ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

เมื่อต้องทำงานที่ไม่ชอบ ทำอย่างไรจึงจะไม่ฟุ้งซ่าน



ถาม – เมื่อจำเป็นต้องจดจ่ออยู่กับงานที่ไม่ชอบ ควรทำอย่างไรให้ไม่เกิดความฟุ้งซ่านครับ



มันเป็นไปไม่ได้นะ
เหมือนคุณบอกว่าจะทำอย่างไรถ้าจะเอาไม้ไปเขี่ยๆ กองฝุ่น กองขยะ
แล้วจะไม่ให้มีอะไรมันฟุ้งขึ้นมา จะไม่ให้กลิ่นมันโชยออกมา มันเป็นไปไม่ได้
การที่เราไม่ชอบใจอะไร สิ่งที่มันจะเกิดขึ้น ตัวความไม่ชอบนั้นน่ะ
เวลาไปกระทบกันกับสิ่งที่เป็นตัวต้นเหตุนะครับ
มันจะมีอาการฟุ้งซ่านขึ้นมา มีอาการขัดเคืองขึ้นมาเป็นธรรมดา
ความแตกต่างของคนที่เจริญสติกับคนที่ไม่ได้เจริญสติก็คือ
คนเจริญสติจะมีความรู้สึกว่า เออ นี่ตาของเราไปประจวบเข้ากับภาพที่ไม่น่าพึงพอใจ
แล้วก็หูของเราไปประจวบกับเสียงที่มันน่าขัดเคือง
อะไรแบบนี้นะ


แม้แต่กระทั่งงานที่เรารู้สึกเบื่ออยู่นี่
พอตาไปเห็นว่า เออ นี่หน้างานมันค้างอยู่อย่างนี้เมื่อวาน วันนี้มาต่อ
ตาไปเห็นปุ๊บ มันเกิดไปดึงความรู้สึกเบื่อหน่าย ไปดึงเอาความรู้สึกเหนื่อยอ่อนของเมื่อวาน
มาสวมตัวตน ณ ปัจจุบัน วินาทีนี้ทันที
นี่เขาเรียกว่าสัญญาเก่ามันกลับมาทันทีที่ตากระทบกับรูป
หรือได้ยินเสียงเจ้านายนะ สั่ง สั่งโน่นสั่งนี่มา
แล้วเราไม่ชอบเจ้านายคนนี้อยู่แล้ว เราไม่ชอบเสียง วิธีที่เขาสั่งอยู่แล้ว
เราไม่ชอบงานที่เขาสั่งให้เราทำในแต่ละวันนะ
พอได้ยินเสียงปุ๊บ เอ้า เสียงเดิมๆ มาอีกแล้ว มันคุ้น มันจำได้ว่าแบบนี้ไม่ชอบ
ทันทีนั้นจิตจะเกิดความขัดเคือง ทันทีนั้นจิตจะเกิดโทสะ
แล้วเกิดความฟุ้งซ่านขึ้นมาทันที



สิ่งที่นักเจริญสติจะรู้ก็คือ โทสะเกิดขึ้นแล้ว หลังจากมีภาพและเสียงเข้ามากระทบ
หรือแม้กระทั่งมีใจคิดถึงเรื่องงาน ถึงเรื่องที่เรารู้สึกเกิดความเบื่อหน่าย
คิดขึ้นมาปุ๊บ อ่อนแรง อ่อนเปลี้ย ไม่อยากจะทำ ไม่อยากจะใช้ชีวิตแบบนี้อีกแล้ว
อยากหางานใหม่ อยากโน่นนี่นั่นนะครับ
ตัวที่เป็นสติคือตัวที่เราเห็นว่ากระทบปุ๊บ แล้วเกิดความฟุ้งขึ้นมาปั๊บ
เกิดความรู้สึกร้อนๆ เกิดความรู้สึกอึดอัด เกิดความรู้สึกปั่นป่วน
ตัวที่เห็นว่ามีความปั่นป่วนเกิดขึ้นทันทีที่ถูกกระทบ ตัวนี้แหละสติ



แต่สติที่จะเป็นสัมมาสติจริงๆ ไม่ใช่สติสักแต่ว่ารู้ว่ามันเกิดขึ้น
แต่เป็นสติที่มีความเข้าใจ ประกอบอยู่ด้วยความเข้าใจ
ว่าที่เกิดความขัดเคือง ที่เกิดความเบื่อหน่ายขึ้น
มันมาจากการกระทบชั่วคราว
เมื่อการกระทบหายไป ความฟุ้งซ่านแบบนี้ก็จะพลอยเสื่อมสลายหายสูญไปด้วย

นี่คือข้อแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับคนที่เจริญสติ
คนที่เจริญสติจะรู้เห็นอยู่อย่างนี้
พอเห็นว่าความขัดเคืองนั้นน่ะ อยู่แป๊บหนึ่ง แล้วมันหายไป
มันก็จะรู้สึกว่าจิตสบายมาแทนที่ มีความปลอดโปร่งเข้ามาแทนที่
ไม่ใช่ว่าจะต้องฟุ้งซ่านอยู่ตลอดไป
ที่ยังฟุ้งซ่านอยู่ไม่เลิกก็เพราะว่าไม่มีสติดู มีแต่อาการเบื่อแล้วก็อยากผลักไสออก
ที่ท่านเรียกว่าเป็นวิภวตัณหา ไม่อยากมี ไม่อยากเอา เกลียด


ตัวความเกลียดพอเกิดขึ้นแล้วไปถูกความเกลียดร้อยรัดไว้ ผูกมัดไว้
มันก็จมจ่อมอยู่ตรงนั้นน่ะ มันก็ไม่ไปไหน มันก็ไม่สามารถที่จะเห็นได้
ว่าความรู้สึกไม่ชอบใจ ความรู้สึกเกลียด ความรู้สึกเบื่อหน่าย
มันแสดงความไม่เที่ยงได้
คนธรรมดาจะจมจ่อมอยู่อย่างนั้น
แล้วก็จะเหมือนกับไม่สามารถป่ายปีนขึ้นมาจากหนองน้ำแห่งความเบื่อได้
นี่คือความแตกต่าง


จำไว้นะ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะวางใจไม่ให้เกิดความฟุ้งซ่านในสิ่งที่เราไม่ชอบ
มันต้องฟุ้งซ่านเสมอ
แต่ข้อแตกต่างของนักเจริญสติกับคนไม่เจริญสติ
ก็คือคนเจริญสติจะรู้ความไม่เที่ยงของความฟุ้งซ่านนั้นนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP