จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

พ่อหลวงของแผ่นดิน (๑)


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



196 destination



ในช่วงเวลาอันควรแก่การรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ นี้
หลายท่านได้พยายามกล่าวยกย่องเทิดทูนท่านอย่างมากมาย
โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นหนทางตอบแทนพระคุณท่าน
ซึ่งในอันที่จริงแล้ว เพียงแต่การกล่าวยกย่องเทิดทูนท่านนี้
ยังไม่ใช่วิธีการตอบแทนพระคุณท่านที่ดีเพียงพอนะครับ


ในอรรถกถาของ “ทุติยทสพลสูตร” (สังยุตตนิกาย นิทานวรรค) ได้เล่าว่า
ในสมัยพุทธกาลนั้น พระนางโคตมีได้กราบทูลถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ข้าแต่พระมหาวีระ โปรดมีพระชนมายุนาน ๆ
ข้าแต่พระมหามุนี โปรดดำรงอยู่ตลอดกัปเถิด”


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงห้ามพระนางโคตมีว่า
“โคตมี เธอไม่พึงไหว้ตถาคตด้วยอาการอย่างนี้เลย”
พระนางโคตมีทรงได้ฟังเช่นนั้นแล้วก็ได้กราบทูลอ้อนวอน
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงบอกอาการที่ควรไหว้ โดยตรัสว่า
“เธอจงดูเหล่าพระสาวก ผู้ปรารภความเพียร
ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว บากบั่นมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ ผู้พร้อมเพรียงกัน
นี้เป็นการไหว้พระพุทธะทั้งหลาย”
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=65


ดังนั้นแล้ว วิธีการตอบแทนพระคุณท่านที่ดีที่สุดคือ
การปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทหรือพระราชดำรัสของท่าน
หรือเมื่อเราได้อ่านได้ฟังพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในเรื่องใด ๆ แล้ว
เราพึงนำพระราชกรณียกิจของท่านมาเป็นแบบอย่าง หรือแนวทางในการดำรงชีวิต
และเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้นำไปประพฤติปฏิบัติให้ชีวิตดีขึ้น
ก็ย่อมจะเป็นวิธีการตอบแทนพระคุณท่านที่ดีที่สุด
ซึ่งย่อมจะเป็นประโยชน์กว่าการใช้เวลากล่าวเทิดทูนท่าน
แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทหรือพระราชดำรัสของท่าน
และไม่ได้ประพฤติตามแบบอย่างหรือแนวทาง
ที่ท่านได้ทรงทำพระราชกรณียกิจให้เราเห็นเป็นแบบอย่างแล้ว


ในการนี้ ผมจึงขออัญเชิญพระบรมราโชวาทหรือพระราชดำรัสบางส่วนมานำเสนอ
เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านที่สนใจเลือกนำไปประพฤติปฏิบัติให้เหมาะสม
กับเหตุปัจจัยส่วนตัวและสิ่งแวดล้อมของแต่ละท่านนะครับ


"ชาติบ้านเมือง คือ ชีวิตเลือดเนื้อและสมบัติของเราทุกคน
และการดำรงรักษาชาติประเทศนั้นมิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดหมู่ใดโดยเฉพาะ
หากแต่เป็นหน้าที่ของทุก ๆ ฝ่ายทุก ๆ คนที่จะต้องร่วมมือกระทำ
พร้อมกันไปโดยสอดคล้องเกื้อกูลกัน"
(พระบรมราโชวาท ในพิธีตรวจพลสวนสนาม วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔)


"คนไทยรักษาชาติรักษาแผ่นดินเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้
ด้วยสติปัญญาความสามารถ และด้วยคุณความดี
อิสรภาพ เสรีภาพความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้
เราทั้งหลายในปัจจุบัน จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ
ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป"
(พระราชดำรัสในการเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑)


"คนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจในความเป็นไทย
คือเป็นพลเมืองของชาติที่มีเอกราชมามากกว่า ๗๐๐ปี
นักเรียนไทยทุกคนจะสนองคุณชาติบ้านเมืองได้ในขณะที่อยู่ต่างประเทศ
ก็โดยการวางตนเป็นผู้แทนที่ดีของประเทศ"
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่นักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา
ณ โรงแรมพลาซ่านครนิวยอร์ค วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๐)


"ผู้ที่จะรักษาความเป็นไทยได้มั่นคงที่สุด ดีและเหมาะสมที่สุด
ไม่มีใครอื่นนอกจากคนไทย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งใด
คนไทยมีหน้าที่ต้องรักษาความเป็นไทยได้เสมอ"
(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่สมาคมนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น
วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗)


"ทุก ๆ คนในชาติย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ
ถ้าแต่ละคนปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นผลดีที่สุดที่จะกระทำได้
ด้วยความรักชาติ และมีความสามัคคีกลมเกลียวกันแล้ว
ชาติของเราจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นสืบไป"
(พระบรมราโชวาท ในพีธีตรวจพลสวนสนามเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ลานพระราชวังดุสิต วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๐๔)


"การที่จะช่วยชาติบ้านเมืองนั้นมีหลายทาง
แต่ทางที่ดีที่สุดโดยแต่ละคนต่างทำหน้าที่ของตนโดยความซื่อสัตย์สุจริต
อดทนทำให้กิจการต่าง ๆ ทุกด้านดำเนินไปด้วยดี
นี้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับประเทศชาติ"
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะกรรมการบริษัท สยามกลกาล จำกัด
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๒)


"ทุกคนที่ทำหน้าที่ตามอาชีพของตน หรือตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่
อย่างเสียสละเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนั้น
ก็เป็นสิ่งที่สร้างเสริมความดีแก่ประเทศชาติในตัว"
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๑๘)


"คนไทยแม้จะมีจิตใจรักความสะดวกสบาย และมักทำตามใจตัวกันเป็นปกติ
แต่ก็มีความสำนึกมั่นในชาติอยู่แทบทุกตัวคน
ยามมีอันตรายเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองก็รวมกันได้เหนียวแน่น
ดังนั้น เราจึงมีชาติมีประเทศอันตั้งมั่นโดยอิสระและเสรีมาช้านาน"
(พระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม
เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระเฉลิมชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๐)


"ความสามัคคีนี้ หมายถึงว่ามีสิ่งใดที่อาจขัดแย้งซึ่งกันและกันบ้าง
ก็ต้องปรองดองกันเสีย และหาทางออกโดยที่ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
เพราะความสามัคคีเป็นกำลังอย่างสูงสุดของหมู่ชน"
(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่กลุ่มชาวไร่หมู่บ้านตัวอย่าง
โครงการไทย-อิสราเอล จังหวัดเพชรบุรี วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๑๓)


"ประเทศไหนถ้าประชาชนพลเมืองมีความสามัคคีกลมเกลียวกันดี
มีระเบียบวินัย ประเทศนั้นก็เจริญและอยู่ในฐานะดี
จึงเห็นได้ว่าความสามัคคีกลมเกลียวกันระหว่างคนในชาติ
และความเข้าใจรักษาระเบียบวินัยเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่ง
ที่จะช่วยนำประเทศชาติสู่ความวัฒนาถาวร"
(พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสเสด็จฯ ออกให้ประชาชนเฝ้า
ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๐๔)


"สามัคคี คือการเห็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิถีทาง
เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม
เพราะประโยชน์ส่วนรวมนั้น คือความมั่นคงของบ้านเมือง"
(พระราชดำรัส พระราชทานในพีธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๙)


"เมืองไทยนี้อยู่ได้ด้วยความสามัคคี ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความเสียสละ
อาศัยความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และถ้ารักษาความเห็นอกเห็นใจนี้แล้ว
ประเทศชาติของเราก็จะเป็นที่อาศัยที่อุดมสมบูรณ์และน่าสบายต่อไปชั่วกาลนาน"
(พระราชดำรัส พระราชทานในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านจังหวัดขอนแก่น
ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙)


"บ้านเมืองไทยสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้โดยดี
เพราะว่าจิตใจสามัคคีและแสดงออกซึ่งสามัคคี
ถ้าตราบใด เรารักษาความสามัคคีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันไว้ได้
เราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขตราบนั้น"
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะประชาชนจังหวัดราชบุรี
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๑)


"ความสามัคคีนี้เป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่ง
ซึ่งหมู่ชนอยู่รวมกันจำเป็นต้องมี ต้องถนอมรักษา และต้องนำมาใช้อยู่สม่ำเสมอ
ถ้าแต่ละฝ่ายเข้ามาร่วมกันทำงานด้วยความตั้งใจดี ด้วยความสามัคคี
ความรู้ความสามารถ และด้วยความคิดที่สร้างสรรค์
งานก็สำเร็จสมบูรณ์งดงามตามประสงค์ทุกอย่าง"
(พระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคมงานพระราชพีธีเฉลิมพระชนมพรรษา
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐)


"ตามประวัติศาสตร์ของเราจะเห็นได้ว่า
คราวใดที่ชาวไทยมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ชาติก็รอดพ้นจากภัยพิบัติสู่ความเจริญรุ่งเรือง
แต่คราวใดที่ขาดความสามัคคีกลมเกลียวกัน
ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมทั้งชาติ"
(พระบรมราโชวาท ในพีธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์
ณ ลานพระราชวังดุสิต วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๐๕)


"สามัคคีหรือการปรองดองกันไม่ได้หมายความว่า
คนหนึ่งพูดอย่างหนึ่งคนอื่นต้องพูดเหมือนกันหมด ลงท้ายชีวิตก็ไม่มีความหมาย
ต้องมีความแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน
แม้จะขัดกันบ้างแต่ต้องสอดคล้องกัน"
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิตตาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๖)


ข้อมูลอ้างอิง
http://203.172.205.25/ftp/intranet/KingProject/main.html

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หมายเหตุ ขอเรียนเชิญญาติธรรมท่านที่สนใจร่วมทำบุญทอดผ้าป่า
เพื่อสนับสนุนการจัดค่ายปฏิบัติภาวนาเรียนรู้กายใจของชมรมเรียนรู้กายใจ จังหวัดนครสวรรค์
และทำนุบำรุงอาคารสถานที่ ณ สวนธรรมธาราศัย อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์
ในวันศุกร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น.
โดยพระอาจารย์กฤช นิมฺมโล จะเป็นผู้รับถวายกองผ้าป่า


ญาติธรรมท่านที่สนใจสามารถร่วมทำบุญทอดผ้าป่าได้ที่บัญชีธนาคาร
ชื่อบัญชี นางพจนา ทรัพย์สมาน และนางปราณี ศิริวิริยะกุล และนางชญาณัฒ ธิเนตร 
ธนาคารกรุงเทพ สาขา บิ๊กซี นครสวรรค์ 
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 627-0-34831-8 


ท่านสามารถติดตามความคืบหน้าของกองผ้าป่าได้ที่
ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่า ชมรมเรียนรู้กายใจ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อสนับสนุนการจัดค่ายสอนภาวนาเรียนรู้กายใจ ถวายผ้าป่าใน วันศุกร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. (คลิก)


อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบุญครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP