ก่อนเกิดเป็นดังตฤณ Dungtrin's Secret
ส่งแม่ขึ้นฟ้า
โดย ดังตฤณ
ผมเริ่มเขียนบรรทัดนี้ขณะอยู่ในห้องที่แม่นอนหลับ ยังมีลมหายใจ แต่เป็นที่รู้ว่าคงไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาคุยกับผมอีก แต่ไม่เป็นไร ผมพูดทุกคำที่อยากพูดกับแม่ไปหมดแล้ว ทำทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุดเพื่อแม่แล้ว เหลืออยู่ก็แค่รอส่งแม่ขึ้นฟ้าตามเวลาที่ร่างแม่ต้องการเท่านั้น
คนเรารู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนเป็น ก็เพราะเคยเห็นรอยยิ้มของแม่ เคยได้อยู่ในมือแม่ เคยได้อยู่ในอ้อมอกแม่ สัมผัสอบอุ่นละไมของแม่ช่วยพรากเราออกจากฝันร้ายและเสียงร้องไห้วกวน และทำให้เราโตขึ้นด้วยความเชื่อมั่นว่าจะวิ่งกลับไปหาฝันดีด้วยเสียงหัวเราะได้เสมอ
ช่วงแรกที่เริ่มรู้ความ ธรรมชาติไม่เปิดโอกาสให้เราจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับแม่ได้มากนัก เราต้องโตขึ้นอีกหน่อย ถึงตระหนักว่าแม่คือผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มเราเดินเล่น กลั่นน้ำนมให้เรากิน และให้กำเนิดเรามาลืมตาดูโลก
เมื่ออยู่กับแม่มาแต่เกิด คนเราอาจเฉื่อยชา หรือกระทั่งนึกคร้านกับการพยายามค้นหาความหมายของการมีแม่ สำหรับผมเองต้องรอเวลาผ่านไปยี่สิบปี ถึงค่อยซึ้งว่า ‘แม่’ มีความหมายอย่างไร
วันแห่งการรู้ซึ้งคือวันที่ผมตั้งใจเข้าป่า ปฏิบัติธรรมตามลำพัง โดยมีคุณพ่อคุณแม่พาไปส่งตรงเชิงเขา และจากจุดส่ง พวกท่านเห็นได้ชัดว่าผมกำลังจะเดินหน้าเข้าหาเขตรกร้างกว้างใหญ่ ที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยใดๆ ครั้งนั้นพอผมลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสมใจกับการได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ทั้งพ่อและแม่ก็พร้อมใจเหลียวมองด้วยสายตาห่วงใยรุนแรงอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นเป็นวาระแรกจริงๆที่ทำให้เข้าใจค่าของตัวเองว่ามีต่อพวกท่านเพียงใด ขณะเดียวกันก็ทำให้เข้าใจด้วยว่าพ่อแม่มีความหมายยิ่งกว่าคนที่เลี้ยงเราโต มาขนาดไหน
สายตาของแม่ที่รักเรานั้น สอนให้เรารักคนเป็น ห่วงใยคนเป็น แม่ผมมีลูกสี่คน รักลูกทุกคน ห่วงลูกทุกคน นั่นคงต้องแปลว่าลูกทุกคนมีบุญพอ จึงมาอาศัยท้องแม่เกิดได้ เพราะแม่เป็นแม่ ทั้งชีวิตผมกับพี่น้องจึงไม่กลับกลอกเป็นคนมีความฝังใจเลวร้าย ตรงข้าม จุดแห่งความอ่อนโยนในหัวใจจะคงอยู่ตลอดไป เพียงระลึกแล้วรู้ตัวว่ามีแม่ และแม่เราก็แสนดีเหมือนนางฟ้า
น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความเข้มแข็งน่ารัก ของแม่ผมไม่เหมือนใคร แค่คุณได้ยินครั้งแรกก็จะจำได้และรู้ว่าเป็นท่าน ผมมาเรียนรู้ว่าตัวเองรักและอยากฟังน้ำเสียงของแม่เพียงใด ก็เมื่อท่านไม่มีเสียงจะพูดเป็นศัพท์แสงเต็มปากเต็มคำเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ผมคาดว่าจะต้องเกิดขึ้น แล้วก็ได้เกิดขึ้นในที่สุด คือการมาอยู่ใกล้แม่ในช่วงสุดท้าย ไม่มีอะไรน่าเสียใจ เพราะก่อนไปท่านรู้ร่วมกับผมว่าเทวดามีจริง และท่านก็เที่ยงที่จะไปเป็นสหายแห่งเทวดาด้วยบุญอันทำไว้เพียงพอแล้ว
ระหว่างช่วงสุดท้ายของแม่ มีเวลาให้ครอบครัวเราบังเกิดปีติอย่างใหญ่หลายครั้ง ดังเช่นที่แม่เอาชนะความน่าหงุดหงิดทางกาย หันมาระบายยิ้มหวานด้วยใจที่พร้อมสละความเคยชินเดิมๆ สละความอาลัยในตัวตนเก่าๆ ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาจิตให้เป็นกุศลอย่างต่อเนื่อง นั่นคือสัญญาณบอกอย่างดี ว่าแม่จะสู้กับโรคร้ายโดยไม่ระย่อท้อ และแม่จะเอารางวัลใหญ่คือมหากุศลจิตในวาระแห่งการลาจากโลกนี้ไป
หรืออย่างเช่นที่พวกเราได้รับความกรุณาอย่างใหญ่หลวงจากพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช โดยท่านมาเทศน์โปรดแม่ถึงบ้านหนึ่งครั้ง และที่โรงพยาบาลอีกสามหน เมื่อครั้งหลวงพ่อไปที่บ้าน แม่ถึงกับลุกจากเตียงมาส่งท่านที่รถ แม้ช่วงนั้นแม่ลุกเดินลำบาก และเมื่อครั้งท่านไปที่โรงพยาบาล แม่ก็พยายามยกมือขึ้นพนมไหว้ท่าน แม้ช่วงนั้นแม่ขยับตัวแทบไม่ไหวแล้ว
วันที่นับว่าน่าปลาบปลื้มไม่มีอะไรเกิน คงได้แก่วันเสาร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ซึ่งในช่วงเช้าราวแปดโมงเศษ พวกลูกๆได้เปิดซีดีเทศนาธรรมของพระอาจารย์ปราโมทย์ให้แม่ฟัง ผมสังเกตเห็นแม่ตั้งใจฟังด้วยความเข้าอกเข้าใจ กับทั้งเกิดปีติซาบซึ้งในคำสอนของหลวงพ่อทุกคำ โดยเฉพาะที่ท่านกล่าวว่ากายนี้เป็นทุกข์ ใจนี้เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
หลังจากฟังเทศน์มาจนถึงเวลาประมาณเก้าโมง แม่เกิดความอึดอัดทางกาย กระทั่งรู้สึกเหมือนจะไปไม่รอด แม่ก็พยายามบอกเราถึงความปรารถนาครั้งสุดท้าย ซึ่งแม้จะออกมาไม่เป็นศัพท์เป็นคำเท่าใดนัก แต่ผมก็เดาถูกว่าแม่วานเรานิมนต์พระมาสวดให้ท่านฟัง เมื่อผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจและแม่พยักหน้ารับว่าเข้าใจถูกแล้ว ผมก็ต่อโทรศัพท์กราบนิมนต์หลวงพ่อปราโมทย์มาโปรดแม่ทันที ด้วยความที่ท่านคุ้นเคยกับแม่อยู่ก่อน และท่านก็เป็นครูบาอาจารย์องค์เดียวที่แม่นับถือ
หลวงพ่อปราโมทย์รับนิมนต์ โดยบอกว่าเมื่อเทศน์ญาติโยมเสร็จจะมาทันที ซึ่งผมประมาณเวลาไว้ว่าน่าจะสองชั่วโมงคงถึงโรงพยาบาล จึงมาบอกแม่ตามที่คิด ซึ่งแม่ก็ร้องด้วยความกลัวจะไม่ทัน แต่ผมมั่นใจว่าทัน จึงบอกท่านให้เย็นใจเถิด อย่าเพิ่ง ‘หลับ’ ลูกๆจะซื้อของเตรียมถวายสังฆทานให้แม่เอง
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแม่ อยากมีชีวิตอยู่ต่อ หลังจากทนถูกโรคร้ายทำทารุณมาระยะหนึ่ง แม่พยายามตั้งสติและมีกำลังใจข่มความเจ็บปวดเพื่อรอพระมาโปรด ซึ่งก็สัมฤทธิ์ผล หลวงพ่อปราโมทย์เดินทางมาถึงในเวลาสิบเอ็ดโมงสิบห้า แม่ลืมตาขึ้นเห็นพระด้วยสายตายินดี พวกเราไม่รอช้า จัดการให้แม่ได้ถวายสังฆทานโดยวิธียกถังไปถึงมือให้แม่แตะ แล้วจึงค่อยยกประเคนหลวงพ่อต่อจนครบทุกถัง
กำลังใจอยากมีชีวิต บวกกับการได้ทำบุญใหญ่สำเร็จ ประโลมให้แม่สงบเย็นลง และบังเกิดมหาโสมนัส ตื้นตันจนสะอึกสะอื้นออกมา พวกเราได้พบปาฏิหาริย์ของพลังชีวิตระลอกใหม่ แม่มีชีวิตต่อ สภาพแทบเป็นปกติราวกับไม่เคยป่วยไข้ แถมเช้าวันต่อมาหมอยังเอกซเรย์พบว่าน้ำในปอดลดลงไปกว่าครึ่ง ซึ่งนับว่าเหลือเชื่อจนต้องช่วยกันวินิจฉัย ว่าเหตุใดสถานการณ์จึงดีขึ้นได้ขนาดนั้น
วันถัดมาแม่พูดชัดขึ้น สิ่งที่พวกเราได้ยินจากปากท่านล้วนเกี่ยวข้องกับพระและธรรมะเย็นใจ แม่เล่าว่าฝันเห็นพระก็มาบอกว่าวันนี้วันพระนะ ซึ่งก็ตรงกับวันพระจริงๆ ผมโล่งอกและปราศจากความคลางแคลงอย่างสิ้นเชิง แม่จะไม่ไปแค่สวรรค์ แต่ต่อจากสวรรค์ยังมีวาสนาได้ฟังธรรมะจากพระผู้รู้ กับทั้งเป็นผู้ว่าง่ายต่ออริยเจ้าสืบไป
ดีแล้วที่มะเร็งเปิดโอกาสให้ เราเห็นใจและสั่งเสียกันนานหลายเดือน แม่ได้รู้ในช่วงสุดท้ายว่าค่าของท่านมีต่อพวกเรามากมายปานใด ก็ด้วยความจริงที่ทุกคนในครอบครัวพร้อมใจ พร้อมหน้าพร้อมตามาอยู่กับแม่ มาร่วมส่งแม่ขึ้นฟ้าจนวันสุดท้าย
วันแม่กำลังจะมาถึง แต่บางคนอาจยังไม่ถึงเวลาเข้าใจความหมายของการมีแม่ ขณะที่หลายคนน่าจะผ่านเวลานั้นมาแล้ว ซึ่งก็คงเห็นตรงกัน ว่าคนเราจะรู้ค่าของชีวิตตัวเองไม่ได้ ถ้ายังไม่รู้ค่าของผู้ให้กำเนิดชีวิตเราดีพอ
ตาแล แม่เรา ป่วยไข้
ด้วยใจ อยากป่วย แทนท่าน
ฝากฟ้า ดูแล แทนกัน
ในวัน แม่ข้า ลาดิน…
ดังตฤณ
สิงหาคม ๒๕๕๐
Next > |
---|