ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่เก่งและมีความคิดสร้างสรรค์ ควรทำอย่างไร



ถาม – ถ้าผมอยากเป็นนักเขียนที่เก่งและมีความคิดสร้างสรรค์
จะต้องปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไรบ้างครับ



อันดับแรกเลยนะ เขียน ลงมือเขียน
ไม่มีอะไรที่มันลัดหรือว่าตรงมากไปกว่านั้นอีกแล้วนะ
ความคิดสร้างสรรค์หรือว่าความสามารถที่จะเขียนเก่ง
มันมาจากการเขียนตรงๆ นั่นแหละ
ไม่ได้มีปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญมากไปกว่าการลงมือเขียน



ส่วนเรื่องของความสามารถหรือว่าความคิดสร้างสรรค์
มันขึ้นอยู่กับหลายเหตุปัจจัย
แต่ความคิดสร้างสรรค์ที่มันจะออกมาได้จากบุญเก่านี่นะ
ถ้าคุณถามถึงบุญเก่าหรือว่าลักษณะของการก่อกรรม
ทางการคิดทางการพูดหรือว่าทางการกระทำอย่างไร
ที่จะมีส่วนส่งเสริมสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ในเชิงเขียน
ก็คงจะหนีไม่พ้นการเขียนในสิ่งที่เป็นบุญในสิ่งที่เป็นกุศล
อะไรที่เป็นบุญอะไรที่เป็นกุศลเราตั้งใจเขียนในทางนั้น
ก็จะมีส่วนส่งเสริมในชาติปัจจุบันทีเดียวที่จะเห็นผลได้นะครับ



ลองนึกถึงความสว่าง
ถ้าหากว่าเราเขียนอยู่ในขณะที่มีความมืดทางจิต
ไม่มีความสว่างทางจิตอยู่เลย
กำลังมีจิตใจย่ำแย่ กำลังมีจิตใจหดหู่ กำลังมีจิตใจที่ทึบตัน
มันจะมีความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ไหม แน่นอนว่าไม่ได้
ต้องเขียนในขณะที่จิตมีความสว่าง
ถึงจะเกิดไอเดียสร้างสรรค์หรือว่าความคิดแปลกใหม่ขึ้นมา


ทีนี้ถ้าถามว่าความสว่างหรือว่าลักษณะจิตที่มีความผ่องใสมันเกิดขึ้นจากอะไร
ก็แน่นอนครับจะต้องเขียนในทางที่ดีในทางที่มันเป็นกุศล
มันถึงจะเกิดความสว่างทางใจขึ้นมา
ไม่ใช่ว่าเขียนอะไรที่มีความมืดมีความทึบแล้ว
จะเกิดไอเดียหรือว่าเกิดความสว่างไสวอะไรขึ้นมาได้
ตรงนี้เป็นความจริงที่มันปรากฏอยู่เป็นธรรมชาติของจิต



แต่ว่าบางคนก็สงสัยว่า เอ๊ นักเขียนหลายคนนี่เขียนเรื่องใต้สะดือแท้ๆ
หรือว่าเขียนเรื่องอะไรที่มันล่อแหลมบาดจิตบาดใจ
หรือว่าล่อลวงให้เกิดความหลงผิดใฝ่ต่ำขึ้นมา
ทำไมเขาก็ยังมีความคิดสร้างสรรค์กันได้
อันนี้ก็จะบอกว่าเป็นของเก่าก็คงไม่ผิดเสียทีเดียวนะครับ
หลายๆ คนนี่นะเคยเขียนอะไรดีๆ ไว้ก่อน เคยพูดอะไรดีๆ ไว้ก่อน เคยคิดอะไรดีๆ ไว้ก่อน
และความคิดหรือการพูดการกระทำที่อยู่ในอดีตนั้นยังส่งผล ยังให้ผล
การคิดในแบบที่จะช่วยให้คนอื่นได้มีความสุขมีความสบายหรือว่าพ้นทุกข์
หรือการพูดให้ไอเดียในทางที่แปลกใหม่ แต่เป็นคุณประโยชน์กับคนอื่นๆ
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ความคิดมีความแหลมคม



แต่การที่เคยทำบุญมาทั้งชาติ เคยคิดเคยพูดเคยทำมาทั้งชาติ
ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาคิดแบบเดิม พูดแบบเดิม หรือว่าทำแบบเดิมซ้ำแต่ก่อนเก่า
คือเอาความแหลมคม เอาความสว่างเรืองรองในอดีต
มาเป็นทุนมาเป็นปัจจัยในการเขียนอะไรที่มันไม่ค่อยจะสร้างสรรค์ได้
แต่พูดถึงสาเหตุของความคิดสร้างสรรค์
หรือว่าความสามารถในเชิงสร้างสรรค์
จะต้องมาจากความสว่างไม่ใช่ความมืด

อันนี้คือพูดง่ายๆ นะ ถ้าไม่มีทุนเก่าอยู่
อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะฉลาด ไม่มีทางที่จะมีไอเดีย



แต่อย่างไรก็ตามพิสูจน์ในเรื่องของความสามารถในเชิงสร้างสรรค์กันในปัจจุบันชาตินี่แหละ
คิดเพื่อคนอื่นมากๆ พูดเพื่อคนอื่นมากๆ
ในลักษณะที่จะออกไปในทางสร้างสรรค์
ออกไปในทางที่เราจะรู้สึกได้ว่านี่เป็นการฉีกกรอบแบบเดิมๆ ที่ไม่ดี
ด้วยไอเดียหรือว่าแนวทางใหม่ๆ

ทำไปเรื่อยๆ เป็นปีๆ นะ ไม่ใช่ทำประเดี๋ยวประด๋าว
แล้วก็จะต้องมีความต่อเนื่องด้วย
แล้วในที่สุดเราจะเกิดความรู้สึกขึ้นมาเอง
หลังจากที่ไอเดียหรือว่าแนวคิดสร้างสรรค์
มันเป็นประโยชน์จริง เป็นคุณจริง เกิดผลจริงกับคนอื่นๆ
พอมันเกิดความมั่นใจ
พอมันเกิดความรู้สึกว่าทักษะความสามารถในการออกไอเดียของเราเนี่ย
มันค่อยๆ ผลิดอกออกผลกับคนอื่น
สิ่งที่มันจะมาผลิดอกออกผลตามในตนเอง
ก็คือเราจะรู้สึกถึงความแหลมคม รู้สึกถึงความชัดเจน
รู้สึกถึงความมีสติที่จะทำอะไรแบบสร้างสรรค์



พูดง่ายๆ เลย สรุปง่ายๆ ก็คือว่า
พิสูจน์เรื่องผลของกรรมที่ผลิดอกออกผลในชาติปัจจุบัน
ได้จากเรื่องของการพยายามออกไอเดีย
ในแนวทางคิดสร้างสรรค์เพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่น
แล้วจะเห็นผลในชาติปัจจุบันนี้แหละ
ว่าความคิดของเราสามารถแหลมคมขึ้นได้จริงๆ
ส่วนที่ว่าจะมีลำดับขั้นตอนชัดเจนอย่างไร มันเอาแน่เอานอนไม่ได้
แต่ว่าโดยย่นย่อ ข้อหนึ่งลงมือเขียน
ข้อสองนะทำประโยชน์กับคนอื่น
ในทางที่ฉีกกรอบที่มันไม่ดีด้วยไอเดียที่มันดีก็แล้วกัน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP