วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๑๒



Tao Nam Kang - front re


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            โดมเดินออกจากร้านอาหารอย่างไม่รู้เหนือใต้ ตอบตัวเองไม่ถูกว่ากำลังจะไปไหน สมองโล่งกลวง ไร้ความคิด ความทรงจำ ไม่มีสติ ขาก้าวไปบนฟุตบาท สายตามองตรงข้างหน้า แต่ไม่สามารถมองเห็น แยกแยะผู้คนที่เดินสวนผ่านไปมาไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าสีอะไร...

            “โดม...มาทำอะไรแถวนี้” มือเอื้อมตบไหล่เขาเบา ๆ พร้อมเสียงทักทายคุ้นเคย

            เด็กหนุ่มมองเห็นใบหน้านวลแอร่ม นัยน์ตาโตดำขลับ ที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างงุนงง เกือบนึกไม่ออกว่า หญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร จนกระทั่งเห็นรอยยิ้มของหล่อนชัดเจน รอยยิ้มกว้างที่เหมือนสายลมอบอุ่น พัดผ่านมาให้แก่หัวใจอันเหน็บหนาว

            “อ้าว...เป็นอะไรอึ้งเชียว...หรือว่าวันนี้พี่สวยกว่าปกติ” หญิงสาวล้อ

            “ลาน...” โดมเอ่ยชื่อหล่อนเบา ๆ ความยินดีท่วมท้นหัวใจ ราวกับมีแสงสว่างขับไล่หมอกมัวในหัวใจจนสิ้น ในพริบตา

            “ไปไหนมา” ลานน้ำค้างถาม

            น่าแปลกที่เด็กหนุ่มต้องพยายามเรียบเรียงความทรงจำตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ ก่อนตอบหล่อนตามตรง

            “ผมไปออดิชั่น แล้วก็หาห้องเช่า” เขาจงใจไม่บอกถึงการพบปะมารดาเมื่อครู่

            “ออดิชั่นเหรอ?” ลานน้ำค้างทวนคำแรก แววตายินดี “ที่บริษัทไหน เป็นยังไงบ้าง”

            น้ำเสียงกระตือรือร้น เช่นคนมีนิสัยร่วมพอใจ ยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น อดทำให้เกิดรอยยิ้มในใจโดมไม่ได้

           “ที่...” โดมบอกชื่อบริษัทดนตรีค่ายยักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน ก่อนพูดต่อกึ่งถ่อมตัว “ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง อย่าเพิ่งรีบดีใจก่อนเลย”

           “เฮ้ย ไม่ได้สิ มีโอกาสจะได้เป็นศิลปินดังทั้งที” หญิงสาวพูดราวกับตนเองเป็นผู้จัดการส่วนตัวเขา

            “เออ แล้วเรื่องห้องเช่าเป็นยังไง หาได้หรือยัง” หล่อนถามต่ออย่างเป็นห่วง

            “ได้แล้ว คิดว่าพรุ่งนี้คงจะย้ายของออกเลย” โดมตอบ

            “ห้องเช่าอยู่แถวนี้เหรอ” ลานน้ำค้างถามพลางมองไปรอบ ๆ... บริเวณนี้เป็นย่านธุรกิจสำคัญ ตึกบริษัท คุณหญิงรัดเกล้าก็อยู่แถวนี้ ห้องเช่า อพาร์ตเม้นท์ใกล้ ๆ คงไม่ใช่ราคาถูก
 
            “เปล่า” โดมตอบ “แถวนี้ห้องเช่าแพงจะตาย ผมสู้ไม่ไหวหรอก”

            “อ้าว...แล้วมาทำอะไรแถวนี้” หญิงสาวสงสัย

            เด็กหนุ่มนิ่ง ไม่ตอบ ไม่อยากบอกความจริง และไม่ต้องการพูดจาหลีกเลี่ยง

            “จริงสิ ตอนนี้ว่างมั้ย” เมื่อไม่ได้คำตอบ ลานน้ำค้างก็ไม่เซ้าซี้ถาม สามารถเปลี่ยนเรื่องง่ายดาย

            “ว่าง...ผมรอเวลาไปเล่นดนตรีตอนดึก” เขาตอบ

            “งั้นดีเลย” หญิงสาวดูนาฬิกา...เพิ่งห้าโมงเย็น หล่อนเลิกงานเร็ว กำลังจะไปโรงพยาบาล พอดีพบโดมที่ริมถนนเสียก่อน

            “ไปธุระกับพี่หน่อยได้มั้ย” เธอถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

            โดมเลิกคิ้ว สงสัย ลานน้ำค้างยิ้มหวาน อย่างเคยใช้ได้ผลกับบูรพามาแล้ว มั่นใจว่าพ่อหนุ่มตรงหน้าคงไม่ใจแข็งกว่าเพื่อนสนิทหล่อนแน่

            “ไปไหน” โดมถาม

            “ไปโรงพยาบาล...” คำตอบพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาใสแจ๋วแบบเด็กน้อย ที่แอบเจ้าเล่ห์เล็ก ๆ

            โดมพยักหน้า...เขาเสียดาย หากปฏิเสธคำชวนของเธอ



 
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ลงจากรถเมล์ มองเห็นป้ายโรงพยาบาลเด่นชัด เป็นโรงพยาบาลที่โดมมารักษาตัว ตอนโดนรุมทำร้าย ซึ่งเขาแอบหนีมาโดยไม่มีใครรู้

            “โรงพยาบาลนี้เหรอ” เด็กหนุ่มหยุดมองอย่างลังเล

            “ใช่จ้ะ” ลานน้ำค้างตอบ พลางสังเกตท่าทางเด็กหนุ่มก่อนนึกได้ “อ๋อ...โดมไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่หนีออกจากโรงพยาบาลคราวนั้นหรอก พี่รับรอง ไม่มีใครติดใจอีกแล้วล่ะ”

           พูดเพื่อให้เขาคลายใจ โดมยังยืนนิ่ง มองป้ายชื่อโรงพยาบาลด้วยแววตาแปลก ๆ กึ่งรังเกียจ กึ่งอึดอัดใจ

           “โดม” หญิงสาวเรียกชื่อเขาอีกครั้ง เด็กหนุ่มหันมองหล่อนตรง ๆ

           “ผมไม่เข้าไปได้มั้ย” คำพูดเกือบห้วน สะดุดใจผู้ฟัง

           “มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนของหญิงสาวช่วยให้ใบหน้าเขาคลายลง

            “ผมไม่อยากเข้าไป” คำตอบชัด ตรง หากเป็นเวลาอื่นลานน้ำค้างคงยอมตามใจ ไม่ฝืนความต้องการ...แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่

            “เข้าไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่อยากไปเยี่ยมน้องผู้หญิงคนนึง แต่ไม่อยากเข้าไปคนเดียว...ขอร้องล่ะ”

            เสียงพูดอ่อนอ่อย แววตาเว้าวอนจนฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าสบตาด้วย

            “อย่า...อยู่นานนักนะ” บอกแล้ว...โดมไม่อาจขัดคำขอร้องของเธอได้

            ลานน้ำค้างยิ้มกว้าง โล่งใจ จับมือเด็กหนุ่มมาเขย่าเบา ๆ

            “รับรองจ้ะ แป๊บเดียวแน่ ๆ พี่ไม่กล้าอยู่นานเหมือนกัน ขอบใจนะโดม”

           สัมผัสจากมือนั้นแล่นปลาบสู่หัวใจโดม ยามเห็นหญิงสาวยิ้มเต็มที่ หัวใจเขาก็มีดอกไม้บานสะพรั่งเต็มไปหมด ใบหน้าโดมมีรอยยิ้มจาง ๆ ทาทาบโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั้นช่วยให้ใบหน้ารูปสวยดูคมคาย น่ามองกว่าเดิม




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            การผ่าตัดรอบสองของปันปันประสบความสำเร็จ เด็กหญิงนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง มีพี่ชายและมารดา คอยดูแลใกล้ชิด ผู้หญิงที่มาช่วยบริจาคเลือดแก่ปันปันจากไปแล้ว ราวกับไม่ต้องการให้แม่หนูน้อยรับรู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่ในโลก

            ลานน้ำค้างกับโดมเดินมาถึงหน้าห้องปันปัน ทันเห็นพยาบาลเปิดประตู เข็นรถยาออกมา ภายในห้องนอกจากจากจะมีคุณหญิงและเลียบเมือง ก็ยังมีหญิงสาวอีกคน ซึ่งลานน้ำค้างเห็นเพียงแวบเดียวก่อนประตูจะปิด

            ถึงเป็นเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ แต่เวลาแค่นั้นก็พอที่จะเห็นว่าเธอคนนั้นสวยขนาดไหน สนิทสนมกับเลียบเมืองปานใด

            ลานน้ำค้างยืนอึ้งหน้าประตู ตัดสินใจไม่ถูก ทีแรกคิดว่าโดมมาเป็นเพื่อนหล่อนอาจใจกล้าเข้าไปเยี่ยมปันปันท่ามกลางเลียบเมืองกับคุณหญิงได้ พอเจอหญิงสาวสวยแปลกหน้าอยู่ในห้อง ความกล้าหาญก็หายหมด ใจฝ่อ ท้อพิกล

            สุดท้ายเปลี่ยนใจ เดินไปคุยกับพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ใกล้ ๆ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาการ ผลการผ่าตัดของปันปันแทน โชคดีที่พยาบาลคนนั้นจำได้ว่าหล่อนเป็นน้องสาวหมอน่าน จึงเต็มใจตอบคำถามโดยไม่ปิดบัง

            โดมเดินตามดูลานน้ำค้างเงียบ ๆ ตั้งแต่หล่อนยืนหน้าห้องคนป่วยโดยไม่ยอมเข้าไปเยี่ยม จนเดินมาซักถาม พูดคุยกับพยาบาล ลักษณะแบบนี้ไม่เหมือนกับลานน้ำค้างที่เขาเคยรู้จัก...หญิงสาวคนนั้นเมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้วต้องมุ่งไปข้างหน้า ไม่ใช่ยืนลังเล ละล้าละลัง แล้วแอบถามอาการคนป่วยจากพยาบาล ราวกับตนเองเป็นผู้ต้องหา ไม่กล้าเจอหน้าเจ้าทุกข์

            ความขัดใจทำให้โดมคิดจะเอ่ยปากถามเหตุผลที่หล่อนไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมคนป่วยให้รู้ชัด หรือไม่ก็ลากแขนพาไปเองเสียเลยให้สิ้นเรื่อง

            แต่เขาก็ทำได้แค่สงบปาก...นิ่งรอ คอยดูว่าหล่อนจะทำอย่างไรต่อไป

            หลังจากลานน้ำค้างได้รู้ผลผ่าตัด และอาการปัจจุบันของปันปันแล้ว ค่อยโล่งอก สบายใจ พาโดมกลับออกมาโดยไม่อธิบายอะไรสักคำ



            โดมเดินตามลานน้ำค้างออกจากโรงพยาบาลไม่พูดจาอะไร จนกระทั่งใกล้ถึงป้ายรถเมล์ ความอดทนหมดลง เขาหยุดเดิน พร้อมมีคำพูดบางคำ

            “ขอถามอะไรหน่อยสิ”

            ลานน้ำค้างชะงักเท้า หันมองเด็กหนุ่ม แววตาค่อนข้างเจื่อน เหมือนรู้ตัวจะโดนสอบสวนเรื่องอะไร โดมจ้องตา สร้างความอึดอัด กดดันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

            “จะถามเรื่องอะไร” น้ำเสียงพยายามข่มให้เป็นปกติ

            โดมยังไม่พูดทันที เขาพยายามมองลึกเข้าไปในแววตาหญิงสาวตรงหน้า เพื่อควานหาความจริงที่ซ่อนเอาไว้ และอาจค้นมันเจอโดยไม่ต้องพูดจาให้สะเทือนใจ

            บริเวณใกล้ป้ายรถเมล์มีคนเดินผ่านไปมา ท้องฟ้าสลัว แสงไฟริมถนนเริ่มส่องสว่าง ทั้งสองอยู่ท่ามกลางผู้คนและแสงไฟ ทว่ายามนี้เสมือนรอบตัวไม่มีใครอยู่ใกล้เลย

            “ทำไมคุณถึงไม่เข้าไปเยี่ยมคนป่วยคนนั้น” โดมถามตรง ไม่อ้อมค้อม เขาสังเกตตั้งแต่แววตาที่หล่อนมองเข้าไปในห้อง ลักษณะการซักถามพยาบาล บอกถึงความห่วงใย ที่มีต่อเด็กหญิงชื่อปันปันมากมาย

            เจอคำถามตรงขนาดนี้ ลานน้ำค้างก็ต้องตอบตรงไปตรงมาเช่นกัน คนที่จะพูดถึงความรู้สึกในใจตนเองอย่างตรงไปตรงมาไม่เสแสร้ง บิดเบือนได้นั้น ต้องเป็นคนกล้า

               กล้าที่จะไม่โกหกตัวเอง...

            ลานน้ำค้างมีความกล้าเช่นนั้นในเวลานี้หรือไม่?

            หลังคำถามคือความเงียบ...โดมไม่คิดถามซ้ำ แน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าได้ยินชัดเจนทุกคำแล้ว

            “พี่...ไม่กล้ามั้ง” คำตอบหลุดมาอย่างใกล้เคียงความรู้สึกมากสุด จิตใจค่อยโปร่งโล่งกว่าเดิม

            โดมไม่ถามซ้ำ...ทำไมถึงไม่กล้า?

            มันไม่มีประโยชน์ เพราะลานน้ำค้างย่อมรู้ดีว่าควรอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้

            ลานน้ำค้างรู้... ควรอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ และรู้อีกว่า ถ้าต้องอธิบายชัดเจน ก็เท่ากับเปิดใจตัวเองให้โดมรับรู้ด้วย

            “ปันปัน...” ลานน้ำค้างเริ่มที่ชื่อนี้ก่อน “แกเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัทที่พี่ไปฝึกงาน...”

            เด็กหนุ่มเกือบหลุดปากถาม...ไปเยี่ยมลูกสาวเจ้าของบริษัท มีอะไรน่ากลัว?

            เหมือนลานน้ำค้างจะได้ยินคำถามนี้ หล่อนจึงหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อนบางอารมณ์ ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด... เล่าก็เล่า...

            “ถ้าพี่บอกไป...โดมอย่าเพิ่งรีบหัวเราะได้มั้ย” พอตัดสินใจได้ ภาระในใจก็ถูกปลด ลานน้ำค้างค่อยมีอารมณ์ดีกว่าเดิม

            “คือ...พี่แอบชอบพี่ชายน้องปันปันน่ะ” หลุดคำนี้ออกมา ดวงตามีประกายสุกใสฉายชัด อย่างที่ใครก็รู้ว่า หล่อนไม่โกหก

            ลานน้ำค้างไม่คิดว่าจะกล้าพูดจาตรงไปตรงมากับเด็กหนุ่มคนนี้ได้ พอพูดคำแรกออกมาแล้ว หัวอกค่อยโล่ง แถมยังอยากระบายความรู้สึกที่เหลือออกมาให้หมด โดยไม่ทันสังเกตแววตาของโดมเลยว่า มันสลดวูบลงทันทีที่ ได้ยินคำพูดของเธอ...

           “พี่แอบชอบคุณเลียบเมือง พี่ชายน้องปันปัน แต่เขาไม่รู้หรอก น้องปันปันก็ไม่รู้...พี่แอบชอบ แอบปลื้มเขา ตั้งแต่เห็นแค่รูปถ่าย พอเจอตัวจริงเขาทีไร มันเลยทำตัวไม่ค่อยถูก เก้ง ๆ ก้าง ๆ ไปหมด

            ตอนรู้จักน้องปันปัน พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่น้องกัน มารู้ทีหลังก็เลยพูดไม่ออก พี่ตั้งใจมาเยี่ยมน้องปันปันหลายครั้งแล้ว แต่ยังรวบรวมความกล้าไม่ได้สักที พอวันนี้คิดว่า...ต้องไปแน่ เป็นไงเป็นกัน...ก็พอดีเห็นผู้หญิงสวยคนนั้นอยู่ในห้องท่าทางสนิทสนมกันมาก คิดว่าคงเป็นแฟนคุณเลียบเมือง พี่ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ความกล้ามันหายไปหมดเลย...

            โดมฟังคำพูดทั้งหมดนี้แล้ว รู้สึกว่ามันไร้สาระสิ้นดี...ไร้สาระ ไม่เข้าท่า...มีอย่างที่ไหน แอบชอบ แอบปลื้ม ตั้งแต่เห็นแค่รูปถ่าย เจอตัวจริงก็อาย ทำตัวไม่ถูก...นี่มันผู้หญิงยุคไหนกัน...ไร้สาระ... ที่เขาเจอกับตัวมีแต่ผู้หญิงเข้ามาจีบ ให้เบอร์โทรศัพท์ ไม่เห็นมีใครอายม้วนทำตัวไม่ถูกสักคน...ที่ไร้สาระหนักสุดก็แค่เห็นผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องคนป่วยกับเขา ท่าทางสนิทสนมกันหน่อย ก็หลงทึกทักว่าเป็นแฟน...บ้าหรือเปล่า... ถ้าผู้หญิงคนไหนเข้ามาสนิทสนม ใกล้ชิด เกาะแขน จับมือเขาแล้วเรียกว่าแฟน...โดมก็มีแฟนไม่ต่ำกว่าโหลไปแล้ว

            ยิ่งคิด อารมณ์ยิ่งขุ่นเรื่อย ๆ โดมอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นให้ชัด ๆ สักที ว่ารูปหล่อขนาดไหน ถึงทำให้ลานน้ำค้างแอบชอบตั้งแต่เห็นแค่รูปถ่าย...ขุ่นข้องอึดอัดใจจนพาลมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวเป็นศัตรูไปหมด อยากทำอะไรร้าย ๆ ให้มันสาแก่ใจ

            “ไปด้วยกัน” โดมหลุดคำพูด เสียงแข็งห้วน กร้าวจนน่ากลัว

            “โดม เป็นอะไรไปน่ะ” ลานน้ำค้างงุนงงกับน้ำเสียง สีหน้าเขา

            เด็กหนุ่มไม่ตอบ เอื้อมมือมาคว้าแขนหล่อนไว้

            “ไปด้วยกัน!” เขาย้ำสามคำเดิม ก่อนจะลากแขน พาหล่อนเดินลิ่ว ๆ

            “เดี๋ยว...โดม...จะพาพี่ไปไหน” ลานน้ำค้างร้องถาม ก้าวขาตามไม่รู้ตัว

            “ไปโรงพยาบาล” คำตอบสั้นอีกแล้ว

           “ไปทำไม?”

            “ไปเยี่ยมน้องปันปันที่พี่พูดถึง...ไปดูหน้าเลียบเมือง...แล้วก็ไปดูด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเขาจริงหรือเปล่า”

            โดมพูดเร็ว ติดกันเป็นพรืด จนลานน้ำค้างฟังแทบไม่ทัน หล่อนไม่อาจรู้ว่าใจเขากำลังร้อนรุ่ม โพล่งปะทุเหมือนภูเขาไฟ มันร้อน มันเร็วจนเจ้าตัวไม่เข้าใจความแปรปรวนอารมณ์ตนเอง...ไม่เข้าใจว่าทำอย่างนี้เพื่ออะไร...รู้แค่...ต้องทำ...ไม่ทำไม่ได้...อกจะระเบิดอยู่แล้ว







บทที่ ๘



            ลานน้ำค้างตอบตัวเองไม่ถูก ทำไมปล่อยให้โดมจูงมือเดินลิ่ว ๆ โดยไม่ขัดขืนสักนิด เด็กหนุ่มตัวสูง ขายาว ก้าวเร็ว หญิงสาวต้องพยายามเดินจนเกือบวิ่งเพื่อตามเขาให้ทัน ไม่คิดบอกให้อีกฝ่ายชะลอฝีเท้า

           ถึงโรงพยาบาลโดมพาหญิงสาวไปยังลิฟต์ ไม่จำเป็นต้องออกปากถามไถ่ ว่าห้องปันปันอยู่ชั้นไหน เขาจำได้ชัด...ชัดเจนเกินไปด้วยซ้ำ

            เข้าลิฟต์ โดมเอื้อมมือกดเลือกชั้นห้องคนป่วย ลานน้ำค้างเริ่มลังเล คิดอยากดึงมือตนเองออกมา เห็นโดมยืนนิ่ง สีหน้าเครียด แววตาประกายจ้า รู้สึกถึงความร้อน อึดอัดที่แผ่ออกมา หล่อนจึงไม่อยากขยับเขยื้อน หรือทำให้อะไร ที่คิดว่าอาจจุดภูเขาไฟให้ปะทุได้

            ในลิฟต์มีเพียงแค่สองคน...สองคนเสมือนอยู่กันคนละโลก

            โดมไม่เข้าใจตัวเอง...ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนี้...โกรธใคร...โกรธอะไรยังตอบไม่ถูก...หัวใจมันเจ็บแปลบ อารมณ์เริ่มปะทุ ตั้งแต่ได้ยินคำว่า...พี่แอบชอบพี่ชายของปันปัน...

            ใจเจ็บจนชา...ชาจนฟังคำพูดยืดยาวของหล่อนไม่รู้เรื่อง รู้แค่มันไร้สาระ ไม่เข้าท่า ไร้เหตุผลแทบทุกคำ...

            มีอย่างที่ไหน เห็นรูปก็หลงรัก...วางตัวไม่ถูกเมื่อเห็นตัวจริง...รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ความกล้า แค่เจอผู้หญิงอีกคน ที่ดูสนิทสนมกับเขาเป็นพิเศษ

            ผู้ชายคนนั้นมีดีอะไร? รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาผิดมนุษย์นักหรือไง...โดมอยากเจอผู้ชายคนนี้...อยากเห็นว่า... จะดีกว่าเขาสักแค่ไหน...

            โดมกำลังอิจฉา ริษยาคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ความริษยาแปรเปลี่ยนเป็นโทสะ เป็นแรงขับดันให้ลากแขนหญิงสาวกลับมายังโรงพยาบาล

            ระหว่างลิฟต์เลื่อนขึ้น ลานน้ำค้างค่อยได้สติ ดึงมือตนเองจนหลุดจากมือโดม ความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมา โดมก้มมองหน้าหญิงสาว แล้วชะงัก ค่อยมีสติ รู้สึกตัวมากขึ้น

            “ผมขอโทษ” สามคำ บอกความรู้สึกของเขาในปัจจุบัน

            “ไม่เป็นไรจ้ะ” ลานน้ำค้างยิ้มให้ กลับเป็นหญิงสาวคนเดิมอีกครั้ง

            ถามว่าหล่อนรู้สึกแย่ เมื่ออยู่ต่อหน้าเลียบเมืองขนาดนั้นเลยหรือ?

            มันไม่ใช่...ไม่ถึงขนาดนั้น ความรู้สึกที่ลานน้ำค้างมีต่อเลียบเมือง มันเหมือนคนที่หลงใหลดารา นักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ มีความสุขที่ได้มองเขาห่าง ๆ ให้เขาอยู่เพียงในความฝัน เก็บเขาไว้เป็นฝันดีนาน ๆไม่จำเป็นต้องได้เจอ ใกล้ชิดกับตัวจริง ไม่อยากรู้จักเขาฐานะผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่แตกต่างจากบูรพา หรือเพื่อนผู้ชายคนอื่นในมหาวิทยาลัย ที่มีทั้งแง่มุมดี ๆ แย่ ๆ มีความน่าคบ ไม่น่าคบอยู่ในตัว

            ถามอีกว่าหล่อนเสียความรู้สึก ความมั่นใจอย่างมาก ที่เห็นเขามีผู้หญิงสวยอยู่ข้างกายหรือไม่?

            ก็ไม่ใช่!...ตอบตามตรงในความรู้สึกปัจจุบัน...หล่อนแค่ตั้งตัวไม่ทัน...เท่านั้นเอง ไม่ได้เศร้า เสียใจ เสียความรู้สึกอะไรมากมายเลย

            ลิฟต์เปิด...โดมหันมามองลานน้ำค้าง หมดความอยากพาหล่อนไปห้องคนป่วย หมดความต้องการพบหน้า เลียบเมือง...

            ตอบไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด...รู้แค่...จู่ ๆ ความต้องการเหล่านั้นก็หายไปฉับพลันตอนประตูลิฟต์เปิด!

            ลานน้ำค้างสบตาเด็กหนุ่ม ความเข้าใจบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างกันโดยไม่ต้องพูดจา...

            “พี่จะเข้าไปเอง” ลานน้ำค้างมั่นใจ “ขอบใจนะโดม ที่พามาส่งถึงนี่”

            โดมไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะพยักหน้ารับคำ ลานน้ำค้างก้าวออกจากลิฟต์ เต็มใจเผชิญหน้ากับความจริง...

               ความฝันก็คือความฝัน...ฝันเช่นนี้อาจสวยงาม อยากรักษามันไว้ให้เนิ่นนาน แต่ไม่อาจอยู่คงทน เป็นแค่เรื่องโกหกอันร้ายกาจ เมื่อเข้าใจสภาพความเป็นจริงของมัน

            ถึงเวลาที่ลานน้ำค้างจะได้เรียนรู้ความจริง จากประสบการณ์เล็กน้อยครั้งนี้แล้ว

            ...อย่าจมอยู่กับความฝัน ก้าวออกมาพบความจริงเสียที...

            ลานน้ำค้างเป็นคนง่าย ยกได้ วางเป็น แค่บอกตัวเอง...เดินหน้า...เท่านั้นใจก็หมดความกังวล...หมดกังวลทั้งสายตาคุณหญิง หมดกังวลเรื่องการพบหน้าเลียบเมือง และหมดกังวลกับการที่อาจได้เจอผู้หญิงตัวจริงของเขา...หล่อนรู้แล้วว่า...

               ความกังวลทั้งหมดนี้ มันไม่มีอะไรเลย...ใจหล่อนต่างหาก ที่เป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นมาเอง...

            ...ต้องขอบคุณโดม ที่พาหล่อนให้พุ่งชน ทลายกำแพงปัญหาใจได้...



            โดมยืนอยู่ภายในลิฟต์ ขณะประตูกำลังเลื่อนปิดช้า ๆ สายตามองใบหน้าหญิงสาว จนกระทั่งลิฟต์ปิดสนิท คำพูดหนึ่งค่อยหลุดออกมา...

            “ไม่เป็นไร...”

            คำนี้ไม่ใช่เป็นแค่การตอบรับคำขอบคุณของหล่อน แต่หมายถึงพูดกับตนเองด้วย...

            ...ไม่เป็นไร...ไม่จำเป็นต้องพบหน้าผู้ชายคนนั้นก็ได้ เห็นหน้าเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร เห็นปฏิกิริยาที่ลานน้ำค้างมีต่อเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร รังแต่ทำให้ใจเจ็บกว่าเดิม...

            ...ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรหรอก...



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP