วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๓


Literature

โดย ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

ปีกแก้วกลับเข้าห้องอย่างหนักใจ ดวงไฟเพดานห้องเปิดสว่างจ้า ผนังห้องทาสีครีมออกขาว ยามถูกฉาบด้วยแสงไฟ ยิ่งทำให้ห้องกว้างกว่าที่เป็นจริง

สาวน้อยเงยหน้ามองเพดาน หลับตาและสำรวมใจนิ่ง

คุณอาคะ หล่อนกำหนดใจเรียก

...เงียบ...

คุณอาขา คราวนี้กระแสใจออดอ้อน

...เงียบ...เช่นเดิม

ปีกแก้วลืมตาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างขัดใจ จมูกเชิดรั้น นัยน์ตาค้อนปะหลับปะเหลือกไปยัง เบื้องบน

คุณอาใจร้าย พออารมณ์ขุ่นจึงเผลอพูด แทนส่งกระแสความคิด

รู้ทันใช่มั้ย ว่าแก้วจะถามอะไร พูดพลางดึงหมอนมากอด

ก็หนูอยากรู้นี่ว่า เจ้าพวกนั้นเป็นใคร มีเจตนาอะไรถึงเข้ามาที่นี่ แล้วทำไมคุณอาถึงบอกให้หนูอนุญาตให้พวกเขาเข้ามาได้...โธ่ หนูเป็นเจ้าของบ้านนะคะ...คุณอาเอาแต่สั่งๆๆ แต่ไม่ยอมบอกเหตุผลอย่างนี้ มันไม่แฟร์เลยนี่

ภายในใจเด็กสาว มีเสียงหัวเราะขบขันดังมาเบาๆ

หึ...คราวหน้าสั่งอะไร บอกอะไร หนูจะไม่เชื่ออีกแล้ว

ปีกแก้วล้มตัวนอนบนเตียง เอื้อมมือเปิดวิทยุ เสียงเพลงกังวาน หวานแว่ว เด็กสาวหลับตา แอบยิ้มในใจ แน่หรือ...ถ้าคุณอาบอกอะไรมา แล้วหล่อนจะไม่เชื่อ

...นี่เป็นความลับส่วนตัวของปีกแก้ว...

เด็กสาวรู้มานานแล้วว่า ตนเองมีสิ่งพิเศษกว่าคนอื่น หล่อนสามารถติดต่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นตัวตนได้...หล่อนเรียกสิ่งนั้นว่า คุณอา

คุณอา เป็นใครเธอไม่รู้ เด็กสาวได้ยินเพียงเสียงที่ก้องมาจากใจ...สมัยเด็กๆ เธอคิดว่าเคยเห็นคุณอา แต่มันเป็นเหมือนภาพเลือนๆ ไม่ชัดเจน ไม่อาจจดจำ คุณอาติดต่อกับเธอด้วยการส่งกระแสความคิด เสียงดังโต้ตอบกันในใจ คุณอามีความรู้แปลกๆ เรื่องราวประหลาดเหลือเชื่อมาคุยให้ฟังประจำ บางครั้งเคยสั่งให้หล่อนทำอะไรหลายอย่างที่ยากจะเข้าใจ

ครั้งหนึ่ง คุณอาสั่งให้หล่อนบอกกับป้าแฉล้มว่า อย่าไปร่วมงานผ้าป่าสามัคคีงานนี้เด็ดขาด พอหล่อนทำตามป้าแฉล้มก็ไม่เชื่อ ปีกแก้วต้องลงทุนร้องห่มร้องไห้จนแกใจอ่อนยอมอยู่บ้าน

ปรากฏว่า รถผ้าป่าคันนั้นเกิดอุบัติเหตุ ผู้โดยสารตายเกือบทั้งคัน

ป้าแฉล้มคิดว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่คุณอาบอกสั้นๆ ว่า

กรรม...ลบล้างไม่ได้ง่ายๆ หรอก ตอนนี้ทำได้เพียงผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ป้าแฉล้มโดนรถมอเตอร์ไซค์ชน ขาเข้าเฝือกเป็นเดือน

ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากมรรคาผู้เป็นพี่ชายแล้ว ปีกแก้วก็รู้ว่าหล่อนยังมีที่พึ่งซึ่งมองไม่เห็นอยู่อีก สิ่งนี้ทำให้หล่อนอบอุ่นใจอยู่ลึกๆ


จริงๆ นะป้า ฉันสาบานได้ว่าฉันเห็นกับตาจริงๆ เจ้าชัยบอกเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกให้ป้าแฉล้มฟังในเวลาสายของวันต่อมา

มึงตาฝาดละสิไอ้ชัยเอ๊ย...เห็นอะไรเป็นผู้หญิงไปหมด แม่บ้านใหญ่ทำความสะอาดห้องครัวพลางคุยตอบโต้กับหลานชาย

โธ่ป้า สาบานได้ ผีผู้หญิงจริงๆ

ผีผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดขาวหรือเปล่าวะ ป้าพูดเชิงขัน

ไม่ใช่...เป็นผู้หญิงผมยาวแค่ไหล่นี่เอง ใส่ชุดสีทึมๆ แต่ตัวงี้ขาวจั๊วะเลยป้า

นั่นไง ป้าหยิบตะหลิวเคาะหัวหลานชาย กูว่าแล้ว ขาวๆ อย่างนี้คงเป็นอีนงแฟนมึงนั่นแหละ คงมาแกล้งหลอกเอ็งเท่านั้นเอง

เขาจะมาหลอกฉันทำไมล่ะป้าก็... หลานชายเริ่มโมโห

ไม่รู้โว้ย ข้าอยู่บ้านนี้มาตั้งหลายปี ไม่เคยเจอผีสักที แล้วบ้านนี้ก็ไม่ใช่บ้านเก่าแก่อะไร คุณผู้ชายท่านสร้างตอนคุณมัคเพิ่งเกิด เพื่อแยกตัวจากบ้านใหญ่ที่คุณพี่ท่านเป็นเจ้าของอยู่นั่นแหละ

ป้าหมายถึงคุณลุงของคุณมัคแกเหรอ

เออ นั่นแหละ บ้านใหญ่ของท่านน่ะเนื้อที่กว้างขวาง เมื่อก่อนคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็เคยอยู่ที่นั่น จนมีคุณมัคนี่แหละถึงได้ย้ายมา

แล้วจริงมั้ยป้า ที่เขาว่า คุณแก้วไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของคุณมัค

ป้าแฉล้มหันขวับ

ไอ้ชัย แกขึ้นเสียงพร้อมชี้หน้า มึงรู้มาจากไหน

โธ่ป้า เจ้าชัยเสียงอ่อย จะรู้จากไหนก็ช่างเถอะ ตอนนี้คุณมัคไปทำงาน คุณแก้วก็ไปเรียน ทั้งบ้านมีเราแค่สองคน บอกฉันหน่อยไม่ได้เหรอ

มึงจะรู้ไปทำไมว้า ป้าแฉล้มเสียงอ่อนลง ก่อนจะพูดช้าๆ ตอนนี้คุณมัคกับคุณแก้วเขาก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันไม่ใช่หรือวะ

ก็ใช่จ้ะ...แล้วคุณแก้วเป็นลูกใครล่ะป้า บอกฉันทีเถอะ ฉันเพิ่งมาอยู่ ไม่ค่อยรู้

งั้นมึงบอกมาก่อนว่ารู้มาจากไหน ป้าแฉล้มตาเขียว เสียงเขียว

แหะ แหะ มันยิ้มประจบ คือตอนคุณลุงของคุณมัคท่านมาที่นี่ ฉันได้คุยกับคนขับรถของเขา

ป้าแฉล้มถอนใจ หันมามองหลานชายด้วยแววตาอ่อนลง

เอาเถอะ เรื่องนี้ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ ข้าจะบอกครั้งเดียว แล้วเอ็งต้องปิดปากให้สนิทเลยนะ

จ้ะ ป้า

คุณแก้วเป็นลูกน้องสาวห่างๆ ของแม่คุณมัค พ่อแม่คุณแก้วเธอตายหมด แล้วเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน คุณผู้หญิงท่านเลยรับเลี้ยงคุณแก้วไว้เป็นลูก เรื่องนี้ทุกคนเขารู้กันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันออกไป

คุณแก้วก็รู้เหรอป้า

คงรู้มั้ง นัยน์ตาป้าแฉล้มบอกถึงความเอ็นดู แต่เธอก็ดี น่ารัก ไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย

นั่นสิป้า ใครไม่รู้คงคิดว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ

ป้าแฉล้มหันมาจ้องเจ้าชัยตาเขม็ง แววตาคาดคั้น

เอ็งสัญญากับข้ามานะ ว่าจะเลิกพูดเรื่องนี้อีก

จ้ะ ป้า ฉันสัญญา

ผู้เป็นป้าค่อยถอนใจอย่างโล่งอก โดยไม่ทันนึกว่า ตอนแรกคุยเรื่องผีอยู่ดีๆ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเรื่องครอบครัวเจ้านายได้อย่างไร


พันเกลียวนั่งบนเก้าอี้ใหญ่ตัวเดิม เบื้องหน้าคือโต๊ะปูผ้าสีดำ เครื่องประกอบพิธี หรืองาน มีเพียงโอ่งเซรามิคสีขาวใบเดียว...

ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเกรงๆ อายุหล่อนคงไม่ใช่น้อย ใบหน้าที่ผ่านการศัลยกรรมมาดี ประกอบกับถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีต ทำให้ยากจะคาดเดาอายุจริง

คุณสุณี คนนี้พันเกลียวรู้จัก...หล่อนเป็นลูกค้าประจำ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ ทั้งที่รู้ว่าสูงวัยกว่า แต่ก็ยังยอมยกมือไหว้ก่อน

วันนี้มีอะไร ท้ายเสียงทอดให้เบาทำให้ไม่รู้สึกห้วนและกระด้าง

อยากจะให้อาจารย์ช่วยดูๆ ให้หน่อยค่ะ พูดพร้อมทรุดตัวบนเก้าอี้ตรงข้าม

อยากรู้เรื่องอะไร คำถามยังสั้นเช่นเดิม

คือ มีเพื่อนมาชวนลงทุนทำการค้า ไม่รู้ว่าจะทำกับเขาดีมั้ย

มีรูปของคนคนนั้นหรือเปล่า นัยน์ตาที่พันเกลียวมอง แฝงความสงบนิ่งจนแขกนึกเกรงๆ คละเคล้าด้วยความศรัทธาเลื่อมใส

นี่ค่ะ เจ้าของรูปเป็นชายวัยกลางคน ท่าทางทะมัดทะแมง

ใส่ไว้ในอ่างน้ำมนต์ คำสั่งเรียบ สั้น

ลูกศิษย์ ทำตามแต่โดยดี รูปขนาดโปสการ์ดจมลงในอ่างน้ำมนต์ พันเกลียวใช้ปลายนิ้วชี้แตะโอ่งเซรามิค ลูกศิษย์ทำตามอย่างคุ้นเคย

นัยน์ตาโตลึกหลับลง ตั้งสมาธิมั่น น้ำมนต์หมุนวนช้าๆ คุณสุณีรับรู้ถึงกระแสอันเย็นเฉียบที่ถ่ายทอดจากเนื้อเซรามิค กระแสนั้นคล้ายหลุดจากหล่มน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุมไว้นับพันปี แล่นผ่านปลายนิ้วสู่แขน หยุดตรงหัวไหล่ อาการสั่นสะท้านเข้าจับหญิงสูงวัย ชั่วครู่ความเย็นหายไป กลับมีเหงื่อโซมตัว

ดูสิ

คุณสุณีมองน้ำมนต์ตามคำสั่ง สิ่งที่เห็นคือน้ำมนต์ขุ่นดำ สีออกคล้ำ คล้ายใครเอาหมึกไปผสม

คบไม่ได้อีกแล้วสิคะ คุณสุณีเองพอจะรู้ความหมาย

อยู่เฉยๆ ก็สบายอยู่แล้ว จะไปหาเรื่องเหนื่อยทำไม คำพูดของพันเกลียวคล้ายผู้ใหญ่สอนเด็ก

แต่แหม... ลูกศิษย์ทำท่าจะค้าน

หมดธุระแล้วใช่มั้ย พันเกลียวตัดบท

ค่ะ ค่ะ คุณสุณีรีบตอบ แต่ยังไงคงมีเรื่องมารบกวนอาจารย์อีกเรื่อยๆ นะคะ

พันเกลียวตวัดสายตาผ่านคุณสุณีเหมือนมองอากาศ จนฝ่ายแขกเริ่มอึดอัด ความที่เคยใช้บริการประจำทำให้รู้ว่า อาจารย์ไล่แล้ว

แล้วดิฉันจะจ่ายค่าบริการที่คุณยายอย่างเคยนะคะ

พันเกลียวหลับตาลง ไม่รับฟังคำพูดใดๆ จากฝ่ายตรงข้าม แต่สัมผัสอันเร้นลับสะกิดขึ้น...อีกไม่นานผู้หญิงคนนี้จะมีเรื่องมารบกวนหล่อนอีก...แน่นอน


ป้าแฉล้มบอกกับใครๆ เสมอว่าตนเองยังไม่แก่ ยังแข็งแรงดี สามารถทำงานคล่องแคล่วเหมือนสมัยสาวๆ ดังนั้นทุกครั้งที่มรรคาคิดจะหาลูกจ้างสาวมาช่วยแกทำงาน คุณแม่บ้านใหญ่จะค้านชนิดหัวชนฝา

โธ่ คุณมัคจะจ้างมาทำไมคะ บ้านเราก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร งานหนักก็ให้เจ้าชัยมันทำไป ส่วนงานดูแลบ้านป้าทำคนเดียวก็ไหว ขืนคุณจ้างแม่พวกสาวๆ มาทำงาน ป้าคงเหนื่อยกว่านี้หลายเท่า เพราะต้องคอยสอนคอยสั่งแล้ว นังพวกนี้ทำงานไม่ละเอียด แถมยังควบคุมยากอีก พออยู่ๆ ไปก็ลาออกหาผัวกันหมด

มรรคาตามใจแกด้วยไม่อยากเถียง ป้าแฉล้มจึงนับว่าใหญ่ที่สุดในบ้าน เรื่องนี้ปีกแก้วออกโรงรับรอง

คุณนายแฉล้มคือเสาหลักของบ้าน!”

วันนี้คุณนายแฉล้มกำลังเตรียมตัวขึ้นไปทำความสะอาดห้องมรรคา โดยปกติห้องนี้แทบไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพราะข้าวของมีน้อยชิ้น แต่เป็นระเบียบ เสื้อผ้าที่จะซักถูกใส่ไว้ในตะกร้าข้างประตูอย่างเรียบร้อย นอกจากปัดกวาดเช็ดถูเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็แทบไม่มีงานอื่นอีก

ป้าแฉล้มเดินตุบตับไปชั้นสอง ห้องของมรรคาเป็นห้องเก่าของพ่อแม่เขาจึงกว้างกว่าทุกห้อง ชายหนุ่มใช้เป็นห้องส่วนตัวและห้องทำงาน ส่วนห้องเดิมของตนยกให้กับปีกแก้ว

แม่บ้านใหญ่วางไม้กวาดและถังน้ำตรงข้างประตู จับลูกบิดหมุนเปิดประตูออก วินาทีแรกที่มือสัมผัสลูกบิด ป้าแฉล้มแทบชักมือออกไม่ทัน...มันช่างเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง

ใบหน้าอวบอูมด้วยไขมันแสดงความสงสัยอยู่ชั่วครู่ ก่อนผลักประตูเข้าไป

ละอองไอขาวๆ ลอยออกมาจากห้อง เสาหลักของบ้าน รู้สึกแปลกๆ แสงสลัวรางเพราะหน้าต่างทุกบานถูกปิดด้วยม่านสีน้ำเงินเข้ม อากาศเย็นเหมือนกำลังเปิดเครื่องปรับอากาศ กลิ่นฉุนๆ แปลกๆ ลอยตลบอบอวล

ป้าแฉล้มเดินพลางเหลียวซ้ายแลขวา ทันใดสายตาปะทะเข้ากับร่างร่างหนึ่งซึ่งนั่งหันหลังให้

กลับจากทำงานตอนไหนคะคุณมัค ป้าไม่ยักเห็น แสงไม่สว่างนักทำให้แค่เดาได้ว่าเป็นผู้ชาย

บรรยากาศรอบตัวแฝงไว้ด้วยความอึดอัด ป้าแฉล้มก้าวไปที่โต๊ะทำงานตัวนั้น

คุณมัคคะ คุณมัค ยิ่งเรียกชื่อนี้ ป้าแฉล้มยิ่งสงสัย...ใช่...แน่หรือ

และแล้ว...เขา เริ่มขยับตัว แม่บ้านใหญ่ชะงักกึก ตัวเกร็ง ขนลุก

เขา กำลังหมุนตัวมาหาป้าแฉล้ม...ผู้ชายจริงๆ แต่เป็นชายที่แกไม่รู้จัก ยิ่งไปกว่านั้นอาการหมุนตัวของเขาก็หมุนแค่ลำตัว ส่วนขาทั้งสองข้างยังอยู่ที่เดิม!

ป้าแฉล้มไม่เคยกลัวอะไรเช่นนี้มาก่อน แกรู้สึกเหมือนขนทั้งร่างจะชูชันขึ้นมาพร้อมกัน ตัวชา นัยน์ตาเบิกโพลง แม่บ้านใหญ่คิดจะตะโกนร้องให้ดังลั่น แต่พอเสียงล่วงพ้นลำคอมาเพียงนิด สติสัมปชัญญะก็ดับวูบทันทีทันใด

 

มรรคารับแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศจากเลขาแล้วออกคำสั่งสั้นๆ โดยไม่เงยหน้า

ช่วยตามคุณประสิทธิ์ให้ผมที

ค่ะ เลขาสาวรับคำ

ใช้เวลาไม่ถึงนาที ประสิทธิ์ก็เข้ามา...มรรคากำลังยืนดูแผนที่ ปลายนิ้วลากไปตามเส้นดินสอที่วงล้อมกรอบพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งในนั้น

ประสิทธิ์ ตรงนี้ใช่มั้ยที่เป็นเขตดงไม้ ที่เราเข้าไปดูด้วยกัน

มรรคาชี้ตรงภาพกลุ่มก้อนสีทึบๆ ลักษณะเป็นหย่อมๆ แน่นขนัด ต่างกับบริเวณอื่นที่ออกเป็นสีเทาจางๆ

ใช่ครับ ผู้ช่วยชะโงกหน้ามาดูแล้วตอบรับ

เนื้อที่ของมันกว้างกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยนะ ชายหนุ่มตั้งข้อสังเกต แถมยังกินเนื้อที่ไปยังที่ติดๆ กับเราด้วย

ครับ มันกินลึกเข้าไปถึงที่ของนายอำเภอ ประสิทธิ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

อืมม์ มรรคาทรุดตัวบนเก้าอี้ เอนหลังพิงพนักด้วยท่าทางสบาย พลางพยักหน้าให้ผู้ช่วยนั่งตาม

เราคงต้องจัดการกับป่าขนาดย่อมตรงนี้ก่อน ถึงจะสร้างโรงงานได้

ครับผม ประสิทธิ์เห็นด้วย

มรรคาก้มมองภาพถ่ายแผนที่อีกครั้ง หัวคิ้วขมวดมุ่น อะไรบางอย่างคอยกระทบใจเขาอยู่เรื่อยๆ สิ่งนั้นคล้ายสัญญาณเรียกร้องที่ส่งออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น

ถ้าหากเราจะคงสภาพดงไม้ส่วนนี้ไว้ คุณว่าพอจะมีทางทำได้มั้ย ชายหนุ่มขอความเห็น

ประสิทธิ์ตอบโดยไม่ต้องดูแผนที่

ยากครับ คำพูดสั้นแต่ชัดเจน ส่วนที่เป็นดงไม้มันกินเนื้อที่หนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมด แถมอยู่ในช่วงกลางๆ ด้วย เราจะไม่มีเนื้อที่พอตั้งโรงงานวางเครื่องจักรได้ แล้วไหนจะในส่วนของที่จอดรถขนวัตถุดิบอีก นี่ยังไม่ได้พูดถึงที่พักคนงานและออฟฟิศที่ใช้เป็นสำนักงานเลย

มรรคาพยักหน้าหรี่นัยน์ตาซ่อนความในใจ เขาเงียบไปนานจนคนเบื้องหน้าเริ่มกระสับกระส่าย ไม่แน่ใจว่าตนเองพูดผิดหูเจ้านายตรงไหนหรือไม่

เวลานี้เราจัดการไปถึงไหนแล้ว

ครับ ประสิทธิ์เกือบถอนใจโล่งอก เราให้ผู้ดูแลทางนั้นบอกกับพวกชาวบ้านให้พวกเขาเข้าไปตัดไม้เผาถ่านทำฟืนได้ อย่างน้อยเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี จากนั้นเราก็จะจัดการส่วนที่เหลือ คิดว่าใช้เวลาทั้งหมดไม่เกินเดือนหรอกครับ

ชายหนุ่มเงยหน้าแล้วพูดสั้นๆ

ขอบใจนะ

ประสิทธิ์รู้ว่าสมควรออกจากห้องได้แล้ว...

ประตูปิด มรรคาพิงพนักเก้าอี้เต็มแรง หลับตาสนิท ใช้นิ้วกดหัวคิ้วและคลึงขมับสองข้างเบาๆ อาการปวดหัวแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ภาพแผนที่ทางอากาศติดตากระจ่างชัดในใจ


มรรคาแน่ใจว่าเขามองเห็นสถานที่แห่งนั้นชัดเจนในมุมสูง ที่เห็นไม่ใช่ภาพขาว-ดำเหมือนในแผนที่ แต่เป็นภาพสีสดใสเหมือนของจริง

แมกไม้สีเขียวชอุ่ม ภูเขาแลตระหง่านยาวเป็นพรืด มันไม่ใช่ที่โล่งๆ ปราศจากผู้คนดังแผนที่ แต่เขากำลังเห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชุมชนเล็กๆ ผู้คนไม่หนาแน่น วัวควายสัตว์เลี้ยงต่างมีชีวิตอย่างเรียบง่าย ชาวบ้านทำนา ปลูกพืช เขาเห็นกระทั่งควันไฟที่ลอยจากบ้านแต่ละหลัง ได้กลิ่นหญ้าแห้ง กลิ่นดินหลังฝนตกหอมสดชื่น

...ที่ไหนน่ะ...?

มรรคาตะโกนถามตัวเอง...เขาเกี่ยวข้องกับมันอย่างไร...คำถามเหล่านี้วนเวียนอื้ออึงอยู่ในสมอง

...กริ๊ง...กริ๊ง...เสียงโทรศัพท์ดัง เขาลืมตา สะบัดหลุดจากเชือกแห่งความคิด

มรรคาครับ เขาพูดสั้นๆ

แก้วนะคะพี่มัค เสียงใสๆ พาสิ่งหนักอึ้งในสมองเขาหลุดออกไป

ว่ายังไงจ๊ะ

พี่มัคจำเรื่องสัมภาษณ์ที่คุยกันเมื่อวานได้มั้ยคะ ปีกแก้วรู้ว่าในเวลาทำงาน มรรคาไม่ชอบให้ใครมาคุยโอ้เอ้

จำได้...แก้วจะมาเมื่อไหร่

บ่ายนี้พี่มัคว่างมั้ยคะ

ไม่ว่างจ้ะ พี่ต้องเข้าประชุมผู้บริหารที่บริษัทคุณลุง

ว้า...เสียดายจัง

พรุ่งนี้ประมาณห้าโมงเช้าพี่ว่าง เขาบอก

งั้นตกลงนะคะ อย่าลืมสั่งเลขาหน้าหวานของพี่มัคด้วยนะ ไม่งั้นเขาไม่ยอมให้แก้วเข้าไปละก็แย่เชียว ขายหน้าเพื่อนๆ หมด

จ้ะ แล้วพรุ่งนี้พี่จะเลี้ยงข้าวเที่ยง

ว้าย...ดีใจจัง...สัญญานะคะ

จ้ะ

รักพี่มัคที่สุดเลย มรรคาวางหู จิตใจค่อยชุ่มชื่นขึ้น

ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ หยุดยืนอยู่ริมกระจกหน้าต่าง ทอดสายตามองบริเวณรอบๆ โรงงานด้วยความรู้สึกผ่อนคลายลง...เขาใช้เวลาหลายปีทีเดียวกว่าจะให้ผู้ใหญ่หลายคนไว้ใจและยอมรับให้เข้าบริหารโรงงานแห่งนี้แทนพ่อที่ตายจาก

แต่มีหลายครั้งที่เขาเคยคิดว่า...จะทำสิ่งพวกนี้ไปเพื่ออะไร ส่วนลึกในจิตใจบอกกับตนเอง...เขายังมีงานสำคัญอย่างยิ่งรอให้สะสาง มันไม่ใช่งานก่อร่างสร้างตัวเพื่อมีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขเช่นคนทั่วๆ ไป...เขาเกิดมาเพื่อทำสิ่งอื่นที่แตกต่างจากเรื่องพวกนั้น

...จะเป็นเรื่องอะไร...เขาไม่รู้...ไม่อาจบอกได้


เสียงสาธยายมนต์ด้วยภาษาแปลกๆ ดังเป็นจังหวะสูงๆ ต่ำๆ ควันธูปลอยอ้อยอิ่งดั่งใยแมงมุมนับร้อยๆ เชื่อมต่อเป็นเชือกเส้นยาวเหยียด กลิ่นดอกมะลิลอยตลบอยู่หน้าพระพุทธรูปปางสมาธิ แสงเทียนกระจ่างจุดรอบห้องให้สว่างรำไร

พันเกลียวนั่งพับเพียบ หลังตรง มือประนมระหว่างอก หลับตาสนิท ริมฝีปากขยับสวดมนต์ด้วยน้ำเสียงใสเย็น หล่อนสวมชุดขาว ผมยาวถูกขมวดเป็นมวยหลวมๆ ใบหน้าผุดผาด ผ่องใส ด้านข้างมีหญิงชรานั่งคอยอย่างสงบ

ชั่วครู่ หญิงสาวสวดมนต์จบ ลืมตาขึ้น ผู้ช่วยสูงวัยค่อยเลื่อนถาดพลาสติกสีขาวมาให้ กลางถาดปักเทียนเล่มใหญ่ พันเกลียวรับถาดขึ้นจบหน้าผาก พึมพำคาถาสองสามคำ ก่อนวางลงและจุดเทียนกลางถาดนั้น

ขันน้ำมนต์ลอยดอกมะลิถูกส่งตามมา หญิงสาวรับไว้ด้วยอาการสงบ ค่อยๆ รินน้ำจากขันลงในถาดจนหมดแล้วบอกกับคนข้างๆ

ยายออกไปได้แล้ว

คุณจะทำจริงๆ หรือคะ หญิงชรามีท่าทางลังเล

แน่นอน พันเกลียวพูดเด็ดขาด ฉันจะไม่รอให้ภาพเขาขึ้นมาในอ่างน้ำมนต์อีก แต่ฉันจะเป็นฝ่ายตามเขาไปเอง ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใคร

ชายแปลกหน้าในอ่างน้ำมนต์คือสาเหตุของพิธีในคืนนี้

ถ้าคุณรู้แล้วจะทำยังไง หญิงชราถาม ปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรมตามวาระดีกว่า

ไม่ น้ำเสียงดุ ฉันจะไม่ยอมปล่อยทุกสิ่งตามเวรตามกรรมอย่างยายว่าหรอก พูดแล้วหยุดถอนใจ ยายออกไปเถอะ

หญิงชราลอบส่ายหน้า คลานออกจากห้องพระ พันเกลียวตัดความกังวลทั้งมวล สูดลมหายใจยาว ลึก กระทั่งสามารถปรับลมหายใจได้ นัยน์ตาจ้องแสงเทียนกลางถาดน้ำมนต์ จิตจดจ่อกับดวงไฟจนสงบ น้ำมนต์ในถาดอาบสีเหลืองอ่อนด้วยแสงเทียน ผิวน้ำไร้ระลอก หญิงสาวหลับตา อธิษฐานจิต

ขอให้คนผู้นั้น จงปรากฏภาพขึ้นมา

น้ำใสเริ่มมีริ้วน้อยๆ ภาพเบลอๆ ผุดขึ้น ดูคล้ายบ้านหลังหนึ่ง บริเวณไม่กว้าง ไม่แคบ ตัวบ้านสองชั้นอยู่ในความมืด...เคลื่อนภาพใกล้เข้าไปอีก ความคมชัดยังไม่เพิ่ม สิ่งที่เห็นพอได้คาดเดาเท่านั้น จนหยุดภาพที่ห้องนอนกว้าง บนเตียงมีผู้ชายร่างสูงใหญ่นอนหลับสนิท ที่น่าตระหนกคือ สองข้างเตียงมีเงาดำๆ ยืดยาวเข้าโอบคลุมเหมือนจะทับร่างเขาไว้

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP