำลังพูดกับมารดาในห้อง จึงไม่ทันมองด้านนอก พอปิดประตู เหลียวหน้า ก็พบลานน้ำค้างยืนห่างไม่กี่ก้าว

            “อ้าว คุณผู้ช่วยเลขาฯ” เลียบเมืองจำหล่อนได้

            หญิงสาวรีบยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ สาวสวยที่ยืนด้านข้าง มองชายหนุ่มเป็นเชิงบอกว่าอยากรู้จักสาวแปลกหน้าคนนี้

            “เธอเป็นผู้ช่วยของมุกดา เลขาฯคุณแม่น่ะ” เลียบเมืองบอกสาวสวยคนนั้น ก่อนหันมาถามตรงตัวลานน้ำค้าง “วันนี้คุณแม่ไม่ได้เข้าบริษัทเลย มีเรื่องด่วนมาให้เซ็นหรือเปล่า”

            ลานน้ำค้างได้สติ เป็นตัวของตัวเอง จึงยิ้มให้เขาก่อนตอบ

            “อ๋อ เปล่าค่ะ พอดีดิฉันจะมาเยี่ยมน้องที่ป่วย” หญิงสาวไม่ได้บอกว่า “น้องที่ป่วย” นั่น ก็คือน้องสาวของเขาเอง

            “ห้องไหนหรือครับ” เลียบเมืองถามสุภาพ ตามมารยาท หญิงสาวข้างกายเขาก็ยิ้มให้มีไมตรี

            ลานน้ำค้างตั้งใจตอบตรงไปตรงมา ความกังวล เขินอายหายหมดแล้ว เผอิญสายตาพบกับคุณหมอหนุ่มที่เดินผ่านมา แถมเขายังเอ่ยทักหล่อนอย่างคุ้นเคย

            “อ้าวลาน...มาทำอะไรที่โรงพยาบาลตอนนี้” หมอน่านทัก

            ไม่รู้ว่าเหตุการณ์อะไรจะมาประจวบเหมาะอย่างนี้ ลานน้ำค้างกำลังจะตอบว่ามาเยี่ยมน้องปันปัน คุณหมอก็นึกถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องได้ก่อน

            “จริงสิ...เรายังไม่ยอมไปตรวจร่างกายเลยนี่ มาตรวจซะตอนนี้เลยดีมั้ย” คุณหมอห่วงสุขภาพหญิงสาว

            “ได้หรือคะ” ลานน้ำค้างพูดอย่างงง ๆ ไม่รู้จะตอบอย่างไร

            “ถ้าจะทำจริง ๆ ก็ได้มั้ง ตะกี้พี่เห็นพวกเจ้าหน้าที่แล็บเขายังอยู่กันนี่”

            หมอน่านพูดถึงตรงนี้ เลียบเมืองกับเกรซก็ขอตัว เลี่ยงไปอย่างสุภาพ ลานน้ำค้างมองตามหลังสองหนุ่มสาว เกิดริษยา แปลบเล็ก ๆ ในใจขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจางหาย เมื่อยอมรับจากใจจริงว่า นี่คือคู่ที่เหมาะสมกันคู่หนึ่ง ผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าฐานะทางสังคมเสมอกัน

            “จะไปตรวจร่างกายใช่มั้ย? มาสิ พี่จะพาไป” เสียงหมอน่านเรียกลานน้ำค้างให้หันกลับ

            “อะไรนะคะ” หญิงสาวถามเหรอหรา

            “จะมาตรวจร่างกายใช่มั้ย พี่จะพาไป” คุณหมอย้ำคำพูดตนเอง

            “แต่นี่มันค่ำแล้วนะคะ เจ้าหน้าที่เขายังทำงานกันอยู่เหรอ”

            “รู้เหมือนกันนะว่ามันค่ำแล้ว แล้วทำไมไม่มาตรวจตอนกลางวัน” หมอน่านพูดกึ่งบ่น

            “นั่นสิ ลานว่ามาตรวจใหม่ดีกว่านะคะ อีกอย่าง ใบตรวจที่พี่น่านเขียนให้ ลานก็ลืมเอามาด้วย” หญิงสาว พยายามหาทางเลี่ยง รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น อีกอย่างคืออยากรีบไปเยี่ยมปันปัน

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เขียนให้ใหม่”

            “แต่ลานเจาะเลือดไม่ได้นะคะ ไม่ได้อดอาหารมา” หญิงสาวพยายามหาช่องทางหนี

            “ไม่ต้องหรอก ไหน ๆ ก็มาแล้ว รีบไปตรวจเลยดีกว่า เดี๋ยวเราก็เบี้ยวอีก” คุณหมอตัดบทง่าย ๆ พร้อมกับดึงมือหญิงสาวให้เดินตาม รู้จักนิสัยกันดีว่า ขืนพูดมาก เจ้าตัวต้องโยกโย้ ไม่ก็แอบแวบหนี เพราะกลัวเข็มฉีดยา

            ลานน้ำค้างหน้ามุ่ย แต่ไม่ขัดขืน ยอมตรวจร่างกายให้สิ้นเรื่องสิ้นราว คุณหมอหนุ่มจะได้ไม่บ่นจู้จี้อีก




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หมอน่านตรวจอาการขั้นต้นของลานน้ำค้างครั้งที่เป็นลม รู้สึกไม่แน่ใจในสุขภาพหล่อน จึงสั่งให้มาตรวจอย่างละเอียด แต่ตัวคนป่วยกลับไม่สนใจ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ลืมได้ก็ลืม...มาคราวนี้ จังหวะประจวบเหมาะ หนีไม่ออก จำใจยอมตรวจตามใจคุณหมอ

            เวลาเพิ่งจะค่ำ นอกเวลางานเช่นนี้ เจ้าหน้าที่แล็บจะเลิกงานกลับบ้าน ไม่รับตรวจ วันนี้นับว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่ยังอยู่ และคุ้นเคยกับหมอน่าน จึงเต็มใจตรวจร่างกายให้หญิงสาวที่หมอน่านบอกว่าเป็นน้องสาว...

            เวลาผ่านไป การตรวจ เจาะเลือดเสร็จเรียบร้อย เหลือแค่นำเลือดที่เจาะไปเข้ากระบวนการทางแล็บ ซึ่งยังไม่สามารถทำได้ทันที ผลตรวจร่างกายจึงต้องรอไปอีกสองสามวัน

            ลานน้ำค้างหน้ามุ่ย ที่แขนมีพลาสเตอร์ปิด หมอน่านยิ้มขัน ขอบคุณเจ้าหน้าที่แล็บแล้วพาหล่อนออกจากห้องตรวจ

            “เห็นมั้ย ไม่ยุ่งยากอะไรเลย โยกโย้อยู่ได้น่ะเรา”

            “ไม่ยุ่งยากแต่มันเจ็บนี่” หญิงสาวบ่นออด

            “ค่ำแล้ว จะกลับบ้านยังไง โทรให้บูรพามารับมั้ย” คุณหมอเป็นห่วง

            “ลานกลับเองได้ ตอนนี้เจ้าหมูมันยังไม่เลิกงานหรอกมั้ง” หล่อนตอบ

            “ถ้าไม่ติดเข้าเวร พี่ก็จะไปส่งให้หรอก ขอโทษด้วย” เขาบอก

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไม่ดึกสักหน่อย ลานโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ สักหน่อย”

            หญิงสาวรีบบอกลาก่อนมีการพูดจาอีกยืดยาว และสุดท้ายคุณหมออาจแวบไปส่งเอง ด้วยนิสัยความมีน้ำใจของเขา

            ลานน้ำค้างมีธุระบางอย่างต้องทำ คือไปเยี่ยมปันปัน คิดว่าถ้าไม่รีบตอนนี้ คราวหน้าคงยากที่จะรวบรวมความกล้าได้อีก

            แยกกับหมอน่าน หญิงสาวเดินวกกลับยังตึกผู้ป่วย ใช้เวลาไม่นานมาถึงห้องปันปัน สูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนเคาะประตู

            หลังเสียงเคาะประตู ไม่มีคำพูดใด ปกติคนที่เคาะห้องผู้ป่วยไม่ค่อยรอคำอนุญาตอยู่แล้ว โดยมากแค่เคาะให้คนในห้องรู้ตัว จากนั้นก็เปิดเข้าไปได้เลย
  
            ลานน้ำค้างไม่ต่างจากคนอื่น หล่อนทิ้งช่วงเวลาหลังเคาะประตูนิดนึง แล้วจึงเปิดเข้าไป พร้อมรอยยิ้มหวานสุดชีวิต เตรียมคำพูดทักทายคนในห้องพร้อมสรรพ พอประตูห้องเปิด เท้าก้าวเข้าไปเพียงสองสามก้าว หญิงสาวก็สัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่าง

            แสงไฟในห้องหรี่สลัว ความเย็นแปลก ๆ ที่ไม่ได้มาจากเครื่องปรับอากาศแผ่กระจายออกมา กลิ่นบางอย่างคุ้นจมูก ไม่ใช่กลิ่นยา หรือกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคลอยอบอวลทั่วห้อง

            ลานน้ำค้างไม่ได้หวาดกลัว แค่แปร่งแปลก ขาทั้งสองพาเข้ามาจนถึงเตียงคนป่วย มองรอบตัว ไม่เห็นใครนอกจากปันปัน กับพยาบาลพิเศษที่ฟุบหลับบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างไม่น่าเป็นไปได้

            ปันปันหลับสนิท จังหวะหัวใจเต้นสม่ำเสมอ ใบหน้าอมยิ้มน้อย ๆ มีความสุข ไม่ต่างจากเจ้าหญิงกำลังบรรทม พักผ่อนในปราสาทของตนเอง

            ลานน้ำค้างขยับเข้าใกล้ มองแก้มใสที่ยังซีดเซียวด้วยความรู้สึกอ่อนโยน เอื้อมมือสัมผัสแก้มน้อยเบา ๆ รอยอุ่นแตะปลายนิ้วจาง ๆ

            “พี่มาเยี่ยมแล้วนะจ๊ะปันปัน” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบา กลัวเจ้าหญิงตัวน้อยจะตื่น

            “ดีใจด้วยนะที่การผ่าตัดครั้งนี้เรียบร้อย” คำพูดต่อมามีกระแสความโล่งใจ ปลอดโปร่ง

            “หายไวไว แข็งแรงเร็ว ๆ นะ พี่เอาใจช่วย...สู้สู้”

            รอยยิ้มอ่อนโยนแตะแต้มบนใบหน้าลานน้ำค้าง ก่อนจะก้มตัวลง หอมแก้มเจ้าตัวเล็กด้วยหัวใจอันอบอุ่น และความอบอุ่นในใจนี้ ถ่ายทอดผ่านสัมผัสอย่างหมดสิ้น

            ปันปันขยับตัวเล็กน้อย ดวงหน้าจ้อยขยับยิ้มราวกับฝันดี...

            ความอบอุ่นในใจลานน้ำค้างแผ่กระจายออกไปรอบห้อง อากาศเย็นแปลก ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง ราวกับมีแสงแดดอ่อนส่องฉายเข้ามาแทนที่ หญิงสาวเห็นร่าง ๆ หนึ่งยืนอยู่อีกฟากเตียงปันปัน ร่างนั้นดูเหมือนจะยืนอยู่ตั้งแต่แรกที่หล่อนเข้ามาในห้อง

            ลานน้ำค้างไม่รู้สึกกลัวสักนิด จิตใจตั้งมั่น เงยหน้าช้า ๆ รอยยิ้มต้อนรับ มีไมตรี

            ชายกลางคนคนเดิม กำลังยืนรอ...รอให้หญิงสาวมองเห็นเขา ใบหน้าชัดเจนเช่นเดียวกับคราวก่อน เพียงแต่ดูสงบลงกว่าเดิม ไม่ร้อนรนกระวนกระวาย

            “ขอบใจนะ ที่ช่วยเหลือปันปัน” เสียงเขาดังขึ้นในใจ

            “ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อน้องปันปัน” ลานน้ำค้างขยับปากตอบเบา ๆ

            ดวงหน้าที่สงบมีรอยยิ้มเล็กน้อย

            “ฉันชื่อสันติ” ผู้พูดบอกราวกับนึกขันคำเรียกขานของหล่อน “และปันปันก็ไม่ใช่ลูกของฉัน

            เสียงบอกชัดเจน ต้องการให้เข้าใจ

            “คะ...” ลานน้ำค้างไม่แน่ใจคำพูดนั้น หล่อนแน่ใจว่าสามีคุณหญิงรัดเกล้าชื่อคุณสันติ แต่ไม่ทราบรายละเอียดของครอบครัวเธอมากกว่านี้

            คุณสันติทำท่าเหมือนอยากบอกอะไรบางอย่าง แต่ติดขัดด้วยการสื่อสารยากอธิบาย สุดท้ายแค่ยิ้มจาง ๆ ร่าง เริ่มเลือนรางลงไป

            ลานน้ำค้างยกมือไหว้ ด้วยความรู้สึกว่าตนเองเป็นเด็กกว่า ชั่วขณะนั้นเอง คล้ายกับมีการเชื่อมเส้นทางสื่อสารสายพิเศษ หญิงสาวบังเกิดตัวชาวาบ นัยน์ตาหลับลง ร่างนิ่งงัน จิตใจตั้งมั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และมีภาพบางอย่างปรากฏขึ้นภายใน...

            ภาพทุกภาพชัดเจน คมชัด ไม่ต่อเนื่อง ปรากฏเป็นวูบแล้วหายวับ ยากจับใจความ มันเกิดขึ้นไม่กี่ขณะก็ดับหายไป หายไปราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน

            หญิงสาวลืมตา สติยังทรงตัว ความสงสัยบางอย่างเกิดขึ้นในใจ...

            คุณสันติบอกว่าปันปันไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของเขา...จากนั้นก็มีภาพโผล่ขึ้นมาเพื่อจะบอกเล่าเรื่องราว เรื่องของปันปัน และแม่ที่แท้จริงของปันปัน

            ลานน้ำค้างรู้แล้วว่า ‘ปัณรสี’ ผู้หญิงที่ช่วยให้เลือด เป็นแม่แท้จริงของปันปัน

            ส่วนเรื่องราวที่เหลือยังคลุมเครือ จับใจความไม่ถูก จึงเกิดปัญหา ข้อสงสัย อยากรู้ตามเป็นพรวน

            ที่น่าสงสัยคือ คุณสันติมีจุดประสงค์ใดที่บอกประวัติปันปันให้เธอรู้...

            เพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ...หรือให้หล่อนทราบปัญหาที่ปันปันอาจได้เจอในวันข้างหน้า...

            ลานน้ำค้างเกิดคำถามขึ้นในหัวมากมาย แล้วจู่ ๆ ก็มองเห็นที่มาของคำถาม...

            นั่นคือ ความสงสัย” พอความสงสัยถูกรู้เข้า มันก็ดับหาย หายไปพร้อมกับคำถาม...

            หญิงสาวได้สติ ภายในห้องคนป่วยมีแสงสว่างตามปกติ อากาศเย็นสบาย ไม่มีกลิ่นแปลก ๆ บรรยากาศเมื่อแรกย่างเท้าเข้ามาจางหายเสียสิ้น

            พยาบาลพิเศษขยับตัว กำลังจะลุกขึ้น ลานน้ำค้างก้าวถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ถอยไปถอยมาก็ถอยออกมานอกห้องคนป่วย ก่อนคุณพยาบาลจะตื่น

            สุดท้ายหล่อนได้มาเยี่ยมปันปันสมความตั้งใจ ส่วนเรื่องอื่นที่ได้รู้เกินมานั้น ตั้งใจเก็บมันไว้เป็นความลับ ไม่บอกใคร




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยจิตใจปลอดโปร่ง สิ่งที่ตั้งใจได้กระทำเสร็จเรียบร้อย แม้จะมีเรื่องราวบางอย่างก่อให้เกิดปัญหาค้างคาใจบ้างก็ไม่สนใจ รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิต

            พอพ้นประตูโรงพยาบาล พบโดมเดินเกร่ไปมา ดูรู้ว่ากำลังรอใคร...ร่างผอมเพรียว ผมยาว มองไกล ๆ อาจเผลอคิดว่าเป็นผู้หญิง พอเข้ามาใกล้ เห็นรูปหน้าสวย ดวงตาคม ผิวเนียน กลับกลายทำให้สาว ๆ อิจฉาแทน ลานน้ำค้างมองแล้วอดยิ้มขันไม่ได้

            ถ้าใครบอกว่าโดมสวยกว่าหล่อน...เห็นทีจะเถียงไม่ออกแน่!

            “ไม่รีบไปทำงานเหรอ” ลานน้ำค้างถามเหมือนซักไซ้

            “วันนี้ไม่ไปแล้ว” เขาตอบง่าย จงใจไม่สบตา

            “แล้วมาทำอะไรอยู่แถวนี้” ถามพร้อมยิ้ม รู้ทัน

            “จะกลับบ้านหรือยัง” โดมถามกลับแทนการตอบ

            “ทำไมเหรอ” หญิงสาวแกล้งโยกโย้ เดินเข้ามาใกล้ ยิ้มหวานใส่ดวงตาเขา

            “ค่ำมืดแล้ว จะไปที่ไหนอีก” เขาก้มหน้า สบตาหล่อน พูดเสียงกึ่งดุ

            “ไปไหนดีล่ะ” ถามพลางยิ้มล้อเลียน

            “กลับบ้านเถอะ ผมจะไปส่ง” โดมรวบรัด พูดจบก็ดึงมือหญิงสาวไปที่ป้ายรถเมล์

            ระหว่างทาง ลานน้ำค้างกำลังนึกขัน มองมือเด็กหนุ่มที่ฉุดมือหล่อนด้วยความรู้สึกเหมือนถูกน้องชายเกเร จูงมือกลับบ้าน ไม่คิดสลัดมือออก แค่อยากดูว่าเขาจะปล่อยเองเมื่อไหร่

            “จูงไม้จูงมือกันแบบนี้ เราเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ” แกล้งเปรยลอย ๆ เมื่อใกล้ถึงป้ายรถเมล์

            โดมหยุดกึก หันมามองหล่อนด้วยแววตาแปลก รีบปล่อยมือด้วยสีหน้าเขินนิด ๆ

            “ไม่ไปทำงานจริง ๆ เหรอ ช้านิดช้าหน่อย เจ้าของร้านเขาไม่ว่าหรอก ดูท่าใจดีออก” ลานน้ำค้างแหย่ถาม

            “ผมโทรไปบอกลางานเขาแล้ว อีกอย่างลืมไป ถ้าผมเริ่มทำงานคืนนี้ มันก็ต้องกลับดึก เกรงใจพี่บู” โดมอธิบายยาวขึ้น

            “แล้วจะย้ายออกมาวันไหน” ลานน้ำค้างถาม

            “พรุ่งนี้...” โดมตอบ มีรอยอาวรณ์ลึกในน้ำเสียง

            “อ๋อ...” ลานน้ำค้างเข้าใจ กำลังจะชวนคุยต่อ พอดีรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการมาถึง เลยหยุดคำพูด รีบขึ้นรถก่อน

 

            โชคดี รถค่อนข้างว่าง เก้าอี้คู่เหลือด้านหลัง ทั้งสองจึงเข้าไปจับจองที่นั่ง...ระหว่างทางโดมนิ่งเงียบ ไม่พูดจา ลานน้ำค้างแอบมองเสี้ยวใบหน้าเขาก็พอเดาออก เด็กหนุ่มมีเรื่องอยากพูด แต่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

            “แอร์ไม่ค่อยเย็นเนอะ” หญิงสาวเริ่มต้นบทสนทนา โดมหันมามอง ยังไม่ยอมพูดอะไร

            “ได้ห้องเช่าแถวไหนเหรอ” พอฝ่ายตรงข้ามยังเงียบ ลานน้ำค้างก็ชวนคุยต่อ

            โดมปล่อยให้คำถามเหล่านั้นผ่านหูเหมือนเรื่องไร้สาระ ริมฝีปากสีสดเม้มนิด ๆ กำลังชั่งใจว่าควรถามบางคำถามออกมาหรือไม่...

            “เจอเขาไหม” เด็กหนุ่มหลุดคำถามลอย ๆ ไม่ยอมมองหน้าคนข้าง ๆ

            “เจอใคร” ลานน้ำค้างย้อนถาม

            “เขา...คนที่คุณชอบน่ะ” โดมตอบช้า...แต่ละคำ ช่างพูดยากเย็น

            “เจอสิ...” คำตอบลานน้ำค้างฟังสดใสเสียจนทำให้แววตาเด็กหนุ่มหม่นลงโดยไม่รู้ตัว

            “เจอทั้งตัวเขา แล้วก็...คนที่คิดว่าเป็นแฟนเขาด้วย” คำพูดต่อมาเรียกความสนใจจากโดมจนเขาต้องหันมาสบตาตรง ๆ

            สีหน้าหญิงสาวยังสดใส ดวงตาไม่มีร่องรอยเสียใจ หม่นหมอง หนำซ้ำกลับดูร่าเริง ดังเช่นคนที่กำแพงในใจทลายลงได้

            “คุณไม่เสียใจ...” โดมถามค้าง ๆ

            “เสียใจทำไมล่ะ” ลานน้ำค้างย้อน...เห็นโดมมีสีหน้าแปลก ๆ ความสงสัยยังอยู่ จึงอธิบายเพิ่มเติม

            “โดมเคยปลื้ม หรือชอบ หลงรักดารา นักร้องดังคนไหนบ้างมั้ย”

            “เคย” เขาพยักหน้า

            “แล้วเวลาที่ดารา นักร้องคนนั้นเขาไปมีแฟน โดมรู้สึกอกหักมั้ย”

            “ไม่” เขาตอบพลางย้อนถาม “ทำไมต้องอกหักด้วย”

            “นั่นสิ...” หญิงสาวตอบอย่างสบายใจ “พี่ก็ชอบคุณเลียบเมือง เหมือนกับที่โดมปลื้มดารานักร้องนั่นแหละ เราจะมีความสุขที่ได้มองเขาห่าง ๆ ถ้าอยู่ใกล้ เราอาจเขิน ทำตัวไม่ถูก แต่ถ้าเขามีแฟน เราก็ไม่ได้อกหักเสียใจอะไร ยิ่งถ้าแฟนเขาเป็นคนที่ถูกใจเรา ก็ยิ่งสนับสนุน อยากให้พวกเขารักกันนาน ๆ”

            โดมฟังคำพูดของลานน้ำค้างอย่างแปลกใจ ก้อนอึดอัดภายในคลี่คลายไม่รู้ตัว ส่งผลให้ใบหน้าละมุนลง ดวงตาทอประกายสุกใส ริมฝีปากมีรอยยิ้ม

            “อีกอย่างนะ แฟนของคุณเลียบเมือง รู้สึกว่าจะชื่อคุณเกรซนะ เป็นผู้หญิงที่สวยมาก พี่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เห็นเขาครั้งแรกก็ยังชอบเลย ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ ก็อยากให้พวกเขารักกันนาน ๆ”

            หญิงสาวพูดยืดยาว ทั้งที่ไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก รู้แค่พอใจที่ได้อธิบายความในใจออกมาให้โดมฟัง

            “ถ้า...ผมเป็นนักร้องดัง...” คำถามของโดมสะดุดนิด ๆ “คุณจะปลื้มผมแบบนี้มั้ย?”

            ลานน้ำค้างมองเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ เขาไม่ยอมสบตา เฉไฉมองตรงไปข้างหน้า ราวกับจะแลให้เห็นถึงฝั่งฝันอันแสนไกล

            “อืม...ต้องขอฟังผลงานก่อน” หญิงสาวตอบ

            “ไปออดิชั่นวันนี้...ผมดูแล้ว เห็นว่าพวกเขาพอใจมาก” เขาพูดเหมือนเล่าเรื่องให้คนใกล้ตัวฟัง “อาจมีโอกาส ได้เซ็นสัญญา”

            “ถ้าอย่างนั้น พี่ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยล่ะ”

            น้ำเสียงแสดงความยินดีจริงใจ เปิดเผยเช่นนี้ ทำให้โดมขยับปากจะพูดคำพูดบางคำ แต่หญิงสาวกลับขัดขึ้นมาก่อน

            “ตายแล้วโดม ป้ายหน้าจะถึงบ้านแล้ว...รีบลงเร็ว”

            เด็กหนุ่มถอนใจ รู้สึกสถานการณ์ไม่ค่อยอำนวย ถึงอย่างนั้นก็ยังดี ที่วันนี้ได้พูดจาเปิดใจกับลานน้ำค้าง มากกว่าเคยพูดกับใครมาก่อน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP