สารส่องใจ Enlightenment

ความกลัวเป็นเหตุแห่งความทุกข์ (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่



ความกลัว ความวิตกกังวลกลายเป็นคนคิดมาก
เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ความทุกข์รบกวนจิตใจ

ทุกคนเป็นห่วงอนาคตของตัวเอง ของลูกหลาน ญาติพี่น้องของตัวเอง



พระพุทธเจ้าท่านสอนเราว่าไม่ให้เราห่วงเรื่องอนาคต
เพราะว่าความจน ความรวย ความเจริญ มันอยู่ที่ปัจจุบัน
ถ้าปัจจุบันเราทำดี เราพูดดี เราคิดดี เราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ตลอดกาล อนาคตดีแน่
เพราะว่าอนาคตมันมาจากผลการกระทำในปัจจุบัน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่การกระทำของเราที่ปัจจุบัน
อนาคตมันเป็นผลของการกระทำของเราในปัจจุบัน



พระพุทธเจ้าท่านสอนเราไม่ให้วิตกไม่ให้กังวล ไม่ให้กลัว
ถ้าเราจะกลัว ให้เราเกรงกลัวต่อบาป



อะไรคือบาป?
บาปก็ได้แก่ความขี้เกียจขี้คร้าน ไม่อยากทำความดี ไม่อยากเสียสละ
ผู้หวังความเจริญน่ะต้องละความขี้เกียจขี้คร้าน
ไม่อยากทำก็ต้องทำ เราจะเอาชอบใจไม่ชอบใจของเราไม่ได้



พระพุทธเจ้าท่านสอนเราว่า “ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
ธรรมเหล่านั้นไม่ใช่คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

ที่ผ่านๆ มา ทุกคนมันขี้เกียจขี้คร้านนะ มันถึงมีปัญหา


พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้เอากายมาฝึกใจ
อย่างการรักษาศีลนี้เป็นการเอากายมาฝึกใจ
เพราะว่าใจของเรามันไม่มีตัวไม่มีตน มันต้องอาศัยกายเป็นเครื่องฝึก
อย่างฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิด พูดจาไม่ชอบ ดื่มน้ำดองของเมานี้
ดูๆ แล้วมันเป็นเรื่องของกายทั้งหมดที่ฝึกใจ



เพราะว่าถ้าเราไม่ให้กายมันทำแล้ว ใจมันก็ไม่มีพลัง
ถึงใจจะเป็นคนสั่งก็จริง แต่คนที่ถูกสั่งไม่ทำ ถือว่าไม่เป็นผู้ผิด



การปฏิบัติธรรมเบื้องต้น พระพุทธเจ้าถึงให้เราเน้นไปทางเรื่องศีล
เพื่อให้จิตใจมันหยุด จิตใจมันอ่อนกำลังลง เพื่อตัดขบวนการที่มันจะทำงานต่อเนื่อง
การรักษาศีลการปฏิบัติศีลยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทุกๆ คนที่ยังไม่หมดกิเลส สิ้นอาสวะ
เมื่อเรารักษาศีลได้ ปฏิบัติศีลได้
จิตใจของเรามันถึงจะหยุด เย็น เป็นสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ
ตัวสัมมาสมาธินี้แหละ มันจะอาศัยความสงบ อาศัยความเย็น อบรมบ่มปัญญา
ความร้อนรน รุนแรง มันจะได้หมดกำลังหมดพลังไป
สมาธิคือตัวดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน



รถยนต์คันหนึ่งประกอบด้วยอะไหล่ต่างๆ อะไหล่ที่สำคัญที่ให้เราปลอดภัยได้แก่เบรกนะ
รถนี้ต้องเบรกดี ต้องเบรกมาตรฐาน เบรกของคนนี้ก็ได้แก่
“สัมมาสมาธิ”


คนเราถ้าจิตใจไม่มีสมาธิคือจิตใจไม่มีพลัง เป็นจิตใจที่ป่วย ที่ไม่สบาย
สมาธิต้องดีนะ ต้องเอาตัวเองให้อยู่ ต้องเบรกตัวเองให้อยู่
สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไม่ให้ตัวเองผิดพลาด
เรามันเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เราใคร่ครวญตัวเองดีแล้ว
ว่าความขี้เกียจขี้คร้าน เราจำเป็นที่จะต้องกำจัดหรือจัดการ
ต้องอาศัยสัมมาสมาธินี่แหละ คือความตั้งใจจริง ตั้งใจชอบ
จิตใจมีพลังมาก พลังมหาศาล ไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบาก
เพราะความกลัวหรือความวิตกกังวล มันทำลายความดีของเรา ทำลายศักยภาพของเรา



สิ่งไหนที่มันดีๆ พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรากลัว
ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยยากลำบากเพียงใด
ถือว่ามันเป็นหนทางที่จะต้องผ่าน ถ้าเรากลัวก็มีแต่แพ้กับแพ้
ในอดีตที่ผ่านมาเราแพ้มาแล้วจนเราเกิดความท้อใจ
แพ้แล้วแพ้เล่า เรื่อยๆ มา มีแต่แพ้กับแพ้



พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เรากลัวนะ
อุปสรรคความยากลำบาก เป็นสิ่งที่เราทุกๆ คนต้องผ่าน
ถ้าไม่ผ่านมันจะไปได้อย่างไร
?


ความดีเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนต้องทำ ให้ทุกๆ คนมีความเชื่อมั่นในความดี
เชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองนี้ทำได้ ปฏิบัติได้ ให้ยากกว่านี้ ให้ลำบากกว่านี้ก็ปฏิบัติได้
ที่อาการของจิตใจทุกคนกำลังสู้อยู่นี้ เผชิญอยู่นี้มันไม่ใช่สิ่งภายนอกนะ
คือการสู้กับใจของตัวเอง สู้กับความกลัวความกังวลของตัวเอง



พระพุทธเจ้าท่านอธิษฐานจิตเลยนะ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าท่านเอาหญ้าคา ๘ กำมือของนายโสตถิยะมานั่งขัดบัลลังก์อธิษฐานจิตเลยว่า
“แม้หนังเอ็นกระดูกเท่านั้นจักเหลืออยู่ เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปก็ไปที
ถ้าข้าพเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรมก็จะไม่ลุกออกจากอาสนะนี้”



บรรดาเหล่าพญามาร เสนามาร บุตรมาร ลูกหลานมารเยอะแยะเลย
มาให้พระพุทธเจ้าได้ผจญมาร
พระพุทธเจ้าท่านก็คิดว่ามารมันก็ได้แก่จิตใจของเรานี่เอง
คนเรานะ เวลาทำความดีมันมีอุปสรรคเยอะ มันมีปัญหาเยอะ
ทุกคนต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานา สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตใจนะ
ถ้าใจของเราไม่มีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่มีปัญหา เราจะไปกลัวมันทำไม



เรารู้จักแล้ว เราใคร่ครวญชัดเจนแล้วว่า เราทำไปมันถูกต้องมันดี
เราติดสุขติดขี้เกียจขี้คร้านนี่มันไม่ดี เราจำเป็นที่จะต้องละ ต้องปล่อย ต้องวาง
เราจะไปหวงมันไว้ทำไม เอาไว้ทำไม เรายังไม่ตายเราต้องตกนรกทั้งเป็นนะ



คนยากคนจนเขาเรียกว่าตกนรกทั้งเป็นนะ
เป็นเพราะว่าเราติดสุขติดสบายติดขี้เกียจขี้คร้าน จิตใจของเราที่มันไม่ดีนี้เราต้องแก้ไขนะ
เราจะเลือกเอาแต่สิ่งที่เราชอบมันไม่ได้ เราต้องผ่านให้มันไปหมด ทั้งชอบไม่ชอบ



การที่เราไปไม่ได้ก็คือเราติดอยู่ เราติดอยู่ก็คือเราไปไม่ได้
นี่เห็นไหมที่เราติดอยู่เราไปไม่ได้เพราะว่าเรามันขี้เกียจขี้คร้าน
ลูกคนรวยมันก็ติดขี้เกียจขี้คร้าน ลูกคนจนมันก็ติดขี้เกียจขี้คร้านนะ
ใจมันอยากได้อย่างโน้น อยากดีอย่างนี้
แต่เราเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เป็นคนไม่ขยัน ขยันนิดหน่อยมันก็จะตายซะแล้ว



ความขยันนี้มันต้องปฏิบัติเป็นปฏิปทาในชีวิตประจำวัน
ในปัจจุบันนี้ กรรมของเราที่มันเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน ผลงานของเรามันออกมาไม่ดี
เรายิ่งเป็นคนคิดมาก ยิ่งเป็นคนวิตกกังวล เดี๋ยวโรคอาหารไม่ย่อยมันจะตามมา
เดี๋ยวโรคประสาทมันจะตามมา เดี๋ยวโรคจิตมันจะตามมา
มันขบวนเดียวกัน มันเป็นพรรคพวกเดียวกัน



พระพุทธเจ้าท่านให้เราผ่านไปเถอะ ผ่านการขี้เกียจขี้คร้านนี่ ผ่านการติดสุขติดสบายนี่
ให้มีความสุข มีความพอใจ มีความยินดีทำแต่สิ่งที่ดีที่ถูกที่ต้อง



เราอย่าไปกลัวความสุขมันหายไปจากเรา ความสุขนี้มันมีแก่เราแน่ในอนาคต
แต่เดี๋ยวนี้เราต้องผ่านอุปสรรค เราต้องฝ่าฟันศัตรู
อาศัยกายเป็นเครื่องฝึก มันทุกข์กายไม่เป็นไร ลำบากกายไม่เป็นไร



พระพุทธเจ้าท่านให้เราพอใจในการสร้างความดี สร้างบารมี
เราจะไปโทษใครไม่ได้นะ เพราะเรามันโง่เอง
พระพุทธเจ้าว่าเรามันโง่เองนะ ให้เราฉลาดๆ หน่อย



เทคโนโลยีเขาพัฒนากันไปไกล
แต่ว่าหัวใจคนนี้ไม่ได้พัฒนา พยายามที่จะแก้ไขแต่ภายนอก
พระพุทธเจ้าท่านให้เราแก้ไขภายใน แก้ไขจิตใจของเรา
เอาความกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัวออกจากใจของเรา



ความกลัวเป็นอาการของจิตใจชนิดหนึ่ง เป็นอาการของเปรตชนิดหนึ่งชื่อว่า “อสุรกาย”
ถ้าเราพากันกลัว ไม่กล้าทำความดี เราก็เป็นลูกหลานของเปรตอสุรกายนะ



ลูกหลานเปรตอสุรกายมันกลัวไปหมด กลัวผี เป็นคนหวาดสะดุ้งตกใจง่าย
เป็นคนสติสัมปชัญญะน้อย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
พระพุทธเจ้าท่านสอนเราไม่ให้กลัว ถ้าสิ่งไหนดีๆ ต้องรีบทำต้องรีบประพฤติปฏิบัติ
ความแก่เราไม่กลัว เราจะกลัวมันทำไม กลัวมันก็ต้องแก่อยู่แล้ว
ความเจ็บเราก็ไม่กลัว เราจะกลัวมันทำไม กลัวมันก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว
ความตายเราไม่กลัว เพราะกลัวมันก็ต้องตายอยู่แล้ว ไม่ตายเร็วก็ตายช้า มันเป็นเรื่องปกติ



แต่เรามีความเข้าใจผิด มีความเห็นผิดมันเลยกลัว
ความกลัวมันมีทุกข์นะ ทุกข์จนนอนไม่หลับ มันทรมาน
ทำไมมันถึงกลัวล่ะ เพราะว่าเราตามอารมณ์ไป ตามความคิด คิดไปจนมันกลัว
ความคิดนี้ให้ทุกคนรู้จักนะ เราจะไปตามความคิดไปไม่ได้นะ



ถ้าสิ่งไหนมันจะเป็นทุกข์ มันผุดคิดขึ้นมา
พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักแล้วอย่าไปตามความคิดไป
เห็นไหมที่เรากลัวในสิ่งต่างๆ
สิ่งที่สมควรกลัว เพราะว่าเราตามความคิดไป คิดจนมันกลัวน่ะ



วิธีที่เราจะแก้ความกลัวแก้ความคิดนี้ ให้เรากลับมาหาตัวเอง
ด้วยการหายใจเข้าหายใจออกให้มันชัดเจน รู้ตัวทั่วพร้อมให้มันชัดเจน
รู้จนจิตใจเป็นหนึ่ง ไม่ส่งออก ไม่ตามอารมณ์ไป จิตใจเป็นตัวของตัวเอง



ผู้ที่ไม่มีความกลัวก็ได้แก่พระอรหันต์
เพราะว่าท่านไม่ได้วิ่งตามความคิด ไม่ได้วิ่งตามอารมณ์
ท่านรู้อยู่แล้วว่าความคิดอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์ จะคิดมันทำไม
คิดแล้วมันมีปัญหาเสียศักยภาพ ผู้ที่มีจิตใจกังวลมันมีความกลัวซ่อนอยู่



พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักตัวเองนะ เราไม่ต้องกลัวมันอีกแล้ว
เราทำดีๆ เราพูดดีๆ เราคิดดีๆ ชีวิตของเรามันก้าวไปด้วยการกระทำ

เราจะไปกลัวมันทำไม วิตกมันทำไม
ถึงเวลานอนก็ให้เรานอนให้มีความสุข
ตื่นขึ้นเราก็จะได้มีเรี่ยวแรง มีศักยภาพทั้งทางกาย ทั้งทางจิตใจ


ธรรมะที่ทำให้ใจเรามีกำลัง ได้แก่ความพอใจในการทำความดี
พอใจในการเสียสละ พอใจในการละความเห็นแก่ตัว

มีความสุขมาก มีความเบิกบานมากในการทำความดี
มีความเพียร มีความบากบั่น มีความพยายามไม่ท้อแท้
ถือเอาอุปสรรคนั้นเป็นการสร้างความดี
ให้ถือคติว่าถ้าไม่มีความยากลำบาก มันก็ไม่ได้สร้างบารมีนะ



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก สมบัติของพ่อ เล่มที่ ๒” พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP