ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ควรจัดการกับความคิดไม่ดีที่เกิดขึ้นเองอย่างไร



ถาม – ทำไมบางครั้งมีความคิดไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เราไม่อยากให้เกิด
แต่ก็ควบคุมมันไม่ได้ ยิ่งอยากให้หยุดเท่าไหร่ก็ยิ่งหนักขึ้นเท่านั้น
บางครั้งถึงกับจินตนาการเห็นภาพไปเลย
อาการอย่างนี้มีสาเหตุมาจากอะไรและจะแก้ไขได้อย่างไรครับ



ก็มีสองสาเหตุหลักๆ นะ จากภายในและจากภายนอกนะครับ
ก็โลกเรานี่ที่เห็นว่ามันจับต้องได้ มันเป็นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม มันเป็นวงกลม
มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา ฟังได้ด้วยหู แบบนี้ จริงๆ แล้วยังมีคลื่น
เหมือนกับที่เราไม่สามารถจะเห็นคลื่นวิทยุ
ไม่สามารถจะเห็นคลื่นที่มาจากนอกโลกอะไรแบบนี้นะ รังสีคอสมิกอะไรอย่างนี้
ถึงแม้ว่าเราจะมองไม่เห็นแต่มันก็มีอยู่จริง
แต่ถ้าหากว่าเรามีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปกว่านั้นอีก
ก็จะเห็นนะว่านอกจากเรื่องของคลื่นคอสมิก เรื่องของคลื่นที่มองไม่เห็นด้วยตา ฟังไม่ได้ยินด้วยหู
ยังมีคลื่นที่มากไปกว่านั้นอย่างเช่นคลื่นกุศล คลื่นอกุศลนะครับ



ถ้าหากว่าโลกส่วนใหญ่ถูกครอบครองอยู่ด้วยคนที่มีน้ำจิตเป็นอกุศล ก็เรียกว่าโลกกำลังมืดอยู่นะ
ถ้าหากว่าโลกมีคนดีๆ มีศีลธรรมอยู่โดยมาก อย่างนี้ก็เรียกว่าโลกสว่างอยู่
ถ้าหากว่าเราอยู่ในโลกที่สว่าง ความคิดหรือว่าคลื่นที่มันมากระทบจิตของเรา
ก็จะมีความดีงาม จะมีความเป็นกุศล จะทำให้จิตของเราปรุงแต่งไปในทางที่ดี
แต่ถ้าหากว่าโลกกำลังมืดอยู่นะ
บางทีเราอยู่เฉยๆ มันเหมือนกับมีคลื่นอะไรลอยมากระทบใจ
คือไม่ใช่เกิดจากการที่เราไปตั้งใจไม่ดีหรือทำผิดคิดร้ายอะไรนะ
มันลอยเข้ามากระทบแล้วก็ก่อให้เรารู้สึกไม่ดี
ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดเท่าที่คนทั่วไปจะมีประสบการณ์กันนะ
อย่างเข้าไปในสถานที่ที่เครียดๆ
เขาทำงานกันแบบหมกมุ่นครุ่นคิดตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ เข้าไปเราก็จะรู้สึกอึ้งหนัก
หรือถ้าเข้าไปในบ่อนพนัน เราอาจจะมีความรู้สึกไม่ดี มีความรู้สึกต่อต้าน
มีความรู้สึกแย่ไปเลยนะ เหมือนจะเป็นไข้อะไรแบบนั้น
ก็เป็นสิ่งที่หลายคนคงจะเคยประสบกันมานะครับ
อันนี้เรื่องของคลื่นที่มันเป็นกุศล คลื่นที่เป็นอกุศล มันมีผลกระทบกับเราได้จริงๆ



แต่คลื่นภายนอกนี่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นปัจจัยที่ร้ายแรงสักเท่าไหร่นะ
ส่วนใหญ่มันมาจากปัจจัยภายใน
บางทีเราอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นคนมีน้ำจิตน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น หรือว่ารักษาศีลได้ดีแล้ว
เราก็จะลืมไปว่าเคยมีบางช่วง มีบางครั้งในชีวิตนะครับ ที่เราอาจจะคิดไม่ดี พูดไม่ดีมาบ้าง
แล้วการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ไม่ใช่ว่ามันหายไปไหนนะ
มันฝังอยู่ในส่วนลึกที่เราฝังลืมไปแล้วนั่นแหละ
แล้ววันดีคืนดีมันก็โผล่ขึ้นมาเมื่อได้จังหวะให้ผลนะครับ ก็เป็นไปได้
อย่างบางคน ตอนเด็กๆ ชอบพูดครบสูตรเลยนะ
ทั้งโกหกปั้นน้ำเป็นตัว นินทา ส่อเสียด ยุแยงตะแคงรั่ว
แล้วก็อาจจะเพ้อเจ้อ อาจจะชอบพูดทะลึ่งลามกอะไรต่างๆ นะ
แต่โตขึ้นมาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
พูดดี เรียบร้อย แล้วก็มีความคิดอ่าน มีมุมมองโลกที่ดี แตกต่างไป
ซึ่งทำให้ลืม ลืมไปสนิทเลยว่าเราเคยเป็นเด็กอีกแบบหนึ่งที่นะแตกต่างไปแล้ว



แต่แม้เด็กคนนั้นจะหายไปจากโลกนี้แล้ว
แต่กรรมหรือว่าสิ่งที่เคยทำมันยังไม่ได้หายไปไหน มันก็ตกค้างอยู่
วันดีคืนดีเมื่อถึงเวลาที่มันจะเผล็ดผล
อย่างสมมตินะเราเคยไปแกล้งพูดให้คนอื่นเขารู้สึกแย่
ทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก ไปเฮิร์ทฟีลลิ่งเขาอะไรแบบนั้นน่ะนะ ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
อยู่ๆ ก็อาจจะมีคำพูดหรือว่าคำด่าอะไรขึ้นมาในหัวให้เราเกิดความรู้สึกรำคาญ
หรือว่าเกิดความรู้สึกเหมือนกับแย่กับตัวเอง อะไรแบบนี้ได้นะ
ก็สารพัดเหตุสารพัดที่จะมีเงื่อนไขปัจจัยทั้งภายนอกและภายในนะครับ



อันนี้ก็เคยคุยกันมาหลายครั้ง
แต่ละครั้งผมก็จะหยิบยกเอาเรื่องที่มันแตกต่างกันไปมาพูดถึง มาอ้างอิงถึง
แต่จุดใหญ่ใจความมันก็สรุปลงที่เดียวกันนั่นแหละ
คือเป็นความปรุงแต่งจิตชั่วคราวที่เราไม่ได้เป็นคนตั้งใจขึ้นมาในปัจจุบันนี้



วิธีที่จะต้อนรับกับความคิดทำนองนี้นะ
ถ้าเรายิ่งไปเกิดความไม่สบายใจ
กลัวบาปหรือว่ากลัวเดี๋ยวจะให้ผลร้ายอย่างโน้นอย่างนี้กับชีวิตนะ
มันยิ่งไปกันใหญ่ มันจะยิ่งกลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยง
ให้ความคิดทำนองนี้ มันกลับเข้ามาอีก
ทำนองเดียวกันกับที่เรามีความกดดันอยู่ ยิ่งไปกดตัวเองเพิ่มขึ้น
มันก็ยิ่งอึดอัด มันก็ยิ่งหาทางระเบิดนะ แล้วในที่สุดมันก็ระเบิดปุ้งออกมาจริงๆ
ระเบิดออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีกับตัวเอง รู้สึกแย่กับตัวเอง
หรือนึกว่าตัวเองเป็นประเภทนั้นจริงๆ คิดแบบนั้นจริงๆ
ก็ยิ่งด่าทอตัวเองซ้ำเข้าไปอีกนะ มันก็เลยกลายเป็นคนประเภทนั้นเข้าไปจริงๆ



วิธีที่ถูกต้องที่จะต้อนรับความคิดแบบนี้ ตอบโต้กับความคิดแบบนี้
ก็คือให้ยอมรับตามจริงว่ามันเกิดขึ้น อย่าไปกลัว

ตราบใดที่เรามีความแน่ใจว่าเราไม่ได้เป็นคนเต็มใจคิด
เราไม่ได้เป็นคนผลิตความคิดบ้าๆ อะไรแบบนั้นขึ้นมา
ก็ขอให้ทราบว่า ณ ปัจจุบันเราไม่ได้ก่อกรรม เราไม่ได้ก่อบาป
มันเป็นแค่สะเก็ดความคิด ที่อาจจะมาจากภายนอก
หรือว่าอาจจะมาจากอดีตที่ฝังลืมไปแล้ว แล้วมากระทบใจอันเป็นปัจจุบัน
ขอเพียงใจที่มันเป็นปัจจุบันนี่มีสติ
สติอยู่กับฝ่ายกุศล เมื่อเกิดกุศลจิตขึ้นมา
ความมืดที่เป็นอกุศลจิตมันก็อยู่ไม่ได้ มันก็ตั้งไม่ได้

แล้ววิธีที่จะเกิดสติก็คืออะไร
ก็คือการยอมรับตามจริง ไม่ใช่ไปปฏิเสธความจริง

จำไว้ว่าการปฏิเสธความจริงหรือฝืนต่อต้านความจริง
บอกตัวเองว่ามันไม่เกิดขึ้นในหัวของเรา แบบนี้เราไม่ได้คิด เราไม่ได้เป็น
อย่างนั้นคือการปฏิเสธความจริง ไม่ยอมรับความจริง
มันจะทำให้อาการที่เป็นอกุศลยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก



แต่ถ้าหากว่าเรามีอาการยอมรับตามจริง
ตัวยอมรับตามจริงนั่นแหละคือสติ
ตัวยอมรับตามจริงนั่นแหละคือตัวความสว่างขึ้นมา
ยอมรับตามจริงแล้วไง ยอมรับตามจริงแล้ว
มันก็จะค่อยๆ เห็นตามจริงขึ้นมาว่าที่เป็นความคิดเลวๆ ผุดขึ้นมาในหัวเรา
เราไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย มันผุดขึ้นมาเอง
ตัวยอมรับตามจริงนี้แหละ มันก็จะเห็นเช่นกัน
ว่าที่ผุดขึ้นมาเอง เดี๋ยวมันก็หายไปเองเช่นกัน
และมันจะกลับมาอีกเรื่อยๆ ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
ก็ไม่ต้องไปกังวลนะว่าเราจะคิดไปอย่างนี้ทั้งชีวิต
ถ้ามันจะต้องคิดไปอย่างนี้ทั้งชีวิต เราก็จะดูว่ามันมาเองแล้วไปเองไปทั้งชีวิตเช่นกัน



วิธีโต้ตอบกับมันแบบนี้ จะทำให้จิตเปรียบเสมือนกระดานลื่น
พอมันลื่นผ่านมาแล้วมันก็ไหลผ่านไป ไม่สามารถที่จะตั้งอยู่ได้
แต่ถ้าเรากลุ้มใจ ถ้าเราทรมานใจสิ นั่นน่ะเหมือนกับใจไปยึดมันไว้โดยไม่รู้ตัว
ลองนึกถึงอาการที่เราทรมานใจนะ
มันจะมีอาการบีบ มันจะมีอาการอัดแน่น มันจะมีอาการไม่ปล่อย
อาการไม่ปล่อยนั่นแหละ ที่มันเหมือนกับตัวเลี้ยงไว้ ตัวทำให้ความคิดมันไม่ตายไป
แล้วก็หลอกตัวเองว่านี่มันเป็นความคิดของเรา
คือความคิด ความยึดอาการคิดนั่นน่ะ
ตัวนั้นแหละที่มันหลอกเราได้ว่ามันเป็นความคิดของเรา ทั้งๆที่ไม่ใช่
ถ้ายอมรับตามจริงไปตั้งแต่แรกเสียว่ามันเกิดขึ้น
ปล่อยให้มันเกิดแล้วก็สังเกตเมื่อไหร่มันจะหายไป เอาแต่สังเกตอย่างเดียว
ก็จะเห็นชัดๆ เลยนะ หลังจากที่สังเกตไปเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
เห็นชัดๆ เลยว่ามันมาเองแล้วก็ไปเอง
โดยที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเราอยู่เลย



นี่ตัวนี้นะ สรุปง่ายๆ ก็คือว่า หนึ่งยอมรับตามจริง
สองให้เห็นนะว่าถ้าเราไม่ไปทำอะไรกับมัน เดี๋ยวมันค่อยๆหายไปเอง
แล้วในที่สุดมันก็จะมีสภาพเป็นอนัตตานะครับ
มันมาอย่างอนัตตา แล้วก็ไปอย่างอนัตตา คือไม่เกี่ยวกับตัวเราเลย



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP