วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๒


Literature

โดย ชลนิล

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

โอ่งเซรามิคสีขาวนวลขนาดใหญ่กว่าชามแกงเล็กน้อยวางอยู่บนโต๊ะที่ปูผ้าสีดำสนิท ในโอ่งบรรจุน้ำไว้เกือบค่อน นิ้วเรียวสวยแตะขอบโอ่งเบาๆ ชั่วครู่น้ำใสเริ่มหมุนเป็นวง

ใส่เข้าไปสิ น้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกของสตรีผู้หนึ่ง

มืออีกข้างค่อนข้างอวบอูมสวมแหวนเพชรเม็ดโต ยื่นมาหย่อนสิ่งบางอย่างลงในโอ่ง ขณะชักมือกลับเพชรบนนิ้วยังส่องประกายวับ

สิ่งแปลกปลอมกลางน้ำใสเป็นด้ายเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่ง เมื่อสัมผัสผิวน้ำ กระแสวนยิ่งรุนแรงขึ้น วงน้ำควะคว้างหมุนดิ่งสู่กึ่งกลางโอ่ง เส้นด้ายนิ่งสนิทกลางกระแสน้ำวน ครู่หนึ่งเจ้าของเสียงเดิมจึงสั่งต่อ

อยากเห็นอะไรก็มองลงไป

ใบหน้าที่คล้ายซาลาเปาพอกเครื่องสำอางชะโงกเข้ามา นัยน์ตายิบหยีทาเปลือกตาสีม่วงเข้ม พยายามจ้องในโอ่งเซรามิค กระแสน้ำยังหมุนวนเช่นเดิม ทว่าสิ่งที่ต้องการเห็นกลับไม่ปรากฏ

ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะอาจารย์ น้ำเสียงตวัดสูงแหลม

มีเสียงถอนใจเบาๆ จากอีกฝ่าย

หยุดความคิดเสียสิ ไม่ต้องอยากเห็น ให้มองน้ำ ก็มองแค่น้ำ คำพูดยาวขึ้นแต่ราบเรียบเสมอกันหมด

คราวนี้คนอยากเห็นชะโงกหน้าเข้าไปใหม่ นัยน์ตาจับวงน้ำจนจิตสงบเย็น... ชั่วแวบ ภาพบางภาพปรากฏรางๆ ใต้พรายน้ำไหวระริก เจ้าตัวขนลุกซู่ในวินาทีแรกก่อนความรู้สึกอื่นตามมา

ต๊าย นึกว่าใคร อีนังประชาสัมพันธ์คนใหม่นี่เอง...มิน่า...ไอ้แก่มันถึงหลงนักหลงหนา เงินทองที่ขาดบัญชีไปนั่นคงเอาไปปรนเปรอมันละสิ ยิ่งพูดเจ้าตัวยิ่งแค้น

รู้แล้วก็ไปได้แล้ว น้ำเสียงเรียบๆ ออกปากไล่

ค่ะ...ค่ะ...เจ้าแม่ ผู้พูดเปลี่ยนคำเรียกขานทันใด

ไม่ใช่... คำค้านสั้น แต่เข้ม เรียกอาจารย์ดีแล้ว

ค่ะ...แล้วค่าสมนาคุณ เจ้าตัวรีบเปิดกระเป๋า

ไปจ่ายกับคุณยายข้างนอก

ค่ะ...ค่ะ หนู เอ๊ย...เดี๊ยนลานะคะ

แขกกลับไปแล้ว ห้องโล่งจมอยู่ในความเงียบสนิท แสงสว่างจากหน้าต่างส่องจับร่างเพรียวสูงนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ห้องสี่เหลี่ยมนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นนอกจากโต๊ะขนาดย่อมปูผ้าสีดำ ฝาผนังทาสีเขียวอ่อน อาศัยเพียงแสงสว่างจากหน้าต่างทำให้บางมุมตกในเงามืด ร่างที่นั่งดังรูปสลักยังไม่ขยับตัว น้ำในโอ่งเซรามิคหยุดหมุนแล้ว แผ่นน้ำเรียบสนิทดั่งกระจก


นัยน์ตาโตลึกจ้องผ่านน้ำชั่วแวบ จุดดำกลางดวงตาปรากฏแววไหวระริก เสียงถอนใจดังอีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่ปิดลงเห็นขนตายาวเรียงเป็นพรืด ยามหลับใบหน้าหล่อนยิ่งคล้ายรูปปั้น โครงหน้าคม สวย คิ้วเรียวเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากเรียวบางหุบสนิท เส้นผมยาวดำขลับราวกับความมืด หล่อนสวมชุดคลุมสีเทาหม่นๆ ตัดกับผิวขาวจัดของเจ้าตัว ร่างทั้งร่างจึงเด่นโพลนท่ามกลางความสลัวราง

หญิงชราท่าทางแข็งแรงผลักประตูเข้ามา ใบหน้าแฝงความอบอุ่น สายตามองหญิงสาวด้วยความเคารพเจือเอ็นดู

คุณพันเกลียว เสียงเบาแต่ชัดเจน

พันเกลียวลืมตามองเจ้าของเสียง

แขกหมดแล้ว ไม่มีคำลงท้าย แต่ก็ฟังนุ่มนวล

หญิงสาวลุกขึ้นช้าๆ สายตาอยู่ที่โอ่งเซรามิค หญิงชราสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจึงมองตาม ภาพที่ปรากฏทำให้หล่อนยืนนิ่ง ตัวชาตั้งแต่หัวจดเท้า

เขาอีกแล้ว น้ำเสียงแหบโหย แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับหุบปากสนิท

ใบหน้าของชายคนหนึ่ง ลอยเด่นกลาง อ่างน้ำมนต์ หน้าตาเขาคมคาย คิ้วเข้ม ตาโตคมดุ สีหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากราวกับจะหุบสนิทอยู่เป็นนิจ

เขาเป็นใคร คุณรู้หรือยัง นัยน์ตาชรามองหญิงสาวด้วยความสงสัย

ยัง คำตอบสั้น

คราวนี้ชัดกว่าทุกครั้ง น้ำเสียงมีแววกังวล

ไม่นาน คงได้พบ

แล้ว...เมื่อไหร่...แล้ว...จะเป็นเรื่อง ดีหรือร้าย... คำถามค่อนข้างตะกุกตะกัก

หญิงสาวแลเลยผ่านบานหน้าต่าง และคล้าย...จะมีเสียงถอนใจอีกครั้ง

ยายคิดว่าฉันเก่งนักหรือ หญิงสาวแตะโอ่งเซรามิค ภาพชายหนุ่มหายไป ฉันเองก็ยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่าต้องได้พบเขาเร็วๆ นี้...เขาเป็นคนธรรมดานี่แหละ ฉันเชื่อเช่นนั้น...แต่สิ่งที่จะตามมา ฉันไม่รู้ และเพราะอะไร ฉันต้องไปเกี่ยวข้องกับเขา ฉันก็ไม่รู้...

เงียบ...ราวกับไร้ผู้คน ลมแรงพัดเส้นผมหญิงสาวปลิวสะบัด ร่างทั้งร่างยืนนิ่งดุจขุนเขา มีเพียงแววตาที่แฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด


มรรคาออกจากโรงงานค่อนข้างดึก ที่จริงเขาควรกลับบ้านเร็วกว่านี้ ถ้าหากไม่ต้องสะสางงานบางอย่างหลังกลับจากไปดูที่ดินในต่างจังหวัด ลูกน้องที่กลับมาพร้อมกันต่างทยอยไปจนหมดแล้ว

รถเขาจอดอยู่ด้านหลังโรงงาน เป็นที่จอดพิเศษสำหรับผู้บริหาร ค่อนข้างไกลจากที่จอดรถรวมพอสมควร ความรู้สึกแปลกๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทางไปที่จอดรถ หูคล้ายแว่วเสียงฝีเท้าตามหลังมาเป็นระยะ เมื่อเขาหยุด เสียงฝีเท้านั้นก็หยุดด้วย พอเดินถึงที่โล่ง เขารีบหันกลับมองหาเจ้าของเสียง...สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า...

แสงสีส้มซีดๆ จากโคมไฟข้างทางส่องสว่างพอให้เห็นสถานที่กว้างขวางนี้ชัดเจน ไม่มีใครสามารถหลบซ่อนจากสายตา แต่ให้มองอย่างไร ก็ไม่พบผู้คนแม้คนเดียว

มรรคาเดินไปที่รถ เขาไม่ใช่คนกลัวอะไรง่ายๆ ความเข้มแข็งถูกฝึกจนเป็นนิสัย ทำให้มีสติตั้งรับกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดมาหลายครั้ง และครั้งนี้...เขาแค่ประหลาดใจ

ขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง...บรื้น... เครื่องปรับอากาศทำงาน แต่น่าแปลกในรถช่างเย็นเฉียบทั้งที่เพิ่งเปิดแอร์

แม้รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังขับรถออกมาอย่างปกติ จากโรงงานสู่ถนนใหญ่ที่คับคั่งด้วยยวดยาน แสงไฟหน้ารถแต่ละคันจุดให้ถนนทั้งสายสว่างโพลงราวกับไม่มีวันหลับ แผงอาหารโต้รุ่งเรียงรายเต็มสองข้างทาง หลอดไฟหลากสีและผู้คนที่นั่งตามร้านช่วยสร้างสีสันให้กับริมทางเป็นอย่างดี

แต่ในรถของมรรคามีบรรยากาศผิดจากด้านนอก ความเย็นเยียบไร้ที่มายังแผ่ซ่านอยู่ทุกอณู ชายหนุ่มเปิดเพลงเบาๆ กลิ่นบางอย่างเริ่มโชยชาย

กลิ่นของมัน ไม่หอม ไม่เหม็น เป็นกลิ่นเฉพาะของอะไรบางอย่าง หากว่าหอมก็หอมเอียนๆ ถ้าจะว่าเหม็นคงพูดไม่เต็มปากนัก ที่สำคัญมรรคาบอกตัวเองว่า เขาน่าจะเคย รู้จักกลิ่นนี้

ยิ่งนาน ทั้งความเย็นประหลาดและกลิ่นแปลกๆ ยิ่งเข้มข้นขึ้น เสียงเพลงเบาลงไปโดยเขาไม่ได้หรี่เสียง

มรรคาตัดสินใจปิดแอร์และไขกระจกลงทันที...


เสียงยวดยานและเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจบนถนนยามดึกเข้ามาขับไล่บรรยากาศน่าขนลุกนั้นออกไป ชายหนุ่มคลายหัวคิ้วลง ฉับพลัน เขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ที่เบาะข้าง!

รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใคร แต่มรรคาก็ยังเหลือบดู เพื่อพบเบาะโล่งๆ ดังเดิม

ความรู้สึกแปลกๆ นี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิด ชายหนุ่มรู้ตัวตั้งแต่นั่งรถกลับจากต่างจังหวัด คนขับรถของเขายังเปรยๆ ว่ารถหนักกว่าปกติ มันเป็นเพียงความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายต่อใครได้

มรรคาขับรถมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เจ้าชัยลูกจ้างในบ้านยังรอเปิดประตูให้และทันทีที่รถแล่นผ่านบานประตู ชายหนุ่มก็รู้ว่า อาคันตุกะ ได้ออกไปแล้ว

กลับดึกจังเลยพี่มัค...แก้วอุตส่าห์คอยตั้งนาน เสียงใสๆ ของสาวน้อยหน้าแอร่มดังต้อนรับเขา ร่างโปร่งเข้ามากอดอย่างสนิทสนม

มีของฝากหรือเปล่าคะ ใบหน้าใสๆ ฉอเลาะถามราวกับเด็กตัวน้อย

พี่ไปใกล้ๆ แค่นี้เอง ไม่มีของฝากหรอกจ้ะ มีเพียงไม่กี่คนที่จะได้ยินมรรคาพูดอ่อนโยนได้เท่านี้

เด็กสาวย่นจมูก แกล้งแกว่งแขนเขาแรงๆ

ดีล่ะ งั้นแก้วจะบอกให้คุณนายแฉล้มงดน้ำ งดขนมของพี่มัคด้วย

ตามใจสิจ๊ะ พี่ไปหากินเองในครัวก็ได้

ในครัวก็ไม่มีอะไรกิน สาวน้อยรีบบอก

ให้มันรู้ไปว่าน้องสาวคนนี้จะยอมให้พี่อดตาย เขาเขี่ยแก้มใสเบาๆ

โอ้ย กลัวแล้ว กลัวแล้ว เล่นใช้ไม้นี้ขู่ น้องสาวที่น่ารักอย่างแก้วจะยอมให้พี่ชายท้องกิ่วได้ยังไง

ว่าแล้วก็จูงมือมรรคาไปยังโต๊ะอาหาร ซึ่งเตรียมของว่างรอบดึกไว้พร้อมสรรพ


ชัยเป็นหลานชาย คุณนายแฉล้มตามคำเรียกของปีกแก้ว เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อแม่ฐานะยากจน จึงส่งให้มาอยู่กับป้าแฉล้มที่กรุงเทพฯ มรรคาเห็นท่าทางหน่วยก้านดีจึงให้อยู่ช่วยงานที่บ้าน พร้อมกับส่งเรียนต่อ

หน้าที่ประจำของชัยคือรอเปิดประตูให้มรรคา และดูแลทำงานหนักต่างๆ ในบ้าน เวลากลางคืนก็ต้องตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านก่อนเข้านอน

หลังจากเปิดประตูให้มรรคา ก็เดินตรวจรอบบ้านตามหน้าที่ บ้านหลังนี้ไม่กว้างนัก มีเนื้อที่ราวร้อยกว่าตารางวา ตัวบ้านเป็นตึกสองชั้นหลังกะทัดรัด รอบบ้านมีสนามหญ้าสลับกับไม้ยืนต้น ไม้ผลประเภทมะม่วง ชมพู่ ข้างบ้านทำเป็นโรงรถ ด้านในจัดเป็นห้องพักของชัย

เด็กหนุ่มเดินจนรอบกำแพง ไม่พบสิ่งผิดปกติ ก็เดินอ้อมหน้าบ้านเพื่อกลับห้องพักตัวเอง แต่เขาต้องแปลกใจที่เห็นใครบางคนกำลังเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูบ้าน

มาหาใครครับคุณ เขาร้องถามก่อนเดินเข้าไป

ใกล้ถึงหน้าประตู เขามองเห็นร่างบอบบางใส่ชุดสีคล้ำ ยืนหันหลัง แสงจากโคมไฟส่องจับผิวขาวโพลนที่โผล่พ้นชายผ้า ชัยเดินเข้าไปอีก พยายามมองอาคันตุกะนิรนาม

คุณเป็นใครน่ะ มีธุระอะไร เขาถามอีกครั้ง แต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ

เด็กหนุ่มเห็นเส้นผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ และชายผ้าสีคล้ำ กำลังพลิ้วไหวน้อยๆ ทั้งที่ไม่มีลม

กลิ่นบางอย่างกระทบจมูกเขาอย่างจัง ถ้าถามว่าหอมหรือเหม็น เขาคงตอบไม่ถูก กลิ่นของมันหอมคล้ายฟางข้าวและเจือด้วยกลิ่นเหม็นๆ อับๆ ของก้อนดินที่ถูกทับถมด้วยซากพืชซากสัตว์

เขาเคยอยู่บ้านนอกมาก่อน กลิ่นนี้เรียกความทรงจำอันเคยคุ้น

ครั้งหนึ่ง ที่หมู่บ้านมีงานศพ วัดยังไม่มีเมรุ ชาวบ้านต้องก่อเชิงตะกอนขึ้นเอง ศพถูกเผากลางแจ้ง เขาเคยไปงานศพนี้ ยามเมื่อศพถูกเผา พวกดอกไม้จันทน์ไม้หอมต่างๆ ก็ถูกเผารวมด้วย

กลิ่นที่เขาสัมผัสขณะนี้ คล้ายกลิ่นในวันนั้นไม่มีผิด

คุณ ชัยส่งเสียงอีกครั้ง ทั้งที่เริ่มสะบัดร้อนสะบัดหนาว

เจ้าหล่อนทำท่าเหมือนจะหันมา แต่แล้วกลับเดินช้าๆ จากไป

อ้าวคุณ...จะไปไหนน่ะ เด็กหนุ่มเกาะประตู สอดสายตาตามร่างหล่อน

ทว่า หญิงสาวนิรนามได้ละลายหาย ดั่งถูกกลืนกับความมืดเสียแล้ว

ขนบนต้นคอลุกชัน อาการเย็นยะเยือกแผ่ซ่านตั้งแต่เส้นผมถึงปลายเท้า ฟันกระทบกันดังกึกกัก ความกลัวจู่โจมจนเขาต้องรีบโกยอ้าวเข้าห้องอย่างรวดเร็ว


คืนนี้พี่มัคจะทำงานต่อมั้ยคะ ของว่างรอบดึกพร่องลงบ้างแล้วเมื่อปีกแก้วถามมรรคา

ยังต้องทำอีกนิดหน่อย มีอะไรหรือจ๊ะ

งั้นแก้วจะชงกาแฟให้นะคะ

เอาใจพี่อย่างนี้มีแผนการอะไรหรือเปล่า

ไม่มี๊ ไม่มีเลยค่ะ

ตอนอ้อนให้พี่ซื้อรถ แก้วก็พูดอย่างนี้

ปีกแก้วหัวเราะแหะๆ รอยยิ้มประจบถูกนำมาใช้พร้อมดึงมือพี่ชายไปนวดเบาๆ

คือว่า... เจ้าตัวทำตาเจ้าเล่ห์ คนฟังนั่งนิ่งรู้ทัน แก้วมีงานต้องทำส่งอาจารย์เป็นงานกลุ่มน่ะค่ะ

มรรคามองน้องสาวตรงๆ กับคนอื่นสายตาเช่นนี้ทำให้ใครๆ นึกขยาด แต่ปีกแก้วรู้ เวลานี้เขากำลังตั้งใจฟังทุกคำพูด

งานสัมภาษณ์ ปีกแก้วหลุดคำนี้ออกมา ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว พอจะเดาคำพูดต่อไปได้

แก้วกับเพื่อนๆ ลงมติกันว่าจะมาขอสัมภาษณ์พี่มัค

นัยน์ตาคมดุ จ้องปีกแก้วด้วยแววตาหนึ่งซึ่งเด็กสาวรู้ว่าเขาไม่พอใจ

แก้วรู้ว่าพี่มัคไม่เคยให้ใครสัมภาษณ์เลย แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่คะ

ทำไมต้องเป็นพี่ คำถามห้วนสั้น

แหม...ก็นักธุรกิจหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทใหญ่ มีโรงงานเป็นของตัวเอง ผลิตสินค้าส่งออกต่างประเทศปีละตั้งหลายล้าน แถมยังเป็นโสดอีก อย่างนี้ยังไม่น่าสนใจหรือคะ

มีเหตุผลอื่นอีกมั้ย เขาถามเหมือนสอบสัมภาษณ์

ปีกแก้วยิ้มกว้าง

ถ้างานสัมภาษณ์ของกลุ่มไหนทำได้น่าสนใจที่สุด อาจารย์จะส่งลงนิตยสารให้ และถ้าใครได้ลง รับรองว่าวิชานี้ได้เอแน่นอน

พอเห็นพี่ชายยังเงียบ เจ้าตัวจึงยกเหตุผลอื่นเข้าอ้อน

พี่มัคไม่อยากเห็นแก้วได้เกียรตินิยมหรือคะ

มรรคาแย้มริมฝีปากนิดๆ

เท่าที่พี่ดูผลการเรียนที่ผ่านมาของแก้ว พี่ว่า ต่อให้แก้วได้เอวิชานี้ แก้วก็ไม่มีทางได้เกียรตินิยมอยู่ดีนั่นแหละ

คนใจร้าย สาวน้อยกระฟัดกระเฟียด

เอาสิ พี่อนุญาต จู่ๆ เขาก็ตอบรับสั้นๆ ปีกแก้วยิ้มแก้มปริ ดึงมือเขาไปจูบแรงๆ

ขอบคุณมากค่ะ พี่มัคน่ารักที่สุดเลย เจ้าตัวเอามือพี่ชายแนบแก้มแล้วยิ้มตาใส

แล้ว...แก้วขออะไรอีกอย่างได้มั้ยคะ นัยน์ตาหล่อนบอกความนัยบางอย่าง

อะไรจ๊ะ

ถ้ามีใครอยากเข้ามาที่นี่ พี่มัคจะว่ายังไงคะ

ใคร ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่ปีกแก้วก้มหน้า คำพูดขลุกขลักอยู่ในลำคอ

พี่มัคจะอนุญาตมั้ยคะ หล่อนสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเงยหน้ามองเขา

มรรคานิ่งอั้น จ้องตาเด็กสาวเหมือนจะหาคำตอบ

แล้วแต่แก้วสิ พี่จะไปว่าอะไร

พูดแล้ว หัวใจคล้ายถูกกระตุก ขนบนแขนลุกซู่ นึกถึงเหตุการณ์ประหลาดที่พบบนรถ แล้วเหลียวมองความมืดเบื้องนอก

เขาทำถูกหรือผิดที่หลุดปากรับคำออกไป และเหตุใดปีกแก้วจึงขอร้องเขาเช่นนั้น

เด็กสาวบีบมือเขาเบาๆ และยิ้มให้อย่างอ่อนหวานที่สุด

ขอบคุณค่ะ พี่มัค

มรรคาหยุดคำถามต่างๆ ไว้ที่ริมฝีปาก ไม่แน่ใจว่า อะไรกำลังจะเกิดกับเขา...


ลมเย็นๆ ยามดึกพัดผ่านผิวแก้มใสของเด็กสาวที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสอง ปีกแก้วก้มลงมองความมืดซึ่งรายล้อมบ้าน จากระเบียงหน้าห้องนอน หล่อนสามารถเห็นบริเวณรอบกำแพงบ้านได้เกือบครึ่ง และยิ่งกว่านั้นยังมองเห็นผู้มาเยือนกำลังเคลื่อนตัวตามแนวกำแพงอย่างงุ่นง่าน มัน พยายามจะเข้ามาในบ้าน แต่คล้ายมีบางสิ่งกางกั้นไว้

ผู้มาเยือน มีลักษณะเป็นเงาดำสองร่างเดินวนเวียนไปมา บางครั้งหยุดยืนนิ่งๆ บางครั้งก็ยืดตัวยาวเหยียดเหมือนจะข้ามกำแพงมา และสุดท้าย มันก็เงยหน้ามองหล่อน...ขนาดว่าเตรียมใจแล้ว ปีกแก้วยังขนลุกซู่ ตัวชา

เห็นแล้วใช่มั้ย เสียงทุ้ม นุ่มกังวานในโสตประสาท ปีกแก้วค่อยยิ้มออก

ค่ะ คุณอา เสียงตอบจากหล่อน ดังก้องในใจเช่นกัน

ยังไม่ให้พวกเขาเข้ามาอีกหรือ คำพูดเรียบเรื่อย คล้ายคำถาม คล้ายคำสั่ง

พวกเขาไม่ทำอันตรายเราแน่หรือคะ เด็กสาวไม่แน่ใจ

ไม่ต้องห่วงหรอก คำตอบกลางใจเสมือนการปลอบโยน

แต่หนูยังกลัว

ความดี คือเกราะคุ้มกันภยันตรายทั้งปวง ยังจะกลัวอะไร

แต่...

ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ มิเช่นนั้น มรรคาก็ไม่อาจทำตามสัญญาได้

พี่มัคเคยเป็นใคร เคยสัญญาอะไรคะ

คำตอบคือเสียงหัวเราะเบาๆ คล้ายเสียงระฆังใบระกา

เคยถามแล้วไม่ใช่หรือ จำไว้เถอะ เมื่อถึงเวลาย่อมรู้เอง

น้ำเสียงเงียบหาย จิตใจปีกแก้วเบาโหวงเหมือนหญ้าปล้องถูกถอดไส้ สาวน้อยมองเงาดำทั้งคู่ ลังเลใจอยู่ชั่วขณะก่อนตัดสินใจพูดเบาๆ

เอาเถอะ ถ้ามี หน้าที่อะไรต้องทำ ก็เข้ามาได้ พูดแล้วเหมือนความหนักใจยิ่งเพิ่มพูน ผู้มาเยือน ชะงัก เงยหน้ามองหล่อนอีกครั้ง กระแสเอียนๆ กระทบสู่ใจปีกแก้ว

แต่ขอร้อง อย่าให้คนในบ้านต้องเดือดร้อนเลย หล่อนพึมพำ ก่อนเงาดำๆ จะละลายหายไปกับราตรีกาล

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP