ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ทำอย่างไรให้เลิกเกียจคร้านในการปฏิบัติธรรม



ถาม - พอชีวิตเริ่มมีความสุขขึ้น ดิฉันกลับยิ่งละเลยในการปฏิบัติธรรม
อยากขอให้คุณดังตฤณช่วยพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เลิกเกียจคร้านเสียทีค่ะ


เรื่องความขี้เกียจ มันไม่เข้าใครออกใครนะ
อย่ามาตั้งความหวังไว้ว่าผมจะไปสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้
ต่างคนต่างต้องมีอุปกรณ์สร้างไฟในมือติดตัวไว้
คือจริงๆ แล้ว การไปเอากำลังใจหรือว่าแรงบันดาลใจจากคนอื่น
ก็เป็นวิธีมาตรฐานน่ะนะ
แต่ว่าลักษณะคำถามแบบคุณ เท่าที่ผมเคยเจอมานะ
มันรู้ดีทุกอย่างอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการคำพูดของใครสักคน
มาสะกิดแรงๆ หรือว่าอาจจะทิ่มแทงให้เลือดไหลซิบๆ
แล้วก็จะได้มีความมานะพยายาม ความกระตือรือร้นอะไรขึ้นมานะ
พอไปเข้าใจอย่างนี้ เดี๋ยวกลายเป็นยาเสพติดได้นะ
คือถ้าท้อแท้ขี้เกียจอะไร ก็จะต้องมาเอาแรงบันดาลใจ ขอแรงบันดาลใจ
หรือว่าเอาคำอะไรที่มันกระทบ แล้วเกิดความรู้สึกว่า เนี่ย ฉันต้องออกเดินไปข้างหน้า
มันก็โอเค แต่ผมอยากจะพูดไว้อย่างนี้ก็แล้วกัน
เส้นทางที่เราเดินนี่นะ แต่ละคน
มันไม่มีใครเคียงข้างหรือว่าไม่มีใครที่จะอยู่ข้างหลังเราไปได้ตลอดทาง

มันจะมีเป็นช่วงๆ ที่เรารู้สึกว่า เรากำลังเดินอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวแท้ๆ เลย
มีเหมือนกันกัลยาณมิตรน่ะ แต่เหมือนกับเขาเดินอยู่ห่างๆ
เดินขนานกันไปก็จริง แต่เดินอยู่ห่างๆ
เพราะว่าเส้นทางของแต่ละคน มันไม่มีทางย่ำซ้ำรอยกันไป หรือว่าต้องเดินเคียงกันไปตลอดเวลา
ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชะตาชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน
ความรู้สึกหรือมุมมองที่จะเห็นเส้นทางของตัวเอง เท้าของตัวเอง มันเป็นคนละเรื่องเลย



บางทีเราอยู่ในช่วงที่ขี้เกียจ ขณะที่เพื่อนเขากำลังขยันขันแข็งอยู่
แล้วเรามองไม่เห็นพอยท์น่ะ
คือการเป็นฆราวาส มันไม่มีตัวกฎกติกาบังคับใจเราอยู่ ว่า เอ๊
! คุณต้องทำนะ
ไม่ทำนี่ผิดกฎกติกา มากินข้าวชาวบ้านเขาเปลืองเปล่าๆ นะ
หรือว่าที่ไปตกลงกับพระพุทธเจ้าไว้ในวันบวชว่า
ต้องทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง ถึงทำไม่ได้ก็พยายามนะ ไม่ใช่ว่ามานั่งๆ นอนๆ
นี่ มันมีอะไรคุมอยู่บางอย่าง มันมีผ้าเหลืองคุมอยู่นะ
ว่าเราจะมานั่งๆ นอนๆ ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ผิด ผิดแน่ๆ
แล้วคนมีสามัญสำนึก มีจิตสำนึกดีๆ ทั่วไป
ก็จะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดแบบนั้นรบกวนจิตใจนาน
ก็จะต้องลุกขึ้นมา มาเดินจงกรม ลุกขึ้นมา มานั่งสมาธิ
หรือว่าลุกขึ้นมา มาเจริญสติ หาสภาวะจิตสภาวะใจไว้ดู
ให้เห็นความไม่เที่ยง ให้เห็นความไม่ใช่ตัวตน
นี่เรื่องของพระ


แต่พอเรื่องของฆราวาส เราไม่ได้ไปตกลงกับใครเลยนะว่า
ฉันจะตั้งใจนะ ฉันจะเอามรรคผลนิพพานให้ได้
แต่มันมีการหมายมั่นปั้นมือไว้กับตัวเองว่า
ฉันพบทางถูกทางดีทางตรงแล้ว ไม่อยากปล่อยให้เสียโอกาสไปชาติหนึ่ง
แล้วยังไม่พร้อมบวชด้วย
แต่ขอเป็นฆราวาสที่ไม่ปล่อยเวลาว่างให้สูญเปล่า เอาเวลาว่างมาเจริญสติ
เอามาสั่งสม เอามาตุนเสบียง เสบียงที่จะไปนิพพานนะ ไม่ใช่เสบียงไปแค่สวรรค์นะ
พอมันตกลงกับตัวเองไว้แบบนี้ โดยไม่มีเงื่อนไขอื่นมาคอยบีบ
เราหาเงินหาทองเอง เรารับผิดชอบชีวิตตัวเอง เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง ไม่ได้พึ่งพาใคร
แล้วก็ไม่เคยสัญญากับคนอื่นไว้ว่า ฉันจะต้องทำอย่างนั้น ฉันจะต้องทำแบบนี้
มันก็เลยไม่มีข้อบังคับ



ทีนี้ถ้าหากว่า เวลาไหนที่เรารู้สึกว่า ตัวเองกำลังตกอยู่ในสภาวะขี้เกียจทางธรรม
อย่าไปเร่งรัด อย่าไปพยายามทำให้มันฮึกเหิมขึ้นมา
แต่ขอให้ดูว่า ชีวิตแสดงความไม่เที่ยงอะไรให้เราดูบ้าง

คือทำตัวเป็นผู้สังเกตนั่นแหละ ว่าวันนี้ชีวิตจะแสดงอะไรให้เราดูอีก
เชื่อเถอะว่า ชีวิตนะจะไม่แสดงความพรั่งพร้อม ชีวิตจะไม่แสดงความพอ
ชีวิตจะไม่แสดงความสุข ไม่แสดงความน่าพิสมัยให้กับเรานานนัก
มันจะต้องมีอะไรสักอย่างมาก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับเราบ้าง
ตรงนั้นนะ ค่อยๆเห็นความไม่เที่ยงมันไป ไม่ต้องรีบร้อน
เพราะว่าไหนๆ เราก็ไม่ได้ไปสัญญิงสัญญากับใครว่าจะรีบร้อนไปไหนอยู่แล้ว
แค่มีความอยากกับใจตัวเอง เราค่อยๆ สังเกตอย่างใจเย็น



คือคำว่าขยันหรือขี้เกียจ จำไว้เลยนะ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่ใครมาจี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเจริญสตินะ
ถ้าจะขยันมันขยันขึ้นมาจากความพอใจของตัวเอง
และความพอใจที่มันยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือการได้เห็นทุกข์ ด้วยความเข้าใจ
ด้วยใจที่มันจริง ด้วยใจที่มันไม่มีการมาเร่งร้อนอยากเอาอะไร
แต่มันเห็นทุกข์ออกมาจากใจจริงๆ

เห็นทุกข์ออกมาจากธรรมชาติของชีวิตแต่ละวัน ที่มันกำลังแสดงตัวอยู่จริงๆ
ตัวนี้นะที่มันจะทำให้เกิดความต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ค่อยๆ หยอดกระปุกไปนะครับ อย่าไปเร่งร้อน
อย่าไปคาดหมายว่าเป็นฆราวาสแล้ว จะต้องขยันให้ได้ทุกวัน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP