ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

นิทานสูตร ว่าด้วยเหตุเกิดของกรรม


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๔๗๓] ภิกษุทั้งหลาย เหตุ ๓ นี้ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งกรรม
เหตุ ๓ เป็นไฉน คือ โลภะเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกรรม
โทสะเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกรรม โมหะเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกรรม


ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะโลภะ เกิดแต่โลภะ
มีโลภะเป็นเหตุ มีโลภะเป็นแดนเกิด กรรมอันนั้นย่อมให้ผลแก่บุคคลผู้กระทำกรรม
ในภพในชาติที่อัตภาพของเขาไปบังเกิดนั้น กรรมนั้นย่อมให้ผลในอัตภาพใด
บุคคลผู้กระทำกรรมย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในอัตภาพนั้น
ในปัจจุบันชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ในชาติต่อ ๆ ไปบ้าง


ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะโทสะ เกิดแต่โทสะ
มีโทสะเป็นเหตุ มีโทสะเป็นแดนเกิด กรรมอันนั้นย่อมให้ผลแก่บุคคลผู้กระทำกรรม
ในภพในชาติที่อัตภาพของเขาไปบังเกิดนั้น กรรมนั้นย่อมให้ผลในอัตภาพใด
บุคคลผู้กระทำกรรมย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในอัตภาพนั้น
ในปัจจุบันชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ในชาติต่อ ๆ ไปบ้าง


ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะโมหะ เกิดแต่โมหะ
มีโมหะเป็นเหตุ มีโมหะเป็นแดนเกิด กรรมอันนั้นย่อมให้ผลแก่บุคคลผู้กระทำกรรม
ในภพในชาติที่อัตภาพของเขาไปบังเกิดนั้น กรรมนั้นย่อมให้ผลในอัตภาพใด
บุคคลผู้กระทำกรรมย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในอัตภาพนั้น
ในปัจจุบันชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ในชาติต่อ ๆ ไปบ้าง


เปรียบเหมือนพืชทั้งหลาย ที่ไม่แตกหัก ไม่เปื่อยเน่า ไม่ถูกลมแดดแผดเผา
ยังสดอยู่ เก็บไว้อย่างดี หว่านลงไปในดินที่ได้จัดเตรียมไว้ดีแล้ว
ในนาที่ดี ฝนเล่าก็หลั่งธารธาราด้วยดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ พืชเหล่านั้นก็พึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ฉันใด
กรรมก็ฉันนั้นเหมือนกัน ที่บุคคลทำเพราะโลภะ เกิดแต่โลภะ
มีโลภะเป็นเหตุ มีโลภะเป็นแดนเกิด กรรมอันนั้นย่อมให้ผลแก่บุคคลผู้กระทำกรรม
ในภพในชาติที่อัตภาพของเขาไปบังเกิดนั้น กรรมนั้นย่อมให้ผลในอัตภาพใด
บุคคลผู้กระทำกรรมย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในอัตภาพนั้น
ในปัจจุบันชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ในชาติต่อ ๆ ไปบ้าง
กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะโทสะ เกิดแต่โทสะ
มีโทสะเป็นเหตุ มีโทสะเป็นแดนเกิด กรรมอันนั้นย่อมให้ผลแก่บุคคลผู้กระทำกรรม
ในภพในชาติที่อัตภาพของเขาไปบังเกิดนั้น กรรมนั้นย่อมให้ผลในอัตภาพใด
บุคคลผู้กระทำกรรมย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในอัตภาพนั้น
ในปัจจุบันชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ในชาติต่อ ๆ ไปบ้าง
กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะโมหะ เกิดแต่โมหะ
มีโมหะเป็นเหตุ มีโมหะเป็นแดนเกิด กรรมอันนั้นย่อมให้ผลแก่บุคคลผู้กระทำกรรม
ในภพในชาติที่อัตภาพของเขาไปบังเกิดนั้น กรรมนั้นย่อมให้ผลในอัตภาพใด
บุคคลผู้กระทำกรรมย่อมเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นในอัตภาพนั้น
ในปัจจุบันชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ในชาติต่อ ๆ ไปบ้าง


ภิกษุทั้งหลาย เหตุ ๓ นี้แล เพื่อความเกิดขึ้นแห่งกรรม


ภิกษุทั้งหลาย เหตุ ๓ นี้แล เพื่อความเกิดขึ้นแห่งกรรม
เหตุ ๓ เป็นไฉน คือ อโลภะเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกรรม
อโทสะเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกรรม อโมหะเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งกรรม
ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะอโลภะ เกิดแต่อโลภะ มีอโลภะเป็นเหตุ
มีอโลภะเป็นแดนเกิด เมื่อโลภะสิ้นไป กรรมนั้นก็เป็นกรรมที่เขาละได้แล้ว
ถอนรากได้แล้ว ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล
ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา


ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะอโทสะ เกิดแต่อโทสะ มีอโทสะเป็นเหตุ
มีอโทสะเป็นแดนเกิด เมื่อโทสะสิ้นไป กรรมนั้นก็เป็นกรรมที่เขาละได้แล้ว
ถอนรากได้แล้ว ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล
ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา


ภิกษุทั้งหลาย กรรมอันใดที่บุคคลทำเพราะอโมหะ เกิดแต่อโมหะ มีอโมหะเป็นเหตุ
มีอโมหะเป็นแดนเกิด เมื่อโมหะสิ้นไป กรรมนั้นก็เป็นกรรมที่เขาละได้แล้ว
ถอนรากได้แล้ว ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล
ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา


ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพืชทั้งหลาย ที่ไม่แตกหักเสียหาย ไม่เปื่อยเน่า
ไม่ถูกลมแดดแผดเผา ยังสดอยู่ เก็บไว้อย่างดี บุรุษเอาไฟเผาพืชเหล่านั้น
ครั้นเอาไฟเผาแล้วก็ทำให้เป็นผุยผง ครั้นทำให้เป็นผุยผงแล้ว
ก็โปรยไปในลมแรง หรือหว่านไปในแม่น้ำที่มีกระแสไหลเชี่ยว
เมื่อเป็นเช่นนั้น พืชเหล่านั้นก็เป็นอันถูกถอนราก
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ทำไม่ให้มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา ฉันใด


ภิกษุทั้งหลาย กรรมก็ฉันนั้นเหมือนกัน ที่บุคคลทำเพราะอโลภะ
เกิดแต่อโลภะ มีอโลภะเป็นเหตุ มีอโลภะเป็นแดนเกิด
เมื่อโลภะสิ้นไป กรรมนั้นก็เป็นกรรมที่เขาละได้แล้ว
ถอนรากได้แล้ว ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล
ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา


กรรมที่บุคคลทำเพราะอโทสะ เกิดแต่อโทสะ มีอโทสะเป็นเหตุ
มีอโทสะเป็นแดนเกิด เมื่อโทสะสิ้นไป กรรมนั้นก็เป็นกรรมที่เขาละได้แล้ว
ถอนรากได้แล้ว ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล
ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
กรรมที่บุคคลทำเพราะอโมหะ เกิดแต่อโมหะ มีอโมหะเป็นเหตุ
มีอโมหะเป็นแดนเกิด เมื่อโมหะสิ้นไป กรรมนั้นก็เป็นกรรมที่เขาละได้แล้ว
ถอนรากได้แล้ว ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล
ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา


ภิกษุทั้งหลาย เหตุ ๓ นี้แหละ เพื่อความเกิดขึ้นแห่งกรรม.


นิคมคาถา
คนเขลา (ย่อมทำ) กรรมที่เกิดจากโลภะ โทสะ และโมหะ
กรรมใดที่บุคคลผู้เขลานั้นทำแล้ว น้อยหรือมากก็ตาม
กรรมนั้นให้ผลในอัตภาพ (ของผู้ทำ) นี้แหละ
วัตถุอื่น (ซึ่งจะเป็นที่รับผลของกรรมนั้น) ไม่มี
เพราะเหตุนั้น ภิกษุผู้รู้ ย่อมไม่ทำกรรมที่เกิดจากโลภะ โทสะ โมหะ
ยังวิชชาให้เกิดขึ้น ก็พึงละทุคติทั้งปวงได้


นิทานสูตร จบ



(นิทานสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๔)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP